สวัสดีค่ะ เราชื่อว่ามัสนะคะ แต่อาจจะใช้แทนตัวเองว่า เรา อย่าว่ากันน้า วันนี้มัสจะมาแชร์ประสบการณ์ความรักสมัยวัยเรียนมัธยมปลายวัยกำลังสดใส 55555 ตอนนี้เราอายุ ย่าง 25 ปีค่ะ เรื่องราวนี้เกิดขึ้นตอนที่เราอายุ 17 ปี ซึ่งในตอนนั้นเรากำลังเรียนอยู่ ม.5 โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งย่านชานเมือง (เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง) แต่อาจจะเล่าไม่ค่อยสนุกนะ เพราะส่วนใหญ่เราจะเป็นผู้อ่านมากกว่า แต่อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ความรักที่เกิดขึ้นให้กับหลายคนได้อ่านกัน และสามารถเล่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับมัสได้เลยนะ พยายามจะเล่าให้จบค่ะเรื่องนี้ค่อนข้างจะยาวและใช้เวลานิดนึง
เข้าเรื่องกันเลยนะคะ ณ ตอนนั้นเรากำลังเรียนอยู่ ม.5 ค่ะ ค่อนข้างที่จะติดเพื่อน แต่ไม่ได้ติดจนเหลวไหลอะไรหรอก ผลการเรียนปานกลาง อาจจะทำให้พ่อแม่ปวดหัวบ้างในบางครั้งก็เถอะ เราเป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่น้อง มีก็แต่ลูกพี่ลูกน้อง 4 คน ซึ่งห่างกันหลายปีอยู่ค่ะ จึงเป็นสาเหตุให้เราติดเพื่อนและกลับบ้านช้า ในช่วงนั้นกำลังฮิต hi5 ค่ะ ทุกคนน่าจะทันและได้สัมผัสกับมันนะคะ 555 เราก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไปเล่นตามปกติมีคนมาขอเป็นเพื่อน ไปขอเป็นเพื่อนเค้าหรือเอาไว้ส่องคนในโรงเรียนและนอกโรงเรียน 5555 ทำให้เรามีเพื่อนต่างโรงเรียนเยอะซึ่งคุยกันผ่าน hi5 นี่แหละ เราก็นับเป็นเพื่อนหมด สมัยนั้นนอกจาก hi5 จะดังแล้ว ก็มีพวกเด็กช่างนี่แหละค่ะที่ดัง พอๆกัน เพราะในช่วงนั้นจะมีข่าวยกพวกตีกันบ่อยมาก จนเกิดเป็นกระแสวิจารณ์ในขณะนั้น และเราก็ค่อนข้างที่จะสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษเพราะเพื่อนเราก็มีแฟนเป็นเด็กช่าง และก็ชอบฟังเรื่องตีต่อยที่แฟนเพื่อนเราเจอเป็นประจำจนเพื่อนเราบอกว่าเราบ้า แต่ในตอนนั้นเรามีแฟนนะคะเป็นเด็กสามัญเหมือนเรา เรียนคนละโรงเรียนค่ะ แต่หลังๆมาเราไม่ค่อยได้เจอกัน พูดง่ายๆว่าความสัมพันธ์มันไม่ได้ดีเหมือนเดิมแต่เราก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรค่ะ เพราะตอนนั้นเราติดเพื่อน กลายเป็นว่าเป็นการเปิดโอกาสให้แฟนเราไปคุยกับคนอื่นด้วย เรามารู้ตอนที่เพื่อนบอกบอกว่าเจอแฟนเราไปดูหนังกับคนผู้หญิง เราเชื่อเพื่อนนะเพราะว่าระหว่างที่คบกันมันมีปัญหาแบบนี้เข้ามาตลอดจนเราเหนื่อย