ปีนเขาส่วนใหญ่ ไปนอนในป่า
ต้องเตรียมเต็นท์ เตรียมอะไร
แต่บอกเลยว่ามาที่นี่ ไม่ต้อง!!!
เอาแค่ ใจ และถุงนอนมา ก็พอ!!!!!!!
(อาหารกับน้ำด้วยนะ เดี๋ยวอดตาย แต่ด้านบน
มีน้ำสำหรับกินดื่มได้นะครับ หมีหมูลองกันมาละ สบ๊ายยยย)
==================================================
"ผาหินกูบ" จังหวัด จันทบุรี
อาจเป็นชื่อที่ไม่ได้คุ้นหูกันมากนัก
เพราะหากเราจะกล่าวถึงการเดินป่า ขึ้นเขา ขึ้นดอย
คนจำนวนไม่น้อย ต้องนึกถึงภูเขาเย็นๆ สบายๆ
ทางภาคเหนือของเราเป็นแน่แท้
แต่จะมีสักกี่ยอดเขาในไทย
ที่คุณจะไม่ต้องเตรียม เต็นท์หนักหลายกิโลขึ้นไปด้านบน
เพราะคุณจะได้นอน "ริมผา" แบบหวาดเสียวจะตกตอนนอน
ต้องสะดุ้งตื่นมาดึงผ้าใบเกือบทุกชั่วโมง (ฮ่าๆๆๆ ดูซาดิสเล็กๆ)
ที่นอนริมผานี้มีพื้นที่จำกัดสำหรับนักท่องเที่ยวแค่ 20-30 คนแรก
ที่ขึ้นไปถึงเท่านั้น ส่วนคนที่ไปช้ากว่านั้น ก็ต้องเข้าไปนอนในส่วนที่เป็นป่า
หรือไปผูกเปลนอนกับต้นไม้เอา
โดยมุมที่นอนริมผา จะเป็นมุมทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น
ที่สวยงามมากๆอีกจุดหนึ่ง
ซึ่งเจ้าผาหินกูบนี้ มีสถานที่ตั้งอย่างเป็นทางการที่
เขตพิทักษ์ป่าทุ่งเพล เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว จังหวัดจันทบุรี
ขับรถจากตัวเมืองจันทฯประมาณ 30 นาที ก็สามารถเข้าเขตฯได้แล้ว
==================================================
เรามาดูกัน ว่าวิวที่หมีหมูยอมลากสังขารตะกายขึ้นไป
ด้วยความสูง 960 เมตรจากระดับน้ำทะเล จะเป็นอย่างไร
ไปลุยก๊านนนนนนนนนนนนนน
สรุปข้างต้น::
ผาหินกูบ ใช้เวลาเดินเท้า 3-4 ชั่วโมง ด้วยภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดทั้ง ป่า ภูเขาหิน ป่าไผ่ และทางลาดชันแบบสุดๆ
ซึ่งที่ผาหินกูบนี้เปิดให้ขึ้นเฉพาะวันเสาร์ ลงวันอาทิตย์
(แนะนให้ไปเดินขึ้นตั้งแต่ 8:30 น. เพราะสปีดแต่ละคนไม่เท่ากัน และที่สำคัญ ใครอยากจับจองที่นอนริมผา ต้องรีบไปให้ทัน เพราะนอนได้แค่ประมาณ 20-30 คนเท่านั้นเอง)
ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ
ค่าลูกหาบ 1,000 บาท ได้ประมาณ 20 กิโล
ค่าเข้าป่า 200 บาทต่อคน (จ่ายทุกคน)
เริ่มกันที่สัมภาระนำขึ้นเขา
ถ้านักท่องเที่ยวเข้ามาในเขตฯแล้ว
จับจองที่จอดรถปุ๊ป เอาของลงปั๊ป
ก็จะมีเจ้าหน้าที่มาขานชื่อตามกลุ่มที่จองไว้
(ต้องจองที่น้าาา เพราะแต่ละรอบเปิดให้ขึ้นแค่ 60 คน)
ซึ่งพี่ๆลูกหาบ จะมาแบกของตามหลังเราขึ้นไปครับ
ในส่วนของอาหารกลางวัน
เราตกลงปลงใจกันว่าจะอุดหนุนลุงคนนำทาง
ที่เราติดต่อจองคิวขึ้นเขา
ซึ่ง............
