เรามีแผนจะสมัครเรียนที่นี่ หลักสูตร MBA ภาคปกติ ตอนนี้เรายังไม่สอบ CU-TEP กับ CU-BEST แต่เราคิดว่าสอบพวกนี้คงไม่น่ากลัวเท่าสอบสัมภาษณ์
เราอยากรู้ว่า ถ้าเราสมัคร MBA ที่นี่ แต่เราไม่ได้มีธุรกิจส่วนตัว เราเป็นแค่พนักงานระดับล่างอยู่ในหน่วยงานรัฐ และไม่ได้ทำงานอื่นเสริม เราจะเสียเปรียบคนอื่นหรือเปล่าในตอนสัมภาษณ์ ตอนที่เราไปสมัครเรียน เราคงอายุ 28 ขึ้นไปแล้ว แต่เราจะเลือกเรียนหลักสูตรปกติ กรรมการสัมภาษณ์จะคาดหวังหรือเปล่าว่าเราควรมีธุรกิจหรือมีอะไรเป็นของตัวเอง
และถ้ากรรมการถามว่ามาเรียน MBA เพื่ออะไร แล้วเราตอบว่าเพราะอยากทำธุรกิจส่วนตัว เราจะโดนจี้ถามรายละเอียดไหมว่าอยากทำธุรกิจอะไร เพราะตอนนี้เรายังไม่รู้เลย เรารู้แค่ว่าเราไม่อยากเป็นลูกจ้างอีกแล้ว เพราะไหนจะมีปัญหากับหัวหน้า และยังถูกมอบหมายงานที่ตัวเองไม่ชอบและไม่ถนัดอีก (ขนาดยังไม่ถึงปีนะ) ตอน ป.ตรี เราเรียนจบสาขา HR จากมหาลัยอื่น เราก็รู้สึกว่าเราไม่อยากทำงาน HR อีกแล้ว เพราะต้องประสานงานกับคนเยอะ และมักเป็นเรื่องทีชวนให้ไม่สบายใจด้วย
จริงๆเราสมัครเรียน ป.โท เพราะอยากหาเรื่องลาออกจากงานต่างหาก แต่พ่อแม่ไม่อยากให้ออก เราจึงต้องหาทางลาออกด้วยสาเหตุที่จะทำให้พ่อแม่ยอมรับได้ เราจะใช้เหตุผลนี้มาเป็นแรงผลักดันในการสอบเข้า แต่เราก็อยากเรียน MBA ที่จุฬาอยู่แล้ว ใฝ่ฝันมานานแล้ว เราเคยคิดอย่างโลกสวยว่าถ้าเราทำงานสัก 2 ปีในหน่วยงานปัจจุบัน เราอาจขอทุนเรียนต่อจากหน่วยงานได้ เรียนภาคพิเศษ เรียนไปทำงานไป แต่ตอนนี้เราตัดสินใจจะไม่ขอแล้ว เพราะไม่รู้ว่าขอแล้วจะได้ไหม แล้วมีเงื่อนไขว่าต้องทำงานกับเขาต่ออย่างน้อย 5 ปี มันนานเกินสำหรับเรา เพราะแค่ปีเดียวสำหรับเราก็ว่านานแล้ว
แล้วถ้ากรรมการสัมภาษณ์ถามเราว่า เรามีจุดอ่อนอะไร ถ้าเราตอบว่า เราเป็นคนพูดไม่เก่ง เครียดง่าย และไม่ชอบประสานงานกับคนมากๆ แบบนี้กรรมการจะปรับเราตกไหม เขาจะอ้างไหมว่าเรียน MBA ต้องพูดและประสานงานเก่งๆ
เราเป็นคนถนัดเรียนมากกว่าทำงาน เคยได้เกียรตินิยมตอน ป.ตรี แต่ตอน ป.ตรีเราไม่ได้เรียนที่จุฬา เราอยากขอคำแนะนำว่าเราควรเตรียมตัวอย่างไร เพื่อให้เราสามารถสอบสัมภาษณ์ผ่านไปด้วยดี เราอยากเรียนจริง