แต่ก็ยังไม่เลิกกันนะคะ มันยังคลุมเครือจนเวลาผ่านไปก็ห่างหายกันไปโดยที่ไม่มีการเอ่ยคำบอกเลิกกัน เราก็เสียใจนะในช่วงเวลานั้น ตอนแรกมันไม่ค่อยรู้สึกอะไรแต่พอมันเกิดชึ้นจริงๆก็เสียใจแหละ จนแม่เรามาปลอบเราว่า เรายังเด็กอยู่เรายังต้องเจออะไรอีกเยอะ ให้คิดว่าเป็นสีสันของชีวิต ถ้ามันใช่ต่อให้มันนานแค่ไหนก็วนมาเจอกัน ในตอนนั้นเราต้องอยู่กับแม่ที่บ้านแค่สองคนค่ะ เนื่องจากพ่อเราสอบติดบริษัทของสายการบินแห่งหนึ่งแต่ต้องไปประจำอยู่ที่ระยอง ทำให้พ่อต้องลาออกจากทหารแล้วไปทำงานที่นั่นตั้งแต่เราอยู่ ป.5 เราอยู่ก็กับแม่มาตลอดตั้งแต่นั้น เรามีอะไรก็เล่าให้แม่ฟังทุกเรื่อง แม่จะรับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตเราค่ะ แต่จะบอกพ่อหรือไม่อีกเรื่องนึง 5555555 จนวันนึงเราไปโรงเรียนตามปกติ และเราเห็นประกาศในรายการทีวีว่าจะมีการแจกบัตรคอนเสิร์ตซึ่งตอนนั้นเราชอบไปดูคอนเสิร์ตมาก เรากับเพื่อนจึงตกลงส่ง SMS ไป เพื่อที่จะเอาบัตรค่ะ จำได้คร่าวๆว่าคนนึงจะได้ประมาณ 10 ใบ และปรากฏว่าเพื่อนเราได้บัตรค่ะ เราเลยไม่ได้ส่งชื่อเราไป ตอนนั้นเราไม่แน่ใจชื่อคอนเสิร์ตแต่รู้ว่า HONDA เป็นผู้สนับสนุนหลัก เราจึงเรียกมันว่าคอนเสิร์ต HONDA และคอนเสิร์ตนี้ก็ถูกจัดขึ้นที่ สนามราชมังคลากีฬาสถานค่ะ ซึ่งคนเยอะมาก พอได้บัตรเรากับเพื่อนๆก็รอวันที่จะไปดูคอนเสิร์ตกัน เราก็ใช้ชีวิตปกติและก็เล่น hi5 ของเราไปเรื่อยเปื่อยจนดึกๆ มีการแจ้งเตือนส่งมาถึงเรา เราก็เปิดดู มีคำทักทายของบุคคลคนนึงทักเรามาค่ะ แต่เราไม่รู้จัก เราก็ได้ส่งเป็นอีโมจิไปเป็นการตอบ เราขอแทนชื่อผู้ชายคนนี้ว่า โต๊ส นะคะ โต๊สส่งคำถามมาถามค่อนข้างเยอะค่ะ จนเราต้องตอบด้วยความเกรงใจและมารยาท แต่ตอนนั้นยังไม่สนใจอะไร ก็คิดว่าคุยกันเป็นเพื่อนต่างโรงเรียนซึ่งปกติเราก็คุยแบบนี้ตลอด จนเราเข้าไปดูหน้า hi5 ของโต๊ส เราถึงได้รู้ว่าโต๊สเป็นเด็กช่างค่ะ เรียนอยู่ที่โรงเรียนช่างกลแห่งหนึ่งย่านบางกะปิ และเป็นคนที่น่าจะเกเรพอสมควรจากที่เราดูอะไรหลายๆอย่างแล้ว 5555 และเราก็คุยกับโต๊สบ่อยขึ้นจนเราสนิทกัน และโต๊สก็ขอเบอร์เราค่ะ ซึ่งhi 5 มันจะมีการอนุมัติคอมเมนได้ค่ะ ว่าสามารถให้คนอื่นเห็นหรือไม่ให้เห็นได้ ซึ่งแน่นอนโต๊สกับเราก็จะไม่อนุมัติคอมเมนต์ที่เราคุยกันให้ใครเห็นนอกจากจะมีบางคอมเมนต์ที่เลือกที่จะอนุมัติให้คนอื่นได้เห็น และโต๊สก็ขอเบอร์โทรเราไปค่ะ โดยเหตุผลที่ว่าขี้เกียจพิมคุย เราก็อืมมมม