สวัสดีค่ะ เคยตั้งใจไว้ว่าถ้าตัวเองจบการรักษา โรคสงบ อยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดกิ้นของตัวเองเพราะตอนเราป่วยก็ได้ความรู้จากพันทิปเหมือนกัน
"ทุกอย่างที่จะเล่าต่อจากนี้เป็นประสบการณ์ของตนเองถ้าผิดพลาดตรงไหนต้องขออภัยไว้ก่อนค่ะ" ตอนนี้โรคสงบมา5เดือนแล้วค่ะ ครั้งแรกเลยที่ต่อมน้ำเหลืองเริ่มโต เริ่มแรกเลยเราเป็นคนที่ไม่ทานผักเลย ไม่ดื่มเหล้าและไม่สูบบุหรี่ พักผ่อนไม่ค่อยเพียงพอยิ่งช่วงสอบไม่ต้องพูดถึงหลับคาหนังสือประจำ ตื่นตอนไหนก็ค่อยอ่านต่อ กำลังกายไม่ค่อยออก ชอบทานมาม่าและอาหารเวฟเป็นประจำ เวลาไปเรียนจะทานมาม่าเป็นอาหารเช้าประจำ ทานแต่ของเวฟเพราะบอกกับตัวเองว่ามันเร็ว สะดวก กลัวเสียเวลาเล็กๆ น้อยๆ ตอนนั้นกำลังศึกษาอยู่ปี1 จะขึ้นปี2 ค่ะ(อายุ 19 ปี59) เป็นตอนที่กำลังสอบไฟนอล อ่านหนังสือสอบแล้วหลับคาหนังสือ พอตื่นมาก็รู้สึกว่าคอเคล็ด คิดว่าคงนอนตกหมอนธรรมดา พอจับคอก็รู้สึกว่ามีก้อนอะไรสักอย่างตรงคอข้างขวา ตอนนั้นก็รู้สึกเฉย เลยโทรไปเล่าให้แม่ฟัง มันยังพอมีเวลายังไม่ถึงวันสอบเลยไปตรวจกับหมอที่คลินิคแถวบ้านคะ พอไปตรวจ หมอก็คลำๆ บอกว่าที่โตคือต่อมน้ำเหลือง มีโอกาสเป็นไปได้ 3 อย่าง คือต่อมน้ำเหลืองอักเสบธรรมดา วัณโรค และร้ายแรงสุดคือมะเร็ง พอได้ฟังรับยาเสร็จพ่อก็มารับกลับบ้าน จำได้ว่านั่งร้องไห้ไปตลอดทางเลยเหมือนเล่นเอ็มวีเลยจ้า พ่อก็ว่าหมอ หาว่าพูดแบบนี้ได้ไง 555555 แล้วก็กลับไปสอบต่อ พอสอบเสร็จ ปิดเทอมก็รีบไปหาหมอที่โรงพยาบาลตามสิทธิ์บัตรทอง หมอก็คลำๆ แล้วก็ซักประวัติส่วนใหญ่ก็จะถามว่ามีใครในครอบครัวเป็นวัณโรค เป็นมะเร็งไหม ครอบครัวของเราไม่มีใครเป็นเลยค่ะ หมอก็ถามอีกว่าเจ็บไหม ต่อมน้ำเหลืองที่โตเวลาเราคลำ เราไม่รู้สึกว่าเจ็บเลย หมอกดแรงก็ไม่เจ็บ หมอก็สันนิษฐานว่าเป็นต่อมนำเหลืองโตธรรมดา ให้ยาปฏิชีวนะมาทาน แล้วก็นัดมาตรวจใหม่ พอเราทานยา ต่อมน้ำเหลืองก็ยุบลงนะคะ แต่ก็ไม่หายไปทั้งหมด พอยาหมดโดสก็โตอีก เราก็ไปตามนัด หมอก็ให้ยามาทานอีก แต่บอกว่าถ้ารอบนี้ไม่ยุบจะต้องเจาะไปตรวจ พอกลับมาทานก็เป็นแบบเดิมอีกคะ กลับไปหาหมออีกรอบหมอเลยส่งตัวไปให้หมออายุรกรรมตรวจ หมออายุรกรรมก็ให้ไปX-ray ปรากฏว่าปอดก็ปกติ สุดท้ายก็ไม่ได้เจาะอยู่ดี ให้ยามาทานตามเดิม ตอนนั้นยอมรับเลยค่ะ ว่าเซ็งๆแล้วเหมือนกัน ว่าทำไมถึงไม่หายสักทีทานยาไปหลายโดสแล้ว เมื่อไรจะเจาะให้สักที แล้วก็กลับไปหาหมออายุรกรรมอีกครั้ง สองครั้ง จนสุดท้ายหมอส่งไปให้หมอศัลยกรรม ตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ หมอศัลยกรรมคิดว่าน่าจะแค่วัณโรคต่อมน้ำเหลืองไม่น่าใช่มะเร็งเพราะอายุยังน้อยอยู่แล้วก็ไม่มีอาการอื่นๆเลย ตอนนั้นยอมรับว่าเหนื่อยมากคะ เพราะตัวเองก็เรียนซัมเมอร์ด้วย ต้องรีบนั่งรถไปเรียนแล้วก็ต้องรีบกลับบ้านมาตามนัดหมอ ใช้ชีวิตแบบนี้อยู่เป็นเดือนๆค่ะ สุดท้ายก็ได้ผ่าตัดชิ้นเนื้อเป็นแบบดมยาสลบ พ่อแม่กังวลมากคะ บนใหญ่เลย เราส่งชิ้นเนื้อตรวจแลปนอกโรงพยาบาลคะ เสียเงินเอง แต่ได้ผลเร็วกว่า พอถึงวันฟังผล เหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยคะ ปรากฏว่าไม่ใช่เนื้อร้าย หมอก็ไม่ได้นัดทำอะไรต่อ พ่อแม่แก้บนกระจายเลยจ้า แล้วเราก็ใช้ชีวิตปกติ แต่ตอนนั้นเราเลิกทานน้ำอัดลม ปิ้งย่างแล้วนะ หมูกระทะนี่เลิกอย่างเด็ดขาด พอผ่านมา 8 เดือน เราก็รู้สึกว่าต่อมน้ำเหลืองใกล้กับที่เคยโตบริเวณเดิม เริ่มโตขึ้นอีก แต่ครั้งนี้เราสัมผัสได้ว่ามันหลายก้อนมากขึ้น ตอนนั้นจะปิดเทอมอีกพอดี(อายุ20 ปี60)เลยกลับไปหมอที่โรงพยาบาลเดิมอีกครั้ง เจอหมอทั่วไป หมอให้ยาปฏิชีวินะมาทานอีก ก็เป็นแบบเดิมคือทานยาแล้วยุบ พอหมดโดสก็โตอีก เลยส่งไปพบอายุรกรรมท่านเดิม แต่รอบนี้หมอขออนุญาตส่งตัวรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี เราอยากจะขอหมอส่งตัวอยู่พอดี โชคดีมากๆเลย พอส่งตัวปุ๊ป วันรุ่งขึ้นเราก็ไปราชวิถีเลย ได้พบหมอโสต ศอ นาสิก เราก็เล่าให้ฟังว่าตรวจอะไรมาบ้างแล้ว รวมถึงเล่าเรื่องตรวจชิ้นเนื้อมาแล้วด้วย หมอขอดูผลชิ้นเนื้อ แต่เราไม่มีให้ แม่ถือเคล็ดว่าผลรอบนั้นไม่เป็นอะไร เลยฉีกทิ้งไปเลย5555 หมอดุใหญ่เลยแต่ก็เป็นโชคดีเหมือนกันที่ไม่มีให้หมอดู เราก็กลัวนะที่ต้องตรวจใหม่ทั้งหมด