ไม่กินเหล้า ไม่กินเบียร์ ไม่สูบบุหรี่ ไม่กินกาแฟ
เหล้าเบียร์บุหรี่ ก็รู้ๆ กันอยู่แล้วว่ามันไม่มีประโยชน์ มีแต่โทษ ส่วนกาแฟนั้นมีคาเฟอีน ซึ่งอาจทำให้กระดูกพรุนได้ ถึงแม้ในเมล็ดกาแฟจะมีสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ถ้าแลกด้วยกระดูกพรุน ขอไม่กินดีกว่าครับ ยังมีอาหารอีกหลายชนิดที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักผลไม้สด

กินผลไม้รวมจานใหญ่ทุกวัน
ผลไม้เป็นศูนย์รวมของสารต้านอนุมูลอิสระ และมีวิตามินมากมาย ช่วยชะลอความแก่ และกากของมันยังช่วยดูดซับคอเลสเตอรอลที่ถูกปล่อยออกมาที่ลำไส้ ทำให้ลำไส้ไม่สามารถดูดซับกลับเข้าร่างกายได้ (รายละเอียดไม่ขออธิบาย หาอ่านได้ในกูเกิ้ล) และที่ขาดไม่ได้คือ แตงโมวันละ 1 ซีก แตงโมมีสาร Citrulline ซึ่งทำให้เกิดกรดอะมิโนอาร์จินีน ช่วยกระตุ้นให้หลอดเลือดคลายตัว เมื่อหลอดเลือดคลายตัว เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้ดีขึ้น อะไรๆ ก็ดีขึ้นครับ

ไม่ทาครีมบำรุง ครีมกันแดด
ครีมบำรุงและครีมกันแดดพวกนี้ จะมี SPF เพื่อป้องกันรังสี UV

รังสี UV มีประโยชน์อย่างไรต่อร่างกาย? ที่ชั้นใต้ผิวหนังจะมีคอเลสเตอรอล และคอเลสเตอรอลจะถูกเปลี่ยนเป็นวิตามิน D เมื่อมันเจอกับรังสี UV

วิตามิน D จะช่วยในการดูดซึมแคลเซี่ยม ทำให้กระดูกแข็งแรง

สรุป UV ทำให้กระดูกแข็งแรง และช่วยลดคอเลสเตอรอลครับ แต่ไม่ควรรับ UV ในปริมาณที่มาก เพราะอาจจะเป็นมะเร็งผิวหนังได้

วิธีของผมคือ ไม่ทาครีมใดๆ ทั้งสิ้น แต่ออกไปโดนแดดเล็กน้อยในแต่ละวัน

กินข้าววันละ 2 มื้อ มื้อเย็น - มื้อกลางวัน และไม่กินจุกจิกระหว่างมื้อ
โกรทฮอร์โมนกับอินซูลินจะต่อต้านซึ่งกันและกัน เมื่อเรากินอาหาร อินซูลินจะถูกหลั่ง และโกรทฮอร์โมนจะถูกกด แต่เมื่อผ่านไป 3 ชั่วโมง อินซูลินจะหมดไป โกรทฮอร์โมนก็จะกลับมาอยู่ในปริมาณปกติ จนกว่าจะถึงอาหารมื้อต่อไป ดังนั้นถ้าเราเว้นช่วงมื้ออาหารให้ยาวนานขึ้น (แต่ให้พอดีกับความหิว) โกรทฮอร์โมนก็จะหลั่งเต็มเม็ดเต็มหน่วย ซึ่งโกรทฮอร์โมนจะกระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกายครับ

วิ่งวันละ 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์ แล้วต่อด้วยเวทเล็กน้อย
โกรทฮอร์โมนจะเริ่มหลั่งเพิ่มขึ้นเมื่อวิ่งไปแล้วเป็นระยะเวลาประมาณ 20 - 25 นาที ดังนั้นการวิ่งที่ระยะเวลา 30 นาที ร่างกายจะได้รับโกรทฮอร์โมนเพิ่มขึ้นถึง 5 - 10 นาที แต่หากวิ่งมากกว่านั้น ร่างกายจะได้ฮอร์โมนคอร์ติซอลเป็นของแถม ซึ่งคอร์ติซอลจะมีผลในการสลายแคลเซี่ยมในกระดูก ดังนั้น วิ่งจ๊อกกิ้งช้าๆ ที่ระยะเวลาประมาณ 30 นาที ถือว่าเหมาะสมที่สุดครับ

