เมื่อพูดถึงสถานที่ สวยระดับ World-class ต้องมี Patagonia อยู่ในลิสของใครหลายๆแน่นอน
ทริปนี้เกิดจากบริษัทมีวันหยุดยาวช่วง Golden Week (ปลายเดือนเมษายน ถึง ต้นเดือนพฤษภาคม) ต้องหาที่เที่ยวให้ได้ ญี่ปุ่น เกาหลีนั้นไม่ใช่ทาง บวกกับราคาตั๋วของเอธิโอเปี่ยนแอร์ไลน์ไปบัวโนสไอเรสที่ถูกมากๆๆ เลยได้เกิดเป็นทริปนี้ขึ้นมาครับ
การเดินทาง
การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปอเมริกาใต้นั้น ตัวเลือกมีไม่มากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเลือกสายการบินอาหรับ แล้วไปต่อเครื่องแถวตะวันออกกลาง แต่ช่วงที่ผมเดินทางนั้น ตั๋วที่ออกจากกรุงเทพฯ ราคาพุ่งไปเกือบ 70,000 บาท กดไปกดมา [ต้องขอบคุณ skyscanner] ราคาที่เป็นไปได้ กับระยะเวลาเดินทางที่สมเหตุสมผล เลยเป็น Ethiopian Airlines โดยเลือกตั๋วที่ออกเดินทางจาก Kuala Lumpur ผมได้มาในราคา 35,000 บาท แม้จะซื้อตั๋วแยกอีกใบ จากกรุงเทพไปกัวลาฯ แล้ว ราคาก็ยังถูกกว่าเกือบครึ่ง
โดยรูทจะเป็น Bangkok – Kuala Lumpur, Kuala Lumpur – Addis Ababa (via Singapore) , Addis Ababa – Buenos Aires (via São Paulo), Buenos Aires – El Calafate ออกเดินทางวันที่ 27 เมษายน ถึง El Calafate วันที่ 29 เมษายน รวมระยะเวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 42 ชั่วโมงครับ
การเดินทาง รวมถึงการแวะต่อเครื่องที่ Addis Ababa เป็นช่วงเวลาที่ไม่น่าจดจำที่สุดของทริปแล้วครับ ถ้าใครเคยมีประสบการณ์ต่อเครื่องที่ Addis Ababa คงจะเข้าใจในความรู้สึกของผมได้เป็นอย่างดี T T
สภาพสนามบิน ไม่ต่างจากสถานีขนส่งรถโดยสารเท่าไหร่ ป้ายแสดงข้อมูลการเดินทางค่อนข้างน้อย ไม่ชัดเจน ทำให้ผู้โดยสารสับสน ลงเครื่องมาง่วงๆ เจอแบบนี้ตื่นทันทีเลยครับ เข้าใจว่าสนามบินอยู่ในช่วงปรับปรุงใหม่ หลังจากปรับปรุงเสร็จแล้วคงจะสะดวกสบายกว่านี้ โชคดีอีกอย่างคือทริปนี้ ป้าEthiopian ไม่ดีเลย์เลยครับ ออกตรงเวลามาก
แค่วิวเทือกเขาแอนดีสจากบนเครื่อง ก่อนถึงเมืองEl Calafate ก็ทำให้ตื่นเต้นแล้ว
El Calafate
เมืองศูนย์กลางของการท่องเที่ยว Patagonia ฝั่งArgentina มีทัวร์ต่างๆ มากมายออกจากเมืองนี้ รวมทั้ง Day trip ไป Torres Del Paine ก็หาได้จากที่นี่ รถโดยสารไปเมือง Puerto Natales ฝั่งChile ก็ขึ้นได้จากเมืองนี้เช่นกัน ตัวเมืองค่อนข้างปลอดภัย ผมเดินไปกินข้าวตอน2ทุ่มก็ยังไม่น่ากลัวครับ
Perito Moreno
ธารน้ำแข็งที่เป็นส่วนหนึ่งของอุทยาน Los Glaciares ซึ่งธารน้ำแข็งของอุทยานนี้ใหญ่เป็นอันดับ3ของโลก รองจาก Antarctica และ Greenland เท่านั้นเอง ใช้เวลาเดินทางจาก El Calafate ประมาณ 90 นาที โดยผมเลือกทัวร์สำหรับกิจกรรมที่เรียกว่า Big Ice Trekking ซึ่งเป็นการเดินชมธารน้ำแข็งอย่างใกล้ชิด
