กีฬาเป็นยาวิเศษ PR ควบ SCR พาแบรนด์รุ่ง

เพราะกีฬานั้นสามารถเข้าถึงผู้คนได้ทุกเพศ ทุกวัย การชมการแข่งขันกีฬากลายเป็นไลฟ์สไตล์ของคนไทยในปัจจุบันไปแล้ว โดยเฉพาะกีฬายอดนิยมอย่างเช่นฟุตบอล วอลเลย์บอล แข่งรถฟอร์มูล่าวัน เป็นต้น ที่ทุกแมตช์การแข่งขันจะมีคนคอยเฝ้ารอชมและชียร์ทุกครั้ง ทำให้การตลาดยุคใหม่นั้น แบรนด์ใหญ่ๆ จะหันมาเล่นกับการกีฬาต่างๆ มากกว่า ได้ดูได้จากความสำเร็จของแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังยักษ์ใหญ่ที่ไม่ว่าจะไปที่ไหนในโลกนี้ ใครๆ ก็รู้จัก Red Bull หรือกระทิงแดงที่คนไทยเรียกกันติดปากนั่นเอง ทำไมต้องโฆษณากับการกีฬาล่ะ เพราะกีฬานั่นสามารถตอบโจทย์  3 เป้าหมายหลัก ได้นั่นคือ

1. สร้าง Brand Visibility ผ่านสื่อออฟไลน์, ออนไลน์ รวมไปถึงสื่อข้างสนามแข่งขัน และสื่อตามช่องทางร้านค้า สร้างการรับรู้ และเกิดการ Remind แบรนด์ ซึ่งสามารถดึงความสนใจในกลุ่มฐานแฟนคลับทีม/สโมสร หรือนักกีฬาได้เป็นอย่างดี
2. เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์และทำให้ผู้บริโภครับรู้และเข้าใจ โดยมากมักจะสื่อสารมุมมองด้าน Emotional Inspiration ถึงการเป็นแบรนด์ที่เข้มแข็ง ต่อสู้ สร้างแรงบันดาลใจให้กับกลุ่มเป้าหมาย
3. เพื่อกระตุ้นเพิ่มยอดขาย หลังจากที่แบรนด์สื่อสารแคมเปญเกี่ยวกับ Sport Platform ออกไปแล้ว จะเสริมทัพด้วยโปรโมชั่นรูปแบบต่างๆ เพื่อเร่งยอดขายสินค้าในช่วงการจัดแคมเปญ

          ที่สำคัญหลักเกณฑ์ที่แบรนด์ใช้พิจารณาเลือกทีม/สโมสร หรือแม้แต่ประเภทกีฬาที่จะเข้าไปเป็นสปอนเซอร์ หรือเป็นผู้จัดการแข่งขัน ต้องตระหนักถึงการเชื่อมโยงกับ “Brand Concept” เพื่อเวลาผู้บริโภคเห็นทีม/สโมสร หรือประเภทกีฬาที่แบรนด์เป็นสปอนเซอร์ หรือเป็นผู้จัดการแข่งขัน จะต้องเชื่อมโยงกลับมาสู่แบรนด์ด้วยเช่นกัน


Brand Talk สร้างความผูกพัน
Sport Platform กำลังมีบทบาทในการเป็นผู้นำสารนำพาแมสเสจที่แบรนด์อยากสื่อสารไปยังผู้บริโภค “Brand Talk” โดยแบรนด์นำเรื่องราวต่างๆ ของทีม/สโมสร หรือประเภทกีฬาที่ตนเองเป็นสปอนเซอร์ หรือเป็นผู้จัดการแข่งขัน ขึ้นมาเป็น “บทสนทนา” เพื่อพูดคุยกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ผ่านช่องทางสื่อ Social Media ความน่าสนใจของการสร้าง Brand Talk ด้วยวิธีนี้ เป็นการสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง เพราะในบางครั้งจะพบว่าผู้บริโภคเป็นคนสร้างสรรค์ Content หรือเรื่องราวต่อกันเอง โดยที่แบรนด์สามารถหยิบเอา Content ที่ผู้บริโภคสร้างขึ้น มาต่อยอดเป็นแคมเปญ หรือกิจกรรมการตลาด ที่ถูกใจผู้บริโภค
          เครื่องดื่มอัดลม “est” ที่เข้าไปจอยกับนักตบลูกยางสาวไทยในช่วงวอลเลย์บอล ฟีเวอร์  ซึ่งในตอนนั้นกำลังเป็นกระแสและเป็นขวัญใจมหาชนชาวไทย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ จึงได้จับมาต่อยอด พร้อมทั้งเดินหน้าเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลต่อเนื่อง แน่นอนว่าเพื่อสร้างกระแสให้ต่อเนื่อง est จึงดึง 5 ตัวแทนนักวอลเลย์บอลหญิงไทย ได้แก่ ปลื้มจิตร์ ถินขาว, วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์, อรอุมา สิทธิรักษ์, นุศรา ต้อมคํา และ ทัดดาว นึกแจ้ง มาเป็นตัวแทนทีนไอดอลกีฬา สร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ ทันทีที่นำ Content การสนับสนุนทีมวอลเลย์บอลสาวไทยขึ้นโพสต์ Fanpage ของ est มีแฟนคลับ ทั้งของ est และของทีมนักตบลูกยางสาวไทย เข้ามา Engagement ผ่านการแสดงความคิดเห็นมากมาย พบว่าหลายแมสเสจที่ปรากฏขึ้นนั้น เป็นไปในทางชื่นชมแบรนด์ est ซึ่งนี่จะต่อยอดไปสู่การสร้าง Brand Love ได้ในที่สุด !!