เอาตามจริง ปริมาณเหมือนกับข้าวไหว้เจ้าที่ = =
แล้วตัวอย่างหมี คงอิ่มหร้อก!!!!
เตรียมอย่างอื่นไปด้วยเน้อ!
"ไม่ไป ไม่รู้ ไม่ดู ไม่เห็น"
ลองไปได้ซักครึ่งทางครับ
"ไม่ไป
แล้วโว้ยยยยยยยยยย"
นี่คือสิ่งที่เราสองคนโวยวายออกมา.........
แต่สุดท้าย ขึ้นมาแล้ว ก็ต้องไปให้ถึงให้ได้ T^T
บรรยากาศระหว่างเดินขึ้นเขา
เริ่มต้นที่ป่ารก จะเจอแมลงต่างๆเยอะหน่อย
ตอนหมีหมูไปไม่โดนตัวอะไรกัดนะ
มีแจ่ความร้อนที่กัดกินนิดหน่อย แต่ที่เหลือยังโอเค
บางช่วง อาจจะมีแอดว้านซ์ให้เดินบนท่อนซุงยาวๆที่พาดผ่านบ้าง แต่ไม่ได้อันตรายจนไม่สามารถข้ามไปได้
เดินมาได้สัก 2 ชั่วโมง
ซึ่งบางกลุ่มอาจขึ้นไปถึงแล้ว หมีหมูก็หมดเอเนอร์จี้ ต้องเติมพลังกันซะหน่อย
การกินข้าวท่ามกลางธรรมชาติกับแฟนเนี่ย
มันเป็นอะไรที่หาไม่ได้จากร้านหรูๆ ที่มีเสียงไวโอลิน และแก้วไวน์เลยนะ
บทสนทนาที่เกิดขึ้น มันเป็นอะไรที่ไม่มีการแต่งเติม
หรือประดิษฐ์ขึ้นเลย
เพราะเราได้รู้ว่า เมื่อเราอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
เราไม่จำเป็นต้องทำตัวใหญ่คับที่ไหนๆเลย
เพราะให้ตาย เราก็ตัวเล็กยิ่งกว่ามด ถ้าเทียบกับเขา
บางช่วงของการเดินป่าร้อนๆ ก็จะมีสายน้ำให้เห็นเป็นพักๆ
อาจจะไม่ใช่น้ำตกสายใหญ่มากมาย
แต่ก็พอมีมาให้ชุ่มชื้นขึ้น
เข้าสู่ช่วงที่เผาผลาญพลังงานของพวกเราอย่างหนักหน่วงและต่อเนื่อง
มันคือโซนของ "ป่าไผ่" และ "ทางลาดชัน"
หากใครเตรียมไม้ Trekking ไปด้วย จะดีมาก
เพราะบางช่วง ถ้าพื้นรองเท้าเราสึกไป อาจจะไม่ยึดเกาะพื้น ทำให้เกิดการลื่นไถลได้น้าาา
ช่วงสุดท้ายก่อนถึงผา
"ถ้ำ"
จริงๆจะเรียกว่าถ้ำก็ไม่ถูกซะทีเดียว
เพราะมันเกิดจากการที่หินหล่นทับกันจนเกิดเป็นช่อง โพรงขนาดใหญ่ที่สามารถเดินเข้าไปได้
หลังจากสโลสเลมา
หากเราเจอป้ายห้ามทิ้งขยะนี้
และตาน้ำ ให้เราใจชื้นได้เลยครับว่าอีกนิดเดียวเราจะถึงผาที่เราเฝ้าคอยแล้ววววววววววววววว
ใน ที่ สุดดดดดดดดดดด
เราก็ถึงป้าย ผู้พิชิต "ผาหินกูบ" แล้วววว
