(เอาบทความมาฝาก)10 อันดับ สัตว์โบราณที่มีสิทธิ์ปลุกพวกมันมาเดินบนโลกได้

ลุยกลับไปในยุคน้ำแข็ง

เผชิญผู้ล่าที่มนุษย์ส่วนมากอาจไม่รู้จัก

คมเขี้ยวมรณะที่จะมอบความตายอันรวดเร็วให้แก่เหยื่อ

10 อันดับ สัตว์โบราณที่เรามีโอกาสเรียกกลับมาจากโลกล้านปี

อันดับ 10 ไพลโตซีน เคป ไฮยีน่า
ยาว 1.5 เมตร สูงราว 1 เมตร
น้ำหนักตัวมากกว่าไฮยีนาแอฟริกาในปัจจุบันคนละเรื่อง น้ำหนักปกติราว 50-70 กิโลกรัม แต่ตัวใหญ่ที่สุดอาจหนักได้ถึง 100
กิโลกรัม คู่ปรับของเกรย์วูฟ และเสือดาวยุคน้ำแข็ง เคยครองยูเรเซียในช่วงเวลาหนึ่งในอดีต ตั้งแต่ 500,000 ปีก่อน
ถึง 11,000 ปีก่อน เกรย์วูฟเองในยุคน้ำแข็งก็อาจหนัก 60 กิโลกรัมเป็นเรื่องปกติ จอมโหดแห่งยูเรเซียตัวนี้ คือคู่ต่อสู้
ของสิงโตยุโรป เป็นได้ทั้งนักล่าและสัตว์กินซาก

ทำไมมันถึงสามารถเอากลับมาได้:สปีชีส์ใกล้เคียงกับสัตว์ในปัจจุบันอย่างไฮยีน่าลายจุดจนน่าตกใจ สามารถเอากลับมาได้ด้วยการ breeding back

9. ไดร์ วูฟ
หมาป่าแห่งความตายผู้เป็นตำนาน วิ่งฝ่าหิมะมาในอันดับ 9 กับหมาป่าแห่งความตาย ไดร์ วูฟ
ด้วยความยาวกระโหลกมากถึง 34 เซนติเมตร แรงกัดที่ 1100 psi สามารถทำลายกระดูกของไบซันร่างยักษ์ได้สบายๆ
ไดร์ วูฟ หนักได้มากกว่า 70 กิโลกรัม เป็นเรื่องปกติ เป็นนักล่าที่ครองระบบนิเวศของอเมริกาเหนือในยุคหนึ่ง
มันรวมฝูงโค่นไบซันยักษ์ กินสลอทยุคโบราณ หรือโจมตีลูกแมมมอธที่แตกออกจากฝูง ทรงพลัง
พอที่จะเอาชนะเสือเขี้ยวดาบบางพันธ์ โครงสร้างของไดร์ วูฟ ถูกออกแบบมา เพื่อการสังหารเหยื่อขนาดใหญ่
บางครั้งอาจรวมฝูงมากกว่า 10 ตัวขึ้นไป
ทำไมถึงสามารถเอากลับมาได้:ความเป็นไปได้ในการโคลนนิ่งมีสูงมาก เพราะคาดว่ามันพึ่งสูญพันธ์เมื่อ 4000 ปีก่อน

อันดับ 8
สิงโตยุโรป
มีขนาดใหญ่กว่าสิงโตในปัจจุบัน 8-10 % ขนาดของสิงโตยุโรปยังเป็นที่ถกเถียงกันอย่างต่อเนื่อง เพราะบางกลุ่มกล่าวอ้าง ว่าสิงโตยุโรปอาจหนักได้มากกว่า 300 กิโลกรัม แต่จากโครงสร้างกระดูกที่พบ นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ยังมีข้อสงสัย ว่ามันอาจแค่วิวัฒนการให้มีกระโหลกศีรษะ
ขนาดใหญ่ เพื่อการกัดขย้ำเหยื่อให้จมเขี้ยว ก็มีความเป็นไปได้มากเหมือนกัน  รวมถึงความเป็นจริงที่ว่า สิงโตยุโรปเอง
ได้เจอกับแมมมอธในยุคน้ำแข็ง ซึ่งขนาดก็ไม่ได้ต่างกับช้างแอฟริกันในปัจจุบันเท่าไหร่นัก นักวิทยาศาสตร์บางส่วนจึงแย้งว่า
ขนาดของมันไม่ควรจะเหนือไปกว่าสิงโตแอฟริกันในยุคปัจจุบันขนาดนั้น
ทำไมถึงสามารถเอากลับมาได้:เช่นเดียวกับสัตว์ทั้ง 2 ตัวที่ผ่านมา สิงโตยุโรปนั้นมีความแตกต่าง แค่ในระดับซับสปีชีส์เท่านั้น
จึงเป็นไปได้ ที่จะทำการปลุกมันกลับมาจากอดีตครับ
อันดับ 7
ไพเรเนียน ไอเบ็กซ์

