What To Say แตกแล้ว จะโยงไปหา How To Say
และก็จะตามมาด้วย Production
ถ้าเริ่มทำ เงินยังไม่เข้ามาซักบาท ก็ไปเริ่มต้นที่ซื้อของซะแล้วครับ เอางี้นะครับ ผมดีลงานกับบริษัททำ production บ่อยๆ พวกนี้เดี๋ยวนี้หลายๆที่
*เลิกซื้อของ* กันแล้วครับเพราะเทคโนโลยีมันเร็ว ซื้อวันนี้ พรุ่งนี้ราคาตก สรุปลงทุนมาครบชิ้น ยังไม่ใช้งาน มูลค่าก็หายไปแล้ว จะทำกี่งาน ให้คุ้มค่าของ พอใช้ไปได้พักนึง ก็ตกรุ่น ระบบการถ่ายทอดเปลี่ยนแปลง ก็ต้องวิ่งซื้อใหม่

ลองเริ่มจาก รูปแบบสารที่ต้องการสื่อ แล้วเลือกว่าจะสื่อแบบไหน อย่างไร
จากนั้นมาวางการถ่ายทำว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง มันทำได้ตั้งแต่มือถือถ่าย ไปจนถึงโรนินหลายตัว

youtuber ฉลาดๆหลายคน ใช้อุปกรณ์คือ มือถือ+ไมค์ไวร์เลส กับขาตั้ง ขายงานถ่ายตอนละ 200,000 ได้
นี่คือ "เสน่ห์" ของงาน vlog ครับ อย่าหลงงมงายกับอุปกรณ์ ที่ได้ภาพยิ่งใหญ่
ผมทำรายการ youtube เคยพลาดได้ producer หลงยุคหลุดมาจาก twenty century รายการเล็กๆ ขายมาได้ตอนละ แสน แต่อุปกรณ์การถ่าย ไฟ ระบบเสียง กล้อง เล่นกดงบไปกว่าครึ่งแล้ว ถ่ายให้ตายก็ไม่รวย ยิ่งทำยิ่งเจ๊ง

ตอนหลัง ผมลดเหลือ แสงธรรมชาติ DSLR 3 ตัว ตั้งขาตั้งกับมือถือนิ่งๆ insert เสียงไวร์เลสง่ายๆ 2 ตัว
ยอดคนดูเท่าเดิมกับกองถ่ายอลังการ เหลืองบถ่ายแค่ 30k ต่อตอน ที่งอกมาคือ "กำไร"

ตอนนี้รายการบางตัวที่ทำง่ายๆ ผมใช้มือถือ ต่อก้านถ่ายมือนิ่งๆ ใส่ไมค์ไวร์เลสเซ็ทให้มันฟังออก ถ้ารายการจริงจังหน่อยก็ใช้ DSLR ขาตั้งและถือถ่ายอีกตัว เท่านั้นเอง

คีย์มันมีแค่สองอย่างครับ
1.ภาพดูรู้เรื่อง
ใช้อะไรถ่ายก็ช่าง ดูรู้เรื่องก็พอ จะนิ่ง จะสั่นมากน้อย อยู่ที่ไสตล์และคนดู บางรูปแบบไม่จำเป็นต้องนิ่งสนิทเป๊ะครับ คนดูรับได้
2.เสียงฟังรู้เรื่อง
คือฟังออกว่าพูดว่าอะไร อันนี้ก็อยู่ที่บรรยากาศและสภาพแวดล้อมของการถ่ายทำ เลือกใช้กันได้ตามสะดวก ตั้งแต่ไมค์ตัวละหลายหมื่น ลงมาถึง สมอลทอล์คอันละ 80 บาท ต่อมือถืออัดเสียงมาซิงค์เอา ก็ยังทำงานได้

คุณซือกล้องเทพๆ กันสั่นมา แต่สุดท้าย คุณเน้นนั่งถ่าย นั่งคุย ตั้งขาตั้ง นั่นคือสิ่งที่คุณเปลืองเงินลงไปครับ
และการทำ vlog ที่ฉลาด คือการทำเรื่องง่ายๆให้ได้เนื้อหา ไม่ใช่ทำเนื้อหาง่ายๆให้มันยุ่งยาก