กราบสวัสดีชาวพันทิป ห้องบลูแพลเน็ตทุกท่านนะคะ เรามีเรื่องราวการไปเที่ยวจีนครั้งแรกในชีวิต ยังไม่พอค่ะ
ไปคนเดียวด้วย แถมเจอดีเข้าไปอีก เราเลยอยากจะแชร์ประสบการณ์ และความเจอดีที่ได้พบจากทริปซีอานนี้ ซึ่งกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเรา หากมีอะไรผิดพลาด ต้องขออภัยด้วยนะคะ
ทริปนี้มันเริ่มมาจาก..
เราเป็นพนักออฟฟิศทั่วๆไป ทำงาน 9 โมงเช้า เลิก 6 โมงเย็น วันๆก็นั่งอยู่แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ กดๆ คลิกๆ แล้วก็กลับบ้าน ชีวิตมันเนือยมากๆ เลยอยากออกไปเที่ยวเปิดหู เปิดตา เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เพื่อจะทำให้เรามีชีวิตชีวากว่านี้ แต่ว่า เอาจริงๆ อาจจะเป็นแค่เรา (หรือเปล่าไม่รู้) ที่ใช้ชีวิตโดยมี
เป้าหมายคือ
การเที่ยวแล้วตายจากโลกนี้ไป (เตือนก่อนว่า : มันไม่ดีนะ อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง 55555 ) ใช้เป็นแรงใจในการทำงาน ซึ่งสำหรับคนอื่น อาจจะไม่ใช่เรื่องเที่ยว แต่เราเชื่อว่าทุกคนต้องมีเรื่องแบบนี้อยู่ในใจแน่นอนอยู่แล้วแหละเน๊อะ
เมื่อชีวิตมันขาดรสชาติ เราก็ต้องออกไปตามหารสชาติให้ชีวิตกันสักหน่อย การหาที่เที่ยวจึงเริ่มต้นขึ้น ซึ่ง เ
รามีหนึ่งสถานที่ที่เป็น bucketlist ของชีวิตว่าต้องไปให้ได้สักครั้ง คือ สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ที่เมืองซีอาน แต่ไม่เคยได้ไปสักที เพราะไม่มีใครอยากไปเที่ยวจีนด้วยเลย ครั้งนี้เลยตัดสินใจจะไปดูสุสานจิ๋นซีของจริงให้ได้ ไม่ต้องแคร์ใครด้วยเพราะไปคนเดียว 55555 (แอบเศร้าเล็กๆ แต่ก็ยังโอเคอยู่)
ด้วยความที่ไม่เคยไปเที่ยวจีนมาก่อน ประกอบกับหารีวิวใน Pantip บ้าง ในเน็ตบ้าง ก็ได้รับคำแนะนำว่า ไปเที่ยวจีนเองแถมไปคนเดียวด้วยนั้น
อาจไม่ค่อยจะปลอดภัยเท่าไหร่ แถมที่บ้านก็ไม่ค่อยโอเค ถ้าจะ backpack ไปเที่ยวจีนเอง จึงลงความเห็นกันว่าถ้าอยากไป ก็ไปกับทัวร์สิ่!
ซึ่งสำหรับคนที่ไม่เคยคิดจะใช้บริการทัวร์อย่างเรานั้น ก็รู้สึกขัดใจ และคิดว่ามันไม่น่าจะดี และสนุกเท่ากับไปเองหรอก แต่ด้วยความที่ใจมันเรียกร้องง ก็เลยเปิดคอมหาทัวร์จีนที่จะพาเราไปเที่ยวสุสานจิ๋นซี แล้วก็ไปป๊ะกับแพ็คเกจทัวร์จีนของบริษัทที่มีโลโก้เป็นนกสีแดง (อยากรู้ หลังไมค์มาถามได้ค่ะ) อ่านพันทิปแล้วก็มีคนเคยไปอยู่นะ ไปดู Facebook เขาก็ดูเชื่อถือได้ เห็นราคาประมาณ 2 หมื่นนิดๆ ไม่เกินงบที่ตั้งไว้ ระยะเวลา 5 วัน 3 คืน บินกับ Nokscoot รวมวีซ่าแล้ว เราก็เลยไลน์ไปสอบถามข้อมูล เรื่องโน่นนี่นั่น แล้วก็จองเลย! ซึ่งเราว่าไปเที่ยวกับทัวร์ก็สบายดีนะ ไม่ต้องไปขอวีซ่าเอง เพราะเป็นแบบกรุ๊ป แค่ส่งพาสปอต จ่ายตังค์ ก็เสร็จละ เตรียมตัวไปเที่ยวเลย (ก็แอบสบายกว่าไปเองอยู่นะ 555555)
ความรู้สึกหลังจากโอนเงินแล้วคือหวั่นเล็กๆ ว่าเห๊ยย...
