เห็นมีหลายกระทู้ หรือ มีหลายคำถาม ที่เกี่ยวกับการเดินทางไป Melbourne Australia โดยสายการบิน Emirates บินจากกรุงเทพ ไป ซิดนีย์ (Bangkok-Sydney) ทรานซิส ไปยัง สนามบิน Melbourne
.
ต้องท้าวความก่อน ว่าเมื่อกลางปี 2560 เพื่อนได้ชวนไป Melbourne ราวๆเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2561 ซึ่งอากาศกำลังหนาวพอดี หลังจากทำวีซ่าเสร็จ (ยื่นทางเน็ต-แล้วพอ pre approve แล้วก็ไปแสกนนิ้วมือและถ่ายรูปที่ VSF สุขุมวิท- ได้วีซ่าภายใน 3 วัน เร็วมากๆ จาก pending time 3 อาทิตย์) ก็เลยซื้อตั๋วราวปลายเดือนเมษายน
.
ตั๋วที่ได้ เป็นตั๋วชั้นประหยัด ของ Emirates ครับ ราคา 19000 บาท รูทคือ BKK-Sydney-Melbourne ทั้งไปและกลับ โดย Syd-Mel และ Mel-syd เดินทางโดยการแชร์ไฟล์ท กับ Qantas ทีนี้จะรีวิวให้ฟังว่า เดินทางอย่างไรครับ
.
สำหรับขาไป
1. เช็คอินที่สุวรรณภูมิ จะได้บอร์ดดิ้งพาส 2 ใบเลย เราก็ขึ้นเครื่องตามปกติ
2. เมื่อเดินทางถึง สนามบิน Sydney international Airport (ชื่อทางการคือ สนามบิน Kingfordsmith) จะลงที่ ARRIVAL ตึก International Termial
3. ตรวจคนเข้าเมืองที่นี่นะครับ รับกระเป๋าที่นี่ด้วย แล้วเช็คศุลกากรที่นี่ด้วย
4. ใครมีบุหรี่จากเมืองไทย ตามระเบียบเขาให้ 25 มวน แต่จริงๆ เขาหยวนๆครับ ตอนแรกผม ติ๊กฟอร์ม ตม ว่า เอาบุหรี่มาไม่เกิน (กะเดินเข้าช่องไม่สำแดง) แต่พอเดินเข้าตม ตม เขาจะถามเลยว่า คุณเอาบุหรี่มาเกิน 25 มวนไป ผมก็บอกไปไม่โกหกว่า เอามา 3-4 กล่องเล็ก (ไม่ใช่คาร์ตัน) เขาก็ติ๊กแก้จากไม่เกิน เป็นคำว่าเกิน (คือyes) แล้วเขียนว่า T (คงมาจาก Tobacco) แล้วผมก็เดินไปช่องสำแดง เขาก็จะถามนักท่องเที่ยวว่า เอาบุหรี่มาเท่าไร ผมก็บอกว่า 4 กล่องเล็ก สำหรับช่วง 10 วันที่อยู่นี่ เขาก็บอกว่า ไปช่อง 6 คือ จบ ออกไปหน้าตึกเลย ใครจริงใจอย่างผมก็ลองดูนะครับ บุหรีที่นั่นราคาหกเจ็ดร้อยบาทเลย
.
******เน้นว่ารับกระเป๋าที่สนามบินซิดนีย์นะครับ อย่าลืม******
.
5. ลืมบอกไปว่า การจองตั๋วอย่าให้มัน Rush มาก ระหว่าง Transit นะครับ เพราะไม่ทันจริงๆ สนามบินหนาแน่นมาก หลุมจอดไม่พอ กว่าจะได้คิวลงคิวงวงช้าง ก็ชั่วโมงกว่า (หลังจากเครื่องแตะพื้น) ของผมนี่โชคดีจองไว้ห่างกัน 2.5 ชั่วโมง กว่าเครื่องจะจอด กว่าจะตม ก็ 1.30 ชั่วโมงล่ะ กว่าจะเดิน ฯลฯ แต่เราได้ check in จากกรุงเทพแล้ว ดังนั้นเราแค่ เดินจากหน้า Arrival ของ int'l terminal ไปยัง Qantas terminal (ถ้า transit สายการบินอื่นก็ต้องเดินไปตามป้ายนะครับ) แล้วไปดร็อปกระเป๋าครับ ตอนนี้มีเวลาเหลือ 45 นาที เลยขอไป Smoking Zone ก่อน หลังจากไม่ได้สูบมาหลายชั่วโมง
.
