47891102300
คงไม่มีบทเปรียบเทียบใดดีไปกว่าคำกล่าวในนิราศนี้ เห็นเป็นจริงแท้ทุกประการ...
ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน ผมและแฟน ต้องใช้คำนี้”แฟน”เพราะสถานะของผมและเธอต่างมีพันธะผูกพันกันทั้งสองฝ่าย(ไม่ได้จดทะเบียนหรือมีสัญญาผูกพันใดๆต่อกัน) การซื้อบ้านเริ่มจากความต้องการของผม โดยที่มีเธอเป็นผู้คอยช่วยเหลือ ทำการยื่นเรื่องต่างๆจนผ่านพ้นได้รับพิจารณาอนุมัติสินเชื่อจากSCBเป็นที่เรียบร้อยในวงเงิน4,234,035฿โดยให้มีผู้กู้หลัก(ตัวผม)และผู้กู้ร่วมคือเธอคนนั้น เวลาผ่านไปไม่นานความสัมพันธ์นั้นก็ขาดสะบั้นอย่างไม่สามารถญาติดีต่อกันได้ ปัญหาเกิดขึ้นทันที่ ผมเกิดความยากลำบากอย่างที่สุดในการติดต่อร้องขอเอกสารต่างๆของเธอ และที่สำคัญในการลงนามต่างๆที่ต้องอาศัยบุคคลทั้งสองมาร่วมลงนามยิ่งเป็นไปได้ยากมากถึงไม่มีโอกาสเป็นไปได้ ผมพยายามทำทุกวิธีทาง สอบถามทางธนาคารสาขาที่ดูแลบัญชีกู้อยู่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล แต่เมื่อดูเอกสารเนื้อความอนุมัติเมื่อคราวแรกก็ได้ความว่าตัวผมเองเป็นผู้มีความสามารถกู้ได้ผ่านตามลำพังโดยไม่ต้องอาศัยผูกู้ร่วม และข้อมูลรายละเอียดของผู้กู้ร่วมที่ธนาคารตรวจสอบแล้วก็ยืนยันว่าฝ่ายหญิงไม่มีความมันคงทางสถานะการงานและเงิน ที่จะเอื้อประโยชน์ช่วยผู้กู้หลักได้ แต่ข้อมูลนี้ไม่เคยล่วงรู้ถึงผมเลย จนเป็นเหตุผลให้การทำสัญญาเงินกู้และผู้ถือกรรมสิทธิ์มีเธออยู่ด้วย มีเจ้าหน้าที่บางท่านให้จ้อแนะนำว่าเคยมีกรณีเช่นนี้และทำเรื่องถอดถอนผู้กู้ร่วมออกไปได้ แต่เมื่อส่งเรื่องไปให้ฝ่ายที่อนุมัติในคราวแรกบุคคลท่านนั่นให้ทำเรื่องยื่นกู้เข้ามาใหม่ทั้งหมดโดยไม่ยอมเปลี่ยนแปลงหรือช่วยเหลือใดๆ การทำเรื่องเข้าไปใหม่ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะระยะเวลาที่ผ่านมา3ปีสถานะภาพทางการงานผมมีการเปลี่ยนไปเอกสารหลายตัวไม่สามารถหามายื่นประกอบการขอกู้ได้แล้ว แต่สถานะทางด้านการเงินยังคงสภาพปรกติตรวจสอบจากสเตทเม้นที่มีเงินหมุ่นเวียนในบัญชีของSCBที่ผมใช้อยู่เพียงบัญชีเดียว พร้อมกับการผ่อนชำระค่างวดก็เป็นการตัดผ่านระบบบัญชีอัตโนมัติทุกรอบเดือนผ่านบัญชีของผมนี้ ประการต่อมาคือหากธนาคารให้ผมทำเรื่องกูใหม่บ้านนี้จะถูกคิดอัตตราดอกเบี้ยแบบบ้านมือสองทันทีซึ่งไม่เป็นธรรมต่อผมเลย หรือหนักกว่าคือธนาคารให้ผมหาเงินมาปิด เงินอีกสามล้านกว่านะครับไม่ใช่สามร้อย จะรีไฟแนนซ์ก็ทำไม่ได้ติดเอกสารประกอบผู้กู้ร่วม ธนาคารไม่ช่วยเหลือผมและให้ผมเผชิญปัญหานี้เพียงลำพังทั้งๆที่เรื่องนี้จะไม่เกิดเลยถ้าธนาคารไม่ดึงเอาผู้หญิงคนนี้มากู้ร่วมกับผมเพียงเพราะประโยชน์ของธนาคารเอง ผมเป็นลูกหนี้ที่คงรักษาคำมั่นสัญญาและเที่ยงตรงตลอดมา ผมกลุ่มใจครับและเสียใจกับการตัดสินใจและความสะเพร่าไม่ตรวจสอบรายละเอียดต่างๆให้ถี่ถ้วนเสียก่อน มาตอนนี้ผมมืดสิบด้านแล้วครับ ไม่รู้จะไปต่ออย่างไร ภาระหนี้สินนี้ก็ต้องหา แล้วยังจะปัญหานี้ที่ขวางหน้าอีกท้อครับ ความคิดสุดท้ายของผมหากมันยากมากผมจะเผาบ้านทิ้งและยอมเป็นผู้ล้มละลายไปครับ คงจะสมใจธนาคารแห่งแรกของสยามประเทศ.