การเดินบนธารน้ำแข็งจะต้องใส่ Crampons ลักษณะเป็นหนามไว้เจาะลงในน้ำแข็ง จำได้ตอนนั้นคือขาระบมมาก เพราะทุกก้าวที่เดินต้องกระแทกเท้าลงไปด้วย แต่ประสบการณ์ที่ได้ เรียกว่าโคตรคุ้มครับ
Glacier ranger กำลังเจาะให้ดูความลึกของน้ำแข็ง
Lucky Day
1.เป็นวันสุดท้ายที่อุทยานให้เดินบนธารน้ำแข็งแบบ Big Ice เพราะกำลังเข้าฤดูหนาว จะเปิดอีกที พฤศจิกายน นู่นเลย
2.อากาศวันนี้เป็นใจมากๆ ฟ้าใส ไม่มีฝน ไม่มีลมแรง หมอกก็ไม่มี เห็นวิวได้แบบเต็มๆตา
El Chalten
การเดินทางจาก El Calafate ใช้เวลาเดินทางโดยรถบัสประมาณ3ชั่วโมง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แนะนำให้จองออนไลน์ เพราะกันที่นั่งเต็ม ได้เลือกที่นั่งล่วงหน้าด้วย แถมBus Terminalใหม่นี้ ก็อยู่ไกลเมืองเกือบ2กิโล การจะไปwalk-in อาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่ ทางไปจองตามเว็บนี้เลยครับ http://www.chaltentravel.com/main.php แนะนำให้เลือกที่นั่งหน้าสุดเพื่อวิว Fitz Roy แบบเต็มตา
เมือง El Chalten เมืองเล็กล้อมรอบด้วยภูเขา เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาชมยอดเขา Fitz Roy อย่างใกล้ชิด มีเส้นทางให้เลือกมากมายทั้ง Day-trek และแบบกางเต็นท์นอนในอุทยาน แต่ที่นิยมและถือเป็นภาคบังคับเลยจะมีอยู่ 2 trails 1.Laguna Torre เพื่อไปชมทะเลสาบล้อมรอบด้วยภูเขา ปลายสายตาจะเป็นยอดเขา Torre และ 2.Laguna de los tres เพื่อไปชมยอดเขา Fitz Roy เส้นทางนี้จะโหดกว่าทางแรก มีปีนป่ายพอสมควร
เมืองนี้มีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับ El Calafate มีถนนเส้นหลักเส้นเดียว ชื่อว่า San Martin ที่พักส่วนใหญ่จะเป็น Hostel สัญญาณโทรศัพท์ถ้าเลือกเครือข่าย Claro คือจะบอดสนิทสำหรับเมืองนี้ ให้เลือกเป็น Movistar แทนครับ
Laguna Torre
เป็นเส้นทางเดินป่าไปชม Laguna Torre ระยะทางประมาณ10 กิโลเมตร ถ้าไปกลับก็คูณ2เข้าไป เส้นนี้เดินง่ายสุดแล้วครับ เลยเลือกTrekเส้นนี้ก่อน เดินง่าย ป้ายบอกทางทำไว้ชัดเจน เดินคนเดียวไม่มีหลง มีบางช่วงที่อยู่ๆ ทางก็หายไปดื้อๆ เดินงงอยู่เหมือนกัน
ผมเริ่มเดินออกจากที่พัก ประมาณ 7.30 เพราะรู้ตัวว่าเดินช้าและแวะถ่ายรูปบ่อย พอเดินไปได้ซัก700เมตร งานเข้าครับ ผมลืมแบตสำรองกล้องไว้ที่ห้องพัก ทำให้เสียเวลาเดินย้อนกลับไปอีก ภาพนี้เป็นจุดแรกที่จะเห็นยอด Torre แต่อากาศไม่เป็นใจมีแต่หมอกเต็มไปหมด
มีป้ายเตือน Puma ให้พอได้ตื่นเต้น !!!