ส่วน “สิงห์ คอร์เปอเรชั่น” เป็นสปอนเซอร์การแข่งขันหลายประเภทกีฬา โดยฟุตบอลเป็นหนึ่งในกีฬาหลัก ที่ให้การสนับสนุนทั้งในระดับท้องถิ่น เช่น สโมสรต่างๆ ในไทยลีก ไปจนถึงสโมสรระดับโลก ที่สิงห์เป็น Global Partnership กับทั้ง “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” และ “เชลซี” สองตำนานทีมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ของโลก ที่สามารถเชื่อมโยงถึง “สิงห์” ในการเป็นแบรนด์ไทย ที่มีจิตวิญญาณแห่งการเป็นนักสู้ จนก้าวขึ้นเป็นระดับของประเทศ และขยายการเติบโตไปสู่ตลาดโลก ซึ่งกว่าจะไปถึงจุดนั้นสิงห์ต้องฝ่าฝันอุปสรรคไม่ใช่น้อย "เชลซีมีแฟนบอลทั่วโลกกว่า 100 ล้านคน และถ้าพวกเขาได้โอกาสเห็นโลโก้แบรนด์ของเราในทุกๆเกมตลอด 4 ปี สินค้าของเราก็มีโอกาสเข้าถึงได้ง่ายขึ้น" ปิติ ภิรมย์ภักดี ผู้บริหารของสิงห์เปิดเผยหลังการเซ็นสัญญาลุล่วง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมแบรนด์ต่างๆ ถึงพาการแย่งชิงในการเป็นพาร์ทเนอร์กับสโมสรระดับโลก เพราะมันแลกกับการเข้าถึงผู้บริโภคนั่นเอง


          อีกช่องทางหนึ่งในการเข้าถึงผู้บริโภค การจัดการแข่งขันก็ถือเป็นอีกช่องทางในการประชาสัมพันธ์แบรนด์ได้ดี แต่เพื่อความอินเตอร์ต้องนั้นต้องยกให้เครื่องดื่มคาราบาวแดง หลายคนๆ อาจเคยได้ยินชื่อ คาร์ลิ่งคัพ โคคาโคล่าคัพ มาบ้าง แล้วให้นึกสงสัยว่าการแข่งรายการนี้นั้นหายไปไหน จริงๆ รายการพวกนี้เป็นชื่อมาจากสปอนเซอร์หลัก ซึ่งการแข่งนี้จัดโดยอีเอฟแอลของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ชื่อการแข่งขันก็เปลี่ยนไปตามชื่อสปอนเซอร์ ล่าสุด 2017-2020 การแข่งขันนี้ปัจจุบันมีชื่อว่า คาราบาวคัพ ซึ่งหากแพลตฟอร์มนี้ประสบความสำเร็จเชื่อว่าคาราบาวแดงคงต่อยอดไปสู่กีฬาอื่นเจริญรอยตาม Red Bull แน่นอน นอกจากจะสร้างการจดจำชื่อแบรนด์แล้วยังตอกย้ำความเป็นคาราบาวด้วยการให้น้าแอ๊ดเป็นคนมอบถ้วยให้กับทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้ด้วย (แหล่งข่าวจากเว็ปไซต์คาราบาว)


