ถือว่าเราเป็นคนเลวได้มั้ย ที่ไม่รู้สึกผิดบาป( ยาวหน่อย)

เรื่องนี้เป็นปัญหาที่เราอึดอัดมานานมาก และเป็นปัญหาความรู้สึกที่เราสับสนระหว่างความผิดชอบชั่วดีและความเป็นจริงที่เกิดขึ้น...กับย่าของเรา
    เกริ่นก่อนว่า ย่าเรานั้นสมัยก่อนเกลียดแม่เรามากเพราะแม่เราจน และมาได้กับพ่อเลยโดนครหาพาลูกชายคนแรกตกต่ำไปด้วยโดยปริยาย แต่แม่เราเป็นคนขยันทำมาหากิน ซึ่งตอนนั้นพ่อเราก็สำมะเลเทเมาตามประสาวัยรุ่น ซึ่งพึ่งจะมาดีขึ้นตอนหมดวัยฮอร์โมน
    พี่สาวเราเป็นลูกคนแรกและเป็นหลานคนแรก ทุกคนเห่อมาก ย่าเราก็ชิงไปเลี้ยงตั้งแต่แบเบาะ แม่แทบไม่ได้แตะต้องลูก (ฟังจากแม่เล่ามา ตอนแรกไม่ค่อยเชื่อ พอโตมาเห็นความกตัญญูของพี่สาวกับย่า ก็เลยคิดว่าน่าจะจริง)
    ความเกลียดชังของย่าที่มีต่อแม่ไม่เคยจางหายไปตามเวลา ก็ส่งต่อมาที่เราเองซึ่งก็เข้าทางย่าเขาล่ะ เราเป็นหัวแข็งไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่ย่าพยายามยัดให้เรากลายเป็นคนหัวอ่อนเหมือนพี่ ย่าเรายิ่งอคติมากขึ้น พอยิ่งมาอยู่บ้านเดียวยิ่งแย่ เรื่องดีๆระหว่างเรากับย่าก็มี แต่เรื่องแย่ๆเยอะกว่า เอาเป็นว่าเราทำทุกอย่างที่เขาไม่ชอบนั่นแหละ อันนี้เราผิด แต่ช่วงหลังๆเราเองก็ไม่ไหวเลยพยายามปรับเปลี่ยนตัวเอง เงียบมากขึ้น เปลี่ยนย่าไม่ได้ก็เปลี่ยนที่ตัวเองง่ายกว่า
   เหมือนจะดี แต่...เรามีเพื่อนแต่ชอบออกไปข้างนอกเจอเพื่อน ย่าเราก็คิดว่าเรามีแฟนและเริ่มไปเม้าท์กับเพื่อนบ้านบ้าง ญาติสนิทบ้าง คือเราไม่รู้เลยจนเพื่อนบ้านทักว่า 'เนี่ยย่าเขาบ่นๆว่าอยู่ไม่ติดบ้านเลยสงสัยมีแฟน'  ตามไสตล์ย่า ต้องหาแนวร่วมเสมอ ไม่ถามแต่คิดเองเออเอง ถือว่าตัวอาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมมองทุกอย่างถูก
   ต่อมา เราก็เริ่มรู้สึกแย่ แต่ไม่พูดอะไร และก็เริ่มอยู่บ้านมากขึ้น ก็เป็นเรื่องอีก เราโดนด่าทุกวันว่า อยู่บ้านไม่ทำอะไรขี้เกียจ งานบ้านไม่จับ. ก็เอาไปบ่นให้ญาติสนิทที่อยู่บ้านใกล้ๆกันฟังอีก แต่โชคดีที่เขาดันเห็นว่าเราทำไม่หยุดตั้งแต่ตื่นยันค่ำ ...แม้จะตื่นสายไปหน่อย
