เราเชื่อว่าต้องมีประเด็นแบบนี้เกิดขึ้นกับลูกจ้างหลายคนแน่นอน ลูกจ้างที่โดยนายจ้างเล่นสงครามประสาทใส่ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตามที่ทำให้รู้สึกแย่ ทำให้รู้สึกกดดัน และอาจต้องจบด้วยการทนไม่ไหวและต้องลาออกไปเอง
เราก็โดนแบบนี้เหมือนกัน เราทำงานในองค์กรไทย วัฒนธรรมก็โคตรไทย ขนาดเราเป็นคนเงียบๆ ไม่ไปหาเรื่องใครก่อนแท้ๆ แต่เราก็คงมีข้อเสียบางอย่างที่เจ้านายไม่ชอบ หรือเผลอไปทำอะไรที่เจ้านายไม่ชอบ(ไม่ว่าจะเกี่ยวกับงานหรือไม่ก็ตาม) เจ้านายจึงเล่นสงครามประสาทใส่เรา และทุกครั้งที่เราโดนเจ้านายเล่นสงครามประสาทใส่ เราจะโต้ตอบด้วยความนิ่ง ไม่ใช้อารมณ์(พูดง่ายๆก็คือไม่โต้ตอบนั่นแหละ เป็นฝ่ายถูกกระทำ) และเราก็คุยกับเจ้านายน้อยลงด้วย เพราะเราไม่อยากยุ่งกับคนที่ทำให้เรารู้สึกแย่ คุยกันเท่าที่จำเป็นก็พอ
แต่เราก็ไม่ได้เข้าไปเคลียร์กับเจ้านายตรงๆ สาเหตุเพราะเราคิดว่า การเข้าไปเคลียร์ คือการที่เราต้องเข้าไปขอขมาเจ้านาย และพูดกับเจ้านายว่าเราจะยอมเป็นลูกน้องที่เชื่อฟังและตามใจเจ้านายทุกอย่าง (เจ้านายก็อายุพอๆ กับพ่อแม่เรา และพ่อแม่เราแนะนำให้เราเดินเข้าไปในห้องเจ้านายแล้วพูดว่า "พี่คะ หนูอยากทราบว่าตอนนี้หนูทำอะไรที่พี่รู้สึกว่ายังไม่ดีพอบ้างไหมคะ ถ้ามี หนูต้องขอโทษด้วยนะคะ หนูจะปรับปรุง พี่บอกมาได้เลยค่ะว่าต้องการให้หนูปรับปรุงเรื่องอะไรบ้าง" และเราอาจต้องเอาของฝาก หรือพวงมาลัยเข้าไปขอขมาด้วย) ซึ่งเราคิดว่าเราจะไม่ยอมพูดหรือทำอะไรแบบนั้น เพราะไม่มีอะไรมาการันตีว่าถ้าเราทำแบบนั้นแล้วเรื่องจะจบ เจ้านายจะดีกับเรามากขึ้น หรือจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก และเราก็ไม่อยากเที่ยวรับปากใครว่าเราจะปรับปรุงเรื่องนั้นเรื่องนี้ เพราะเรามั่นใจว่าเราไม่สามารถทำอะไรตามใจหรือถูกใจใครได้ทุกอย่าง
ตอนนี้เราก็กำลังรอผลการประเมินงานจากเจ้านาย คิดว่าถ้าเขาประเมินเราด้วยคะแนนที่ต่ำเกินกว่าที่เรารับได้ เราก็คงตัดสินใจยอมแพ้แล้วลาออกไปเอง (เราก็ประเมินตัวเองเหมือนกัน และเราก็ไม่เคยประเมินตัวเองสูงด้วย เพราะเราไม่มั่นใจในตัวเอง) เรายังอยู่ได้ไม่ถึงปี ถ้าต้องลาออกก็คงไม่มีอะไรให้อาลัยอาวรณ์มากนัก(แค่รู้สึกเสียดายเงินเดือนกับสวัสดิการ แต่ตอนนี้อยู่ไปก็รู้สึกเสียสุขภาพจิต) จบเรื่องของเรา อยากรู้เรื่องของคนอื่นบ้าง ใครเคยทำแบบที่ตรงข้ามกับเราไหมคะ ช่วยบอกหน่อยว่าสุดท้ายผลลัพธ์เป็นยังไง