6. จากนั้นเดินไป security check (ของอาคาร Qantas Domestic) เช็คแล้วเดินไปขึ้นรถบัส ไปขึ้นที่เกทอีกอาคาร (โอ้ยเยอะ) แล้วนั่งรอขึ้นเครื่องที่เกท ไป Mel ครับ
.
7. พอถึง Mel เครื่องจะลงจอดที่ Qantas Domestic Terminal ครับ ออกมา baggage Claims ครับ ผมเดินทางคนเดียวเลยนัดเจอเพื่อนที่ Int'l Terminal ก็เดินไปข้างๆ ไม่ไกลครับ จบขาไปครับ
.
.
.
.
.
ต่อมาขากลับครับ
ขากลับนี่เหมือนเดิมเลย แต่ผมจองเวลา transit ราว 7 ชั่วโมง สำหรับเดินทางไปเที่ยว Sydney สักแปปหนึ่ง มีขั้นตอนดังนี้
1. เดินทางไปสนามบินเมลเบิร์น ซึ่งมักจะไปจอดที่ int'l Terminal ครับ เราก็เดินนิดไป Qantas Domestic Terminal ครับ (เพราะตั๋วในประเทศเราเป็น Qantas ครับ)
2. สำหรับสินค้าที่จะทำ VAT Refund ที่จะโหลดลงใต้เครื่อง ให้บอก Ground หรือเจ้าหน้าที่ก่อน เพราะทางการออสเตรเลีย จะขอดูของว่า ของที่ทำ Tax refund นั้น เราเอาออกนอกออสเตรเลียจริง -เมื่อบอกเขา เขาก็จะมีดูของ และปั๊มผ่านหลังใบเสร็จที่จะทำ refund จากนั้นเราก็โหลดได้เลยครับ
3. กระเป๋า นั้น เขาให้ 30 kg. 1 ใบ ผมเกินไป 2.3 กิโลกรัม เขาบอกว่า ให้เป็น 32 flat เลยเอาออกมาถือ 3 ขีด ครับ
4. เมื่อทิ้ง เอ้ย โหลดกระเป๋าเสร็จ เช็คอินเสร็จ เขาจะให้ Boarding Pass มา 2 ใบ พร้อมใบกระเป๋า โดยกระเป๋าจะ Direct ไปยังกรุงเทพ ฯ เลยครับ จากนั้นก็ไปรอนั่งเครื่องเลยครับ จบ
*******ย้ำกว่า กระเป๋าเราตรงไปกรุงเทพฯ เลย ไม่ต้องรอรับที่ Belt ที่ Sydney นะครับ**************
5. ก็นั่งเครื่องปกติ เครื่องจะไปลงจอดที่ Qantas Domestic Terminal ครับ (เหมือนเดิม กว่าจะลงจอด กว่าจะได้หลุม ราว 45 นาที) ก็เดินออกมาจากสนามบินแบบไม่ต้องทำอะไรเลยครับผม
6. สำหรับใครที่เวลาต่อเครื่อง 2-4 ชั่วโมง ก็ควรเดินไปที่ Gate 15 ไปขึ้นรถไป Int'l Terminal เพื่อรอขึ้นเครื่องครับ สำหรับผมคือ เดินลงมาใต้ดิน เพื่อขึ้นรถใต้ดินไปเที่ยวในตัวเมืองซิดนีย์ครับ
7. บัตรใต้ดิน คือ บัตร OPAL ครับ ฟรี แล้วเราก็เติมเงินไป 35 เหรียญ สำหรับเดินทาง 2-3 สถานีในเมือง
8. จากนั้นก็นั่งใต้ดินไปลงสถานี st.james ไปดูหมูโรงพยาบาลซิดนีย์เดินทะลุสวนหลังโรงพยาบาล ไปยังหอศิลป์กลางสวน เลี้ยวซ้ายไปเรื่อยๆจะถึง Royal Botanic Garden เพื่อชมวิว Sydney opera house สะพานฮาร์เบอร์ และเดินเลาะชายฝั่งไปประตูของสวนกับโอเปร่าเฮาส์ ชื่อประตูเอลิซาเบธ เพื่อเข้าไปใน Opera House ครับ
