แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ บอกชัดว่า ตอนที่ “ปิ่น ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์ ผู้จัดละครแห่งค่ายทีวีซีน ชวนให้รับบท “แมงเม่า” ผู้เป็น “เจ้าตัวดี” ของเจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข ในละคร “หนึ่งด้าวฟ้าเดียว” โดยให้ข้อมูลว่านี่จะเป็นละครซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมวาระ 25 ปีของบริษัท เป็นละครพีเรียดที่พูดถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา ใจเธอก็โอนเอียงไปหา แล้วสุดท้ายก็ตอบรับ
“เคยดูละครพีเรียดของทีวีซีนที่เป็นแบบพีเรียดมาแล้ว รู้สึกว่าทุกอย่างดูละเมียดละไม ก็อยากเห็นตัวเองในพีเรียดแบบนี้ พีเรียดที่ลึกๆ”
“หลายคนอาจจะติดภาพที่แต้วเล่นพีเรียด แล้วทำไมรับอีกแล้ว อะไรอย่างนี้ แต่เอาจริงๆ ไม่เคยเล่นอะไรที่แบบว่าลึก เป็นอยุธยาขนาดนี้ ก็อยากลองดู”
ในเรื่องซึ่งแฟนๆ คงเห็นแล้วว่าเจ้าแมงเม่านั้นเชี่ยวชาญด้านกลบทขนาดไหน หากในชีวิตจริง แต้วซึ่งพยายามทำความเข้าใจเรื่องนี้ เพื่อจะได้เล่นได้เนียน ให้คนดูดูแล้วอิน สารภาพว่า แม้จะพยายามดังที่บอก แต่ “ถามว่าเข้าใจไหม ก็ยังไม่เข้าใจ มันยากมากเลยอ่ะค่ะ”
กับบทที่ได้รับ ซึ่งค่อนข้างเหมือนตัวจริง ตรงที่ “ไม่ได้มีความเป็นผู้หญิงมาก” หากแต้วก็ว่าแรกๆ นั้นมีความกังวลใจให้อยู่
“ด้วยความที่ตามอายุแต้วโตกว่าเจมส์ แต่ต้องเล่นเป็นเด็กกว่า คนจะเชื่อไหม แล้วไม่รู้ว่าแค่ไหนจะแบบพอดี ประมาณนี้คือเด็กหรือยัง หรือว่าจะเยอะไป”
ก่อนจะพบว่าพอเข้าฉากแสดงจริง เจมส์ก็สร้างแคแร็กเตอร์ตัวละครที่เขารับให้ออกมาขรึมๆ ทุกอย่างจึงพอไปได้ จนนางเอกวัย 29 ปีคลายกังวล
แต้วที่
อยู่ในวงการบันเทิงมานานถึง 12 ปีบอกอีกว่า ถึงตอนนี้เวลาที่มีงานมาเสนอ เธอต้องขอคิดมากขึ้นอีกนิดหนึ่ง
“ก็อยู่นานแล้วเนอะ” บอกพลางยิ้มหวาน
“ก็
อยากเล่นอะไรที่เราอยากให้ใจไปมากๆ เต็มๆ เพราะที่ผ่านมางานไหนที่เรารู้สึกว่ารักจริงๆ เราจะทุ่มเทไปได้เต็มที่ แล้วประสบการณ์ที่มากขึ้น มันสวนทางกับสภาพร่างกาย เพราะฉะนั้นก็อยากได้ชิ้นงานที่จะทำให้เราฮึดและใส่ใจไปได้เต็มที่”
ส่วนวิธีการเลือกน่ะหรือ? “ไม่ได้มีลิสต์ เช็กๆๆๆ อะไรแบบนี้นะคะ” นางเอกคนสวยอธิบายพลางหัวเราะร่วน
“แต่เหมือนเราดูแล้วมีอะไรบางอย่างกระทบใจเราไหม หรือมองเห็นว่าเราจะสนุกกับมันไปได้ยังไง แค่นี้ละค่ะ”
และถ้าให้อธิบายเพิ่ม เธอก็ว่า อย่าง
