หวัดดีค่า ไม่คิดว่าวันนึงจะได้มารีวิวอะไรจริงจังแบบนี้ 555 แต่อยากลองเขียนดูค่ะ เรื่องมีอยู่ว่าปลายปีที่แล้วเราประสบอุบัติเหตุ
มอ’ไซค์ล้มที่เชียงใหม่ค่ะ หายซ่าเลย เพราะต้องรักษาตัวอยู่ รพ. หลายเดือน พอออกจากโรงบาล สิ่งที่ปวดใจที่สุดก็คือแผลเป็น
ความสยองนี้ T_T
เราก็ซุ่มลองอยู่นาน อะไรที่เค้าว่าดี จัดมาหมด บางอย่างก็มีเพื่อนแนะนำ เพื่อนซื้อมาเยี่ยม จากการลองใช้ก็มีทั้งที่ชอบและไม่ชอบ
วันนี้จะมาสรุปกันว่าที่สุดของการดูแลแผลเป็นสไตล์เรา มีอะไรบ้าง การดูแลผิวของเราจะเน้นทั้งภายนอก & ภายใน ค่ะ
ภายนอกจะใช้ครีมลดรอยแผลเป็นและโลชั่นสูตรลดรอยแผลเป็นโดยเฉพาะ ส่วนภายในจะทานวิตามินหลายตัวเลย
- Dragon’s Blood Scar Cream (ดรากอน บลัด สการ์ ครีม)
ตัวนี้ซื้อจากร้านขายยาค่ะ ตอนแรกลองหลอดเล็กก่อน รู้สึกว่าแผลดีขึ้น แต่ทาบ่อย เลยหมดไว ก็ซื้อหลอดใหญ่มาตุนอีกค่ะ
หลอดใหญ่ 15g ราคาประมาณ 350 ส่วนหลอดเล็ก 5g ประมาณ 150 ค่ะถ้าจำไม่ผิด
ครีมลดรอยแผลเป็นตัวนี้ มีสารสกัด 13 ชนิด ซึ่งที่เห็นบ่อย ๆ ก็จะมีพวก หอมหัวใหญ่ ใบบัวบก ว่านหางจระเข้ วิตามินอี มะขาม
และเชียบัตเตอร์ แต่ก็จะมีสารสกัดที่ไม่เคยเห็นในแบรนด์อื่นอย่าง ต้นเลือดมังกร ผักบุ้งทะเล และเมือกหอยทากฝรั่งเศสด้วยค่ะ
มีความน่าสนใจ ที่ซื้อมาลองก็เพราะเหตุนี้ โดยสามารถทาได้ทั้งหน้าและตัวค่ะ เนื้อครีมบางเบา ไม่มีสี ไม่มีกลิ่นค่ะ ธรรมชาติมากมาย
จากการใช้เป็นประจำ ครีมตัวนี้ช่วยสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูเรียบเนียน สม่ำเสมอขึ้น ที่สำคัญช่วยให้แผลเป็นนูนนิ่มลง
ลดอาการคันและให้ความชุ่มชื่นดีเลยค่ะ (ลองนึกภาพแผลแห้งแตก ๆ ดูนะคะ คือไม่ไหวจริงงง)
จากการลองใช้มาหลายตัวอันนี้คือตอบโจทย์ เพราะความชุ่มชื่นดีกว่าตัวอื่น ๆ และราคาน่าคบค่ะ
เพราะบอกตรง ๆ ว่าเราโบกหนักจริง เทคนิคการทาครีมหรือเจลลดรอยแผลเป็นของเราก็คือตอนทาให้นวด ๆ คลึง ๆ
และทาทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ ไม่ใช่แค่หลังอาบน้ำค่ะ เปลืองหน่อย แต่รับรองว่าหายไว
ตอนทาแรก ๆ โบกหนักกว่านี้ นี่ใกล้หายแล้วค่ะ 555
ก็เป็นครีมที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องราคา และผลลัพธ์ที่ได้ ประทับใจค่ะ ช่วยชีวิตเราได้เป็นอย่างดีเล้ย
- Smooth E Skin Therapie Moisturizing Lotion (สมูท อี สกิน เทอราพี โลชั่น)
โลชั่นตัวนี้เพื่อนแนะนำมาว่าดีงามม มีขายตามร้านขายยา วัตสัน ราคาประมาณ 3-4xx ไซส์ 200ML
