Hereditary (2018) - Ari Aster
Cast: Toni Collette, Milly Shapiro, Gabriel Byrne, Alex Wolff
วายป่วงด้วยโรคร้ายจากกรรมพันธุ์หรือโชคชะตา?
.
Hereditary เปิดฉากมาด้วยพิธีศพเรียบง่ายของคุณยายผู้ล่วงลับจากไป ซึ่งเป็นการปูเรื่องโศกนาฏกรรมนี้คร่าวๆก่อนที่จะบอกเล่าเรื่องราวความวายป่วงของครอบครัวนี้ให้เราได้ประสาทหลอนไปพร้อมๆกัน เมื่อความตายของคุณยายนั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติตามความโรยราของมนุษย์ทั่วไป แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะสมาชิกของครอบครัวนี้แต่ละคนที่ล่วงลับไปกลับล้มหายตายจากด้วยโรคร้ายและความผิดปกติบางอย่างที่เหมือนๆกัน ราวกับว่าเป็นการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ประหลาดจากรุ่นสู่รุ่นที่ยากจะเลี่ยงได้
.
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังผีตุ๊งแช่อย่างที่หลายคนอาจคาดเดากันไว้ แต่เป็นหนังที่เล่นกับจิตใจคนดูให้สับสน ร้อนรน และเขย่าประสาทจนเราต้องอุทานด้วย F word ออกมาหลายรอบมาก เพราะถือเป็นประสบการณ์การดูหนังที่คาดเดาอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ให้อารมณ์เหมือนดูหนังเรื่อง The Shining (1980) หรือ The Witch (2015) ที่ไม่ใช่การเล่าเรื่องผีหลอกหลอนให้นอนไม่หลับ แต่เป็นการที่หนังพาเราไปอยู่กับความสับสนงุนงงกับความลับประหลาดของต้นตระกูลที่น่ากลัวและหลอนกว่าโดนผีหลอกเป็นไหนๆ นอกจากนั้นการแสดงที่เดือดสุดขีดของผู้เป็นแม่อย่าง Annie (Toni Collette) ถือเป็นหัวใจสำคัญของเรื่องที่พีคมากๆ ไม่ว่าจะแววตา สีหน้า ท่าทาง มันแทบจะทำให้เรามองทะลุไปถึงความแตกกระเจิงไร้ทิศทางในจิตใจของเธอได้อย่างชัดเจนและหมดจด กราบฝีมือการแสดงของเธอมากๆ จนถึงตอนนี้เรายังหลอนหน้าเธออยู่เลย
.
และสิ่งหนึ่งที่เราชอบมากๆสำหรับ Hereditary คือการตั้งชื่อเรื่องที่แสนจะย้อนแย้งกับตัวเรื่องเองนี่ล่ะ เพราะดูเหมือนจะเป็นการตั้งชื่อเรื่องได้อย่างวิทยาศาสตร์จ๋าสุดๆกับการกล่าวอ้างถึง "กรรมพันธุ์" แต่ตัวเรื่องกับนำเสนอออกมาด้วยวิธีเร้นลับเหนือธรรมชาติกำหนด เพราะมันเป็นการตั้งคำถามถึง "โชคชะตา" ตลอดเวลา เราจะเห็นได้จากช่วงที่ลูกชายคนโตของบ้านอย่าง Peter (Alex Wolff) นั่งเรียนอยู่ โดยอาจารย์ผู้สอนได้กล่าวถึงตำนานโศกนาฏกรรมกรีกที่เกิดขึ้นระหว่าง Agamemnon ผู้เป็นพ่อที่ฆ่าลูกสาวอย่าง Iphigenia ว่าแท้จริงแล้วแม้ Agamemnon จะไม่อยากทำ แต่เขานั้นไม่อาจหลีกหนีโชคชะตาของตัวเองได้ เราถึงมองย้อนกลับมาถึงการตั้งชื่อเรื่องอย่างย้อนแย้งว่าโรคร้ายและความวายป่วงที่เกิดขึ้นของครอบครัวนี้นั้นเกิดขึ้นเพราะถูกถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ หรือถูกโชคชะตาลิขิตไว้ให้เป็นเช่นนั้นกันแน่ ซึ่งเรามองว่าหนังหยิบเอาแกนหลักเรื่องครอบครัวต้องคำสาปอันแสนจะเก่าแก่มานำเสนอและเรียบเรียงได้อย่างทันสมัย เหมาะจะเรียกได้ว่าเป็น Modern Tragedy ที่แท้จริง
.
เราคิดว่านี่อาจจะเป็นหนังที่หลอกหลอนและปั่นหัวใครหลายๆคนได้แน่นอน แต่ไม่ใช่ด้วยการโผล่มาของผีตนไหน แต่เป็นการเล่าเรื่องแสนเก๋ที่เราไม่อาจจับทางได้ไล่ทันเลยแม้แต่วินาทีเดียว
[CR] [Review] Hereditary (2018) - วายป่วงด้วยโรคร้ายจากกรรมพันธุ์หรือโชคชะตา?
