....รักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก.....
ต้องออกตัวก่อนว่า เราเป็นติ่งทั้ง Jurassic และ Chris Pratt เพราะงั้นการมาของ Fallen Kingdom จึงเป็นอะไรที่สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้เราอย่างมาก เพราะ หนึ่ง หนังภาคต่อโดยทั่วไปนั้นมักจะขึ้นชื่อเรื่อง “บทป่วย ห่วยไทม์ไลน์” ..สอง พี่คริสของเรา เพิ่งโดนทั้งจักรวาลรุมด่าเละเทะมาหมาดๆ ก็เลยเกรงว่าจะเกิด Aftershock ในเรื่องนี้ไปด้วย แต่พอได้เข้าไปดูแล้วส่วนตัวถือว่าเป็นที่น่าพอใจ ทั้งบททั้งไทม์ไลน์ถือว่าโอเค ส่วนโอเว่นเกรดี้ก็พอจะกอบกู้ชื่อเสียงให้สตาร์ลอร์ดได้บ้าง (หรือเปล่า? แต่เรารักเค้านะ 55555)
เข้าเรื่องเนาะ! ยังไงตรงนี้ขออนุญาตใส่สปอยล์ไว้แล้วกัน แต่จริงๆแล้วเราก็จะพูดในส่วนที่ทุกคนน่าจะได้เห็นกันจากหนังตัวอย่างแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Jurassic World: Fallen Kingdom พูดถึงเกาะ Islar Nublar หลังจากที่โดน Indominus Rex (ไดโนเสาร์ไฮบริด) แหกกรงถล่มเกาะเมื่อปี 2015 จนมนุษย์ต้องระเห็จอพยพหลบหนี ปล่อยให้ไดโนเสาร์ต้องอยู่กันเองตามยถากรรม ซึ่งเราเชื่อว่าขุ่นป้า Rexy ทีเร็กซ์สุดสวย น่าจะเป็นเจ๊ใหญ่ที่คอยจัดระเบียบ ควบคุมระบบนิเวศให้น้องๆได้ดี(?) แต่พูดไปก็สงสารเหล่าซุปตาร์ของเรา บ้านแตกยังไม่พอ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์อยู่ดีๆ ภูเขาไฟดันมาปะทุ สุ่มเสี่ยงสูญพันธุ์เป็นที่สุด เดือดร้อนถึงแฟนคลับอย่าง Owen (Chris) กับ Clair (Bryce) และผองเพื่อนต้องยื่นมือมาช่วย ช่วยได้หรือไม่? แล้วมาจ๊ะเอ๋กับไฮบริดดาวรุ่ง ผู้มีนามว่า “IndoRaptor” ได้อย่างไร? ก็ให้ตัวหนังเป็นคนเล่าเรื่องให้ทุกคนได้รับชมกันเองเนาะ
ความคิดส่วนตัว เราชอบภาคนี้มาก อาจจะเป็นเพราะความหวาดหวั่น (ตามเหตุผลด้านบน 55) เลยไม่ค่อยกล้าคาดหวังอะไรมาก พอหนังมันออกมาหน้านี้เลยเป็นว่าดีกว่าที่คิดไว้เยอะ ฉากเปิดเรื่องจัดว่าเป็นฉากเปิดที่เสียวและหลอนที่สุดกว่าทุกภาค ทั้งภาพทั้งเสียงมันชวนตื่นเต้นและอึดอัดไปหมด เอาแค่เปิดตัวไม่กี่นาที ก็ยกระดับหนังได้มากโขแล้วเด้อ แต่สิ่งที่ขาดไป! (อันนี้จะเรียกว่าสปอยล์ไหม) ก็คือดนตรีประกอบของ Jurassic Park ดั้งเดิม ที่เคยทำเราน้ำตาร่วงตอนเปิดตัวสวนสนุกในภาคที่แล้ว แต่ภาคนี้กลับไม่ใส่มาซะดื้อๆ ไอ้เราก็รอไปสิ โน่น หนังจบพอดี