ไปเที่ยวจีนคนเดียวจริงๆเหรอวะ ? แล้วอีกอย่างก็คือ จะโดนทิ้งอยู่ที่สนามบินแบบในข่าวป่าววะ ? (เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่ไปทัวร์ครั้งแรก ต้องรู้สึกแบบเราแน่นอน ) ซึ่งพอไปบอกเพื่อน เพื่อนก็มาบลัฟเรื่องห้องน้ำอีก เอากันเข้าไป ก็เริ่มชักไม่มั่นใจ แต่เสียตังค์ไปแล้วอ่ะ มาขนาดนี้แล้ว จะยอมแพ้ไม่ได้!!!
ก่อนวันเดินทาง 2 วันก็มีพี่ไกด์โทรมานัดที่เจอที่สนามบิน พร้อมแนะนำเรื่องอากาศว่าค่อนข้างเย็นนะ ประมาณ
15 - 25 องศา ให้เตรียมเสื้อหนาวไปด้วย (เราไปช่วง
ต้นเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ซีอานพอดี) ก็โล่งใจไป เพราะโทรมานัดแบบนี้ ก็ไม่น่าจะโดนเทนะ (ตอนนั้นก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย 555555 น่าจะรอดแหละ)
ก่อนจะเริ่มต้น เราเกริ่นประวัติของเมืองซีอานนี้ให้ฟังกันสักหน่อย....
เมืองซีอาน (Xi’an) ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของจีนมายาวนานกว่า 13 ราชวงศ์ ทำให้ซีอานกลายเป็นเมืองที่ศูนย์รวมเรื่องราว และร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของประเทศจีน เรียกได้ว่าถ้าอยากสัมผัสประวัติศาสตร์ของจีน ต้องมาเที่ยวซีอานค่ะ นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก จึงนิยมมาเที่ยวซีอานกันอย่างคึกคักเลย
และแล้วก็ถึงวันเดินทาง ไฟล์ทเราค่อนข้างดึก บินตอน 3 ทุ่ม 40 นาที
ใช้เวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมงนิดๆ ก็มาถึงซีอานตอนตี 3 (ที่ซีอานจะเร็วกว่าเรา 1 ชั่วโมง) เจอไกด์ชาวจีน ชื่อว่า “ อาตี๋ ” ที่ถึงแม้จะเป็นคนจีนแท้ๆ แต่พูดภาษาไทยได้คล่องปรื๋อ เพราะพี่ตี๋เคยอยู่เมืองไทยมาหลายปี และยังเรียนมหาลัยที่เมืองไทยด้วย เอาจริงๆตอนนั้นเราจับใจความได้แค่นี้ เพราะจะน็อคแล้ว (ง่วงเหลือเกินแม่จ๋าา) เราหอบร่างอันเหน็ดเหนื่อยขึ้นรถบัสเพื่อไปยังโรงแรม จะได้นอนสักที!