“รากนครา” “เราอินกับความเสียสละของผู้หญิงคนนี้ และก็อยากเห็นตัวเองเข้าไปอยู่ในยุคหนึ่ง ที่เหมือนกับเราต้องฝ่าฟันเพื่ออิสรภาพของบ้านเมือง”
ขณะเดียวกันการได้ทำงานกับอ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ที่เธอชื่นชม ก็เป็นอีกเหตุผล
ส่วน “หนึ่งด้าวฟ้าเดียว” “
เราก็อยากสวิตช์ตัวเองมาอยู่ในยุคนั้น เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่รู้ชะตาตัวเอง ว่าวันหนึ่งบ้านเมืองจะล่มไป”
ขณะเดียวกันการทำงานกับทีวีซีนก็สร้างความเชื่อมั่นว่าผลงานจะออกมาดี
กับงานที่มักจะได้เสียงชื่นชมมาตลอดนั้น แต้วบอกว่า เธอเองก็ชื่นใจ อย่างไรก็ตาม ลึกๆ แล้ว บางครั้งก็รู้สึกเหมือนตัวเองจะตันๆ บ้าง
“มีบ้างเหมือนกันนะคะ คือการเป็นนักแสดง เราต้องหาแก่นของตัวละครแต่ละตัว และทำให้มันต่างกัน แต่บางทีก็มีที่เราเผลอเอาความคิดเดิมๆ ที่เราเคยเจอกับตัวละครอื่นมาใช้ ซึ่งมันก็ไม่ดีกับการเป็นนักแสดง”
“แล้วบางทีเราก็ยังไม่มีแรงบันดาลใจใหม่ๆ ทำให้รู้สึกเหมือนยิ่งอยู่ตรงนี้ก็ยิ่งยากในการที่จะต้องพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ แต่มันก็ต้องทำ”
แต่เดี๋ยวก่อน พูดอย่างนี้ไม่ได้แปลว่าคิดจะหยุด หรือเลิกนะ เพราะนั่นเป็นแค่ “บางที” ขณะที่โดยรวม “แฮปปี้นะคะ”
เพราะเสน่ห์ของการเป็นนักแสดงคือ ทุกซีน ทุกอะไรที่เราเข้า มันจะไม่มีอะไรที่เหมือนเดิม เราต้องไปเจอสถานการณ์ใหม่ๆ ของตัวละครตัวนั้น ณ ตอนนั้น ที่อยู่กับใครบางคน เป็นความตื่นเต้น ท้าทาย ที่เจอทุกวัน และก็จะตื่นเต้นทุกครั้งที่จะไปถ่ายละคร ถึงจะเล่นมากี่สิบปีแล้วก็ตาม”
เรื่องจะหยุด จะเลิก จะถอย จึงไม่อยู่ในสารบบความคิด
“เหมือนกับยังมีโอกาสที่เราถูกหยิบยื่นอยู่ แล้วเราก็ยังมีความพยายามที่จะทำให้ออกมาดี”
แต่
เรื่องความวาดหวังว่าจะทำไปถึงไหน และหยุดที่จุดใด-นั่นก็ไม่เคยคิด แต้วบอก
“รู้สึกว่ามันเป็นอนาคต ที่ถึงเราจะคาดหวัง แต่มันก็อาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น 100% เพราะฉะนั้น ไม่รู้จะคาดหวังอะไร ทำไม หวังไปก็แค่หวัง แค่คิด แต่มันอยู่ที่เราทำ เราพร้อมจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงอะไรที่เรายังรู้สึกว่าเราต้องแก้ไขไหม”
“แล้วมันไม่ใช่แค่คิดแล้ว จะเปลี่ยนได้เลย ต้องใช้เวลา จะทำได้ หรือไม่ได้ หรือถ้าได้แล้วได้แค่ไหน”
ดังนั้น ที่เป็นอยู่ จึงเป็นเพียง “
พยายามอยู่กับตอนนี้ ว่าเราจะแก้ไข พัฒนาไปได้แค่ไหน แล้วเดี๋ยวมันก็จะโชว์เส้นทางของมันเอง”
5 เต็ม 10
ถามแต้วว่า เธอเคยพิจารณาผลงานที่เล่น แล้วให้คะแนนตัวเองไหม?