ในส่วนของการปูเรื่องช่วงต้น อาจจะนานหน่อย แต่สิ่งที่ทำให้มันไม่น่าเบื่อเลยสำหรับเราก็คือ การใส่บทของ Benjamin Lockwood พาร์ทเนอร์ผู้ร่วมก่อตั้งปาร์คเข้ามา ตามที่ได้เห็นกันในตัวอย่าง บุรุษผู้ยืนเคียงข้าง John Hammond มาตั้งแต่วันแรก แค่เห็นหน้าก็พอรู้ว่า คงผ่านอะไรมาด้วยกันมามากจริงๆ (มีไม้เท้าหัวอำพันคู่ซะด้วย) ฉากที่แกปรากฏตัว เราดีใจยิ่งกว่าเห็น ดร.เอียน มัลคอล์ม ซะอีก (ทำไมวะ 555)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้..แต่!!! ไหนๆก็เอามาแล้ว ทำไมถึงสร้างบทให้แกอ่อนด้อยเหลือเกิน มันเป็นข้อเสียที่ใหญ่หลวงมากสำหรับเรา แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ส่วนนี้ก็พอข้ามไปได้
เรื่องราวส่วนอื่นๆก็เดินไปตามแนวทางเดิมเช่นภาคก่อนๆ ตัวร้ายอย่าง “IndoRaptor”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แม้จะมาช้าและเคลมเร็วไปหน่อย นางก็ร้ายจริงฉลาดจริง (และกวนตีนจริง) ทุกครั้งที่โผล่มาก็หลอนใช่ย่อย แต่ถ้าเทียบกันหมัดต่อหมัด เลเวลของคุณคนนี้อาจจะยังเทียบกับนัง Indominus Rex ไม่ได้ แต่ก็ไม่ขี้เหร่เลยหนาออเจ้าเอย
ถึงแม้จะเดาแนวทางได้ไม่ยาก แต่เราก็โอเคนะ บางทีมันก็ไม่จำเป็นต้องฉีกอะไรมากมาย ถ้าบทมันได้ ยังไงมันก็สนุก หนังให้กลิ่นอายที่เราคุ้นเคย อาจไม่มีจุดพีค ไม่มีฉากเซอไพรส์ ไม่มีอะไรให้ร้องว้าว ไม่มีฉากที่สิ้นหวังแบบสุดๆแล้วลุกขึ้นสู้ใหม่ (แบบในภาคที่แล้วที่โดน I.Rex ต้อนจนมุม แรปเตอร์ทุกตัวล้มตาย แต่สุดท้ายก็มีขุ่นป้าออกมาจุดประกายความหวัง)
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ในความไม่ว้าว มันก็ยังเรียกน้ำตา ในความไม่พีค มันก็ยังสร้างความอบอุ่นให้หัวใจ โดยเฉพาะฉากที่แสดงให้เห็นถึงความผูกพันระหว่างโอเว่นและน้องบลู (แรปเตอร์จิตใจดี) ก็งดงามท่วมท้นหัวใจยิ่งนัก
สรุปคะแนน 9/10 หนังสนุกมากถึงมากที่สุด ถ้าไม่นับเรื่องดนตรีและที่ไม่มีฉากเซอร์ไพรส์ เราให้ภาคนี้สนุกกว่าภาคที่แล้วนิสนุง
ยังไงขอฝากเพจของเราด้วยนะคะ เราไม่ได้คาดหวังให้มันโด่งดังหรือต้องการอะไร แต่หาที่ระบายความคิดเกี่ยวกับหนังที่ได้ดูก็แค่นั้นค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ฝากเพื่อนกดไลค์ กดติดตาม หรือเข้ามาพูดคุยกันได้นะคะ ความคิดเห็นของทุกคนต้องทำให้เพจเราสนุกขึ้นมากแน่นอน ขอบคุณค่ะ
https://www.facebook.com/KodSpoil/
Jurassic World: Fallen Kingdom | ไม่แปลกใหม่ แต่โคตรประทับใจเลย...รักมาก
....รักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก.....