เราได้งีบไป 3 ชั่วโมงนิดๆ โดยเราพักที่เราพักที่โรงแรม Titan Central Park ในเมืองซีอาน ถือว่าดีเลยล่ะค่ะ เตียงนุ่ม หลับสบาย ตื่นเช้ามาสดใส มีแรงเที่ยวซีอานแล้วทีนี้
สถานที่แรกที่เราไปก็คือ
วัดฝ่าเหมิน (Famen Temple) ค่ะ ซึ่งต้องนั่งรถออกมาจากตัวเมืองซีอานประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง โดยวัดฝ่าเหมินนี้ มีชื่อเสียงว่าเป็นที่ตั้งของพระบรมสารีริกธาตุ กระดูกข้อนิ้วของพระพุทธเจ้า ซึ่งวัดแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนวัดเก่า และส่วนที่สร้างใหม่ค่ะ
- วัดใหม่ : ก็จะอลังการนิดนึง มีแต่สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ มีพระพุทธรูปปางต่างๆ เป็นวัดที่อลังการเว่อร์วังมากค่ะ
- วัดเก่า : เป็นวัดดั้งเดิมที่มีอายุมากกว่า 1000 ปี เราจะได้เห็นเจดีย์ตั้งเด่นเป็นสง่า ซึ่งเจดีย์แห่งนี้ ได้รับการบูรณะมาแล้ว เพราะว่าเคยเกิดเหตุแผ่นดินไหวทำให้เจดีย์ดั้งเดิมได้รับความเสียหายค่ะ ภายในเจดีย์แห่งนี้แหละค่ะ คือไฮไลท์เด็ดของที่นี่ เพราะด้านใต้ฐานเจดีย์
เป็นที่ประดิษฐานของกระดูกนิ้วของพระพุทธเจ้านั่นเอง
แค่ที่แรกเราก็รู้
ได้ว่าเจอของดีแล้ว แบบว่ามันคาดไม่ถึงว่าที่เที่ยวจะดีขนาดนี้ คือมันเป็นของเก่า ไม่ว่าจะเป็นสมบัติเก่าที่อยู่ใต้ดินฐานเจดีย์ หรือกระดูกข้อนิ้วของพระพุทธเจ้า (เขาไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปเลยไม่ได้ถ่ายมาให้ดูกัน) คือเป็นของจริง เลยทำให้เรารู้สึกประทับใจตั้งแต่ที่แรกเลยค่ะ
จากนั้นเราต้องเดินทางข้ามมณฑลเทียนซุ่ย ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง แล้วก็เข้าห้องนอน พักเอาแรงเพื่อลุยต่อในวันพรุ่งนี้ค่ะ
โปรแกรมเที่ยววันนี้นั้นเราจะไปเที่ยวภูเขาหินสลักที่ชื่อว่า
ม่ายจีซาน แต่ก่อนจะไปพี่ตี๋จะพาเราไปไหว้ขอพรเรื่องสุขภาพที่ ศาลเจ้าฝูชี ก่อนค่ะ พี่ตี๋เล่าว่า ชาวจีนเชื่อว่าเป็นกลุ่มบรรพบุรุษของคนจีนที่เข้ามาตั้งรกราก จึงให้การเคารพบูชา และว่ากันว่าหากขอพรเกี่ยวกับสุขภาพ ก็จะสมปรารถนาค่ะ
ขอพรกันเสร็จเราก็ไปกันที่
ม่ายจีซาน (Majishan) ภูเขาที่มีรูปสลักของพระพุทธรูป ซึ่งถือศิลปะกรรมที่ยิ่งใหญ่
แถมยังถูก
สร้างขึ้นมาตั้งหลายพันปีอีกด้วยค่ะ คนโบราณนี่ก็ช่างขยันจริงๆ เพราะภูเขาลูกนี้ก็ตั้งอยู่ลึกเหมือนกัน บอกเลยว่า
มาเที่ยวที่นี่ต้องพกความฟิตมาด้วย นะคะ เพราะเราต้องค่อยๆปีนบันไดขึ้นไปชมความงามของหินสลักอย่างใกล้ชิด
จากนั้นก็นั่งรถกันต่อยาวๆ เพื่อกลับมายังเมืองซีอาน เพราะ
พรุ่งนี้เราจะไปสถานที่เราที่ตั้งตารอคอย ก็คือ สุสานจิ๋นซี นั่นเอง!
วะฮะฮ่าา...