จริงๆแล้ว ระยะทางเดินเท้าของผาหินกูบจะอยู่ที่ 5-6 กิโลเมตร
แต่การจับจาก Garmin บอกไว้ตั้งเกือบ 12 โล
ก็งงๆ แต่สุดท้ายก็มาถึงจนได้ล่ะน่า
นี่คือเตียงนอนของเราในค่ำคืนนี้ครับ
เป็นหน้าผาใต้หินเฉยๆจริงๆ
ตอนที่หมีหมูไป เราได้พี่ๆร่วมทริปที่เดินไวมากๆ ช่วยขึ้นไปจองที่ให้ ทำให้เราได้นอนที่ผาแห่งนี้ แต่สักพักก็มีน้องๆกลุ่มหนึ่งขึ้นมาแย่งที่นอนเรา ทำให้หมีหมูต้องกระเถิบ ลงไปนอนตรงทางลาดเล็กน้อย
เด็กๆที่ไปถึงทีหลัง อย่าพยายามแย่งที่กันเลยน้า มันอันตรายจริงๆนะครับ เพราะถ้าหากใครเหนื่อยแล้วหลับลึก นอนแล้วไหลลงไปเนี่ย มันไม่คุ้มจริงๆน้า
หลังจากพักผ่อนกันจนหายเหนื่อย
เราก็ไปบุกตะลุยกันต่อในส่วนที่สูงขึ้นไปจากผาที่นอน
แต่การเดินไปบนก้อนหินของผากูบก็ต้องผจญภัยกันนิดหน่อยครับ
เพราะมีทั้งการไต่เชือก เดินผ่านกิ่งไม้ที่ค้ำไว้ระหว่างหิน
แต่วิวที่ได้มา ขอบอกเลย ใครที่ขึ้นหินกูบมาแล้วไม่ได้มาตรงนี้ น่าเสียดายจริงๆ
อีกสักรูป
การจะไปถึงหินอีกก้อนได้ช่างลำบาก
หากไม่ได้ขาแข็งแรงๆของเจ้าหมู เราสองคนคงไปไม่ถึงเป็นแน่แท้
นี่ จุดสูงสุดของผาหินกูบที่เราไปถึงกัน
ก่อนจะนอนหมดแรง ตากลมกันยาวๆ รอพระอาทิตย์ตกดิน
สำหรับอาหารเย็น
เราก็เตรียมกันมาจากร้านลุงนำทางนี่ล่ะครับ
ลุงแกมีขายทั้งแบบกับข้าว และข้าวราดเป็นถุงเลย
สามารถสั่งได้ ราคาไม่แพงครับ
(แต่หากใครจะไม่ก่อไฟ แนะนำว่าอย่าสั่งอะไรมันๆนะครับ เพราะไม่งั้นการกินอาหารเย็นๆที่เป็นเมือกๆนี่มันไม่น่าอภิรมณ์จริงๆ T^T)
ส่วนของค่ำคืน
เมื่อผมกลายเป็น หมีล่าดาว ไปแล้ว
คงพลาดเสียไม่ได้ที่จะปีนป่ายขึ้นหินผาอีกครั้ง
เพื่อที่จะไปเก็บภาพดวงดาวมาฝากเพื่อนๆลูกเพจกัน
แต่!!! ต้องระวังให้มากๆจริงๆนะครับ เพราะทางเดินมาผาหินนี้ ขนาดกลางวันยังเสียวๆ กลางคืนนี้ต้องมีไฟฉายคาดหัวติดมาด้วย ไม่งั้นถ้าก้าวพลาดพลั้งไป อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้ครับ
เมื่อรุ่งสางมาถึง นักท่องเที่ยวจะมีทางเลือก 2 ทางด้วยกันในการชมพระอาทิตย์ขึ้น
1) ชมจากผา ที่นอน