   แล้วก็รู้กันไปทั่วคุ้งน้ำ เอาไปฟ้องพ่อเราที่อยู่ตจว. ใส่ไข่เข้าไปหน่อยว่าเราเอาแต่แต่งตัวด้วย พ่อก็ได้แต่ยิ้มอ่อนมองหน้าลูกตัวเอง ว่าทุกวันนี้ใช้โฟมล้างหน้าก็ดีใจจะแย่ละ5555
    ต่อมาอีก โอโหยาวจัง5555 เราย้ายมาอยู่บ้านญาติซึ่งจ้างให้เราเลี้ยงหมาให้และดูแลบ้าน เราอ้วนขึ้นน้ำหนักขึ้นแปดโล เพราะบ้านนี้มีแต่ของอร่อยที่ไม่ค่อยได้กินตอนอยู่บ้านย่า. ก็นัดกันกับพี่สาวกับย่าไปกินข้าวด้วยบ่อยเพราะไม่ค่อยได้กลับบ้าน ย่าไม่เคยถามสารทุกข์สุขดิบเราซักครั้งเดียว พูดแต่ว่าสงสัยได้เงินเยอะล่ะสิ  มีแฟนเป็นพม่าแถวนั้นรึป่าวไม่ยอมกลับบ้าน อ้วนนะท้องหรือป่าว
     ทักแบบนี้ทุกครั้ง. แล้วก็เหมือนเดิมค่ะ หาแนวร่วม รู้กันทั่วทั้งคุ้งน้ำ ซึ่งเราไม่กลับบ้านก็เพราะเขานั่นแหละ พี่สาวเราเลยต้องรับกรรมแทนเราไป ช่วงแรกๆพี่สาวเราก็ดุว่าเราเถียงย่านั่นนี่ พอเราย้ายออกพี่สาวเลยรู้ซึ้งว่าเรานั้นโดนไม่ใช่น้อยเลย นี่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ย่าเคยด่าเรา ลามไปยันพ่อแม่เราแบบเสียหายๆ แถมยังเคยทวงบุญคุณเราด้วยว่า เราทำงานมีเงินต้องให้เขาด้วยเพราะเขาก็เคยให้อยู่ด้วยให้ข้าวกิน
     เราเกือบจะซึ้งสำนึกในบุญคุณ แต่พอนึกถึงสิ่งที่เขาเคยทำกับเรา เอาเราไปโพนทะนาเสียๆหายๆให้ชาวบ้านฟังเนี่ย เรารู้สึกว่าเขาไม่ควรได้เลย ยกเว้นเทศกาลที่ให้ตามธรรมเนียม แต่จะให้ประจำเลยนี่ต้องคิดอีกที เพราะย่ามีลูกสามคน แต่รักอาผู้ชายลูกคนกลางมากสุด เพราะหาเงินเก่งมีกิจการและให้เงินใช้ทุกเดือน เลยรักมากกว่า ส่วนอาคนเล็กซึ่งเราสนิทที่สุดก็เฉยๆไม่รักมากเท่าอาคนกลางเพราะเป็นลูกผู้หญิง ย่าชอบลูกผู้ชาย ส่วนพ่อเรา....
     ล่าสุดที่ผ่านมาแฟนพี่สาวขึ้นมาหาจากใต้ ออกไปเจอกัน พี่เราโดนย่าด่าเละเทะ พี่เราโทรมาเล่าให้ฟังทั้งน้ำตาประมานว่า ย่าด่าพี่ว่าออกไปมีอะไรกันดังลั่นสามบ้านแปดบ้าน ย่าก็รีบเคลมตัวเองก่อนเลยว่าถ้าท้องขึ้นมาฉันไม่เลี้ยงให้หรอกนะ ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ซึ่งความจริงแล้วทั้งคู่ไปเที่ยวเดินตลาดแถวรามกันเฉยๆค่ะ.
