12.00 ขาดเกินก็ไม่มาก หลังจากที่ไปรับบัตรประชาชน กับจ่ายค่ากางเต้นท์แล้ว ผมก็ปักหมุดขับรถมุ่งหน้าสู่เป้าหมายถัดไป คือน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น
เส้นทางนี้ทางดีลาดยางจนถึงตัวน้ำตก ชั้นที่ 4 ระหว่างทางไม่ค่อยมีรถสวนทาง หรือตามมาเท่าไรนัก จะว่าขับสบายดี ก็สบาย จะว่าเปลี่ยวก็เปลี่ยว มีหมู่บ้านอยู่บ้าง ห่างๆ เส้นทางมีโค้งบ้างเล็กน้อยตามไหล่เขา แต่ไม่มาก ทางไม่ชันมาก ขับชิลๆ ได้สบาย สองข้างทางส่วนใหญ่เป็นป่าไม่เขียวขจีในหน้าฝน ขับเลียบไปตามเส้นทาง จะมองเห็นเขื่อนศรีนครินทร์บ้างบางช่วงทางขวามือ
ขับมาได้สักพักใหญ่ๆ ก้จะมาภึงด่านเก็บเงิน ที่นี่ค่าเข้าไม่ต่างจากน้ำตกเอราวัณ คือ 100 บาท + ค่ารถ 30 บาท + ค่ากางเต้นท์อีก 30 บาท
ชำระค่าต่างๆเรียบร้อยแล้ว สอบถามเจ้าหน้าที่ ที่นี่มีที่กางเต้นท์ 4-5 จุด วันนี้คนไม่มากนัก แต่ก็ไม่ถึงกับเหงา ผมเดินดูทำเล หาที่กางเต้นท์ บริเวณที่กางเต้นท์ อยู่บริเวณน้ำตกชั้นที่ 4 เลย น้ำตกมีความงดงาม น้ำใหลลงบนชั้นหินเป็นชั้นๆ ลดหลั่นกันไปสวยงามยิ่งนัก ในใจก็คิดว่าแค่ชั้นนี้ก็คุ้มแล้ว แต่ยังไม่ได้ถ่ายรูปน้ำตก ชมความงามสักพัก ก็เดินหาที่กางเต้นท์ต่อ เห็นทำเลอีกฝั่งของน้ำตกน่าจะเหมาะ เลยขับรถข้ามสะพานไม้ มากางที่อีกฝั่งนึง
มีเรื่องให้น่าตื่นเต้นระหว่างกางเต้นท์ คือระหว่างที่กำลังกางเต้นท์ ก็ขนของบางส่วนไปบริเวณที่กาง กางผ้าใบเต้นท์ สอดเสาเต้นเรียบร้อยแล้ว ฝนดันตกมาห่าใหญ่ จะเก็บเต้นท์ ก็ไม่ทันแน่ๆ จะวิ่งหนีเข้ารถก่อนเตนท้ก็คงเปียกหมด นอนไม่ได้ เลยลุกรี้ลุกรนกางลุยฝนจนเสร็จ เก็บของเข้าเต้นท์ ซึ่งบางส่วนก็เปียก ตัวเราก็เปียก พอเข้าไปในเต้นท์ พิ้นเต้นท์ก็เปียกอีก รอจนฝนหยุด จึงเอาฝ้าซับน้ำออก ดีที่มีเสื่อปิคนิค ที่ด้านนึงกันน้ำมาด้วย ไม่งั้นคงได้นอนเปียกๆแน่
ในช่วงเย็น มีนักท่องเที่ยวมาเพิ่ม เต้นข้างๆ ได้ชวนผมไปนั่งคุยด้วย เพราะเห็นว่ามาคนเดียว เราคุยกันถึงที่เที่ยวต่างๆ ผมเปรยๆว่าพรุ่งนี้อาจจะไปทองผาภูมิ พวกพี่เขาก็แนะนำให้ไปจุดชมวิวเนินช้างศึก คุยกันสักพัก พอดึกๆ ก็แยกย้ายกันนอน