สรรพคุณของนางก็คือ ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ลดเลือนรอยแห้ง แตกลาย รอยแผลเป็นและรอยหมองคล้ำ
อ่ะ ตอบโจทย์อีกละ ที่สำคัญนางอ่อนโยนนน เราไม่ค่อยเจอคนแพ้สมูทอีเลยนะ
เนื้อครีมจะเข้มข้น แต่ก็ซึมลงผิวง่ายนะคะ มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ แบบสมูทอีเลยแหละ
เราใช้หลังอาบน้ำ หลังทาครีมดรากอน บลัดเฉพาะจุดค่ะ เพราะถ้าเป็นรอยแผลเป็นเนี่ย
ใช้ครีมลดรอยแผลเป็นจะแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากกว่า ส่วนโลชั่นก็จะโบก ๆ ทั้งตัว
ใช้ได้ทั้งกลางวันกลางคืน ความชุ่มชื้นอันนี้ก็ดีขั้นสุดเหมือนกัน พวกจุดด่างดำบนตัวก็จางลงดี๊ดี เพราะตอนนอน รพ. คือผิวแห้งมากมาย
เปรียบเทียบเนื้อครีมค่ะ ซ้ายเป็นสมูท อี // ขวาเป็น ดรากอน บลัด
ต่อไปเป็นภายในค่า เรามีทานวิตามิน DHC สามแบบด้วยกัน ก็คือ วิตามินซี วิตามินอี และวิตามินบีรวม
เพราะจากการหาข้อมูล สามตัวนี้ช่วยเรื่องแผลเป็น และดีต่อผิวพรรณ ก็จัดเลยค่า
- DHC Vit C วิตามินซีเราเคยกินเมื่อนานมาแล้วเพื่อป้องกันหวัด กลับมากินอีกรอบเพราะอยากให้ช่วยเรื่องผิว
และรู้มาว่าช่วยดูดซึมวิตามินอื่นๆ ได้ดีด้วย อันนี้ทานวันละ 2 เม็ด หลังอาหารเช้าเย็นค่ะ
- DHC Vit E วิตามินอี ก็ช่วยเรื่องผิว รอยสิว ลดจุดด่างดำ แต่ที่เราเลือกทานเพราะได้ยินมาว่าช่วยเรื่องแผลเป็นหนานูน
และช่วยให้ผิวแห้งกร้านดูอ่อนเยาว์ (เคยอ่านรีวิวเค้าแนะนำให้ทานคู่วิตซีค่ะ) ทานวันละ 1 เม็ด
- DHC Vit B-MIX วิตามินบีรวม จะช่วยบำรุงผิว ช่วยแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ และช่วยรักษาแผลเป็นค่ะ
อันนี้เหมือนข้างซองจะบอกให้กินวันละ 2 เม็ด แต่เรากินแค่วันละ 1 เม็ด เพราะกลัวมันเกินขนาด กินพร้อมกันหลายตัวค่ะ
จากการกินวิตามินสามตัวนี้ ก็คือเห็นชัดเลยว่าผิวนุ่มลื่น ไม่ค่อยเป็นหวัด และนอนดึกตื่นเช้าก็ไม่เบลอ
คือนอกจากเรื่องผิวแล้วก็ได้เรื่องอื่นด้วย ดีงามพระรามเก้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และเราก็กิน ๆ ทา ๆ มาได้ระยะนึง นี่คือผลลัพธ์ที่ได้ค่ะ อาจจะไม่ได้หายดี ผิวสวย 100% แต่ก็ดีกว่าวันแรกมากค่ะ
ตอนนั้นจิตตกคือคิดว่าจะไม่หายแล้ว T_T ใช้เวลาไม่กี่เดือน คุ้มที่ทา ๆ โบก ๆ ทั้งวัน
ใครอยากนำเคล็ดลับไปใช้ก็ไม่สงวนสิทธิ์นะคะ หรือใครมีเคล็ดลับดี ๆ แชร์กันได้เลยย
[CR] แชร์เคล็ดลับลดรอยแผลเป็นง่าย ๆ ใช้งบหลักร้อย!