ระหว่างเดินถ้ากระหายน้ำ สามารถเอาขวดน้ำไปกรอกตามลำธารได้เลย น้ำในอุทยานสามารถดื่มได้ เย็นชื่นใจ
แล้ววันนี้ก็ไม่ใช่ Lucky day ของผมเลย หลังจากนั่งรอให้ฟ้าเปิดอยู่พักใหญ่ Torre ก็ยังคงขี้อาย ฟ้าเน่ามาก
ขาตั้งกล้องผู้มีพระคุณ ไม่งั้นคงไม่มีรูปถ่ายตัวเองกลับมาเลย 555
[CR] Southern Patagonia ใครไม่เนีย! พาตาโกเนีย
ทริปนี้เกิดจากบริษัทมีวันหยุดยาวช่วง Golden Week (ปลายเดือนเมษายน ถึง ต้นเดือนพฤษภาคม) ต้องหาที่เที่ยวให้ได้ ญี่ปุ่น เกาหลีนั้นไม่ใช่ทาง บวกกับราคาตั๋วของเอธิโอเปี่ยนแอร์ไลน์ไปบัวโนสไอเรสที่ถูกมากๆๆ เลยได้เกิดเป็นทริปนี้ขึ้นมาครับ
การเดินทาง
การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปอเมริกาใต้นั้น ตัวเลือกมีไม่มากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเลือกสายการบินอาหรับ แล้วไปต่อเครื่องแถวตะวันออกกลาง แต่ช่วงที่ผมเดินทางนั้น ตั๋วที่ออกจากกรุงเทพฯ ราคาพุ่งไปเกือบ 70,000 บาท กดไปกดมา [ต้องขอบคุณ skyscanner] ราคาที่เป็นไปได้ กับระยะเวลาเดินทางที่สมเหตุสมผล เลยเป็น Ethiopian Airlines โดยเลือกตั๋วที่ออกเดินทางจาก Kuala Lumpur ผมได้มาในราคา 35,000 บาท แม้จะซื้อตั๋วแยกอีกใบ จากกรุงเทพไปกัวลาฯ แล้ว ราคาก็ยังถูกกว่าเกือบครึ่ง
โดยรูทจะเป็น Bangkok – Kuala Lumpur, Kuala Lumpur – Addis Ababa (via Singapore) , Addis Ababa – Buenos Aires (via São Paulo), Buenos Aires – El Calafate ออกเดินทางวันที่ 27 เมษายน ถึง El Calafate วันที่ 29 เมษายน รวมระยะเวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 42 ชั่วโมงครับ การเดินทาง รวมถึงการแวะต่อเครื่องที่ Addis Ababa เป็นช่วงเวลาที่ไม่น่าจดจำที่สุดของทริปแล้วครับ ถ้าใครเคยมีประสบการณ์ต่อเครื่องที่ Addis Ababa คงจะเข้าใจในความรู้สึกของผมได้เป็นอย่างดี T T
สภาพสนามบิน ไม่ต่างจากสถานีขนส่งรถโดยสารเท่าไหร่ ป้ายแสดงข้อมูลการเดินทางค่อนข้างน้อย ไม่ชัดเจน ทำให้ผู้โดยสารสับสน ลงเครื่องมาง่วงๆ เจอแบบนี้ตื่นทันทีเลยครับ เข้าใจว่าสนามบินอยู่ในช่วงปรับปรุงใหม่ หลังจากปรับปรุงเสร็จแล้วคงจะสะดวกสบายกว่านี้ โชคดีอีกอย่างคือทริปนี้ ป้าEthiopian ไม่ดีเลย์เลยครับ ออกตรงเวลามาก
แค่วิวเทือกเขาแอนดีสจากบนเครื่อง ก่อนถึงเมืองEl Calafate ก็ทำให้ตื่นเต้นแล้ว
El Calafate
เมืองศูนย์กลางของการท่องเที่ยว Patagonia ฝั่งArgentina มีทัวร์ต่างๆ มากมายออกจากเมืองนี้ รวมทั้ง Day trip ไป Torres Del Paine ก็หาได้จากที่นี่ รถโดยสารไปเมือง Puerto Natales ฝั่งChile ก็ขึ้นได้จากเมืองนี้เช่นกัน ตัวเมืองค่อนข้างปลอดภัย ผมเดินไปกินข้าวตอน2ทุ่มก็ยังไม่น่ากลัวครับ
Perito Moreno