9. เมื่อชมสะพาน และ โอเปร่า เฮาส์ เสร็จ ก็เดินไปสถานี Circular Quay ไปหาของร้านไทยกินที่สถานี Town Hall 555+ ออกทางออก 4 ป.ล.ตรงนั้นมีโบสถ์ด้วย สวยมาก
10. กินเสร็จก็กลับสนามบิน โดยสังเกตป้ายเครื่องบิน นั่นแหละครับขึ้นไปเลย ตรงๆ นั่งไปที่ สถานี Airport (Int'l Terminal) ก็เรียบร้อยครับ (รูทคือ สถานีสนามบิน : Domestic Airport-สถานี st.james เดิน แล้วขึ้นสถานี circular quay ไป town hall กินข้าว แล้วนั่งกลับ Airport : int'l airport สรุป บัตรติดลบ 2 เหรียญ ก็ช่างครับ ออกจากเกทได้เหมือนกัน)
11. เราก็เดินเข้าข้างใน (เพราะกระเป๋าที่โหลดตั้งแต่ Mel ส่งเข้าระบบลงใต้เครื่องเราแล้ว) ทำการออกเมือง (บางประเทศไม่ต้องมีขาออก เช่น USA เรากลับได้เลยไม่มี ตม ตรวจ) เป็นเครื่อง auto เหมือน passport check ขาเข้าที่สุวรรณภูมิครับ (ใช้ได้ทุกชาติ)
12. เสร็จก็ไป Security Check ครับ แล้วไปที่ TAX Refund
13. ที่ Tax Refund เราทำ tax refund ผ่าน application TRS แล้ว ก็แค่เข้าแถว "มีบาร์โค้ดแล้ว" จากนั้นยื่นบาร์โค้ดแสกน ยื่นพาสปอร์ต บอร์ดดิ้งพาส บัตรเครดิต และ ใบเสร็จของที่จะทำรีฟัน (ซึ่งแสตมป์ข้างหลังแล้วว่า ของตามใบเสร็จที่จะรีฟันนี้ โหลดใต้เครื่องออกจากออสจริง) ที่นี่เขาไม่คืนเป็นเงินสดเหมือนเกาหลีนะครับ ขอคืนเข้าระบบธนาคาร คือ บัตรเครดิต หรือบัญชีธนาคารอินเตอร์เท่านั้น หรือเช็คส่งไปที่บ้านมั้ง
14. จากนั้นก็ขึ้นเครื่อง ถึงกรุงเทพฯ ก็รอรับกระเป๋าที่เราโหลดจาก Melbourne ครับ
.
จบทริปครับ
[CR] รีวิวรูทการเดินทางไปเมลเบิร์น (Melbourne) ออสเตรเลีย โดยสายการบินเอมิเรตส์ (Emirates) ครับ
.
ต้องท้าวความก่อน ว่าเมื่อกลางปี 2560 เพื่อนได้ชวนไป Melbourne ราวๆเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2561 ซึ่งอากาศกำลังหนาวพอดี หลังจากทำวีซ่าเสร็จ (ยื่นทางเน็ต-แล้วพอ pre approve แล้วก็ไปแสกนนิ้วมือและถ่ายรูปที่ VSF สุขุมวิท- ได้วีซ่าภายใน 3 วัน เร็วมากๆ จาก pending time 3 อาทิตย์) ก็เลยซื้อตั๋วราวปลายเดือนเมษายน
.
ตั๋วที่ได้ เป็นตั๋วชั้นประหยัด ของ Emirates ครับ ราคา 19000 บาท รูทคือ BKK-Sydney-Melbourne ทั้งไปและกลับ โดย Syd-Mel และ Mel-syd เดินทางโดยการแชร์ไฟล์ท กับ Qantas ทีนี้จะรีวิวให้ฟังว่า เดินทางอย่างไรครับ
.