เช้าวันนี้ผมเริ่มด้วยหุงข้าว ทำอาหาร มื้อนี้ประทังด้วยข้าวสวย+ไข่ต้ม+น้ำพริกแมงดาจาก 7-11
กินอาหารอิ่มก็เตรียมตัวไปลุยถ่ายรูปน้ำตกต่อเลย
เริ่มที่ชั้น 4-ฉัตรแก้ว เพราะใกล้สุด ชั้นนี้น่าจะเป็นชั้นที่สวยที่สุดเลย
ถ่ายรูปสาแก่ใจแล้วก็ไปดูที่ชั้นถัดไป ผมเลือกขึ้นไปดู ชั้น 4-5-6 ก่อน เพราะมันคงสวยกว่า 1-2-3 (อีกครั้งที่มักคิดว่าชั้นบนมักสวยสุด)
เส้นทางชั้น 4-5-6 เป็นเส้นทางดิน ที่ถากถางไว้โล่งเตียน เดินสบาย แค่ระวังลื่นหน่อย เพราะเป็นดินโคลน ผมก็ลื่นเกือบล้มหลายครั้ง ขนาดมีรองเท้าที่มีดอกยางสูงหน่อยแล้ว ยังไม่พลาดลื่น
ระหว่างทางก็เจอเจ้าปูสีสันงดงาม จึงไม่พลาดที่จะถ่ายรูปไว้ นึกเสียดายทำไมไม่ใช้ขาตั้งกล้อง ภาพเลยออกมาไม่ชัดเท่าไร
ตอนแรกเห็นมดสีดำตัวใหญ่ไต่ขามันนึกว่ามันตายแล้ว เขี่ยๆ มันดู มันยกกล้ามขึ้นมาสู้…
น้ำตกชั้น 5 ช่วงนี้ไม่มีน้ำ ผมเลยเดินข้ามไปไปที่ชั้น 6-7 เลย
มาถึงชั้น 7-ร่มเกล้า ขนาดออกมาเช้าแล้ว ยังมีคนมาเช้ากว่า 7-8 คนบางส่วนก็เล่นน้ำอยู่ ผมใช้เวลาถ่ายรูปเล่นอยู่ที่ชั้นนี้สักพักใหญ่ๆ ชั้นนี้ถ้าน้ำมามากคงสวยน่าดู(เห็นจากรูปคนอื่น)
เจ้าฝีเสื้อมันมาเกาะมือ เลยเอามันเป็นแบบเสียเลย
เสร็จจากชั้น 7-ร่มเกล้า เลยกลับมาที่ชั้น 6-ดงผีเสื้อ ต่อ ชั้นนี้ถ้าน้ำมากกว่านี้ก็คงสวยงามน่าดูมากๆ
ถ่ายชั้น 6 ได้ 2-3ภาพก็เดินทางต่อ
กลับมาที่ชั้น 4-ฉัตรแก้ว ไปจุดชมวิวเหนือเขื่อนศรีนครินทร์สักหน่อย
ต่อไปก็ลงไปชั้น 1-2-3 จากชั้นที่ 4 ลงไปชั้นที่ 3 จะเป็นบันได้ลงไปประมาณ 200-300 เมตร
ต่อจากบันได้ ก็เป็นสะพานทอดยาวตามลำธารของน้ำตก ผมเดินตามสะพานไม้จนสุดสะพานโดยยังไม่ได้แวะถ่ายรูป สะพานจะยาวเลยชั้นที่ 1 ไปอีก รวมเส้นทางก็น่าจะประมาณ 1-2 กิโลเมตร
มาจนสุดสะพานไม้ จะมีสะพานเล็กๆ ข้ามลำธารของน้ำตก เส้นทางนี้ไปต่อท่าเทียบเรือของเขื่อน
กะว่าจะเดินไปดูท่าเทียบเรือ แต่เจอคนสวนมาบอกว่าอีกไกลมาก เลยเปลี่ยนใจกลับไปน้ำตกดีกว่า
เดินกลับมาเรื่อยๆ จนถึงน้ำตกขั้นที่ 1-ดงว่าน เห็นมีนักเรียนหรือนักศึกษามานังวาดรูปกันอยู่ บรรยากาศร่มรื่นดีจริงๆ