หวัดดีค่า ไม่คิดว่าวันนึงจะได้มารีวิวอะไรจริงจังแบบนี้ 555 แต่อยากลองเขียนดูค่ะ เรื่องมีอยู่ว่าปลายปีที่แล้วเราประสบอุบัติเหตุ
มอ’ไซค์ล้มที่เชียงใหม่ค่ะ หายซ่าเลย เพราะต้องรักษาตัวอยู่ รพ. หลายเดือน พอออกจากโรงบาล สิ่งที่ปวดใจที่สุดก็คือแผลเป็น
ความสยองนี้ T_T
เราก็ซุ่มลองอยู่นาน อะไรที่เค้าว่าดี จัดมาหมด บางอย่างก็มีเพื่อนแนะนำ เพื่อนซื้อมาเยี่ยม จากการลองใช้ก็มีทั้งที่ชอบและไม่ชอบ
วันนี้จะมาสรุปกันว่าที่สุดของการดูแลแผลเป็นสไตล์เรา มีอะไรบ้าง การดูแลผิวของเราจะเน้นทั้งภายนอก & ภายใน ค่ะ
ภายนอกจะใช้ครีมลดรอยแผลเป็นและโลชั่นสูตรลดรอยแผลเป็นโดยเฉพาะ ส่วนภายในจะทานวิตามินหลายตัวเลย
- Dragon’s Blood Scar Cream (ดรากอน บลัด สการ์ ครีม)
ตัวนี้ซื้อจากร้านขายยาค่ะ ตอนแรกลองหลอดเล็กก่อน รู้สึกว่าแผลดีขึ้น แต่ทาบ่อย เลยหมดไว ก็ซื้อหลอดใหญ่มาตุนอีกค่ะ
หลอดใหญ่ 15g ราคาประมาณ 350 ส่วนหลอดเล็ก 5g ประมาณ 150 ค่ะถ้าจำไม่ผิด
ครีมลดรอยแผลเป็นตัวนี้ มีสารสกัด 13 ชนิด ซึ่งที่เห็นบ่อย ๆ ก็จะมีพวก หอมหัวใหญ่ ใบบัวบก ว่านหางจระเข้ วิตามินอี มะขาม
และเชียบัตเตอร์ แต่ก็จะมีสารสกัดที่ไม่เคยเห็นในแบรนด์อื่นอย่าง ต้นเลือดมังกร ผักบุ้งทะเล และเมือกหอยทากฝรั่งเศสด้วยค่ะ
มีความน่าสนใจ ที่ซื้อมาลองก็เพราะเหตุนี้ โดยสามารถทาได้ทั้งหน้าและตัวค่ะ เนื้อครีมบางเบา ไม่มีสี ไม่มีกลิ่นค่ะ ธรรมชาติมากมาย
จากการใช้เป็นประจำ ครีมตัวนี้ช่วยสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูเรียบเนียน สม่ำเสมอขึ้น ที่สำคัญช่วยให้แผลเป็นนูนนิ่มลง
ลดอาการคันและให้ความชุ่มชื่นดีเลยค่ะ (ลองนึกภาพแผลแห้งแตก ๆ ดูนะคะ คือไม่ไหวจริงงง)
จากการลองใช้มาหลายตัวอันนี้คือตอบโจทย์ เพราะความชุ่มชื่นดีกว่าตัวอื่น ๆ และราคาน่าคบค่ะ
เพราะบอกตรง ๆ ว่าเราโบกหนักจริง เทคนิคการทาครีมหรือเจลลดรอยแผลเป็นของเราก็คือตอนทาให้นวด ๆ คลึง ๆ
และทาทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ ไม่ใช่แค่หลังอาบน้ำค่ะ เปลืองหน่อย แต่รับรองว่าหายไว
ตอนทาแรก ๆ โบกหนักกว่านี้ นี่ใกล้หายแล้วค่ะ 555
ก็เป็นครีมที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องราคา และผลลัพธ์ที่ได้ ประทับใจค่ะ ช่วยชีวิตเราได้เป็นอย่างดีเล้ย
- Smooth E Skin Therapie Moisturizing Lotion (สมูท อี สกิน เทอราพี โลชั่น)
โลชั่นตัวนี้เพื่อนแนะนำมาว่าดีงามม มีขายตามร้านขายยา วัตสัน ราคาประมาณ 3-4xx ไซส์ 200ML