สำหรับขาไป
1. เช็คอินที่สุวรรณภูมิ จะได้บอร์ดดิ้งพาส 2 ใบเลย เราก็ขึ้นเครื่องตามปกติ
2. เมื่อเดินทางถึง สนามบิน Sydney international Airport (ชื่อทางการคือ สนามบิน Kingfordsmith) จะลงที่ ARRIVAL ตึก International Termial
3. ตรวจคนเข้าเมืองที่นี่นะครับ รับกระเป๋าที่นี่ด้วย แล้วเช็คศุลกากรที่นี่ด้วย
4. ใครมีบุหรี่จากเมืองไทย ตามระเบียบเขาให้ 25 มวน แต่จริงๆ เขาหยวนๆครับ ตอนแรกผม ติ๊กฟอร์ม ตม ว่า เอาบุหรี่มาไม่เกิน (กะเดินเข้าช่องไม่สำแดง) แต่พอเดินเข้าตม ตม เขาจะถามเลยว่า คุณเอาบุหรี่มาเกิน 25 มวนไป ผมก็บอกไปไม่โกหกว่า เอามา 3-4 กล่องเล็ก (ไม่ใช่คาร์ตัน) เขาก็ติ๊กแก้จากไม่เกิน เป็นคำว่าเกิน (คือyes) แล้วเขียนว่า T (คงมาจาก Tobacco) แล้วผมก็เดินไปช่องสำแดง เขาก็จะถามนักท่องเที่ยวว่า เอาบุหรี่มาเท่าไร ผมก็บอกว่า 4 กล่องเล็ก สำหรับช่วง 10 วันที่อยู่นี่ เขาก็บอกว่า ไปช่อง 6 คือ จบ ออกไปหน้าตึกเลย ใครจริงใจอย่างผมก็ลองดูนะครับ บุหรีที่นั่นราคาหกเจ็ดร้อยบาทเลย
.
******เน้นว่ารับกระเป๋าที่สนามบินซิดนีย์นะครับ อย่าลืม******
.
5. ลืมบอกไปว่า การจองตั๋วอย่าให้มัน Rush มาก ระหว่าง Transit นะครับ เพราะไม่ทันจริงๆ สนามบินหนาแน่นมาก หลุมจอดไม่พอ กว่าจะได้คิวลงคิวงวงช้าง ก็ชั่วโมงกว่า (หลังจากเครื่องแตะพื้น) ของผมนี่โชคดีจองไว้ห่างกัน 2.5 ชั่วโมง กว่าเครื่องจะจอด กว่าจะตม ก็ 1.30 ชั่วโมงล่ะ กว่าจะเดิน ฯลฯ แต่เราได้ check in จากกรุงเทพแล้ว ดังนั้นเราแค่ เดินจากหน้า Arrival ของ int'l terminal ไปยัง Qantas terminal (ถ้า transit สายการบินอื่นก็ต้องเดินไปตามป้ายนะครับ) แล้วไปดร็อปกระเป๋าครับ ตอนนี้มีเวลาเหลือ 45 นาที เลยขอไป Smoking Zone ก่อน หลังจากไม่ได้สูบมาหลายชั่วโมง
.
6. จากนั้นเดินไป security check (ของอาคาร Qantas Domestic) เช็คแล้วเดินไปขึ้นรถบัส ไปขึ้นที่เกทอีกอาคาร (โอ้ยเยอะ) แล้วนั่งรอขึ้นเครื่องที่เกท ไป Mel ครับ
.
7. พอถึง Mel เครื่องจะลงจอดที่ Qantas Domestic Terminal ครับ ออกมา baggage Claims ครับ ผมเดินทางคนเดียวเลยนัดเจอเพื่อนที่ Int'l Terminal ก็เดินไปข้างๆ ไม่ไกลครับ จบขาไปครับ
.
.
.
.
.
ต่อมาขากลับครับ
ขากลับนี่เหมือนเดิมเลย แต่ผมจองเวลา transit ราว 7 ชั่วโมง สำหรับเดินทางไปเที่ยว Sydney สักแปปหนึ่ง มีขั้นตอนดังนี้
1. เดินทางไปสนามบินเมลเบิร์น ซึ่งมักจะไปจอดที่ int'l Terminal ครับ เราก็เดินนิดไป Qantas Domestic Terminal ครับ (เพราะตั๋วในประเทศเราเป็น Qantas ครับ)
2. สำหรับสินค้าที่จะทำ VAT Refund ที่จะโหลดลงใต้เครื่อง ให้บอก Ground หรือเจ้าหน้าที่ก่อน เพราะทางการออสเตรเลีย จะขอดูของว่า ของที่ทำ Tax refund นั้น เราเอาออกนอกออสเตรเลียจริง -เมื่อบอกเขา เขาก็จะมีดูของ และปั๊มผ่านหลังใบเสร็จที่จะทำ refund จากนั้นเราก็โหลดได้เลยครับ