“ไม่เคยเลยค่ะ” ให้การปฏิเสธมา พร้อมกับสั่นหน้า
แล้วจึงว่า “แต่มันจะอยู่ที่ความอิ่มใจของเรา อย่างบางทีถ้าเรารู้สึกว่าไม่มีความเป็นตัวของเราเลย เหมือนเราคิดแต่ตัวละคร 100% หรือใกล้เคียง ก็จะรู้สึกว่าอันนี้โอเค”
“แต่
ถ้าแบบต้องให้ คะแนนเต็ม 10 ก็ 5 6 อะไรอย่างนี้”
“เพราะ
แต้วรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้มีคุณสมบัติของนักแสดง แบบบอร์น ทู บี เรามาด้วยการค่อยๆ เรียนรู้ ไม่ใช่ว่าวันแรกที่เริ่มเล่นแล้วก็เททุกอย่าง แล้วบางทีก็ได้ และบางทีก็ไม่เข้าใจ ยังต้องเรียนรู้ไปอีกหลายๆ อย่างเลย”
หากกระนั้น 5 นี่ไม่น้อยไปหรือ เราท้วง
“ไม่น้อยนะ ก็ได้ตั้ง 5 แล้ว” แต้วหัวเราะร่วน พร้อมยืนยัน
“เยอะแล้วนะ จริงๆ นี่คือเยอะแล้ว”
ถามอีกว่า สักวันหนึ่งในอนาคต หากจะมีใครพูดถึงแต้ว-ณฐพร เธออยากให้นึกถึงอะไร
“ถ้าพูดถึงแต้ว-ณฐพรเหรอคะ ก็อยากให้นึกถึงคนที่รักในงานของเขา นึกถึงผลงานของเขา ผลงานที่อยู่ในใจ อะไรก็ได้สักอย่างหนึ่ง”
“แค่นั้นก็ดีใจแล้วละค่ะ”
ชีวิตกับความสุข
แต้วซึ่งจำกัดความตัวเองว่า
“เป็นคนที่พยายามทำชีวิตให้ซิมเปิล” เพราะ “รู้สึกว่าความสุขมันไม่ได้ต้องเอาอะไรมาเป็นเครื่องการันตี และพยายามมีความสุขได้กับทุกๆ อย่าง” นั้น บอกว่า สิ่งที่ทำให้เธอแฮปปี้ได้มากที่สุดในทุกวันนี้ คือการได้อยู่กับครอบครัว ได้เห็นทุกคนที่เธอรักอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
ส่วนกับต้น-อาชว์ ไหลสกุล แฟนที่คบกันมา 12 ปีนั้น แต้วว่าความสัมพันธ์ยังไปได้ดี
“เป็นคนคล้ายๆ กัน เลยรู้สึกว่ามีความสบายใจที่จะรู้จักเขาไปเรื่อยๆ” แต้วบอก
ส่วนอนาคตจะเป็นอะไร ยังไง ก็ค่อยๆ ว่ากัน
ทุกครั้งที่ได้อ่านสัมภาษณ์ของผู้หญิงคนนี้ มักจะได้รับความคิดดีๆ เสมอ กับการทำงานทุกอย่างเราจึงเห็นแต้วทุ่มเทกับสิ่งที่ตัวเองต้องทำ เพราะแต้วเต็มที่กับทุกอย่าง ตอนนี้รอการพลิกบทบาทจากเจ้าแมงเม่าแสนซน มาเป็นคุณเหมือนชนก จะดูว่าแต้วจะร้ายได้ขนาดไหน (ยังไม่แน่ใจว่าจะมีปรับบทมากน้อยขนาดไหน) ยังไงแฟนๆ คุณนัยกับพ่อขันทองยังไงถ้าคุณนกร้ายเกิน ก็อย่าลืมนึกถึงภาพเจ้าตัวดีไว้นะคะ
ส่วนละครที่กำลังถ่ายอยู่ "รักจังเอย" เราก็ไม่นึกว่าละคร Comedy ที่ต้องเล่นเป็นหมอ แต้วถึงกับต้องไปดูงานที่โรงพยาบาล รวมถึงพาคุณหมอไปกองถ่ายด้วย ทั้งนี้เพื่ออยากให้การแสดงออกมาสมจริง ถือเป็นกำไรของคนดูอย่างเราจริงๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.matichonweekly.com/column/article_108294