ในที่สุดก็จะได้ไปเยือนสุสานจิ๋นซีกันแล้วว บอกเลยว่าเราตื่นเต้นมากๆ หนึ่งใน Bucketlist ของเรา จะได้ไปสักที การเดินทางไปสุสานจิ๋นซีนั้น เราก็ต้องนั่งรถออกมานอกตัวเมืองสักหน่อย แต่จำไม่ได้ว่านานเท่าไหร่ เพราะเราหลับค่ะ 5555555
แค่เดินผ่านทางเข้าประตูคนในกรุ๊ปทัวร์เราก็โดนแซงไปหลายแล้วค่ะ
พอมาถึงด้านหน้าของ
สุสานจิ๋นซี เราก็เห็นนักท่องเที่ยวชาวจีนมากมายเต็มไปหมด พี่ตี๋บอกว่านี่ถือว่าน้อยนะคะ ปกติจะเยอะกว่านี้ ยิ่งถ้าเป็นช่วงวันหยุดตรุษจีน คนจะเยอะขึ้นอีกเป็นหลายเท่าตัว แต่แค่นี้เราก็จะสู้พลังของชาวจีนไม่ไหวแล้วค่ะ แต่ละคนสกิลสูงกันเหลือเกิน
ผ่านประตูเข้ามาด้านในแล้ว เราก็จะได้เห็นอาคารซึ่งจะเป็นที่ตั้งของสุสานทหาร ซึ่งมีหลายหลุมมาก แต่เราจะเริ่มกันที่หลุมใหญ่ ไ
ฮไลต์เด็ดสุดที่หลายคนอาจจะได้เคยเห็นภาพกันบ่อยๆ แต่ก่อนจะเข้าไปดู พี่ตี๋ ไกด์จีนสุดหล่อของเราก็หันมาบอกว่า
“ ถ้าอยากเห็นทหารดินเผาแบบใกล้ๆ ต้องทิ้งนิสัยคนไทยไว้ด้านนอกนะครับ เพราะคนไทยมาเที่ยวแล้วไม่กล้าเบียด สุดท้ายไม่ได้ดู ดังนั้นถ้าอยากดู ต้องทิ้งมารยาทคนไทยไว้ด้านนอกนะครับ ” เอาจริงๆพอเข้าไป สกิลเราก็ยังสู้คนจีนไม่ได้อยู่ดี กว่าจะได้ไปยืนดูอยู่ด้านหน้า ก็เล่นเอาเหงื่อแตกเหมือนกันนะคะ
พอเราได้ไปยืนด้านหน้า เราก็ค่อยๆเพ่งมองหุ่นทีละตัว เพราะเคยได้ยินมาว่า
หน้าตาแต่ละตัวจะไม่เหมือนกันเลย เลยจะมาคอนเฟิร์มว่า
“ เรื่องจริงค่ะ ” เราไปนั่งเพ่งมา ไม่เหมือนกันเลยสักตัว แล้วแบบเป็นพันๆตัว ซึ่งถูกสร้างมานานกว่า 2000 พันปีแล้ว คือ
มันอลังการมากอ่ะ เราแบบอึ้งไปเลย แล้วคือหลุมใหญ่มากกก... แต่พี่ตี๋บอกว่าที่ขุดเจอนั้น เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กมากๆ จากทั้งหมด ลองจินตนาการกันดูนะคะสุสานของจิ๋นซีจริงๆนั้นจะยิ่งใหญ่ขนาดไหนกันน…
เราค่อยเดินดูไปเรื่อย อย่าพูดว่าเดินเลย เอาเป็นว่าใช้สกิลการเบียดของเรา ไปมุดดูเรื่อยๆ ไหนๆมาแล้ว ต้องเอาให้คุ้ม โดยตลอดเวลา พี่ตี๋จะคอยอธิบายผ่านหูฟัง ให้ฟังถึงเรื่องราวของสุสานจิ๋นซีแห่งนี้ตลอด พี่ตี๋เล่าว่า
ตอนขุดขึ้นมาตอนแรกนั้น ทหารแต่ละตัวมีสีทาติดมาด้วย แต่พอโดนอากาศด้านนอกไม่เกินอาทิตย์นึงก็หายไปหมด ทำให้ทางรัฐบาลจีนเลิกขุด จนกว่าจะหาเทคโนโลยีมารักษาสีของหุ่นแต่ละตัวได้ อีกทั้งยังมี
หุ่นบางตัวที่ถูกทำลายในช่วงสงคราม ก็ต้องนำมาบูรณะใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลาตั้งแต่ 1 เดือนจนถึง 1 ปีก็มีค่ะ
จากนั้นเราก็ไปดู 4 ทหารไฮไลต์ของสุสานจิ๋นซีแห่งนี้ โดยเขาจะจัดแสดงอยู่ในตู้กระจก โดยมีตั้งแต่นายทหาร นายพล โดยพี่ตี๋พาไปดูหุ่นท่านนายพล ซึ่งเป็นหุ่นที่สูงที่สุดที่ขุดเจอ เพราะมีความสูงถึง 194 เซนติเมตร หุ่นบางตัวที่จัดแสดงอยู่ในตู้กระจกนั้น ยังเหลือสีดั้งเดิมให้เราได้ชื่นชมด้วยล่ะค่ะ
เดี๋ยวมาต่อค่ะ โปรดติดตาม...