สัตว์ตระกูลแพะจากอเมริกา สูญพันธ์ไปในปี 1999 มีความพยายามจะโคลนนิ่งกลับมาในปี 2003 แต่ประสบ
ความล้มเหลวเนื่องจากเพราะตัวโคลนตายเร็วเกินไป เป็นหนึ่งในสี่ซับสปีชีส์ของไอเบเรียน ไอเบ็กซ์
พบเจอได้ที่เทือกเขาพีเรนีสเท่านั้น และไม่พบในที่อื่น สูญพันธ์เนื่องจากการคุมคากจากการล่า
และการเข้าแย่งอาหารจากสัตว์กีบหลายชนิด ไพเรเนียนไอเบ็กซ์ตัวผู้ จะมีขนาดใหญ่กว่าตัวเมียอย่างชัดเจน
มีการพบฟอสซิลของมันในปี 2016
ทำไมถึงสามารถเอากลับมาได้: ไพเรเนียนไอเบ็กซ์นั้นมีสปีชีส์ใกล้เคียงอยู่มาก จึงสามารถเอากลับมาด้วยการทำบรีดดิ้งแบ็ค
และนอกจากนั้นยังสามารถทำโคลนนิ่งได้ ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าเดิมมาก
6.อาร์โชค
วัวโบราณที่รอดชีวิดมาจนถึงปี 1627 และมีลูกหลานคือวัวสมัยใหม่และใบซัน อาร์โชคเป็นสิ่งมีชีวิตตระกูล
วัว ที่ถือว่ามีขนาดตัวที่ใหญ่โต และพละกำลังที่จัดว่าเหนือชั้นเอามาก ตัวผู้ที่โตเต็มวัย อาจสูงถึงไหล่ได้ร่วม 6 ฟุต
อาร์โชคอาจหนักได้ถึง 700 กิโลกรัมในยุคใหม่ และจากกระดูกในยุคไพลโตซีน คาดการ์ณว่าอาจมีสายพันธ์
ที่ใกล้เคียงอยู่ในสายเลือดของวัวสมัยใหม่ เป็นหนึ่งในสัตว์กินพืช ที่เป็นคู่ปรับกับนักล่าจอมโหดอย่างสิงโตยุโรป
หมีถ้ำ และเกรย์วูฟรวมถึงเคฟไฮยีน่า มีลำตัวยาว สีผิวดำ และชั้นกล้ามเนึ้อที่หนาเตอะ ถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าอัศจรรย์ที่สุดตัวหนึ่ง
ทำไมถึงสามารถเอากลับมาได้: ความสำเร็จของทารอสโปรเจค ในการผสมพันธ์สัตว์ที่มีรูปร่าง และพฤติดรรม
ใกล้เคียงกับอาร์โชคเป็นอย่างมาก มันช่วยสร้างความหวังในการทำ breeding back  สิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจสายพันธ์นี่กลับมา
5.สิงโตอเมริกา
สายพันธ์สิงโตที่ใหญ่ที่สุดในโลกใบนี้ หนักได้ถึง 250 กิโลกรัม เป็นเรื่องปกติ และอาจหนักได้มากกว่า 350 กืโลกรัม
นักล่าผู้เป็นที่หวาดกลัวแห่งอเมริกาเหนือ พรานล่าไบซัน สังหารสลอทดิน หรือแม้แต่อาจรวมฝูงกันเพื่อโค่นแมมมอธ
ม้าป่าพันธ์โบราณของอเมริกาเหนือ ที่ว่าแน่ๆ นั้น ก็เป็นได้แค่เหยื่อของสุดยอดนักล่าสายพันธ์นี้เท่านั้น
คาดการ์ณว่าจะอยู่เป็นฝูงเล็กกว่าสิงโตแอฟริกัน สิงโตอเมริกา ปะทะกับหมีถ้ำ หมีขาว และหมียักษ์หน้าสั้นอยู่เป็นประจำ
บางรายงานอ้างว่ามันอาจหนักได้มากกว่า 400 กิโลกรัมเลยที่เดียว แม่แต่โฮโมเทเรียม ก็ยังไม่กล้าเสี่ยงจะห้ำหั่นกับสิงโตอเมริกา
ทำไมถึงคาดว่าสามารถนำกลับมาได้: อยู่ในตระกูลสิงโต ก็ breeding back เอาสิครับคุณพี่
4.เมกะลาเนีย
กิ้งก่าที่ใหญ่และทรงพลังมากที่สุด เท่าที่เคยมีมาบนโลกใบนี้ เกล็ดหนาเหมือนสวมชุดเกราะ ความยาวมากกว่าเจ็ดเมตร
มีต่อมพิษที่ร้ายแรงในปาก บวกกับขากรรไกร ขนาดมหึมา ที่ยาวกว่า 70 เซนติเมตร ทำให้แม้แต่สัตว์ยักษ์อย่าง
ไดโปรโตดอน ที่มีขนาดพอๆ กับช้าง ยังหวาดกลัวต่อนักล่าตัวนี้ คาดว่าสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็๋วสูงอย่างเหลือเชื่อ
ทำให้แม้แต่จิงโจ้ยักษ์หน้าสั้น ก็อาจไม่ปลอดภัย ไปจากการล่าของเมกะลาเนีย หางทรงพลัง
จะฟาดกระดูกของเป้าหมายจนแหลกเหลว มีน้ำหนักตัวมากได้ถึงสองตันเลยที่เดียว
ทำไมถึงคาดว่าสามารถนำกลับมาได้:ความลับคือคาดว่ามันเป็นญาติใกล้ชิดของมังกรโคโมโด จึงมีสิทธิในการ
ทำแผนที่พันธุกรรม เพื่อทำการโคลนสุดยอดนักล่า ให้กลับมามีชีวิต และล่าบนฝืนดินออสเตรเลียอีกครั้ง
3. giant cheetah
เจ้าแห่งความเร็วในยุคโบราณ ชีตาห์ยักษ์ ผู้ปกครองแอฟริกาในยุคโบราณด้วยเล็บคมและความเร็ว
มันใหญ่กว่าชีตาห์ในปัจจุบันสองเท่า(200-280 ปอนด์) หัวใจใหญ่ทรงพลังทำให้สูบฉีดเลือดได้ดี คาดว่ามันสามารถไล่ตามชีตาห์สายพันธ์สมัยใหม่จนทันได้แรงกัดมหาศาลสามารถหักกระดูกกวางเอลค์และม้าลาย เท้าที่มีกรงเล็บคม ตะปบได้ดีกว่าชีตาห์ในปัจจุบัน
ทำไมถึงสามารถเอามันกลับมาได้: มีความเป็นไปได้ในการโคลนนิ่งกลับมาค่อนข้างสูง
2. Quagga
ม้าลายเวอร์ชั่นมีลายแค่ครึ่งตัว วิ่งได้ว่องใว อยู่เป็นฝูงฝูงละ 30-50 ตัว จุดอ่อนคือหาตัวและฆ่าได้ง่ายกว่าม้าลายธรรมดา
แควกกาตัวสุดท้าย ถูกสังหารในป่าไปตั้งแต่ปี 1878 กระนั้นด้วยความที่สปีชีส์มันใกล้เคียงกับสัตว์ใน
ปัจจุบันมาก จึงเป็นความเป็นไปได้ที่จะเอามันกลับมาครับ ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ใน โครงการ quagga project กำลัง
พยายามจะเรียกมันกลับมาจากการสูญพันธ์ให้จงได้
ทำไมถึงสามารถเอามันกลับมาได้:การ breeding back แบบในโปรเจคแควกกา และการสร้างโคลนนิ่งที่เป็นไปได้มาก