“ถ้าพูดถึงแต้ว-ณฐพร เหรอคะ ก็อยากให้นึกถึง…”
“เคยดูละครพีเรียดของทีวีซีนที่เป็นแบบพีเรียดมาแล้ว รู้สึกว่าทุกอย่างดูละเมียดละไม ก็อยากเห็นตัวเองในพีเรียดแบบนี้ พีเรียดที่ลึกๆ”
“หลายคนอาจจะติดภาพที่แต้วเล่นพีเรียด แล้วทำไมรับอีกแล้ว อะไรอย่างนี้ แต่เอาจริงๆ ไม่เคยเล่นอะไรที่แบบว่าลึก เป็นอยุธยาขนาดนี้ ก็อยากลองดู”
ในเรื่องซึ่งแฟนๆ คงเห็นแล้วว่าเจ้าแมงเม่านั้นเชี่ยวชาญด้านกลบทขนาดไหน หากในชีวิตจริง แต้วซึ่งพยายามทำความเข้าใจเรื่องนี้ เพื่อจะได้เล่นได้เนียน ให้คนดูดูแล้วอิน สารภาพว่า แม้จะพยายามดังที่บอก แต่ “ถามว่าเข้าใจไหม ก็ยังไม่เข้าใจ มันยากมากเลยอ่ะค่ะ”
กับบทที่ได้รับ ซึ่งค่อนข้างเหมือนตัวจริง ตรงที่ “ไม่ได้มีความเป็นผู้หญิงมาก” หากแต้วก็ว่าแรกๆ นั้นมีความกังวลใจให้อยู่
“ด้วยความที่ตามอายุแต้วโตกว่าเจมส์ แต่ต้องเล่นเป็นเด็กกว่า คนจะเชื่อไหม แล้วไม่รู้ว่าแค่ไหนจะแบบพอดี ประมาณนี้คือเด็กหรือยัง หรือว่าจะเยอะไป”
ก่อนจะพบว่าพอเข้าฉากแสดงจริง เจมส์ก็สร้างแคแร็กเตอร์ตัวละครที่เขารับให้ออกมาขรึมๆ ทุกอย่างจึงพอไปได้ จนนางเอกวัย 29 ปีคลายกังวล
แต้วที่อยู่ในวงการบันเทิงมานานถึง 12 ปีบอกอีกว่า ถึงตอนนี้เวลาที่มีงานมาเสนอ เธอต้องขอคิดมากขึ้นอีกนิดหนึ่ง
“ก็อยู่นานแล้วเนอะ” บอกพลางยิ้มหวาน
“ก็อยากเล่นอะไรที่เราอยากให้ใจไปมากๆ เต็มๆ เพราะที่ผ่านมางานไหนที่เรารู้สึกว่ารักจริงๆ เราจะทุ่มเทไปได้เต็มที่ แล้วประสบการณ์ที่มากขึ้น มันสวนทางกับสภาพร่างกาย เพราะฉะนั้นก็อยากได้ชิ้นงานที่จะทำให้เราฮึดและใส่ใจไปได้เต็มที่”
ส่วนวิธีการเลือกน่ะหรือ? “ไม่ได้มีลิสต์ เช็กๆๆๆ อะไรแบบนี้นะคะ” นางเอกคนสวยอธิบายพลางหัวเราะร่วน
“แต่เหมือนเราดูแล้วมีอะไรบางอย่างกระทบใจเราไหม หรือมองเห็นว่าเราจะสนุกกับมันไปได้ยังไง แค่นี้ละค่ะ”
และถ้าให้อธิบายเพิ่ม เธอก็ว่า อย่าง “รากนครา” “เราอินกับความเสียสละของผู้หญิงคนนี้ และก็อยากเห็นตัวเองเข้าไปอยู่ในยุคหนึ่ง ที่เหมือนกับเราต้องฝ่าฟันเพื่ออิสรภาพของบ้านเมือง”
ขณะเดียวกันการได้ทำงานกับอ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ที่เธอชื่นชม ก็เป็นอีกเหตุผล