[CR] (CR) เที่ยวจีนกับทัวร์จีนครั้งแรก ก็เจอดี!
กราบสวัสดีชาวพันทิป ห้องบลูแพลเน็ตทุกท่านนะคะ เรามีเรื่องราวการไปเที่ยวจีนครั้งแรกในชีวิต ยังไม่พอค่ะไปคนเดียวด้วย แถมเจอดีเข้าไปอีก เราเลยอยากจะแชร์ประสบการณ์ และความเจอดีที่ได้พบจากทริปซีอานนี้ ซึ่งกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเรา หากมีอะไรผิดพลาด ต้องขออภัยด้วยนะคะ
ทริปนี้มันเริ่มมาจาก..
เราเป็นพนักออฟฟิศทั่วๆไป ทำงาน 9 โมงเช้า เลิก 6 โมงเย็น วันๆก็นั่งอยู่แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ กดๆ คลิกๆ แล้วก็กลับบ้าน ชีวิตมันเนือยมากๆ เลยอยากออกไปเที่ยวเปิดหู เปิดตา เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เพื่อจะทำให้เรามีชีวิตชีวากว่านี้ แต่ว่า เอาจริงๆ อาจจะเป็นแค่เรา (หรือเปล่าไม่รู้) ที่ใช้ชีวิตโดยมีเป้าหมายคือการเที่ยวแล้วตายจากโลกนี้ไป (เตือนก่อนว่า : มันไม่ดีนะ อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง 55555 ) ใช้เป็นแรงใจในการทำงาน ซึ่งสำหรับคนอื่น อาจจะไม่ใช่เรื่องเที่ยว แต่เราเชื่อว่าทุกคนต้องมีเรื่องแบบนี้อยู่ในใจแน่นอนอยู่แล้วแหละเน๊อะ
เมื่อชีวิตมันขาดรสชาติ เราก็ต้องออกไปตามหารสชาติให้ชีวิตกันสักหน่อย การหาที่เที่ยวจึงเริ่มต้นขึ้น ซึ่ง เรามีหนึ่งสถานที่ที่เป็น bucketlist ของชีวิตว่าต้องไปให้ได้สักครั้ง คือ สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ที่เมืองซีอาน แต่ไม่เคยได้ไปสักที เพราะไม่มีใครอยากไปเที่ยวจีนด้วยเลย ครั้งนี้เลยตัดสินใจจะไปดูสุสานจิ๋นซีของจริงให้ได้ ไม่ต้องแคร์ใครด้วยเพราะไปคนเดียว 55555 (แอบเศร้าเล็กๆ แต่ก็ยังโอเคอยู่)
ด้วยความที่ไม่เคยไปเที่ยวจีนมาก่อน ประกอบกับหารีวิวใน Pantip บ้าง ในเน็ตบ้าง ก็ได้รับคำแนะนำว่า ไปเที่ยวจีนเองแถมไปคนเดียวด้วยนั้น
อาจไม่ค่อยจะปลอดภัยเท่าไหร่ แถมที่บ้านก็ไม่ค่อยโอเค ถ้าจะ backpack ไปเที่ยวจีนเอง จึงลงความเห็นกันว่าถ้าอยากไป ก็ไปกับทัวร์สิ่!