          คิงเพาเวอร์ แบรนด์นี้จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยเพราะถือได้ว่าก้าวเข้ามาในสนามสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งอย่างเต็มตัวและครบวงจร โดยในตอนแรกนั้นเป็นการ PR หรือประชาสัมพันธ์แบรนด์ผ่านกีฬา แต่ปัจจุบันนั้นต่อยอดจากการ PR มาเป็น CSR เพิ่มด้วย เริ่มต้นการซื้อสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ซึ่งพอซื้อก็เฮงทีมได้เป็นแชมป์ ต่อมาก็ซื้อทีมจากเบลเยี่ยมอีกทีมนึง แล้วCSR ก็เริ่มขึ้น มีการคัดตัวเยาวชนเพื่อไปเก็บตัวฝึกซ้อมที่สโมสรเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เด็กฝึกซ้อมจนมีทักษะระดับอาชีพแล้วก็สามารถไปค้าแข่งให้กับทีมในลีกของเบลเยี่ยมได้อีกด้วย ซึ่งเด็กๆ ที่จะได้รับโอกาสนี้มีมาจากทั่วประเทศ โครงการนี้เรียกว่าโครงการ Fox Hunt  แต่ไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดเหมือนผมรึเปล่า ว่าการที่คิงเพาเวอร์ไปเป็นสปอนเซอร์หลักให้กับรายการซูเปอร์จิ๋วนั้นเป็นอีกช่องทางที่ทางคิงเพาเวอร์นั้นจะได้เลือกเฟ้นนักเตะตัวน้อยที่ทั้งกตัญญูและมีฝีเท้าไปในตัว ใครไม่เคยชมลองไปเซิชในยูทูปเอานะครับ ตัวจิ๋วๆ แต่ฝีมือนี้น้องๆ เมสซี่เจ เจชนาธิปเลยแหล่ะครับ แต่คิงเพาเวอร์ก็ไม่ได้หยุด CSR แค่ Fox Hunt  เนื่องจากฟุตบอลเป็นกีฬาที่เข้าถึงง่ายมีบอลลูกเดียวกับพื้นที่ว่างๆ เกณฑ์เพื่อนมาแบ่งข้างกัน ก็เล่นได้แล้ว คิงเพาเวอร์แจกลูกฟุตบอลซิครับรออะไร ตามข่าวนี่แจ้งว่าปีที่แล้วคิงเพาเวอร์นั้นแจกฟุตบอลไปเป็นล้านลูก ซึ่งก็เท่ากับว่าสร้างการรับรู้และการมองเห็นอย่างน้อยล้านคน ซึ่งในความจริงมากกว่านั้นแน่นอน แต่เท่านั้นยังไม่หมด แจกบอลแล้วก็ต้องแจกที่ให้เตะด้วย แจกสนามฟุตบอลเลยคราวนี้ แน่นอนว่าสนามก็ต้องมีโลโก้คิงเพาเวอร์ และเห็นชัดกว่าโลโก้ที่ลูกฟุตบอลเป็นไหนๆ งบสร้างสนามฟุตบอล 100 สนาม และแจกลูกบอลนั้นสูงถึง 1,000 ล้านบาทเชียวล่ะคุณ เป็น CSR ที่ทุ่มทุนสร้างจริงๆ


ขณะที่วันนี้ Sport Platform กำลังขยับไปอีกสเตป ไม่ใช่เป็นเพียงแค่สร้าง Brand Visibility เท่านั้น แต่เป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้าง Brand Talk กับผู้บริโภคถึงตรงนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมแบรนด์ที่มีกำลังเงิน ถึงพร้อมทุ่มเต็มที่ เพื่อให้ได้มาซึ่งการเป็นผู้สนับสนุนหลัก หรือเป็นผู้จัดรายการแข่งขันด้านกีฬา เพราะสิ่งที่ได้กลับมา คือ การเข้าถึงฐานแฟนคลับจำนวนมาก ทั้งของทีม และนักกีฬา ทำให้มีโอกาสสูงที่จะ Turn กลุ่มคนเหล่านี้ให้กลายเป็นฐานแฟนแบรนด์
ดูได้จาก PTT ที่บ่อยครั้งจะถูกกระแสตีกลับอยู่เนืองๆ ตามเพจต่างๆ แต่ PTT เองก็ยังมีฐานแฟนที่หนาแน่นจากกีฬามอเตอร์สปอร์ตต่างๆ


จึงไม่น่าไม่แปลกใจเลยที่แบรนด์เล็กแบรนด์ใหญ่จะพากันมารุมเป็นสปอนเซอร์ให้กับกีฬาอย่างล้นหลาม ผมว่าดีนะครับเพราะกีฬานั้นเป็นยาวิเศษ ที่ทำให้วินทั้งแบรนด์ ทั้งกีฬาและคนดูจริงๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่