ต่อจากชั้น 1 ก็จะเป็นชั้นที่ 2-ม่านขมิ้น แต่ชั้นนี้รูปที่ผมถ่ายไม่สวยเลย เลยไม่มีรูปชั้นนี้ ข้ามไปที่ชั้น 3-วังหน้าผาแทน ระหว่างทางจะมีน้ำตกชั้นเล็กชั้นน้อยอยู่หลฃายแห่ง
เสร็จแล้วก็ได้เวลากลับละ ถึงตรงนี้ ขาลงไม่เท่าไร ขาขึ้นนี่สิ เหนื่อยยยย
กลับขึ้นมาก็เก็บเต้นท์ อาบน้ำ กินข้าวเที่ยง เพื่อไปเป้าหมายต่อไปคือ ทองผาภูมิ จะไปน้ำตกจ๊อกกระดิ่น
ดูในเส้นทาง Google Map แล้วไม่ไกล แต่พออกมาถามตรงเจ้าหน้าที่หน้าด่านก่อน เพื่อความแน่ใจ เจ้าหน้าที่บอกว่าเส้นนี้รถเก๋งไม่แนะนำ ให้ไปตัดตรงเขื่อนท่าทุงนาแล้วเข้าทางหลัก ดีกว่า ดีนะที่ถามเจ้าหน้าที่ก่อน ไม่งั้นผมลำบากแน่ๆ เพราะกลับมาเห็นรีวิวรถกระบะที่ใช้เส้นทางนี้แล้ว รถเก๋งไม่น่ารอด หน้าฝนด้วย จะเพิ่มความลำบากไปอีก
เปลี่ยนเส้นทางย้อนไปดีกว่า ไกลหน่อย แต่ก็สบายกว่า
ขับมาจนถึงทางสามแยก ขวาไปน้ำตกเอราวัณ และออกไปทางกาญจนบุรี ซ้ายไปเขื่อนศรีนครินทร์ ใหนๆ ก็มาแล้วแวะเขื่อนหน่อยดีกว่า แม้จะเคยมาเขื่อน 2-3 ครั้งแล้วก็ตาม
ถ่ายรูปเขื่อนเสร็จแล้วก็มุ่งหน้าทองผาภูมิต่อ
จบแล้วครับสำหรับวันนี้ แล้วเดี๋ยวจะมาเล่าวันที่ 3 ต่อ
SomphongPh
หัดรีวิว
4 วัน 4 คืน กับการขับรถเที่ยวน้ำตกที่กาญจนบุรี – วันที่ 2 น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น เขื่อนศรีนครินทร์
เส้นทางนี้ทางดีลาดยางจนถึงตัวน้ำตก ชั้นที่ 4 ระหว่างทางไม่ค่อยมีรถสวนทาง หรือตามมาเท่าไรนัก จะว่าขับสบายดี ก็สบาย จะว่าเปลี่ยวก็เปลี่ยว มีหมู่บ้านอยู่บ้าง ห่างๆ เส้นทางมีโค้งบ้างเล็กน้อยตามไหล่เขา แต่ไม่มาก ทางไม่ชันมาก ขับชิลๆ ได้สบาย สองข้างทางส่วนใหญ่เป็นป่าไม่เขียวขจีในหน้าฝน ขับเลียบไปตามเส้นทาง จะมองเห็นเขื่อนศรีนครินทร์บ้างบางช่วงทางขวามือ
ขับมาได้สักพักใหญ่ๆ ก้จะมาภึงด่านเก็บเงิน ที่นี่ค่าเข้าไม่ต่างจากน้ำตกเอราวัณ คือ 100 บาท + ค่ารถ 30 บาท + ค่ากางเต้นท์อีก 30 บาท
ชำระค่าต่างๆเรียบร้อยแล้ว สอบถามเจ้าหน้าที่ ที่นี่มีที่กางเต้นท์ 4-5 จุด วันนี้คนไม่มากนัก แต่ก็ไม่ถึงกับเหงา ผมเดินดูทำเล หาที่กางเต้นท์ บริเวณที่กางเต้นท์ อยู่บริเวณน้ำตกชั้นที่ 4 เลย น้ำตกมีความงดงาม น้ำใหลลงบนชั้นหินเป็นชั้นๆ ลดหลั่นกันไปสวยงามยิ่งนัก ในใจก็คิดว่าแค่ชั้นนี้ก็คุ้มแล้ว แต่ยังไม่ได้ถ่ายรูปน้ำตก ชมความงามสักพัก ก็เดินหาที่กางเต้นท์ต่อ เห็นทำเลอีกฝั่งของน้ำตกน่าจะเหมาะ เลยขับรถข้ามสะพานไม้ มากางที่อีกฝั่งนึง