ซึ่งสำหรับคนที่ไม่เคยคิดจะใช้บริการทัวร์อย่างเรานั้น ก็รู้สึกขัดใจ และคิดว่ามันไม่น่าจะดี และสนุกเท่ากับไปเองหรอก แต่ด้วยความที่ใจมันเรียกร้องง ก็เลยเปิดคอมหาทัวร์จีนที่จะพาเราไปเที่ยวสุสานจิ๋นซี แล้วก็ไปป๊ะกับแพ็คเกจทัวร์จีนของบริษัทที่มีโลโก้เป็นนกสีแดง (อยากรู้ หลังไมค์มาถามได้ค่ะ) อ่านพันทิปแล้วก็มีคนเคยไปอยู่นะ ไปดู Facebook เขาก็ดูเชื่อถือได้ เห็นราคาประมาณ 2 หมื่นนิดๆ ไม่เกินงบที่ตั้งไว้ ระยะเวลา 5 วัน 3 คืน บินกับ Nokscoot รวมวีซ่าแล้ว เราก็เลยไลน์ไปสอบถามข้อมูล เรื่องโน่นนี่นั่น แล้วก็จองเลย! ซึ่งเราว่าไปเที่ยวกับทัวร์ก็สบายดีนะ ไม่ต้องไปขอวีซ่าเอง เพราะเป็นแบบกรุ๊ป แค่ส่งพาสปอต จ่ายตังค์ ก็เสร็จละ เตรียมตัวไปเที่ยวเลย (ก็แอบสบายกว่าไปเองอยู่นะ 555555)
ความรู้สึกหลังจากโอนเงินแล้วคือหวั่นเล็กๆ ว่าเห๊ยย...ไปเที่ยวจีนคนเดียวจริงๆเหรอวะ ? แล้วอีกอย่างก็คือ จะโดนทิ้งอยู่ที่สนามบินแบบในข่าวป่าววะ ? (เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่ไปทัวร์ครั้งแรก ต้องรู้สึกแบบเราแน่นอน ) ซึ่งพอไปบอกเพื่อน เพื่อนก็มาบลัฟเรื่องห้องน้ำอีก เอากันเข้าไป ก็เริ่มชักไม่มั่นใจ แต่เสียตังค์ไปแล้วอ่ะ มาขนาดนี้แล้ว จะยอมแพ้ไม่ได้!!!
ก่อนวันเดินทาง 2 วันก็มีพี่ไกด์โทรมานัดที่เจอที่สนามบิน พร้อมแนะนำเรื่องอากาศว่าค่อนข้างเย็นนะ ประมาณ 15 - 25 องศา ให้เตรียมเสื้อหนาวไปด้วย (เราไปช่วงต้นเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ซีอานพอดี) ก็โล่งใจไป เพราะโทรมานัดแบบนี้ ก็ไม่น่าจะโดนเทนะ (ตอนนั้นก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย 555555 น่าจะรอดแหละ)
ก่อนจะเริ่มต้น เราเกริ่นประวัติของเมืองซีอานนี้ให้ฟังกันสักหน่อย....
เมืองซีอาน (Xi’an) ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของจีนมายาวนานกว่า 13 ราชวงศ์ ทำให้ซีอานกลายเป็นเมืองที่ศูนย์รวมเรื่องราว และร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของประเทศจีน เรียกได้ว่าถ้าอยากสัมผัสประวัติศาสตร์ของจีน ต้องมาเที่ยวซีอานค่ะ นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก จึงนิยมมาเที่ยวซีอานกันอย่างคึกคักเลย
และแล้วก็ถึงวันเดินทาง ไฟล์ทเราค่อนข้างดึก บินตอน 3 ทุ่ม 40 นาที ใช้เวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมงนิดๆ ก็มาถึงซีอานตอนตี 3 (ที่ซีอานจะเร็วกว่าเรา 1 ชั่วโมง) เจอไกด์ชาวจีน ชื่อว่า “ อาตี๋ ” ที่ถึงแม้จะเป็นคนจีนแท้ๆ แต่พูดภาษาไทยได้คล่องปรื๋อ เพราะพี่ตี๋เคยอยู่เมืองไทยมาหลายปี และยังเรียนมหาลัยที่เมืองไทยด้วย เอาจริงๆตอนนั้นเราจับใจความได้แค่นี้ เพราะจะน็อคแล้ว (ง่วงเหลือเกินแม่จ๋าา) เราหอบร่างอันเหน็ดเหนื่อยขึ้นรถบัสเพื่อไปยังโรงแรม จะได้นอนสักที!