จะจีบก็บบ๊อกกก 555555 เราก็ให้เบอร์โต๊สไปค่ะ(ไม่เล่นตัวไรหรอกเพราะเราก็ชอบโต๊สอยู่บ้าง) และโต๊สก็โทรมาเราก็ได้คุยกัน แต่คุยแค่แป๊ปเดียวแล้วก็วางเพราะยังไม่มีเรื่องอะไรให้คุยกันมาก เราก็ใช้ชีวิตปกติโต๊สโทรหาเราบ้างไม่โทรบ้างเนื่องจากโต๊สก็ติดเพื่อน ติดมากด้วย เรากับโต๊สห่างกันประมาณปีนึง จนอาทิตย์นึงผ่านไปคืนวันศุกร์เราก็ได้คุยกับโต๊สอีกแต่คุยกันได้ดึกเพราะพรุ่งนี้วันเสาร์เราไม่ต้องไปโรงเรียน และยังเป็นวันที่เราและเพื่อนรอที่จะไปคอนเสิร์ตกัน ซึ่งคืนนั้นเราก็คุยกับโต๊สและโต๊สก็ชวนเราไปคอนเสิร์ต HONDA เหมือนกัน แต่เราไม่ได้บอกโต๊สว่าเราก็ไป เพราะเราถือว่าเรายังไม่สนิทกันมาก ถึงจะได้คุยกันแล้วก็ตาม
เราเลยปฏิเสธและเลี่ยงที่จะไม่เจอกัน เพราะมันเป็นคอนเสิร์ตฟรี ที่แน่ๆต้องไม่พ้นเรื่องตีกัน เราจึงเลี่ยงที่จะไม่เจอโต๊สค่ะ แล้วโต๊สก็ยังบอกอีกว่างานนี้เหมือนเป็นงานนัดพบกันระหว่างนักเรียนต่างสถาบัน ซึ่งเราก็กลัวนะ แต่นัดกับเพื่อนไว้แล้วยังไงก็ต้องไปค่ะไม่มีพลาด และคืนนั้นเป็นคืนที่เราคุยกับโต๊สเกือบจะตีสี่ซึ่งเป็นการคุยที่ยาวนานมากเพราะในสมัยนั้นจะมีโปรโทรฟรีตอนกลางคืนหรือไม่ก็โทรถูกกว่าช่วงเวลาปกติ จนเราขอตัวนอนเพราะทนความง่วงไม่ไหว
จะมาต่อให้นะคะ เรื่องนี้เป็นความทรงจำที่ดีของเราถึงแม้ระหว่างทางมันอาจจะไม่ค่อยดีก็ตาม เราเลยจำเรื่องนี้ได้ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ค่ะ
ปล.แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในสมัยช่วงยุคนั้นได้เลยนะคะ จขกท.เกิด 1993 น่าจะถือว่าเป็นเด็กในยุค 90 ที่ทันแทบจะทุกอย่าง 55555
รักในความทรงจำ
เข้าเรื่องกันเลยนะคะ ณ ตอนนั้นเรากำลังเรียนอยู่ ม.5 ค่ะ ค่อนข้างที่จะติดเพื่อน แต่ไม่ได้ติดจนเหลวไหลอะไรหรอก ผลการเรียนปานกลาง อาจจะทำให้พ่อแม่ปวดหัวบ้างในบางครั้งก็เถอะ เราเป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่น้อง มีก็แต่ลูกพี่ลูกน้อง 4 คน ซึ่งห่างกันหลายปีอยู่ค่ะ จึงเป็นสาเหตุให้เราติดเพื่อนและกลับบ้านช้า ในช่วงนั้นกำลังฮิต hi5 ค่ะ ทุกคนน่าจะทันและได้สัมผัสกับมันนะคะ 555 เราก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไปเล่นตามปกติมีคนมาขอเป็นเพื่อน ไปขอเป็นเพื่อนเค้าหรือเอาไว้ส่องคนในโรงเรียนและนอกโรงเรียน 5555 ทำให้เรามีเพื่อนต่างโรงเรียนเยอะซึ่งคุยกันผ่าน hi5 นี่แหละ เราก็นับเป็นเพื่อนหมด สมัยนั้นนอกจาก hi5 จะดังแล้ว ก็มีพวกเด็กช่างนี่แหละค่ะที่ดัง