1.หมีขาวไพล์โตซีน(Ursus maritimus tyrannus)
ยินดีต้อนรับ เจ้าแห่งขั้วโลกเหนือ หมีขาว
สัตว์ชนิดนี้เป็นญาติกับหมีกริซลี่ และทรงพลังพอจะฆ่าวาฬโหดอย่างนาวาร สังหารวอลรัสง่ายดาย มาทำความรู้จักกับจอมราชันย์แห่งขั้วโลกกัน
หมีขาว ถือได้ว่าเป็นสัตว์กินเนื้อบนพื้นดินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 1 คู่กับหมีกริซลีย์ (U. arctos horribilis) ที่พบในทวีปอเมริกาเหนือ ตัวผู้เต็มวัยอาจสูงได้เกิน 3 เมตร น้ำหนักตัวอาจมากได้ถึง 1200 กิโลกรัม  อายุขัยโดยเฉลี่ย 30 ปี หมีขาวมีรูปร่างที่แตกต่างจากหมีชนิดอื่น ๆ ที่เห็นได้ชัดเจน คือ มีส่วนคอที่ยาวกว่า ขณะที่ใบหูก็มีขนาดเล็ก อุ้งเท้ามีขนาดใหญ่ และที่เป็นจุดเด่นเห็นได้ชัด คือ สีขนที่เป็นสีขาวครีมอมเหลืองอ่อน ๆ อันเป็นที่มาของชื่อเรียก เนื่องจากผลของเกลือในน้ำทะเล ซึ่งขนสีครีมนี้ทำให้พรางตัวให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็งได้เป็นอย่างดี