เราได้งีบไป 3 ชั่วโมงนิดๆ โดยเราพักที่เราพักที่โรงแรม Titan Central Park ในเมืองซีอาน ถือว่าดีเลยล่ะค่ะ เตียงนุ่ม หลับสบาย ตื่นเช้ามาสดใส มีแรงเที่ยวซีอานแล้วทีนี้
สถานที่แรกที่เราไปก็คือ
วัดฝ่าเหมิน (Famen Temple) ค่ะ ซึ่งต้องนั่งรถออกมาจากตัวเมืองซีอานประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง โดยวัดฝ่าเหมินนี้ มีชื่อเสียงว่าเป็นที่ตั้งของพระบรมสารีริกธาตุ กระดูกข้อนิ้วของพระพุทธเจ้า ซึ่งวัดแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนวัดเก่า และส่วนที่สร้างใหม่ค่ะ
- วัดใหม่ : ก็จะอลังการนิดนึง มีแต่สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ มีพระพุทธรูปปางต่างๆ เป็นวัดที่อลังการเว่อร์วังมากค่ะ
- วัดเก่า : เป็นวัดดั้งเดิมที่มีอายุมากกว่า 1000 ปี เราจะได้เห็นเจดีย์ตั้งเด่นเป็นสง่า ซึ่งเจดีย์แห่งนี้ ได้รับการบูรณะมาแล้ว เพราะว่าเคยเกิดเหตุแผ่นดินไหวทำให้เจดีย์ดั้งเดิมได้รับความเสียหายค่ะ ภายในเจดีย์แห่งนี้แหละค่ะ คือไฮไลท์เด็ดของที่นี่ เพราะด้านใต้ฐานเจดีย์เป็นที่ประดิษฐานของกระดูกนิ้วของพระพุทธเจ้านั่นเอง
แค่ที่แรกเราก็รู้ได้ว่าเจอของดีแล้ว แบบว่ามันคาดไม่ถึงว่าที่เที่ยวจะดีขนาดนี้ คือมันเป็นของเก่า ไม่ว่าจะเป็นสมบัติเก่าที่อยู่ใต้ดินฐานเจดีย์ หรือกระดูกข้อนิ้วของพระพุทธเจ้า (เขาไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปเลยไม่ได้ถ่ายมาให้ดูกัน) คือเป็นของจริง เลยทำให้เรารู้สึกประทับใจตั้งแต่ที่แรกเลยค่ะ
จากนั้นเราต้องเดินทางข้ามมณฑลเทียนซุ่ย ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง แล้วก็เข้าห้องนอน พักเอาแรงเพื่อลุยต่อในวันพรุ่งนี้ค่ะ
โปรแกรมเที่ยววันนี้นั้นเราจะไปเที่ยวภูเขาหินสลักที่ชื่อว่า ม่ายจีซาน แต่ก่อนจะไปพี่ตี๋จะพาเราไปไหว้ขอพรเรื่องสุขภาพที่ ศาลเจ้าฝูชี ก่อนค่ะ พี่ตี๋เล่าว่า ชาวจีนเชื่อว่าเป็นกลุ่มบรรพบุรุษของคนจีนที่เข้ามาตั้งรกราก จึงให้การเคารพบูชา และว่ากันว่าหากขอพรเกี่ยวกับสุขภาพ ก็จะสมปรารถนาค่ะ
ขอพรกันเสร็จเราก็ไปกันที่ ม่ายจีซาน (Majishan) ภูเขาที่มีรูปสลักของพระพุทธรูป ซึ่งถือศิลปะกรรมที่ยิ่งใหญ่
แถมยังถูกสร้างขึ้นมาตั้งหลายพันปีอีกด้วยค่ะ คนโบราณนี่ก็ช่างขยันจริงๆ เพราะภูเขาลูกนี้ก็ตั้งอยู่ลึกเหมือนกัน บอกเลยว่า มาเที่ยวที่นี่ต้องพกความฟิตมาด้วย นะคะ เพราะเราต้องค่อยๆปีนบันไดขึ้นไปชมความงามของหินสลักอย่างใกล้ชิด
จากนั้นก็นั่งรถกันต่อยาวๆ เพื่อกลับมายังเมืองซีอาน เพราะพรุ่งนี้เราจะไปสถานที่เราที่ตั้งตารอคอย ก็คือ สุสานจิ๋นซี นั่นเอง!