พอๆกัน เพราะในช่วงนั้นจะมีข่าวยกพวกตีกันบ่อยมาก จนเกิดเป็นกระแสวิจารณ์ในขณะนั้น และเราก็ค่อนข้างที่จะสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษเพราะเพื่อนเราก็มีแฟนเป็นเด็กช่าง และก็ชอบฟังเรื่องตีต่อยที่แฟนเพื่อนเราเจอเป็นประจำจนเพื่อนเราบอกว่าเราบ้า แต่ในตอนนั้นเรามีแฟนนะคะเป็นเด็กสามัญเหมือนเรา เรียนคนละโรงเรียนค่ะ แต่หลังๆมาเราไม่ค่อยได้เจอกัน พูดง่ายๆว่าความสัมพันธ์มันไม่ได้ดีเหมือนเดิมแต่เราก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรค่ะ เพราะตอนนั้นเราติดเพื่อน กลายเป็นว่าเป็นการเปิดโอกาสให้แฟนเราไปคุยกับคนอื่นด้วย เรามารู้ตอนที่เพื่อนบอกบอกว่าเจอแฟนเราไปดูหนังกับคนผู้หญิง เราเชื่อเพื่อนนะเพราะว่าระหว่างที่คบกันมันมีปัญหาแบบนี้เข้ามาตลอดจนเราเหนื่อย แต่ก็ยังไม่เลิกกันนะคะ มันยังคลุมเครือจนเวลาผ่านไปก็ห่างหายกันไปโดยที่ไม่มีการเอ่ยคำบอกเลิกกัน เราก็เสียใจนะในช่วงเวลานั้น ตอนแรกมันไม่ค่อยรู้สึกอะไรแต่พอมันเกิดชึ้นจริงๆก็เสียใจแหละ จนแม่เรามาปลอบเราว่า เรายังเด็กอยู่เรายังต้องเจออะไรอีกเยอะ ให้คิดว่าเป็นสีสันของชีวิต ถ้ามันใช่ต่อให้มันนานแค่ไหนก็วนมาเจอกัน ในตอนนั้นเราต้องอยู่กับแม่ที่บ้านแค่สองคนค่ะ เนื่องจากพ่อเราสอบติดบริษัทของสายการบินแห่งหนึ่งแต่ต้องไปประจำอยู่ที่ระยอง ทำให้พ่อต้องลาออกจากทหารแล้วไปทำงานที่นั่นตั้งแต่เราอยู่ ป.5 เราอยู่ก็กับแม่มาตลอดตั้งแต่นั้น เรามีอะไรก็เล่าให้แม่ฟังทุกเรื่อง แม่จะรับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตเราค่ะ แต่จะบอกพ่อหรือไม่อีกเรื่องนึง 5555555 จนวันนึงเราไปโรงเรียนตามปกติ และเราเห็นประกาศในรายการทีวีว่าจะมีการแจกบัตรคอนเสิร์ตซึ่งตอนนั้นเราชอบไปดูคอนเสิร์ตมาก เรากับเพื่อนจึงตกลงส่ง SMS ไป เพื่อที่จะเอาบัตรค่ะ จำได้คร่าวๆว่าคนนึงจะได้ประมาณ 10 ใบ และปรากฏว่าเพื่อนเราได้บัตรค่ะ เราเลยไม่ได้ส่งชื่อเราไป ตอนนั้นเราไม่แน่ใจชื่อคอนเสิร์ตแต่รู้ว่า HONDA เป็นผู้สนับสนุนหลัก เราจึงเรียกมันว่าคอนเสิร์ต HONDA และคอนเสิร์ตนี้ก็ถูกจัดขึ้นที่ สนามราชมังคลากีฬาสถานค่ะ ซึ่งคนเยอะมาก พอได้บัตรเรากับเพื่อนๆก็รอวันที่จะไปดูคอนเสิร์ตกัน เราก็ใช้ชีวิตปกติและก็เล่น hi5 ของเราไปเรื่อยเปื่อยจนดึกๆ มีการแจ้งเตือนส่งมาถึงเรา เราก็เปิดดู มีคำทักทายของบุคคลคนนึงทักเรามาค่ะ แต่เราไม่รู้จัก เราก็ได้ส่งเป็นอีโมจิไปเป็นการตอบ เราขอแทนชื่อผู้ชายคนนี้ว่า