ใครเคยโดนเจ้านายเล่นสงครามประสาทใส่ แล้วเข้าไปเคลียร์กับเจ้านายตรงๆบ้าง มาแชร์หน่อยค่ะ
เราก็โดนแบบนี้เหมือนกัน เราทำงานในองค์กรไทย วัฒนธรรมก็โคตรไทย ขนาดเราเป็นคนเงียบๆ ไม่ไปหาเรื่องใครก่อนแท้ๆ แต่เราก็คงมีข้อเสียบางอย่างที่เจ้านายไม่ชอบ หรือเผลอไปทำอะไรที่เจ้านายไม่ชอบ(ไม่ว่าจะเกี่ยวกับงานหรือไม่ก็ตาม) เจ้านายจึงเล่นสงครามประสาทใส่เรา และทุกครั้งที่เราโดนเจ้านายเล่นสงครามประสาทใส่ เราจะโต้ตอบด้วยความนิ่ง ไม่ใช้อารมณ์(พูดง่ายๆก็คือไม่โต้ตอบนั่นแหละ เป็นฝ่ายถูกกระทำ) และเราก็คุยกับเจ้านายน้อยลงด้วย เพราะเราไม่อยากยุ่งกับคนที่ทำให้เรารู้สึกแย่ คุยกันเท่าที่จำเป็นก็พอ
แต่เราก็ไม่ได้เข้าไปเคลียร์กับเจ้านายตรงๆ สาเหตุเพราะเราคิดว่า การเข้าไปเคลียร์ คือการที่เราต้องเข้าไปขอขมาเจ้านาย และพูดกับเจ้านายว่าเราจะยอมเป็นลูกน้องที่เชื่อฟังและตามใจเจ้านายทุกอย่าง (เจ้านายก็อายุพอๆ กับพ่อแม่เรา และพ่อแม่เราแนะนำให้เราเดินเข้าไปในห้องเจ้านายแล้วพูดว่า "พี่คะ หนูอยากทราบว่าตอนนี้หนูทำอะไรที่พี่รู้สึกว่ายังไม่ดีพอบ้างไหมคะ ถ้ามี หนูต้องขอโทษด้วยนะคะ หนูจะปรับปรุง พี่บอกมาได้เลยค่ะว่าต้องการให้หนูปรับปรุงเรื่องอะไรบ้าง" และเราอาจต้องเอาของฝาก หรือพวงมาลัยเข้าไปขอขมาด้วย) ซึ่งเราคิดว่าเราจะไม่ยอมพูดหรือทำอะไรแบบนั้น เพราะไม่มีอะไรมาการันตีว่าถ้าเราทำแบบนั้นแล้วเรื่องจะจบ เจ้านายจะดีกับเรามากขึ้น หรือจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก และเราก็ไม่อยากเที่ยวรับปากใครว่าเราจะปรับปรุงเรื่องนั้นเรื่องนี้ เพราะเรามั่นใจว่าเราไม่สามารถทำอะไรตามใจหรือถูกใจใครได้ทุกอย่าง
ตอนนี้เราก็กำลังรอผลการประเมินงานจากเจ้านาย คิดว่าถ้าเขาประเมินเราด้วยคะแนนที่ต่ำเกินกว่าที่เรารับได้ เราก็คงตัดสินใจยอมแพ้แล้วลาออกไปเอง (เราก็ประเมินตัวเองเหมือนกัน และเราก็ไม่เคยประเมินตัวเองสูงด้วย เพราะเราไม่มั่นใจในตัวเอง) เรายังอยู่ได้ไม่ถึงปี ถ้าต้องลาออกก็คงไม่มีอะไรให้อาลัยอาวรณ์มากนัก(แค่รู้สึกเสียดายเงินเดือนกับสวัสดิการ แต่ตอนนี้อยู่ไปก็รู้สึกเสียสุขภาพจิต) จบเรื่องของเรา อยากรู้เรื่องของคนอื่นบ้าง ใครเคยทำแบบที่ตรงข้ามกับเราไหมคะ ช่วยบอกหน่อยว่าสุดท้ายผลลัพธ์เป็นยังไง