หมีขาวกระจายพันธุ์อยู่เฉพาะซีกโลกทางเหนือ บริเวณขั้วโลกเหนือหรืออาร์กติกเท่านั้น จัดได้ว่าเป็นสัตว์กินเนื้อที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในซีกโลกนี้ อุ้งเท้าของหมีขาวมีขนรองช่วยให้ไม่ลื่นไถลไปกับความลื่นของพื้นน้ำแข็ง หมีขาวถือเป็นสัตว์ที่เดินทางไกลมาก โดยบางครั้งอาจจะใช้วิธีการนั่งบนแผ่นหรือก้อนน้ำแข็งลอยตามน้ำไป หรือไม่ก็ว่ายน้ำหรือดำน้ำไป ซึ่งหมีขาวจัดเป็นหมีที่ว่ายน้ำและดำน้ำเก่งมาก โดยใช้ขาหน้าพุ้ย หรือบางครั้งก็ใช้ทั้ง 4 ขา เคยมีผู้พบหมีขาวว่ายอยู่ในทะเลที่ห่างจากชายฝั่งไกลถึง 200 ไมล์ (เอาง่ายๆ ระยะนั้นก็จากกรุงเทพถึงโคราช พระเจ้า)

หมีขาว เป็นหมีที่ถือได้ว่ากินอาหารมากกว่าหมีชนิดอื่น ๆ ซึ่งอาหารของหมีขาวมีมากมาย เช่น แมวน้ำ หรือ วอลรัส ด้วยการย่องเข้าไปเงียบ ๆ หรือหลบซ่อนตัวตามก้อนหินหรือก้อนน้ำแข็ง นอกจากนี้แล้วบางครั้งยังอาจจับนกทะเล ทั้งไข่และลูกนก บางครั้งก็จับปลากิน หรืออาจจะกินซากของวาฬที่ตายเกยตื้น หรือแม้แต่ซากหมีขาวด้วยกันหรือลูกหมีที่ตายได้ด้วย หมีขาวมีประสาทสัมผัสการรับรู้กลิ่นที่ดีมาก โดยสามารถได้กลิ่นลูกแมวน้ำที่ซ่อนตัวอยู่ใต้พื้นน้ำแข็งได้ไกลถึง 2 กิโลเมตร  โดยรวมหมีขาวไพลโตซีนรูปร่างและวิธีชีวิตคล้ายหมีขาวในปัจจุบันมาก แต่ข้อแตกต่างคือคือขนาด


อ้างอิง
https://www.facebook.com/quaggaproject
http://carnivoraforum.com/topic/9481868/147/#new
http://www.direwolfproject.com/
https://en.wikipedia.org/wiki/American_lion
http://taurosprogramme.com/the-aurochs/habitat-and-ecology/
https://en.wikipedia.org/wiki/Megalania
https://en.wikipedia.org/wiki/Giant_cheetah
https://en.wikipedia.org/wiki/Dire_wolf
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่