2) ปีนขึ้น "ผาหมี" (ใช่ ผาผมเอง จะบ้าเรอะ!!!) เพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้น
สังเกตได้จากทางซ้ายของรูป ที่มีคนอยู่ครับ
พระอาทิตย์ขึ้นแล้ววววววว
สำหรับรีวิวขึ้นเขาในครั้งนี้
หมีหมูขอลากันไปกับความเหนื่อยล้าก่อนนะครับ
หากมีโอกาส หมี จะทำ VDO การผจญภัยในครั้งนี้มาให้ลูกเพจได้รับชมกันนะครับ เพราะอยากให้เห็นภาพบรรยากาศจริงๆ ว่ามันงดงามแค่ไหน
การเดินทาง ไม่ได้สำคัญแค่จุดหมายปลายทางเนอะ
ระหว่างทางก็สำคัญไม่แพ้กัน
และที่สำคัญสำหรับหมีที่สุด คือเจ้าหมูที่คอยอยู่ข้างๆ แม้ว่าตัวเองจะไม่สบาย หรือจะไม่ใช่สายลุยมากมายก็ตาม
คนข้างๆยามเดินทาง สำคัญเสมอออออออ
อย่าลืมชวนแฟน หรือคนที่เรารักออกไปเที่ยวกันนะครับ
เพราะโลกกว้าง (หรือแม้แต่ในประเทศไทย) มีอะไรรอให้เราไปค้นหาเสมอๆ
เราสนับสนุนให้ทุกๆคน
ออก ไป เที่ยว !!!
#theplanners
#เที่ยวกับแฟน
==================================================
ฝากติดตามผลงานของเราสองได้ที่ได้
https://www.facebook.com/theplannersbytsst/
[CR] "ผาหินกูบ" ประสบการณ์การนอนบนหน้าผาครั้งแรกในชีวิต ที่ได้พิชิตขอบฟ้าและดวงดาว ณ จ.จันทบุรี
ปีนเขาส่วนใหญ่ ไปนอนในป่า
ต้องเตรียมเต็นท์ เตรียมอะไร
แต่บอกเลยว่ามาที่นี่ ไม่ต้อง!!!
เอาแค่ ใจ และถุงนอนมา ก็พอ!!!!!!!
(อาหารกับน้ำด้วยนะ เดี๋ยวอดตาย แต่ด้านบน
มีน้ำสำหรับกินดื่มได้นะครับ หมีหมูลองกันมาละ สบ๊ายยยย)
==================================================
"ผาหินกูบ" จังหวัด จันทบุรี
อาจเป็นชื่อที่ไม่ได้คุ้นหูกันมากนัก
เพราะหากเราจะกล่าวถึงการเดินป่า ขึ้นเขา ขึ้นดอย
คนจำนวนไม่น้อย ต้องนึกถึงภูเขาเย็นๆ สบายๆ
ทางภาคเหนือของเราเป็นแน่แท้
แต่จะมีสักกี่ยอดเขาในไทย
ที่คุณจะไม่ต้องเตรียม เต็นท์หนักหลายกิโลขึ้นไปด้านบน
เพราะคุณจะได้นอน "ริมผา" แบบหวาดเสียวจะตกตอนนอน
ต้องสะดุ้งตื่นมาดึงผ้าใบเกือบทุกชั่วโมง (ฮ่าๆๆๆ ดูซาดิสเล็กๆ)
ที่นอนริมผานี้มีพื้นที่จำกัดสำหรับนักท่องเที่ยวแค่ 20-30 คนแรก