สรรพคุณของนางก็คือ ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ลดเลือนรอยแห้ง แตกลาย รอยแผลเป็นและรอยหมองคล้ำ
อ่ะ ตอบโจทย์อีกละ ที่สำคัญนางอ่อนโยนนน เราไม่ค่อยเจอคนแพ้สมูทอีเลยนะ
เนื้อครีมจะเข้มข้น แต่ก็ซึมลงผิวง่ายนะคะ มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ แบบสมูทอีเลยแหละ
เราใช้หลังอาบน้ำ หลังทาครีมดรากอน บลัดเฉพาะจุดค่ะ เพราะถ้าเป็นรอยแผลเป็นเนี่ย
ใช้ครีมลดรอยแผลเป็นจะแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากกว่า ส่วนโลชั่นก็จะโบก ๆ ทั้งตัว
ใช้ได้ทั้งกลางวันกลางคืน ความชุ่มชื้นอันนี้ก็ดีขั้นสุดเหมือนกัน พวกจุดด่างดำบนตัวก็จางลงดี๊ดี เพราะตอนนอน รพ. คือผิวแห้งมากมาย
เปรียบเทียบเนื้อครีมค่ะ ซ้ายเป็นสมูท อี // ขวาเป็น ดรากอน บลัด
ต่อไปเป็นภายในค่า เรามีทานวิตามิน DHC สามแบบด้วยกัน ก็คือ วิตามินซี วิตามินอี และวิตามินบีรวม
เพราะจากการหาข้อมูล สามตัวนี้ช่วยเรื่องแผลเป็น และดีต่อผิวพรรณ ก็จัดเลยค่า
- DHC Vit C วิตามินซีเราเคยกินเมื่อนานมาแล้วเพื่อป้องกันหวัด กลับมากินอีกรอบเพราะอยากให้ช่วยเรื่องผิว
และรู้มาว่าช่วยดูดซึมวิตามินอื่นๆ ได้ดีด้วย อันนี้ทานวันละ 2 เม็ด หลังอาหารเช้าเย็นค่ะ
- DHC Vit E วิตามินอี ก็ช่วยเรื่องผิว รอยสิว ลดจุดด่างดำ แต่ที่เราเลือกทานเพราะได้ยินมาว่าช่วยเรื่องแผลเป็นหนานูน
และช่วยให้ผิวแห้งกร้านดูอ่อนเยาว์ (เคยอ่านรีวิวเค้าแนะนำให้ทานคู่วิตซีค่ะ) ทานวันละ 1 เม็ด
- DHC Vit B-MIX วิตามินบีรวม จะช่วยบำรุงผิว ช่วยแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ และช่วยรักษาแผลเป็นค่ะ
อันนี้เหมือนข้างซองจะบอกให้กินวันละ 2 เม็ด แต่เรากินแค่วันละ 1 เม็ด เพราะกลัวมันเกินขนาด กินพร้อมกันหลายตัวค่ะ
จากการกินวิตามินสามตัวนี้ ก็คือเห็นชัดเลยว่าผิวนุ่มลื่น ไม่ค่อยเป็นหวัด และนอนดึกตื่นเช้าก็ไม่เบลอ
คือนอกจากเรื่องผิวแล้วก็ได้เรื่องอื่นด้วย ดีงามพระรามเก้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และเราก็กิน ๆ ทา ๆ มาได้ระยะนึง นี่คือผลลัพธ์ที่ได้ค่ะ อาจจะไม่ได้หายดี ผิวสวย 100% แต่ก็ดีกว่าวันแรกมากค่ะ
ตอนนั้นจิตตกคือคิดว่าจะไม่หายแล้ว T_T ใช้เวลาไม่กี่เดือน คุ้มที่ทา ๆ โบก ๆ ทั้งวัน
ใครอยากนำเคล็ดลับไปใช้ก็ไม่สงวนสิทธิ์นะคะ หรือใครมีเคล็ดลับดี ๆ แชร์กันได้เลยย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้