โอเคแหละ มันคงเป็นไปตามแผนโค้ชแล้วกับการลองตัวผู้เล่น เก็บข้อผิดพลาดต่างๆ ทีนี้ทีมสต้าฟโค้ชต้องทำงานหนักขึ้นแล้วแหละ อย่างแรกเลยต้องวางเป้าหมายให้ชัดเจน ตั้งเป้าหมายของทีมให้สูงไว้หน่อยก็ดี ไม่ต้องถึงกับเป็นแชมป์ ทีมจะได้มีแรงจูงใจ ยกตัวอย่างชิงแชมป์ควรเลิกตั้งเป้าหมายได้แล้วกับเข้ารอบ4ทีมสุดท้ายของเอเชีย มันควรเปลี่ยนเป้าหมายไหม่ได้แล้ว อย่างปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 12 แต่ดันพลาดตกไปอันดับที่ 15 ถ้าไม่มีอาเจนติน่านี้คืออันดับสุดท้ายเลย
ติดตามการแข่งขันตั้งแต่สัปดาห์แรกจนสัปดาห์สุดท้าย สิ่งนึงเลยที่นักกีฬาเราขาดไปคือ "เป้าหมาย กับแรงจูงใจ " เพราะปีนี้ไม่มีคะแนน เป้าหมายมันเลยไม่ชัดเจน ถามว่าฝีมือเรามีไม๊ ตอบว่า มี แต่มันเหมือนดันไม่สุด มันเหมือนยังมีอะไรมาปิดกั้น แต่ต้องยอมรับด้วยว่าทุกทีมาก็พัฒนาขึ้นมาก ทั้งนี้ทั้งนั้นเราสู้ได้ แต่แค่ขาดแรงผลักดันที่ชัดเจน ตั้งแต่แข่งสัปดาห์แรกจนถึงสัปดาห์สุดท้าย มีแค่แมทช์กับญี่ปุ่นแค่นั้นที่เห็นถึงแรงผลักดัน เป้าหมายที่ชัดเจนถึงจะแพ้ก็ตาม
สำหรับน้องๆ บิ๋ม บีม ทั้งคู่มีฝีมือ แต่ขาดความมั่นใจ ยิ่งบีมนี้ ความมั่นใจหายไปเลยตั้งแต่มาสนามสามที่อินดอร์สเตเดี้ยม แล้วกู่ไม่กลับเลยจนถึงสนามสุดท้าย อีกอย่างคือบอลแรกบีมคืออ่อนมาก ต้องฝึกให้หนัก บิ๋มเช่นกัน บอลแรกถ้าโดนจี้บ่อยๆคือหลุดเลย
ส่วนโค้ช ต้องยอมรับว่าเป็นปีที่2 ของโค้ชด่วนกับการคุมทีม ผลงานก็ตามที่เห็น ถามว่าข้อดีมีไม๊ มีนะ ข้อเสียก็มี อย่างแก้เกมส์ช้า มันอาจจะชัดหน่อยเรื่องข้อเสีย เพราะมันอยู่ในช่วงผลัดใบ แต่สิ่งนึงเลยคืออยากให้โค้ชกระตุ้นทีมเวลาขอเวลานอก อย่าถอดใจเวลารู้ว่าตัวเองจะแพ้ เพราะนักกีฬาเข้ามองมาที่โค้ชแล้วเค้าเห็นโค้ชถอดใจ นั่นคือนักกีฬาเค้าก็ปล่อยแล้วนะ ก็ในเมื่อโค้ชถอดใจแล้ว นักกีฬาจะเหลือเหรอ เรื่องนี้สำคัญมากนะ อีกอย่างเบื้องหลังเราไม่รู้หรอกว่าแกเทรนด์นักกีฬายังไง แต่เบื้องหน้าต้องเข้มงวดกว่านี้ เอาจริงๆเรา ไม่เห็นโค้ชคนใหนชิวมากเวลาแข่งขันเท่าโค้ชด่วนเลยปีนี้
สมาคม ควรหาทีมสต้าฟโค้ชมาช่วยแก้เกมส์เพิ่ม เพราะแค่โค้ชด่วนกับโค้ชนะ มันไม่พอจริงๆ
#สุดท้ายก็เป็นกำลังใจให้นักกีฬาทุกคน
สถิติแพ้ 9 นัดรวด มันบ่งบอกอะไรหลายอย่าง
ติดตามการแข่งขันตั้งแต่สัปดาห์แรกจนสัปดาห์สุดท้าย สิ่งนึงเลยที่นักกีฬาเราขาดไปคือ "เป้าหมาย กับแรงจูงใจ " เพราะปีนี้ไม่มีคะแนน เป้าหมายมันเลยไม่ชัดเจน ถามว่าฝีมือเรามีไม๊ ตอบว่า มี แต่มันเหมือนดันไม่สุด มันเหมือนยังมีอะไรมาปิดกั้น แต่ต้องยอมรับด้วยว่าทุกทีมาก็พัฒนาขึ้นมาก ทั้งนี้ทั้งนั้นเราสู้ได้ แต่แค่ขาดแรงผลักดันที่ชัดเจน ตั้งแต่แข่งสัปดาห์แรกจนถึงสัปดาห์สุดท้าย มีแค่แมทช์กับญี่ปุ่นแค่นั้นที่เห็นถึงแรงผลักดัน เป้าหมายที่ชัดเจนถึงจะแพ้ก็ตาม
สำหรับน้องๆ บิ๋ม บีม ทั้งคู่มีฝีมือ แต่ขาดความมั่นใจ ยิ่งบีมนี้ ความมั่นใจหายไปเลยตั้งแต่มาสนามสามที่อินดอร์สเตเดี้ยม แล้วกู่ไม่กลับเลยจนถึงสนามสุดท้าย อีกอย่างคือบอลแรกบีมคืออ่อนมาก ต้องฝึกให้หนัก บิ๋มเช่นกัน บอลแรกถ้าโดนจี้บ่อยๆคือหลุดเลย
ส่วนโค้ช ต้องยอมรับว่าเป็นปีที่2 ของโค้ชด่วนกับการคุมทีม ผลงานก็ตามที่เห็น ถามว่าข้อดีมีไม๊ มีนะ ข้อเสียก็มี อย่างแก้เกมส์ช้า มันอาจจะชัดหน่อยเรื่องข้อเสีย เพราะมันอยู่ในช่วงผลัดใบ แต่สิ่งนึงเลยคืออยากให้โค้ชกระตุ้นทีมเวลาขอเวลานอก อย่าถอดใจเวลารู้ว่าตัวเองจะแพ้ เพราะนักกีฬาเข้ามองมาที่โค้ชแล้วเค้าเห็นโค้ชถอดใจ นั่นคือนักกีฬาเค้าก็ปล่อยแล้วนะ ก็ในเมื่อโค้ชถอดใจแล้ว นักกีฬาจะเหลือเหรอ เรื่องนี้สำคัญมากนะ อีกอย่างเบื้องหลังเราไม่รู้หรอกว่าแกเทรนด์นักกีฬายังไง แต่เบื้องหน้าต้องเข้มงวดกว่านี้ เอาจริงๆเรา ไม่เห็นโค้ชคนใหนชิวมากเวลาแข่งขันเท่าโค้ชด่วนเลยปีนี้
สมาคม ควรหาทีมสต้าฟโค้ชมาช่วยแก้เกมส์เพิ่ม เพราะแค่โค้ชด่วนกับโค้ชนะ มันไม่พอจริงๆ
#สุดท้ายก็เป็นกำลังใจให้นักกีฬาทุกคน