ส่วน “หนึ่งด้าวฟ้าเดียว” “เราก็อยากสวิตช์ตัวเองมาอยู่ในยุคนั้น เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่รู้ชะตาตัวเอง ว่าวันหนึ่งบ้านเมืองจะล่มไป”
ขณะเดียวกันการทำงานกับทีวีซีนก็สร้างความเชื่อมั่นว่าผลงานจะออกมาดี
กับงานที่มักจะได้เสียงชื่นชมมาตลอดนั้น แต้วบอกว่า เธอเองก็ชื่นใจ อย่างไรก็ตาม ลึกๆ แล้ว บางครั้งก็รู้สึกเหมือนตัวเองจะตันๆ บ้าง
“มีบ้างเหมือนกันนะคะ คือการเป็นนักแสดง เราต้องหาแก่นของตัวละครแต่ละตัว และทำให้มันต่างกัน แต่บางทีก็มีที่เราเผลอเอาความคิดเดิมๆ ที่เราเคยเจอกับตัวละครอื่นมาใช้ ซึ่งมันก็ไม่ดีกับการเป็นนักแสดง”
“แล้วบางทีเราก็ยังไม่มีแรงบันดาลใจใหม่ๆ ทำให้รู้สึกเหมือนยิ่งอยู่ตรงนี้ก็ยิ่งยากในการที่จะต้องพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ แต่มันก็ต้องทำ”
แต่เดี๋ยวก่อน พูดอย่างนี้ไม่ได้แปลว่าคิดจะหยุด หรือเลิกนะ เพราะนั่นเป็นแค่ “บางที” ขณะที่โดยรวม “แฮปปี้นะคะ”
เพราะเสน่ห์ของการเป็นนักแสดงคือ ทุกซีน ทุกอะไรที่เราเข้า มันจะไม่มีอะไรที่เหมือนเดิม เราต้องไปเจอสถานการณ์ใหม่ๆ ของตัวละครตัวนั้น ณ ตอนนั้น ที่อยู่กับใครบางคน เป็นความตื่นเต้น ท้าทาย ที่เจอทุกวัน และก็จะตื่นเต้นทุกครั้งที่จะไปถ่ายละคร ถึงจะเล่นมากี่สิบปีแล้วก็ตาม”
เรื่องจะหยุด จะเลิก จะถอย จึงไม่อยู่ในสารบบความคิด
“เหมือนกับยังมีโอกาสที่เราถูกหยิบยื่นอยู่ แล้วเราก็ยังมีความพยายามที่จะทำให้ออกมาดี”
แต่เรื่องความวาดหวังว่าจะทำไปถึงไหน และหยุดที่จุดใด-นั่นก็ไม่เคยคิด แต้วบอก
“รู้สึกว่ามันเป็นอนาคต ที่ถึงเราจะคาดหวัง แต่มันก็อาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น 100% เพราะฉะนั้น ไม่รู้จะคาดหวังอะไร ทำไม หวังไปก็แค่หวัง แค่คิด แต่มันอยู่ที่เราทำ เราพร้อมจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงอะไรที่เรายังรู้สึกว่าเราต้องแก้ไขไหม”
“แล้วมันไม่ใช่แค่คิดแล้ว จะเปลี่ยนได้เลย ต้องใช้เวลา จะทำได้ หรือไม่ได้ หรือถ้าได้แล้วได้แค่ไหน”
ดังนั้น ที่เป็นอยู่ จึงเป็นเพียง “พยายามอยู่กับตอนนี้ ว่าเราจะแก้ไข พัฒนาไปได้แค่ไหน แล้วเดี๋ยวมันก็จะโชว์เส้นทางของมันเอง”
5 เต็ม 10
ถามแต้วว่า เธอเคยพิจารณาผลงานที่เล่น แล้วให้คะแนนตัวเองไหม?