รวมทั้งผ่าตัดชิ้นเนื้อใหม่ แต่ถ้าเอาเนื้อชิ้นเดิมมาตรวจอาจไม่เจออะไรอีกก็ได้ เราเชื่อว่ามันไม่ใช่การป่วยธรรมดาแล้ว เราทานยาไปหลายโดสมากๆ แล้ว มนุษย์เราจะมีเซ้นส์เกี่ยวกับร่างกายตัวเองนะ เรารู้สึกได้5555 แต่ตอนนั้นเราก็ไม่กลัวอะไรแล้วนะ ต้องการจะรู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่ สุดท้ายหมอก็ให้ยาเรามาทานอีกตามเคย ผลก็เป็นแบบเดิม หมอเลยให้เราเจาะชิ้นเนื้อ มันเป็นการเอาเข็มที่ใหญ่กว่าเข็มฉีดยาหน่อยแทงลงไปที่ก้อนต่อมน้ำเหลืองที่โตข้างขวาของเรา แทงลงไปลึกประมาณนึงแล้วก็ควงๆ ให้มันตัดชิ้นเนื้อขึ้นมาได้ เราได้ยินหมอคุยกับพยาบาลว่าก้อนอยู่ลึก แข็ง แล้วก็แทงยาก แต่ปรากฏว่าไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย หมอเลยแทงไปอีก วันนั้นเราโดนแทงที่ก้อนเดิม 3 ที่ ยอมรับว่าเจ็บอยู่ แล้วเราก็ส่งตรวจแลปนอกอีกตามเคยเพราะต้องการผลเร็ว เรากลัวไม่ทันเปิดเทอม พอมาฟังผล ปรากฏว่าไม่ได้ผลตรวจเพราะดูดไม่ได้ชิ้นเนื้อขึ้นมา หมอเลยตัดสินใจให้ผ่าตัดเล็ก ผ่าตัดเล็กเป็นการผ่าตัดที่ฉีดยาชาแทนการดมยาสลบแบบที่เราเคยทำมา พอถึงวันผ่า เราเข้าไปรอในห้องผ่าตัด พยาบาลแปะแผ่นเจลห้ามเลือดไว้แล้ว พอหมอเข้ามาคลำก้อนอีกครั้ง บอกว่าก้อนมันอยู่ลึก กลัวว่าผ่าไปแล้วจะโดนเส้นเลือดใหญ่ที่คอ มันเป็นผ่าตัดเล็ก ถ้าโดนจะยุ่งมากๆ หมอเลยให้เราไปทำct-scan ขอผลเร็วที่สุด และให้ไปเก็บเสมหะด้วย 3 วัน เราขลากเสมหะไม่เป็นอ่ะ55555 งานยากล่ะ พยาบาลในห้องผ่าตัดของแผนกโสต ศอ นาสิก ราชวิถี น่ารักมากๆ ค่ะ คอยโทรถามตลอดเลยว่าได้ผลหรือยัง พอได้ผลมาวันรุ่งขึ้นเราก็ไปหาหมอท่านเดิมทันที หมอลงวันนั้นพอดี แต่ไปรอบนี้ หน้าหมอไม่ค่อยโอเคแล้วคะ หมอบอกว่าไม่น่าใช่วัณโรคต่อมน้ำเหลืองอย่างที่หมอคิดตอนแรกแล้วเพราะว่ามันมีก้อนที่หน้าคอด้วย แล้วก็มีลามไปในช่องอกด้วย ส่วนผลเสมหะก็ไม่มีเชื้อวัณโรคเราก็โล่งไปเปราะนึง หมอเลยไปตามอ.หมอมา อ.