     พี่สาวเราเค้าก็น้อยใจด้วยเพราะรักย่าเหมือนแม่คนที่สอง แต่กลับมองไม่เห็นความดีที่เคยทำให้ย่าด้วยใจ แต่ลูกสาวของอาคนกลางนี่มีลูกตั้งแต่เรียนจบ ยกย่องเทิดทูนซื้อของไปให้ อาสาไปเลี้ยงลูกให้ ทั้งที่ไม่เคยมาดูแลหรืออะไรย่าเลย ทีเรากับพี่สาวนี่เป็นทุกอย่างให้เธอแล้วจริงๆ ไม่เห็นหรอกค่ะ รอวันพวกเราพลาดแล้วซ้ำเติมอย่างเดียว พูดง่ายๆว่า แสนดีกับคนอื่นยกเว้นครอบครัวเราค่ะ
    อีกหนึ่งวีรกรรมย่าคือ ปลุกเราตอนเที่ยงคืนให้เราขี่จักรยานเข้าไปในซอยไปดูเหตุไฟไหม้ ว่ามีคนรู้จักเป็นอะไรหรือไม่ เที่ยงคืนค่ะ.. พอเราไม่ไป ก็ด่าเราว่า จะนอนอะไรนักหนา เกิดเป็นคนรู้จักเขาตายขึ้นมาจะทำไง
เอิ่มม ก็เรื่องของเขามั้ย
      เราเลยรู้ว่า ย่าไม่เคยรักครอบครัวเราเลยย่าทำดีแสนดีกับคนอื่น เอาทุกอย่างให้คนอื่นได้ แต่แค่เรากินข้าวกลางวันครบสามมื้อยังด่าว่าจะกินอะไรมากมายมันเปลือง เราสาบานได้เลยว่าที่ผ่านมาที่เราทำทุกอย่างให้ย่านั้นมาจากใจจริงๆ.
     แต่ตอนนี้เราแทบไม่รู้สึกเคารพย่าอีกแล้ว เราได้แต่รู้กันสองคนพี่น้อง ไม่พูดให้ใครเพราะเกรงใจพ่อ. พี่สาวอายุสามสิบแล้วยังออกไปไหนไม่ได้ แค่ปากซอยยังโดนย่าหาว่า นัดผู้ชายไว้ ออกจากงานเดิมไปทำที่อื่นก็ไม่ได้ โดนหาว่าจะออกไปอยู่กับผู้ชาย ซึ่งพี่เราไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย พี่เราก็คอยบอกเราว่าอย่าไปเกลียดย่ามันบาป ความดีเขาก็มีไม่ใช่ไม่มี แต่เราอ่ะเกลียดเขาไปแล้ว หลายคนอาจมองว่าเรื่องแค่นี้เองเล็กๆ ทำไมต้องมาเป็นอารมณ์  เขาเป็นย่าแท้ๆ ที่เราเคยยกย่องเทิดทูนเขา พอเจอธาตุแท้เข้าไปเราก็รับไม่ได้อ่ะค่ะ อย่างกับนางร้ายในละคร
    จะว่าบาปก็บาป แต่เราหมดศรัทธาในตัวเขาแล้ว เราเลยคิดว่า เราจะไม่ยุ่งกับความเป็นอยู่ของเขา ย่ามั่นใจมากว่ายังไงเสียหลานที่เคยให้ข้าวให้น้ำมันต้องเลี้ยงดูยามแก่แน่ เขาเลยทำเหมือนเราเป็นของตาย แต่ที่แน่ๆ เราขอบายค่ะ ขอทดแทนผ่านอาคนเล็กละกัน
      อีกอย่างนึงคือ ย่าเคยหยิกเราจนเนื้อเขียวเพราะรับเงินอั่งเปาจากอาคนกลางห้าร้อยบาท และด่าว่าเราเห็นแก่เงิน😂😂😂
      ขออภัยที่เขียนยืดยาว เพราะอัดอั้นมากจริงๆ เป็นเรื่องจริงที่ประสบมาเองทั้งหมด ของคุณค่ะ แท็กผิดขออภัย.
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ปัญหาครอบครัว ปัญหาชีวิต ครอบครัว
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่