วะฮะฮ่าา...ในที่สุดก็จะได้ไปเยือนสุสานจิ๋นซีกันแล้วว บอกเลยว่าเราตื่นเต้นมากๆ หนึ่งใน Bucketlist ของเรา จะได้ไปสักที การเดินทางไปสุสานจิ๋นซีนั้น เราก็ต้องนั่งรถออกมานอกตัวเมืองสักหน่อย แต่จำไม่ได้ว่านานเท่าไหร่ เพราะเราหลับค่ะ 5555555
พอมาถึงด้านหน้าของ สุสานจิ๋นซี เราก็เห็นนักท่องเที่ยวชาวจีนมากมายเต็มไปหมด พี่ตี๋บอกว่านี่ถือว่าน้อยนะคะ ปกติจะเยอะกว่านี้ ยิ่งถ้าเป็นช่วงวันหยุดตรุษจีน คนจะเยอะขึ้นอีกเป็นหลายเท่าตัว แต่แค่นี้เราก็จะสู้พลังของชาวจีนไม่ไหวแล้วค่ะ แต่ละคนสกิลสูงกันเหลือเกิน
ผ่านประตูเข้ามาด้านในแล้ว เราก็จะได้เห็นอาคารซึ่งจะเป็นที่ตั้งของสุสานทหาร ซึ่งมีหลายหลุมมาก แต่เราจะเริ่มกันที่หลุมใหญ่ ไฮไลต์เด็ดสุดที่หลายคนอาจจะได้เคยเห็นภาพกันบ่อยๆ แต่ก่อนจะเข้าไปดู พี่ตี๋ ไกด์จีนสุดหล่อของเราก็หันมาบอกว่า “ ถ้าอยากเห็นทหารดินเผาแบบใกล้ๆ ต้องทิ้งนิสัยคนไทยไว้ด้านนอกนะครับ เพราะคนไทยมาเที่ยวแล้วไม่กล้าเบียด สุดท้ายไม่ได้ดู ดังนั้นถ้าอยากดู ต้องทิ้งมารยาทคนไทยไว้ด้านนอกนะครับ ” เอาจริงๆพอเข้าไป สกิลเราก็ยังสู้คนจีนไม่ได้อยู่ดี กว่าจะได้ไปยืนดูอยู่ด้านหน้า ก็เล่นเอาเหงื่อแตกเหมือนกันนะคะ
พอเราได้ไปยืนด้านหน้า เราก็ค่อยๆเพ่งมองหุ่นทีละตัว เพราะเคยได้ยินมาว่าหน้าตาแต่ละตัวจะไม่เหมือนกันเลย เลยจะมาคอนเฟิร์มว่า “ เรื่องจริงค่ะ ” เราไปนั่งเพ่งมา ไม่เหมือนกันเลยสักตัว แล้วแบบเป็นพันๆตัว ซึ่งถูกสร้างมานานกว่า 2000 พันปีแล้ว คือมันอลังการมากอ่ะ เราแบบอึ้งไปเลย แล้วคือหลุมใหญ่มากกก... แต่พี่ตี๋บอกว่าที่ขุดเจอนั้น เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กมากๆ จากทั้งหมด ลองจินตนาการกันดูนะคะสุสานของจิ๋นซีจริงๆนั้นจะยิ่งใหญ่ขนาดไหนกันน…
เราค่อยเดินดูไปเรื่อย อย่าพูดว่าเดินเลย เอาเป็นว่าใช้สกิลการเบียดของเรา ไปมุดดูเรื่อยๆ ไหนๆมาแล้ว ต้องเอาให้คุ้ม โดยตลอดเวลา พี่ตี๋จะคอยอธิบายผ่านหูฟัง ให้ฟังถึงเรื่องราวของสุสานจิ๋นซีแห่งนี้ตลอด พี่ตี๋เล่าว่า ตอนขุดขึ้นมาตอนแรกนั้น ทหารแต่ละตัวมีสีทาติดมาด้วย แต่พอโดนอากาศด้านนอกไม่เกินอาทิตย์นึงก็หายไปหมด ทำให้ทางรัฐบาลจีนเลิกขุด จนกว่าจะหาเทคโนโลยีมารักษาสีของหุ่นแต่ละตัวได้ อีกทั้งยังมีหุ่นบางตัวที่ถูกทำลายในช่วงสงคราม ก็ต้องนำมาบูรณะใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลาตั้งแต่ 1 เดือนจนถึง 1 ปีก็มีค่ะ
จากนั้นเราก็ไปดู 4 ทหารไฮไลต์ของสุสานจิ๋นซีแห่งนี้ โดยเขาจะจัดแสดงอยู่ในตู้กระจก โดยมีตั้งแต่นายทหาร นายพล โดยพี่ตี๋พาไปดูหุ่นท่านนายพล ซึ่งเป็นหุ่นที่สูงที่สุดที่ขุดเจอ เพราะมีความสูงถึง 194 เซนติเมตร หุ่นบางตัวที่จัดแสดงอยู่ในตู้กระจกนั้น ยังเหลือสีดั้งเดิมให้เราได้ชื่นชมด้วยล่ะค่ะ
เดี๋ยวมาต่อค่ะ โปรดติดตาม...
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้