ที่ขึ้นไปถึงเท่านั้น ส่วนคนที่ไปช้ากว่านั้น ก็ต้องเข้าไปนอนในส่วนที่เป็นป่า
หรือไปผูกเปลนอนกับต้นไม้เอา
โดยมุมที่นอนริมผา จะเป็นมุมทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น
ที่สวยงามมากๆอีกจุดหนึ่ง
ซึ่งเจ้าผาหินกูบนี้ มีสถานที่ตั้งอย่างเป็นทางการที่
เขตพิทักษ์ป่าทุ่งเพล เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว จังหวัดจันทบุรี
ขับรถจากตัวเมืองจันทฯประมาณ 30 นาที ก็สามารถเข้าเขตฯได้แล้ว
==================================================
เรามาดูกัน ว่าวิวที่หมีหมูยอมลากสังขารตะกายขึ้นไป
ด้วยความสูง 960 เมตรจากระดับน้ำทะเล จะเป็นอย่างไร
ไปลุยก๊านนนนนนนนนนนนนน
สรุปข้างต้น::
ผาหินกูบ ใช้เวลาเดินเท้า 3-4 ชั่วโมง ด้วยภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดทั้ง ป่า ภูเขาหิน ป่าไผ่ และทางลาดชันแบบสุดๆ
ซึ่งที่ผาหินกูบนี้เปิดให้ขึ้นเฉพาะวันเสาร์ ลงวันอาทิตย์
(แนะนให้ไปเดินขึ้นตั้งแต่ 8:30 น. เพราะสปีดแต่ละคนไม่เท่ากัน และที่สำคัญ ใครอยากจับจองที่นอนริมผา ต้องรีบไปให้ทัน เพราะนอนได้แค่ประมาณ 20-30 คนเท่านั้นเอง)
ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ
ค่าลูกหาบ 1,000 บาท ได้ประมาณ 20 กิโล
ค่าเข้าป่า 200 บาทต่อคน (จ่ายทุกคน)
เริ่มกันที่สัมภาระนำขึ้นเขา
ถ้านักท่องเที่ยวเข้ามาในเขตฯแล้ว
จับจองที่จอดรถปุ๊ป เอาของลงปั๊ป
ก็จะมีเจ้าหน้าที่มาขานชื่อตามกลุ่มที่จองไว้
(ต้องจองที่น้าาา เพราะแต่ละรอบเปิดให้ขึ้นแค่ 60 คน)
ซึ่งพี่ๆลูกหาบ จะมาแบกของตามหลังเราขึ้นไปครับ
ในส่วนของอาหารกลางวัน
เราตกลงปลงใจกันว่าจะอุดหนุนลุงคนนำทาง
ที่เราติดต่อจองคิวขึ้นเขา
ซึ่ง............
เอาตามจริง ปริมาณเหมือนกับข้าวไหว้เจ้าที่ = =
แล้วตัวอย่างหมี คงอิ่มหร้อก!!!!
เตรียมอย่างอื่นไปด้วยเน้อ!
"ไม่ไป ไม่รู้ ไม่ดู ไม่เห็น"
ลองไปได้ซักครึ่งทางครับ
"ไม่ไปแล้วโว้ยยยยยยยยยย"
นี่คือสิ่งที่เราสองคนโวยวายออกมา.........