ความว่ายามรัก แต่น้ำผักต้มขมชมว่าหวาน ครั้นจืดจางห่างเหินไปเนิ่นนาน แต่น้ำตาลก็ว่าเปรี้ยวไม่เหลียวแลฯ
คงไม่มีบทเปรียบเทียบใดดีไปกว่าคำกล่าวในนิราศนี้ เห็นเป็นจริงแท้ทุกประการ...
ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน ผมและแฟน ต้องใช้คำนี้”แฟน”เพราะสถานะของผมและเธอต่างมีพันธะผูกพันกันทั้งสองฝ่าย(ไม่ได้จดทะเบียนหรือมีสัญญาผูกพันใดๆต่อกัน) การซื้อบ้านเริ่มจากความต้องการของผม โดยที่มีเธอเป็นผู้คอยช่วยเหลือ ทำการยื่นเรื่องต่างๆจนผ่านพ้นได้รับพิจารณาอนุมัติสินเชื่อจากSCBเป็นที่เรียบร้อยในวงเงิน4,234,035฿โดยให้มีผู้กู้หลัก(ตัวผม)และผู้กู้ร่วมคือเธอคนนั้น เวลาผ่านไปไม่นานความสัมพันธ์นั้นก็ขาดสะบั้นอย่างไม่สามารถญาติดีต่อกันได้ ปัญหาเกิดขึ้นทันที่ ผมเกิดความยากลำบากอย่างที่สุดในการติดต่อร้องขอเอกสารต่างๆของเธอ และที่สำคัญในการลงนามต่างๆที่ต้องอาศัยบุคคลทั้งสองมาร่วมลงนามยิ่งเป็นไปได้ยากมากถึงไม่มีโอกาสเป็นไปได้ ผมพยายามทำทุกวิธีทาง สอบถามทางธนาคารสาขาที่ดูแลบัญชีกู้อยู่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล แต่เมื่อดูเอกสารเนื้อความอนุมัติเมื่อคราวแรกก็ได้ความว่าตัวผมเองเป็นผู้มีความสามารถกู้ได้ผ่านตามลำพังโดยไม่ต้องอาศัยผูกู้ร่วม และข้อมูลรายละเอียดของผู้กู้ร่วมที่ธนาคารตรวจสอบแล้วก็ยืนยันว่าฝ่ายหญิงไม่มีความมันคงทางสถานะการงานและเงิน ที่จะเอื้อประโยชน์ช่วยผู้กู้หลักได้ แต่ข้อมูลนี้ไม่เคยล่วงรู้ถึงผมเลย จนเป็นเหตุผลให้การทำสัญญาเงินกู้และผู้ถือกรรมสิทธิ์มีเธออยู่ด้วย มีเจ้าหน้าที่บางท่านให้จ้อแนะนำว่าเคยมีกรณีเช่นนี้และทำเรื่องถอดถอนผู้กู้ร่วมออกไปได้ แต่เมื่อส่งเรื่องไปให้ฝ่ายที่อนุมัติในคราวแรกบุคคลท่านนั่นให้ทำเรื่องยื่นกู้เข้ามาใหม่ทั้งหมดโดยไม่ยอมเปลี่ยนแปลงหรือช่วยเหลือใดๆ การทำเรื่องเข้าไปใหม่ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะระยะเวลาที่ผ่านมา3ปีสถานะภาพทางการงานผมมีการเปลี่ยนไปเอกสารหลายตัวไม่สามารถหามายื่นประกอบการขอกู้ได้แล้ว แต่สถานะทางด้านการเงินยังคงสภาพปรกติตรวจสอบจากสเตทเม้นที่มีเงินหมุ่นเวียนในบัญชีของSCBที่ผมใช้อยู่เพียงบัญชีเดียว พร้อมกับการผ่อนชำระค่างวดก็เป็นการตัดผ่านระบบบัญชีอัตโนมัติทุกรอบเดือนผ่านบัญชีของผมนี้ ประการต่อมาคือหากธนาคารให้ผมทำเรื่องกูใหม่บ้านนี้จะถูกคิดอัตตราดอกเบี้ยแบบบ้านมือสองทันทีซึ่งไม่เป็นธรรมต่อผมเลย หรือหนักกว่าคือธนาคารให้ผมหาเงินมาปิด เงินอีกสามล้านกว่านะครับไม่ใช่สามร้อย จะรีไฟแนนซ์ก็ทำไม่ได้ติดเอกสารประกอบผู้กู้ร่วม ธนาคารไม่ช่วยเหลือผมและให้ผมเผชิญปัญหานี้เพียงลำพังทั้งๆที่เรื่องนี้จะไม่เกิดเลยถ้าธนาคารไม่ดึงเอาผู้หญิงคนนี้มากู้ร่วมกับผมเพียงเพราะประโยชน์ของธนาคารเอง ผมเป็นลูกหนี้ที่คงรักษาคำมั่นสัญญาและเที่ยงตรงตลอดมา ผมกลุ่มใจครับและเสียใจกับการตัดสินใจและความสะเพร่าไม่ตรวจสอบรายละเอียดต่างๆให้ถี่ถ้วนเสียก่อน มาตอนนี้ผมมืดสิบด้านแล้วครับ ไม่รู้จะไปต่ออย่างไร ภาระหนี้สินนี้ก็ต้องหา แล้วยังจะปัญหานี้ที่ขวางหน้าอีกท้อครับ ความคิดสุดท้ายของผมหากมันยากมากผมจะเผาบ้านทิ้งและยอมเป็นผู้ล้มละลายไปครับ คงจะสมใจธนาคารแห่งแรกของสยามประเทศ.