“ไม่เคยเลยค่ะ” ให้การปฏิเสธมา พร้อมกับสั่นหน้า
แล้วจึงว่า “แต่มันจะอยู่ที่ความอิ่มใจของเรา อย่างบางทีถ้าเรารู้สึกว่าไม่มีความเป็นตัวของเราเลย เหมือนเราคิดแต่ตัวละคร 100% หรือใกล้เคียง ก็จะรู้สึกว่าอันนี้โอเค”
“แต่ถ้าแบบต้องให้ คะแนนเต็ม 10 ก็ 5 6 อะไรอย่างนี้”
“เพราะแต้วรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้มีคุณสมบัติของนักแสดง แบบบอร์น ทู บี เรามาด้วยการค่อยๆ เรียนรู้ ไม่ใช่ว่าวันแรกที่เริ่มเล่นแล้วก็เททุกอย่าง แล้วบางทีก็ได้ และบางทีก็ไม่เข้าใจ ยังต้องเรียนรู้ไปอีกหลายๆ อย่างเลย”
หากกระนั้น 5 นี่ไม่น้อยไปหรือ เราท้วง
“ไม่น้อยนะ ก็ได้ตั้ง 5 แล้ว” แต้วหัวเราะร่วน พร้อมยืนยัน “เยอะแล้วนะ จริงๆ นี่คือเยอะแล้ว”
ถามอีกว่า สักวันหนึ่งในอนาคต หากจะมีใครพูดถึงแต้ว-ณฐพร เธออยากให้นึกถึงอะไร
“ถ้าพูดถึงแต้ว-ณฐพรเหรอคะ ก็อยากให้นึกถึงคนที่รักในงานของเขา นึกถึงผลงานของเขา ผลงานที่อยู่ในใจ อะไรก็ได้สักอย่างหนึ่ง”
“แค่นั้นก็ดีใจแล้วละค่ะ”
ชีวิตกับความสุข
แต้วซึ่งจำกัดความตัวเองว่า “เป็นคนที่พยายามทำชีวิตให้ซิมเปิล” เพราะ “รู้สึกว่าความสุขมันไม่ได้ต้องเอาอะไรมาเป็นเครื่องการันตี และพยายามมีความสุขได้กับทุกๆ อย่าง” นั้น บอกว่า สิ่งที่ทำให้เธอแฮปปี้ได้มากที่สุดในทุกวันนี้ คือการได้อยู่กับครอบครัว ได้เห็นทุกคนที่เธอรักอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
ส่วนกับต้น-อาชว์ ไหลสกุล แฟนที่คบกันมา 12 ปีนั้น แต้วว่าความสัมพันธ์ยังไปได้ดี
“เป็นคนคล้ายๆ กัน เลยรู้สึกว่ามีความสบายใจที่จะรู้จักเขาไปเรื่อยๆ” แต้วบอก
ส่วนอนาคตจะเป็นอะไร ยังไง ก็ค่อยๆ ว่ากัน
ทุกครั้งที่ได้อ่านสัมภาษณ์ของผู้หญิงคนนี้ มักจะได้รับความคิดดีๆ เสมอ กับการทำงานทุกอย่างเราจึงเห็นแต้วทุ่มเทกับสิ่งที่ตัวเองต้องทำ เพราะแต้วเต็มที่กับทุกอย่าง ตอนนี้รอการพลิกบทบาทจากเจ้าแมงเม่าแสนซน มาเป็นคุณเหมือนชนก จะดูว่าแต้วจะร้ายได้ขนาดไหน (ยังไม่แน่ใจว่าจะมีปรับบทมากน้อยขนาดไหน) ยังไงแฟนๆ คุณนัยกับพ่อขันทองยังไงถ้าคุณนกร้ายเกิน ก็อย่าลืมนึกถึงภาพเจ้าตัวดีไว้นะคะ
ส่วนละครที่กำลังถ่ายอยู่ "รักจังเอย" เราก็ไม่นึกว่าละคร Comedy ที่ต้องเล่นเป็นหมอ แต้วถึงกับต้องไปดูงานที่โรงพยาบาล รวมถึงพาคุณหมอไปกองถ่ายด้วย ทั้งนี้เพื่ออยากให้การแสดงออกมาสมจริง ถือเป็นกำไรของคนดูอย่างเราจริงๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้