มีเรื่องให้น่าตื่นเต้นระหว่างกางเต้นท์ คือระหว่างที่กำลังกางเต้นท์ ก็ขนของบางส่วนไปบริเวณที่กาง กางผ้าใบเต้นท์ สอดเสาเต้นเรียบร้อยแล้ว ฝนดันตกมาห่าใหญ่ จะเก็บเต้นท์ ก็ไม่ทันแน่ๆ จะวิ่งหนีเข้ารถก่อนเตนท้ก็คงเปียกหมด นอนไม่ได้ เลยลุกรี้ลุกรนกางลุยฝนจนเสร็จ เก็บของเข้าเต้นท์ ซึ่งบางส่วนก็เปียก ตัวเราก็เปียก พอเข้าไปในเต้นท์ พิ้นเต้นท์ก็เปียกอีก รอจนฝนหยุด จึงเอาฝ้าซับน้ำออก ดีที่มีเสื่อปิคนิค ที่ด้านนึงกันน้ำมาด้วย ไม่งั้นคงได้นอนเปียกๆแน่
ในช่วงเย็น มีนักท่องเที่ยวมาเพิ่ม เต้นข้างๆ ได้ชวนผมไปนั่งคุยด้วย เพราะเห็นว่ามาคนเดียว เราคุยกันถึงที่เที่ยวต่างๆ ผมเปรยๆว่าพรุ่งนี้อาจจะไปทองผาภูมิ พวกพี่เขาก็แนะนำให้ไปจุดชมวิวเนินช้างศึก คุยกันสักพัก พอดึกๆ ก็แยกย้ายกันนอน
เช้าวันนี้ผมเริ่มด้วยหุงข้าว ทำอาหาร มื้อนี้ประทังด้วยข้าวสวย+ไข่ต้ม+น้ำพริกแมงดาจาก 7-11
กินอาหารอิ่มก็เตรียมตัวไปลุยถ่ายรูปน้ำตกต่อเลย
เริ่มที่ชั้น 4-ฉัตรแก้ว เพราะใกล้สุด ชั้นนี้น่าจะเป็นชั้นที่สวยที่สุดเลย
ถ่ายรูปสาแก่ใจแล้วก็ไปดูที่ชั้นถัดไป ผมเลือกขึ้นไปดู ชั้น 4-5-6 ก่อน เพราะมันคงสวยกว่า 1-2-3 (อีกครั้งที่มักคิดว่าชั้นบนมักสวยสุด)
เส้นทางชั้น 4-5-6 เป็นเส้นทางดิน ที่ถากถางไว้โล่งเตียน เดินสบาย แค่ระวังลื่นหน่อย เพราะเป็นดินโคลน ผมก็ลื่นเกือบล้มหลายครั้ง ขนาดมีรองเท้าที่มีดอกยางสูงหน่อยแล้ว ยังไม่พลาดลื่น
ระหว่างทางก็เจอเจ้าปูสีสันงดงาม จึงไม่พลาดที่จะถ่ายรูปไว้ นึกเสียดายทำไมไม่ใช้ขาตั้งกล้อง ภาพเลยออกมาไม่ชัดเท่าไร
ตอนแรกเห็นมดสีดำตัวใหญ่ไต่ขามันนึกว่ามันตายแล้ว เขี่ยๆ มันดู มันยกกล้ามขึ้นมาสู้…
น้ำตกชั้น 5 ช่วงนี้ไม่มีน้ำ ผมเลยเดินข้ามไปไปที่ชั้น 6-7 เลย
มาถึงชั้น 7-ร่มเกล้า ขนาดออกมาเช้าแล้ว ยังมีคนมาเช้ากว่า 7-8 คนบางส่วนก็เล่นน้ำอยู่ ผมใช้เวลาถ่ายรูปเล่นอยู่ที่ชั้นนี้สักพักใหญ่ๆ ชั้นนี้ถ้าน้ำมามากคงสวยน่าดู(เห็นจากรูปคนอื่น)