แต่สุดท้าย ขึ้นมาแล้ว ก็ต้องไปให้ถึงให้ได้ T^T
บรรยากาศระหว่างเดินขึ้นเขา
เริ่มต้นที่ป่ารก จะเจอแมลงต่างๆเยอะหน่อย
ตอนหมีหมูไปไม่โดนตัวอะไรกัดนะ
มีแจ่ความร้อนที่กัดกินนิดหน่อย แต่ที่เหลือยังโอเค
บางช่วง อาจจะมีแอดว้านซ์ให้เดินบนท่อนซุงยาวๆที่พาดผ่านบ้าง แต่ไม่ได้อันตรายจนไม่สามารถข้ามไปได้
เดินมาได้สัก 2 ชั่วโมง
ซึ่งบางกลุ่มอาจขึ้นไปถึงแล้ว หมีหมูก็หมดเอเนอร์จี้ ต้องเติมพลังกันซะหน่อย
การกินข้าวท่ามกลางธรรมชาติกับแฟนเนี่ย
มันเป็นอะไรที่หาไม่ได้จากร้านหรูๆ ที่มีเสียงไวโอลิน และแก้วไวน์เลยนะ
บทสนทนาที่เกิดขึ้น มันเป็นอะไรที่ไม่มีการแต่งเติม
หรือประดิษฐ์ขึ้นเลย
เพราะเราได้รู้ว่า เมื่อเราอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
เราไม่จำเป็นต้องทำตัวใหญ่คับที่ไหนๆเลย
เพราะให้ตาย เราก็ตัวเล็กยิ่งกว่ามด ถ้าเทียบกับเขา
บางช่วงของการเดินป่าร้อนๆ ก็จะมีสายน้ำให้เห็นเป็นพักๆ
อาจจะไม่ใช่น้ำตกสายใหญ่มากมาย
แต่ก็พอมีมาให้ชุ่มชื้นขึ้น
เข้าสู่ช่วงที่เผาผลาญพลังงานของพวกเราอย่างหนักหน่วงและต่อเนื่อง
มันคือโซนของ "ป่าไผ่" และ "ทางลาดชัน"
หากใครเตรียมไม้ Trekking ไปด้วย จะดีมาก
เพราะบางช่วง ถ้าพื้นรองเท้าเราสึกไป อาจจะไม่ยึดเกาะพื้น ทำให้เกิดการลื่นไถลได้น้าาา
ช่วงสุดท้ายก่อนถึงผา
"ถ้ำ"
จริงๆจะเรียกว่าถ้ำก็ไม่ถูกซะทีเดียว
เพราะมันเกิดจากการที่หินหล่นทับกันจนเกิดเป็นช่อง โพรงขนาดใหญ่ที่สามารถเดินเข้าไปได้
หลังจากสโลสเลมา
หากเราเจอป้ายห้ามทิ้งขยะนี้
และตาน้ำ ให้เราใจชื้นได้เลยครับว่าอีกนิดเดียวเราจะถึงผาที่เราเฝ้าคอยแล้ววววววววววววววว
ใน ที่ สุดดดดดดดดดดด
เราก็ถึงป้าย ผู้พิชิต "ผาหินกูบ" แล้วววว
จริงๆแล้ว ระยะทางเดินเท้าของผาหินกูบจะอยู่ที่ 5-6 กิโลเมตร
แต่การจับจาก Garmin บอกไว้ตั้งเกือบ 12 โล
ก็งงๆ แต่สุดท้ายก็มาถึงจนได้ล่ะน่า
นี่คือเตียงนอนของเราในค่ำคืนนี้ครับ
เป็นหน้าผาใต้หินเฉยๆจริงๆ
ตอนที่หมีหมูไป เราได้พี่ๆร่วมทริปที่เดินไวมากๆ ช่วยขึ้นไปจองที่ให้ ทำให้เราได้นอนที่ผาแห่งนี้ แต่สักพักก็มีน้องๆกลุ่มหนึ่งขึ้นมาแย่งที่นอนเรา ทำให้หมีหมูต้องกระเถิบ ลงไปนอนตรงทางลาดเล็กน้อย
เด็กๆที่ไปถึงทีหลัง อย่าพยายามแย่งที่กันเลยน้า มันอันตรายจริงๆนะครับ เพราะถ้าหากใครเหนื่อยแล้วหลับลึก นอนแล้วไหลลงไปเนี่ย มันไม่คุ้มจริงๆน้า
หลังจากพักผ่อนกันจนหายเหนื่อย
เราก็ไปบุกตะลุยกันต่อในส่วนที่สูงขึ้นไปจากผาที่นอน