ใครเรียน MBA จุฬาฯ บ้าง สอบสัมภาษณ์ยากไหม
เราอยากรู้ว่า ถ้าเราสมัคร MBA ที่นี่ แต่เราไม่ได้มีธุรกิจส่วนตัว เราเป็นแค่พนักงานระดับล่างอยู่ในหน่วยงานรัฐ และไม่ได้ทำงานอื่นเสริม เราจะเสียเปรียบคนอื่นหรือเปล่าในตอนสัมภาษณ์ ตอนที่เราไปสมัครเรียน เราคงอายุ 28 ขึ้นไปแล้ว แต่เราจะเลือกเรียนหลักสูตรปกติ กรรมการสัมภาษณ์จะคาดหวังหรือเปล่าว่าเราควรมีธุรกิจหรือมีอะไรเป็นของตัวเอง
และถ้ากรรมการถามว่ามาเรียน MBA เพื่ออะไร แล้วเราตอบว่าเพราะอยากทำธุรกิจส่วนตัว เราจะโดนจี้ถามรายละเอียดไหมว่าอยากทำธุรกิจอะไร เพราะตอนนี้เรายังไม่รู้เลย เรารู้แค่ว่าเราไม่อยากเป็นลูกจ้างอีกแล้ว เพราะไหนจะมีปัญหากับหัวหน้า และยังถูกมอบหมายงานที่ตัวเองไม่ชอบและไม่ถนัดอีก (ขนาดยังไม่ถึงปีนะ) ตอน ป.ตรี เราเรียนจบสาขา HR จากมหาลัยอื่น เราก็รู้สึกว่าเราไม่อยากทำงาน HR อีกแล้ว เพราะต้องประสานงานกับคนเยอะ และมักเป็นเรื่องทีชวนให้ไม่สบายใจด้วย
จริงๆเราสมัครเรียน ป.โท เพราะอยากหาเรื่องลาออกจากงานต่างหาก แต่พ่อแม่ไม่อยากให้ออก เราจึงต้องหาทางลาออกด้วยสาเหตุที่จะทำให้พ่อแม่ยอมรับได้ เราจะใช้เหตุผลนี้มาเป็นแรงผลักดันในการสอบเข้า แต่เราก็อยากเรียน MBA ที่จุฬาอยู่แล้ว ใฝ่ฝันมานานแล้ว เราเคยคิดอย่างโลกสวยว่าถ้าเราทำงานสัก 2 ปีในหน่วยงานปัจจุบัน เราอาจขอทุนเรียนต่อจากหน่วยงานได้ เรียนภาคพิเศษ เรียนไปทำงานไป แต่ตอนนี้เราตัดสินใจจะไม่ขอแล้ว เพราะไม่รู้ว่าขอแล้วจะได้ไหม แล้วมีเงื่อนไขว่าต้องทำงานกับเขาต่ออย่างน้อย 5 ปี มันนานเกินสำหรับเรา เพราะแค่ปีเดียวสำหรับเราก็ว่านานแล้ว
แล้วถ้ากรรมการสัมภาษณ์ถามเราว่า เรามีจุดอ่อนอะไร ถ้าเราตอบว่า เราเป็นคนพูดไม่เก่ง เครียดง่าย และไม่ชอบประสานงานกับคนมากๆ แบบนี้กรรมการจะปรับเราตกไหม เขาจะอ้างไหมว่าเรียน MBA ต้องพูดและประสานงานเก่งๆ
เราเป็นคนถนัดเรียนมากกว่าทำงาน เคยได้เกียรตินิยมตอน ป.ตรี แต่ตอน ป.ตรีเราไม่ได้เรียนที่จุฬา เราอยากขอคำแนะนำว่าเราควรเตรียมตัวอย่างไร เพื่อให้เราสามารถสอบสัมภาษณ์ผ่านไปด้วยดี เราอยากเรียนจริง