การเวทเทรนนิ่งให้ถึงขีดสุดในแต่ละยก จะช่วยให้โกรทฮอร์โมนเพิ่มขึ้นได้เหมือนกัน ผมใช้วิธีวิดพื้นให้ถึงขีดสุด เกร็งกล้ามท้องให้ถึงขีดสุด ยกเวทให้ถึงขีดสุด (เล่นไม่กี่ยก แต่เน้นให้ถึงขีดสุด)

นอน 2 ครั้งใน 1 คืน
จากงานวิจัยพบว่า โกรทฮอร์โมนจะหลั่งเต็มที่เมื่อเวลาหลับลึก และจะหลั่งเบิ้ลเป็น 2 รอบหากนอนหลับลึก 2 ครั้งใน 1 คืน ซึ่งปกติผมเป็นคนชอบตื่นมาปัดสาวะกลางดึก แล้วกลับไปนอนต่อ ทำให้เป็นคนที่มีโกรทฮอร์โมนหลั่งมากกว่าคนวัยเดียวกันถึงเกือบ 2 เท่า และเมื่อรวมกับการเว้นระยะเวลาของมื้ออาหาร การวิ่ง 30 นาที และการเล่นเวทจนถึงขีดสุด ก็ยิ่งทำให้มีโกรทฮอร์โมนมากยิ่งขึ้นไปอีก

ดื่มน้ำวันละเกือบ 3 ลิตร
การดื่มน้ำเยอะในแต่ละวันเป็นเรื่องดี แต่ต้องทะยอยดื่มนะครับ ขืนดื่มทีเดียวเป็นลิตรๆ ร่างกายเดี้ยงแน่ ผมจะใช้วิธีเอาน้ำขวดลิตรมาตั้งไว้ข้างๆ เวลานั่งทำงาน ก็จะเทน้ำลงแก้ว พอรู้สึกปากแห้งก็จะยกกระดกทีละอึกสองอึก ทำอย่างนี้ทั้งวัน

ไม่นอนห้องแอร์
ยังหาเหตุผลไม่ได้ แต่ผมไม่นอนห้องแอร์มาตั้งแต่เด็กแล้วครับ

ดื่มน้ำมะเขือเทศ
น้ำมะเขือเทศนี่คือสุดยอดยาอายุวัฒนะเลย เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เยอะมาก แถมด้วยวิตามิน A อีกมากมาย แต่ไม่ควรดื่มเยอะในแต่ละวัน เพราะมันก็อุดมไปด้วยโซเดี่ยมสูงเหมือนกัน ผมดื่มวันละเกือบ 1 แก้วครับ

กินงาดำคั่วบดป่นวันละ 1 ช้อนโต๊ะ
ตัวนี้เพิ่งมาเริ่มกินไม่กี่เดือน

ไม่กินของเค็ม รสจัด ของหมักดอง
ผมเป็นคนชอบกินจืดๆ มาตั้งแต่เด็ก และเมื่อมาค้นพบว่า ร่างกายใช้โซเดี่ยมเพียงวันละ 500 - 1500 มก  ซึ่งเท่ากับเกลือเพียงครึ่ง - 1 ช้อนชา (ถ้าเกินจากนั้นไตจะทำงานหนัก) จึงทำให้รู้ว่า ที่ผมเป็นคนกินจืด แม้ก๋วยเตี๋ยวก็ไม่เคยปรุงนั้น เป็นการทำที่ถูกต้องมาตลอด