Hereditary (2018) - Ari Aster
Cast: Toni Collette, Milly Shapiro, Gabriel Byrne, Alex Wolff
วายป่วงด้วยโรคร้ายจากกรรมพันธุ์หรือโชคชะตา?
.
Hereditary เปิดฉากมาด้วยพิธีศพเรียบง่ายของคุณยายผู้ล่วงลับจากไป ซึ่งเป็นการปูเรื่องโศกนาฏกรรมนี้คร่าวๆก่อนที่จะบอกเล่าเรื่องราวความวายป่วงของครอบครัวนี้ให้เราได้ประสาทหลอนไปพร้อมๆกัน เมื่อความตายของคุณยายนั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติตามความโรยราของมนุษย์ทั่วไป แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะสมาชิกของครอบครัวนี้แต่ละคนที่ล่วงลับไปกลับล้มหายตายจากด้วยโรคร้ายและความผิดปกติบางอย่างที่เหมือนๆกัน ราวกับว่าเป็นการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ประหลาดจากรุ่นสู่รุ่นที่ยากจะเลี่ยงได้
.
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังผีตุ๊งแช่อย่างที่หลายคนอาจคาดเดากันไว้ แต่เป็นหนังที่เล่นกับจิตใจคนดูให้สับสน ร้อนรน และเขย่าประสาทจนเราต้องอุทานด้วย F word ออกมาหลายรอบมาก เพราะถือเป็นประสบการณ์การดูหนังที่คาดเดาอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ให้อารมณ์เหมือนดูหนังเรื่อง The Shining (1980) หรือ The Witch (2015) ที่ไม่ใช่การเล่าเรื่องผีหลอกหลอนให้นอนไม่หลับ แต่เป็นการที่หนังพาเราไปอยู่กับความสับสนงุนงงกับความลับประหลาดของต้นตระกูลที่น่ากลัวและหลอนกว่าโดนผีหลอกเป็นไหนๆ นอกจากนั้นการแสดงที่เดือดสุดขีดของผู้เป็นแม่อย่าง Annie (Toni Collette) ถือเป็นหัวใจสำคัญของเรื่องที่พีคมากๆ ไม่ว่าจะแววตา สีหน้า ท่าทาง มันแทบจะทำให้เรามองทะลุไปถึงความแตกกระเจิงไร้ทิศทางในจิตใจของเธอได้อย่างชัดเจนและหมดจด กราบฝีมือการแสดงของเธอมากๆ จนถึงตอนนี้เรายังหลอนหน้าเธออยู่เลย
.
และสิ่งหนึ่งที่เราชอบมากๆสำหรับ Hereditary คือการตั้งชื่อเรื่องที่แสนจะย้อนแย้งกับตัวเรื่องเองนี่ล่ะ เพราะดูเหมือนจะเป็นการตั้งชื่อเรื่องได้อย่างวิทยาศาสตร์จ๋าสุดๆกับการกล่าวอ้างถึง "กรรมพันธุ์" แต่ตัวเรื่องกับนำเสนอออกมาด้วยวิธีเร้นลับเหนือธรรมชาติกำหนด เพราะมันเป็นการตั้งคำถามถึง "โชคชะตา" ตลอดเวลา เราจะเห็นได้จากช่วงที่ลูกชายคนโตของบ้านอย่าง Peter (Alex Wolff) นั่งเรียนอยู่ โดยอาจารย์ผู้สอนได้กล่าวถึงตำนานโศกนาฏกรรมกรีกที่เกิดขึ้นระหว่าง Agamemnon ผู้เป็นพ่อที่ฆ่าลูกสาวอย่าง Iphigenia ว่าแท้จริงแล้วแม้ Agamemnon จะไม่อยากทำ แต่เขานั้นไม่อาจหลีกหนีโชคชะตาของตัวเองได้ เราถึงมองย้อนกลับมาถึงการตั้งชื่อเรื่องอย่างย้อนแย้งว่าโรคร้ายและความวายป่วงที่เกิดขึ้นของครอบครัวนี้นั้นเกิดขึ้นเพราะถูกถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ หรือถูกโชคชะตาลิขิตไว้ให้เป็นเช่นนั้นกันแน่ ซึ่งเรามองว่าหนังหยิบเอาแกนหลักเรื่องครอบครัวต้องคำสาปอันแสนจะเก่าแก่มานำเสนอและเรียบเรียงได้อย่างทันสมัย เหมาะจะเรียกได้ว่าเป็น Modern Tragedy ที่แท้จริง
.
เราคิดว่านี่อาจจะเป็นหนังที่หลอกหลอนและปั่นหัวใครหลายๆคนได้แน่นอน แต่ไม่ใช่ด้วยการโผล่มาของผีตนไหน แต่เป็นการเล่าเรื่องแสนเก๋ที่เราไม่อาจจับทางได้ไล่ทันเลยแม้แต่วินาทีเดียว
ภวังค์หนัง https://www.facebook.com/iLostinfilms/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้