ธารน้ำแข็งที่เป็นส่วนหนึ่งของอุทยาน Los Glaciares ซึ่งธารน้ำแข็งของอุทยานนี้ใหญ่เป็นอันดับ3ของโลก รองจาก Antarctica และ Greenland เท่านั้นเอง ใช้เวลาเดินทางจาก El Calafate ประมาณ 90 นาที โดยผมเลือกทัวร์สำหรับกิจกรรมที่เรียกว่า Big Ice Trekking ซึ่งเป็นการเดินชมธารน้ำแข็งอย่างใกล้ชิด
การเดินบนธารน้ำแข็งจะต้องใส่ Crampons ลักษณะเป็นหนามไว้เจาะลงในน้ำแข็ง จำได้ตอนนั้นคือขาระบมมาก เพราะทุกก้าวที่เดินต้องกระแทกเท้าลงไปด้วย แต่ประสบการณ์ที่ได้ เรียกว่าโคตรคุ้มครับGlacier ranger กำลังเจาะให้ดูความลึกของน้ำแข็ง
Lucky Day
1.เป็นวันสุดท้ายที่อุทยานให้เดินบนธารน้ำแข็งแบบ Big Ice เพราะกำลังเข้าฤดูหนาว จะเปิดอีกที พฤศจิกายน นู่นเลย
2.อากาศวันนี้เป็นใจมากๆ ฟ้าใส ไม่มีฝน ไม่มีลมแรง หมอกก็ไม่มี เห็นวิวได้แบบเต็มๆตา
El Chalten
การเดินทางจาก El Calafate ใช้เวลาเดินทางโดยรถบัสประมาณ3ชั่วโมง [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมือง El Chalten เมืองเล็กล้อมรอบด้วยภูเขา เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาชมยอดเขา Fitz Roy อย่างใกล้ชิด มีเส้นทางให้เลือกมากมายทั้ง Day-trek และแบบกางเต็นท์นอนในอุทยาน แต่ที่นิยมและถือเป็นภาคบังคับเลยจะมีอยู่ 2 trails 1.Laguna Torre เพื่อไปชมทะเลสาบล้อมรอบด้วยภูเขา ปลายสายตาจะเป็นยอดเขา Torre และ 2.Laguna de los tres เพื่อไปชมยอดเขา Fitz Roy เส้นทางนี้จะโหดกว่าทางแรก มีปีนป่ายพอสมควร เมืองนี้มีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับ El Calafate มีถนนเส้นหลักเส้นเดียว ชื่อว่า San Martin ที่พักส่วนใหญ่จะเป็น Hostel สัญญาณโทรศัพท์ถ้าเลือกเครือข่าย Claro คือจะบอดสนิทสำหรับเมืองนี้ ให้เลือกเป็น Movistar แทนครับ
Laguna Torre
เป็นเส้นทางเดินป่าไปชม Laguna Torre ระยะทางประมาณ10 กิโลเมตร ถ้าไปกลับก็คูณ2เข้าไป เส้นนี้เดินง่ายสุดแล้วครับ เลยเลือกTrekเส้นนี้ก่อน เดินง่าย ป้ายบอกทางทำไว้ชัดเจน เดินคนเดียวไม่มีหลง มีบางช่วงที่อยู่ๆ ทางก็หายไปดื้อๆ เดินงงอยู่เหมือนกัน
ผมเริ่มเดินออกจากที่พัก ประมาณ 7.30 เพราะรู้ตัวว่าเดินช้าและแวะถ่ายรูปบ่อย พอเดินไปได้ซัก700เมตร งานเข้าครับ ผมลืมแบตสำรองกล้องไว้ที่ห้องพัก ทำให้เสียเวลาเดินย้อนกลับไปอีก ภาพนี้เป็นจุดแรกที่จะเห็นยอด Torre แต่อากาศไม่เป็นใจมีแต่หมอกเต็มไปหมด มีป้ายเตือน Puma ให้พอได้ตื่นเต้น !!!
ระหว่างเดินถ้ากระหายน้ำ สามารถเอาขวดน้ำไปกรอกตามลำธารได้เลย น้ำในอุทยานสามารถดื่มได้ เย็นชื่นใจ
แล้ววันนี้ก็ไม่ใช่ Lucky day ของผมเลย หลังจากนั่งรอให้ฟ้าเปิดอยู่พักใหญ่ Torre ก็ยังคงขี้อาย ฟ้าเน่ามากขาตั้งกล้องผู้มีพระคุณ ไม่งั้นคงไม่มีรูปถ่ายตัวเองกลับมาเลย 555