กินนมสดวันละ 1-2 กล่อง หลังมื้อกลางวัน - เย็น
นมสดเป็นอาหารชั้นเลิศ มีกรดอะมิโนครบทุกชนิด ในอันที่ร่างกายสามารถนำไปสร้างเป็นฮอร์โมนต่างๆ รวมทั้งมีแคลเซี่ยมที่มากกว่าอาหารชนิดอื่นๆ ผมจึงดื่มนมวันละ 2 กล่องโดยแบ่งเป็นหลังมื้อกลางวัน และหลังมื้อเย็น แต่การกินนมที่มากขนาดนี้เราต้องออกกำลังกายด้วย ไม่งั้นอ้วนแน่ แต่เพราะผมวิ่งวันละ 30 นาทีและเล่นเวทด้วย จึงไม่มีผลทำให้อ้วนขึ้นแต่อย่างไร

กินโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว ทุกวัน จากงานวิจัยพบว่า แบคทีเรียในโยเกิร์ต จะช่วยต่อต้านแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะ และแบคทีเรียในโยเกิร์ต นอกจากจะช่วยให้ระบบขับถ่ายดีแล้ว ยังช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเราด้วย นั่นหมายถึงว่า ถ้าระบบย่อยอาหารเราดี ระบบขับถ่ายเราดี และระบบภูมิคุ้มกันเราดี ร่างกายโดยรวมเราก็จะดี เราจะสามารถกินอาหารได้ตามปกติไปจนแก่เฒ่า (สังเกตุคนแก่ๆ จะกินน้อย เพราะเกิดปัญหาเรื่องระบบลำเลียงอาหาร และระบบย่อย เมื่อคนแก่กินน้อย สารอาหารก็น้อย ร่างกายก็ขาดสารอาหารที่จะทำให้คงความหนุ่มสาวได้เรื่อยๆ)

เพิ่มความตื่นเต้นในแต่ละวัน
การตกใจบนท้องถนน เช่น มีรถขับปาดหน้า หรือเปลี่ยนเลนกระทันหันจนมอไซต์หันมาด่า จะทำให้ระดับกลูโคสพุ่งปรี๊ดไปยังเซลล์สมอง (เพื่อความตื่นตัว) ซึ่งจะทำให้เซลล์สมองเกิดเมทาบอลิซึ่มเพิ่มขึ้น จะทำให้ความคิดแล่นปรูดปร้าด และลดโอกาสการเป็นอัลไซเมอร์ ดังนั้นเมื่อมีใครขับปาดหน้า หรือมอไซต์หันมาด่า จงขอบคุณพวกเขาที่ช่วยทำให้เราฉลาดขึ้นครับ

กระตุ้นความรู้สึกทางเพศเป็นประจำ
จากการวิจัยพบว่า การกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ มีผลทำให้ฮอร์โมนเพศชายพุ่งสูงขึ้น และฮอร์โมนเพศชายจะช่วยทำให้ร่างกายยังคงความเป็นหนุ่มอยู่เสมอ

สิ่งต่างๆ เหล่านี้ผมทำมาตั้งแต่หนุ่มๆ แล้วครับ จะมีบ้างบางช่วงที่เว้นวรรค ซึ่งสมัยหนุ่มๆ ผมไม่ทราบเหตุผลของมันหรอก ต่อเมื่อโตขึ้น มีอินเตอร์เน็ตให้ค้นข้อมูล ทำให้เริ่มทราบเหตุผลแต่ละอย่างมากขึ้น จึงทำให้ผมมาเน้นทำละเอียดแบบทุกเม็ด ทั้งเรื่องการกิน การนอน การออกกำลังกาย ซึ่งผลคือ ร่างกายยังคงสภาพได้ดีมาก ปีหน้าจะเข้าห้าแยกปากเกร็ดแล้ว หัวไม่ล้าน ผมหงอกหลักสิบเส้น และผิวหนังยังตึง หลอกคนอื่นว่ายัง 35 ได้อยู่ครับ

ลองนำเคล็ดต่างๆ ไปใช้ดูครับ น่าจะส่งผลดีให้ร่างกายไม่มากก็น้อย