โต๊ส นะคะ โต๊สส่งคำถามมาถามค่อนข้างเยอะค่ะ จนเราต้องตอบด้วยความเกรงใจและมารยาท แต่ตอนนั้นยังไม่สนใจอะไร ก็คิดว่าคุยกันเป็นเพื่อนต่างโรงเรียนซึ่งปกติเราก็คุยแบบนี้ตลอด จนเราเข้าไปดูหน้า hi5 ของโต๊ส เราถึงได้รู้ว่าโต๊สเป็นเด็กช่างค่ะ เรียนอยู่ที่โรงเรียนช่างกลแห่งหนึ่งย่านบางกะปิ และเป็นคนที่น่าจะเกเรพอสมควรจากที่เราดูอะไรหลายๆอย่างแล้ว 5555 และเราก็คุยกับโต๊สบ่อยขึ้นจนเราสนิทกัน และโต๊สก็ขอเบอร์เราค่ะ ซึ่งhi 5 มันจะมีการอนุมัติคอมเมนได้ค่ะ ว่าสามารถให้คนอื่นเห็นหรือไม่ให้เห็นได้ ซึ่งแน่นอนโต๊สกับเราก็จะไม่อนุมัติคอมเมนต์ที่เราคุยกันให้ใครเห็นนอกจากจะมีบางคอมเมนต์ที่เลือกที่จะอนุมัติให้คนอื่นได้เห็น และโต๊สก็ขอเบอร์โทรเราไปค่ะ โดยเหตุผลที่ว่าขี้เกียจพิมคุย เราก็อืมมมม จะจีบก็บบ๊อกกก 555555 เราก็ให้เบอร์โต๊สไปค่ะ(ไม่เล่นตัวไรหรอกเพราะเราก็ชอบโต๊สอยู่บ้าง) และโต๊สก็โทรมาเราก็ได้คุยกัน แต่คุยแค่แป๊ปเดียวแล้วก็วางเพราะยังไม่มีเรื่องอะไรให้คุยกันมาก เราก็ใช้ชีวิตปกติโต๊สโทรหาเราบ้างไม่โทรบ้างเนื่องจากโต๊สก็ติดเพื่อน ติดมากด้วย เรากับโต๊สห่างกันประมาณปีนึง จนอาทิตย์นึงผ่านไปคืนวันศุกร์เราก็ได้คุยกับโต๊สอีกแต่คุยกันได้ดึกเพราะพรุ่งนี้วันเสาร์เราไม่ต้องไปโรงเรียน และยังเป็นวันที่เราและเพื่อนรอที่จะไปคอนเสิร์ตกัน ซึ่งคืนนั้นเราก็คุยกับโต๊สและโต๊สก็ชวนเราไปคอนเสิร์ต HONDA เหมือนกัน แต่เราไม่ได้บอกโต๊สว่าเราก็ไป เพราะเราถือว่าเรายังไม่สนิทกันมาก ถึงจะได้คุยกันแล้วก็ตาม
เราเลยปฏิเสธและเลี่ยงที่จะไม่เจอกัน เพราะมันเป็นคอนเสิร์ตฟรี ที่แน่ๆต้องไม่พ้นเรื่องตีกัน เราจึงเลี่ยงที่จะไม่เจอโต๊สค่ะ แล้วโต๊สก็ยังบอกอีกว่างานนี้เหมือนเป็นงานนัดพบกันระหว่างนักเรียนต่างสถาบัน ซึ่งเราก็กลัวนะ แต่นัดกับเพื่อนไว้แล้วยังไงก็ต้องไปค่ะไม่มีพลาด และคืนนั้นเป็นคืนที่เราคุยกับโต๊สเกือบจะตีสี่ซึ่งเป็นการคุยที่ยาวนานมากเพราะในสมัยนั้นจะมีโปรโทรฟรีตอนกลางคืนหรือไม่ก็โทรถูกกว่าช่วงเวลาปกติ จนเราขอตัวนอนเพราะทนความง่วงไม่ไหว
จะมาต่อให้นะคะ เรื่องนี้เป็นความทรงจำที่ดีของเราถึงแม้ระหว่างทางมันอาจจะไม่ค่อยดีก็ตาม เราเลยจำเรื่องนี้ได้ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ค่ะ
ปล.แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในสมัยช่วงยุคนั้นได้เลยนะคะ จขกท.เกิด 1993 น่าจะถือว่าเป็นเด็กในยุค 90 ที่ทันแทบจะทุกอย่าง 55555