เจ้าฝีเสื้อมันมาเกาะมือ เลยเอามันเป็นแบบเสียเลย
เสร็จจากชั้น 7-ร่มเกล้า เลยกลับมาที่ชั้น 6-ดงผีเสื้อ ต่อ ชั้นนี้ถ้าน้ำมากกว่านี้ก็คงสวยงามน่าดูมากๆ
ถ่ายชั้น 6 ได้ 2-3ภาพก็เดินทางต่อ
กลับมาที่ชั้น 4-ฉัตรแก้ว ไปจุดชมวิวเหนือเขื่อนศรีนครินทร์สักหน่อย
ต่อไปก็ลงไปชั้น 1-2-3 จากชั้นที่ 4 ลงไปชั้นที่ 3 จะเป็นบันได้ลงไปประมาณ 200-300 เมตร
ต่อจากบันได้ ก็เป็นสะพานทอดยาวตามลำธารของน้ำตก ผมเดินตามสะพานไม้จนสุดสะพานโดยยังไม่ได้แวะถ่ายรูป สะพานจะยาวเลยชั้นที่ 1 ไปอีก รวมเส้นทางก็น่าจะประมาณ 1-2 กิโลเมตร
มาจนสุดสะพานไม้ จะมีสะพานเล็กๆ ข้ามลำธารของน้ำตก เส้นทางนี้ไปต่อท่าเทียบเรือของเขื่อน
กะว่าจะเดินไปดูท่าเทียบเรือ แต่เจอคนสวนมาบอกว่าอีกไกลมาก เลยเปลี่ยนใจกลับไปน้ำตกดีกว่า
เดินกลับมาเรื่อยๆ จนถึงน้ำตกขั้นที่ 1-ดงว่าน เห็นมีนักเรียนหรือนักศึกษามานังวาดรูปกันอยู่ บรรยากาศร่มรื่นดีจริงๆ
ต่อจากชั้น 1 ก็จะเป็นชั้นที่ 2-ม่านขมิ้น แต่ชั้นนี้รูปที่ผมถ่ายไม่สวยเลย เลยไม่มีรูปชั้นนี้ ข้ามไปที่ชั้น 3-วังหน้าผาแทน ระหว่างทางจะมีน้ำตกชั้นเล็กชั้นน้อยอยู่หลฃายแห่ง
เสร็จแล้วก็ได้เวลากลับละ ถึงตรงนี้ ขาลงไม่เท่าไร ขาขึ้นนี่สิ เหนื่อยยยย
กลับขึ้นมาก็เก็บเต้นท์ อาบน้ำ กินข้าวเที่ยง เพื่อไปเป้าหมายต่อไปคือ ทองผาภูมิ จะไปน้ำตกจ๊อกกระดิ่น
ดูในเส้นทาง Google Map แล้วไม่ไกล แต่พออกมาถามตรงเจ้าหน้าที่หน้าด่านก่อน เพื่อความแน่ใจ เจ้าหน้าที่บอกว่าเส้นนี้รถเก๋งไม่แนะนำ ให้ไปตัดตรงเขื่อนท่าทุงนาแล้วเข้าทางหลัก ดีกว่า ดีนะที่ถามเจ้าหน้าที่ก่อน ไม่งั้นผมลำบากแน่ๆ เพราะกลับมาเห็นรีวิวรถกระบะที่ใช้เส้นทางนี้แล้ว รถเก๋งไม่น่ารอด หน้าฝนด้วย จะเพิ่มความลำบากไปอีก
เปลี่ยนเส้นทางย้อนไปดีกว่า ไกลหน่อย แต่ก็สบายกว่า
ขับมาจนถึงทางสามแยก ขวาไปน้ำตกเอราวัณ และออกไปทางกาญจนบุรี ซ้ายไปเขื่อนศรีนครินทร์ ใหนๆ ก็มาแล้วแวะเขื่อนหน่อยดีกว่า แม้จะเคยมาเขื่อน 2-3 ครั้งแล้วก็ตาม
ถ่ายรูปเขื่อนเสร็จแล้วก็มุ่งหน้าทองผาภูมิต่อ
จบแล้วครับสำหรับวันนี้ แล้วเดี๋ยวจะมาเล่าวันที่ 3 ต่อ
SomphongPh
หัดรีวิว