ต้องออกตัวก่อนว่า เราเป็นติ่งทั้ง Jurassic และ Chris Pratt เพราะงั้นการมาของ Fallen Kingdom จึงเป็นอะไรที่สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้เราอย่างมาก เพราะ หนึ่ง หนังภาคต่อโดยทั่วไปนั้นมักจะขึ้นชื่อเรื่อง “บทป่วย ห่วยไทม์ไลน์” ..สอง พี่คริสของเรา เพิ่งโดนทั้งจักรวาลรุมด่าเละเทะมาหมาดๆ ก็เลยเกรงว่าจะเกิด Aftershock ในเรื่องนี้ไปด้วย แต่พอได้เข้าไปดูแล้วส่วนตัวถือว่าเป็นที่น่าพอใจ ทั้งบททั้งไทม์ไลน์ถือว่าโอเค ส่วนโอเว่นเกรดี้ก็พอจะกอบกู้ชื่อเสียงให้สตาร์ลอร์ดได้บ้าง (หรือเปล่า? แต่เรารักเค้านะ 55555)
เข้าเรื่องเนาะ! ยังไงตรงนี้ขออนุญาตใส่สปอยล์ไว้แล้วกัน แต่จริงๆแล้วเราก็จะพูดในส่วนที่ทุกคนน่าจะได้เห็นกันจากหนังตัวอย่างแล้ว [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความคิดส่วนตัว เราชอบภาคนี้มาก อาจจะเป็นเพราะความหวาดหวั่น (ตามเหตุผลด้านบน 55) เลยไม่ค่อยกล้าคาดหวังอะไรมาก พอหนังมันออกมาหน้านี้เลยเป็นว่าดีกว่าที่คิดไว้เยอะ ฉากเปิดเรื่องจัดว่าเป็นฉากเปิดที่เสียวและหลอนที่สุดกว่าทุกภาค ทั้งภาพทั้งเสียงมันชวนตื่นเต้นและอึดอัดไปหมด เอาแค่เปิดตัวไม่กี่นาที ก็ยกระดับหนังได้มากโขแล้วเด้อ แต่สิ่งที่ขาดไป! (อันนี้จะเรียกว่าสปอยล์ไหม) ก็คือดนตรีประกอบของ Jurassic Park ดั้งเดิม ที่เคยทำเราน้ำตาร่วงตอนเปิดตัวสวนสนุกในภาคที่แล้ว แต่ภาคนี้กลับไม่ใส่มาซะดื้อๆ ไอ้เราก็รอไปสิ โน่น หนังจบพอดี
ในส่วนของการปูเรื่องช่วงต้น อาจจะนานหน่อย แต่สิ่งที่ทำให้มันไม่น่าเบื่อเลยสำหรับเราก็คือ การใส่บทของ Benjamin Lockwood พาร์ทเนอร์ผู้ร่วมก่อตั้งปาร์คเข้ามา ตามที่ได้เห็นกันในตัวอย่าง บุรุษผู้ยืนเคียงข้าง John Hammond มาตั้งแต่วันแรก แค่เห็นหน้าก็พอรู้ว่า คงผ่านอะไรมาด้วยกันมามากจริงๆ (มีไม้เท้าหัวอำพันคู่ซะด้วย) ฉากที่แกปรากฏตัว เราดีใจยิ่งกว่าเห็น ดร.เอียน มัลคอล์ม ซะอีก (ทำไมวะ 555) [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรื่องราวส่วนอื่นๆก็เดินไปตามแนวทางเดิมเช่นภาคก่อนๆ ตัวร้ายอย่าง “IndoRaptor” [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ นางก็ร้ายจริงฉลาดจริง (และกวนตีนจริง) ทุกครั้งที่โผล่มาก็หลอนใช่ย่อย แต่ถ้าเทียบกันหมัดต่อหมัด เลเวลของคุณคนนี้อาจจะยังเทียบกับนัง Indominus Rex ไม่ได้ แต่ก็ไม่ขี้เหร่เลยหนาออเจ้าเอย
ถึงแม้จะเดาแนวทางได้ไม่ยาก แต่เราก็โอเคนะ บางทีมันก็ไม่จำเป็นต้องฉีกอะไรมากมาย ถ้าบทมันได้ ยังไงมันก็สนุก หนังให้กลิ่นอายที่เราคุ้นเคย อาจไม่มีจุดพีค ไม่มีฉากเซอไพรส์ ไม่มีอะไรให้ร้องว้าว ไม่มีฉากที่สิ้นหวังแบบสุดๆแล้วลุกขึ้นสู้ใหม่ (แบบในภาคที่แล้วที่โดน I.Rex ต้อนจนมุม แรปเตอร์ทุกตัวล้มตาย แต่สุดท้ายก็มีขุ่นป้าออกมาจุดประกายความหวัง)
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ในความไม่ว้าว มันก็ยังเรียกน้ำตา ในความไม่พีค มันก็ยังสร้างความอบอุ่นให้หัวใจ โดยเฉพาะฉากที่แสดงให้เห็นถึงความผูกพันระหว่างโอเว่นและน้องบลู (แรปเตอร์จิตใจดี) ก็งดงามท่วมท้นหัวใจยิ่งนัก
สรุปคะแนน 9/10 หนังสนุกมากถึงมากที่สุด ถ้าไม่นับเรื่องดนตรีและที่ไม่มีฉากเซอร์ไพรส์ เราให้ภาคนี้สนุกกว่าภาคที่แล้วนิสนุง
ยังไงขอฝากเพจของเราด้วยนะคะ เราไม่ได้คาดหวังให้มันโด่งดังหรือต้องการอะไร แต่หาที่ระบายความคิดเกี่ยวกับหนังที่ได้ดูก็แค่นั้นค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้