3. กระเป๋า นั้น เขาให้ 30 kg. 1 ใบ ผมเกินไป 2.3 กิโลกรัม เขาบอกว่า ให้เป็น 32 flat เลยเอาออกมาถือ 3 ขีด ครับ
4. เมื่อทิ้ง เอ้ย โหลดกระเป๋าเสร็จ เช็คอินเสร็จ เขาจะให้ Boarding Pass มา 2 ใบ พร้อมใบกระเป๋า โดยกระเป๋าจะ Direct ไปยังกรุงเทพ ฯ เลยครับ จากนั้นก็ไปรอนั่งเครื่องเลยครับ จบ
*******ย้ำกว่า กระเป๋าเราตรงไปกรุงเทพฯ เลย ไม่ต้องรอรับที่ Belt ที่ Sydney นะครับ**************
5. ก็นั่งเครื่องปกติ เครื่องจะไปลงจอดที่ Qantas Domestic Terminal ครับ (เหมือนเดิม กว่าจะลงจอด กว่าจะได้หลุม ราว 45 นาที) ก็เดินออกมาจากสนามบินแบบไม่ต้องทำอะไรเลยครับผม
6. สำหรับใครที่เวลาต่อเครื่อง 2-4 ชั่วโมง ก็ควรเดินไปที่ Gate 15 ไปขึ้นรถไป Int'l Terminal เพื่อรอขึ้นเครื่องครับ สำหรับผมคือ เดินลงมาใต้ดิน เพื่อขึ้นรถใต้ดินไปเที่ยวในตัวเมืองซิดนีย์ครับ
7. บัตรใต้ดิน คือ บัตร OPAL ครับ ฟรี แล้วเราก็เติมเงินไป 35 เหรียญ สำหรับเดินทาง 2-3 สถานีในเมือง
8. จากนั้นก็นั่งใต้ดินไปลงสถานี st.james ไปดูหมูโรงพยาบาลซิดนีย์เดินทะลุสวนหลังโรงพยาบาล ไปยังหอศิลป์กลางสวน เลี้ยวซ้ายไปเรื่อยๆจะถึง Royal Botanic Garden เพื่อชมวิว Sydney opera house สะพานฮาร์เบอร์ และเดินเลาะชายฝั่งไปประตูของสวนกับโอเปร่าเฮาส์ ชื่อประตูเอลิซาเบธ เพื่อเข้าไปใน Opera House ครับ
9. เมื่อชมสะพาน และ โอเปร่า เฮาส์ เสร็จ ก็เดินไปสถานี Circular Quay ไปหาของร้านไทยกินที่สถานี Town Hall 555+ ออกทางออก 4 ป.ล.ตรงนั้นมีโบสถ์ด้วย สวยมาก
10. กินเสร็จก็กลับสนามบิน โดยสังเกตป้ายเครื่องบิน นั่นแหละครับขึ้นไปเลย ตรงๆ นั่งไปที่ สถานี Airport (Int'l Terminal) ก็เรียบร้อยครับ (รูทคือ สถานีสนามบิน : Domestic Airport-สถานี st.james เดิน แล้วขึ้นสถานี circular quay ไป town hall กินข้าว แล้วนั่งกลับ Airport : int'l airport สรุป บัตรติดลบ 2 เหรียญ ก็ช่างครับ ออกจากเกทได้เหมือนกัน)
11. เราก็เดินเข้าข้างใน (เพราะกระเป๋าที่โหลดตั้งแต่ Mel ส่งเข้าระบบลงใต้เครื่องเราแล้ว) ทำการออกเมือง (บางประเทศไม่ต้องมีขาออก เช่น USA เรากลับได้เลยไม่มี ตม ตรวจ) เป็นเครื่อง auto เหมือน passport check ขาเข้าที่สุวรรณภูมิครับ (ใช้ได้ทุกชาติ)
12. เสร็จก็ไป Security Check ครับ แล้วไปที่ TAX Refund
13. ที่ Tax Refund เราทำ tax refund ผ่าน application TRS แล้ว ก็แค่เข้าแถว "มีบาร์โค้ดแล้ว" จากนั้นยื่นบาร์โค้ดแสกน ยื่นพาสปอร์ต บอร์ดดิ้งพาส บัตรเครดิต และ ใบเสร็จของที่จะทำรีฟัน (ซึ่งแสตมป์ข้างหลังแล้วว่า ของตามใบเสร็จที่จะรีฟันนี้ โหลดใต้เครื่องออกจากออสจริง) ที่นี่เขาไม่คืนเป็นเงินสดเหมือนเกาหลีนะครับ ขอคืนเข้าระบบธนาคาร คือ บัตรเครดิต หรือบัญชีธนาคารอินเตอร์เท่านั้น หรือเช็คส่งไปที่บ้านมั้ง
14. จากนั้นก็ขึ้นเครื่อง ถึงกรุงเทพฯ ก็รอรับกระเป๋าที่เราโหลดจาก Melbourne ครับ
.
จบทริปครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้