แต่การเดินไปบนก้อนหินของผากูบก็ต้องผจญภัยกันนิดหน่อยครับ
เพราะมีทั้งการไต่เชือก เดินผ่านกิ่งไม้ที่ค้ำไว้ระหว่างหิน
แต่วิวที่ได้มา ขอบอกเลย ใครที่ขึ้นหินกูบมาแล้วไม่ได้มาตรงนี้ น่าเสียดายจริงๆ
อีกสักรูป
การจะไปถึงหินอีกก้อนได้ช่างลำบาก
หากไม่ได้ขาแข็งแรงๆของเจ้าหมู เราสองคนคงไปไม่ถึงเป็นแน่แท้
นี่ จุดสูงสุดของผาหินกูบที่เราไปถึงกัน
ก่อนจะนอนหมดแรง ตากลมกันยาวๆ รอพระอาทิตย์ตกดิน
สำหรับอาหารเย็น
เราก็เตรียมกันมาจากร้านลุงนำทางนี่ล่ะครับ
ลุงแกมีขายทั้งแบบกับข้าว และข้าวราดเป็นถุงเลย
สามารถสั่งได้ ราคาไม่แพงครับ
(แต่หากใครจะไม่ก่อไฟ แนะนำว่าอย่าสั่งอะไรมันๆนะครับ เพราะไม่งั้นการกินอาหารเย็นๆที่เป็นเมือกๆนี่มันไม่น่าอภิรมณ์จริงๆ T^T)
ส่วนของค่ำคืน
เมื่อผมกลายเป็น หมีล่าดาว ไปแล้ว
คงพลาดเสียไม่ได้ที่จะปีนป่ายขึ้นหินผาอีกครั้ง
เพื่อที่จะไปเก็บภาพดวงดาวมาฝากเพื่อนๆลูกเพจกัน
แต่!!! ต้องระวังให้มากๆจริงๆนะครับ เพราะทางเดินมาผาหินนี้ ขนาดกลางวันยังเสียวๆ กลางคืนนี้ต้องมีไฟฉายคาดหัวติดมาด้วย ไม่งั้นถ้าก้าวพลาดพลั้งไป อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้ครับ
เมื่อรุ่งสางมาถึง นักท่องเที่ยวจะมีทางเลือก 2 ทางด้วยกันในการชมพระอาทิตย์ขึ้น
1) ชมจากผา ที่นอน
2) ปีนขึ้น "ผาหมี" (ใช่ ผาผมเอง จะบ้าเรอะ!!!) เพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้น
สังเกตได้จากทางซ้ายของรูป ที่มีคนอยู่ครับ
พระอาทิตย์ขึ้นแล้ววววววว
สำหรับรีวิวขึ้นเขาในครั้งนี้
หมีหมูขอลากันไปกับความเหนื่อยล้าก่อนนะครับ
หากมีโอกาส หมี จะทำ VDO การผจญภัยในครั้งนี้มาให้ลูกเพจได้รับชมกันนะครับ เพราะอยากให้เห็นภาพบรรยากาศจริงๆ ว่ามันงดงามแค่ไหน
การเดินทาง ไม่ได้สำคัญแค่จุดหมายปลายทางเนอะ
ระหว่างทางก็สำคัญไม่แพ้กัน
และที่สำคัญสำหรับหมีที่สุด คือเจ้าหมูที่คอยอยู่ข้างๆ แม้ว่าตัวเองจะไม่สบาย หรือจะไม่ใช่สายลุยมากมายก็ตาม
คนข้างๆยามเดินทาง สำคัญเสมอออออออ
อย่าลืมชวนแฟน หรือคนที่เรารักออกไปเที่ยวกันนะครับ
เพราะโลกกว้าง (หรือแม้แต่ในประเทศไทย) มีอะไรรอให้เราไปค้นหาเสมอๆ
เราสนับสนุนให้ทุกๆคน
ออก ไป เที่ยว !!!
#theplanners
#เที่ยวกับแฟน
==================================================
ฝากติดตามผลงานของเราสองได้ที่ได้
https://www.facebook.com/theplannersbytsst/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น