หมอ ท่านคิดว่าเป็นวัณโรคต่อมน้ำเหลืองเพราะอายุยังน้อย และไม่มีอาการไรเลย ท่านเลยนัดเจาะอีกรอบแต่รอบนี้ท่านเจาะเอง ใช้เข็มขนาดใหญ่กว่าครั้งแรก รอบนี้ต้องฉีดยาชา พอเสร็จ หมอก็นัดมาฟังผลอีก ปรากฏว่าไม่ได้ผลชิ้นเนื้ออีก พ่อแม่เริ่มหงุดหงิดแล้วว่าอะไรนักหนา ทำไมอุปสรรคมันเยอะเหลือเกิน ทำไมทุกอย่างมันช้าไปหมด รอบนี้อ.หมอเลยนัดให้ผ่าตัดชั้นเนื้อ ให้ไปทำเรื่องได้เลย ตอนนี้เป็นตอนที่เราเปิดเทอมแล้ว พอเรากลับมาเรียน เรารู้สึกว่าได้ยินเสียงในหู เหมือนมีอะไรกลิ้งไปมาในหู เราเลยไปหาหมอในมหาลัย หมอบอกว่าอะไรในหูหลุดนี่ล่ะ เราจำไม่ได้ แต่เดี่ยวมันจะหายได้เอง พอผ่านมาหลายวันก็ไม่หาย พอวันผ่ามาถึง เราก็นอนรอหมอมาผ่า ก่อนผ่าเราก็เล่าให้หมอฟังจากตอนแรกที่หมอจะผ่าต่อมน้ำเหลืองตรงคอ เลยเปลี่ยนมาส่องกล้องในจมูกเราแทน พ่นยาชาในจมูกแล้วก็ส่องดู แสบจมูกมากค่ะ ปรากฏว่าเจอก้อนที่หลังโพรงจมูก ตอนนั้นหมอรีบผ่าออกทันทีเลย บอกว่าวันนี้ขอผ่าก้อนในจมูกไปตรวจก่อน เราคิดว่าหมอสันนิษฐานว่าเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูกแน่ๆเลย เราไปเปิดดูข้อมูลมา อาการมันจะแบบเรา พอผลออกปรากฏว่าไม่ใช้มะเร็งและเนื้อร้าย ก็เลยกลับมาโฟกัสต่อมน้ำเหลืองตรงคอต่อ เราพึ่งรู้ว่าแม่ไปบนขอให้เราไม่เป็นอะไรโดยการจะบวชชีที่วัดแถวบ้าน ตอนนั้นเราอิ้งมากเลย แม่เป็นคนที่ไม่ชอบนั่งหรือว่าทำไรอยู่กับที่นานๆ ไม่เคยคิดจะบวช แต่จะบวชเพื่อให้เราไม่เป็นอะไร
แล้วการผ่าตัดชิ้นเนื้อต่อมน้ำเหลืองตรงคอก็มาถึง เป็นการผ่าตัดแบบฉีดยาชาค่ะ เรารู้ทุกอย่างที่หมอทำหรือคุยกับพยาบาล ได้ยินหมอพูดว่าก้อนมันอยู่ลึกมาก หมอต้องใช้แรงเยอะอารมณ์เหมือนกำลังบัดกรีเลย เราได้กลิ่นเนื้อไหม้ด้วย พอผ่าเสร็จเราต้องกลับไปเรียนต่อ ยอมรับว่าเจ็บทุกก้าวที่เดินเลยล่ะ มันระบมมากๆ รอผลชิ้นเนื้อ 3 วันเพราะเราส่งตรวจแลป
นอกโรงบาลเลยได้ผลเร็ว แล้ววันฟังผลก็มาถึง หมอบอกว่าเราอาจจะเป็น “ มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดกิ้น ” ตอนนั้นเราแบบสติหลุดแปปนึง ไม่ถึงนาที พ่อเอามือมาจับมือเรา แล้วเราชักกลับทันทีเลย ตอนนั้นรู้สึกขอโทษพ่อมากๆ แล้วเราก็กลับมามีสติ เราไม่ได้ร้องไห้ เราคิดว่ามันต้องใช่แน่ๆอยู่แล้ว เราเตรียมใจมากสักพักแล้ว แล้วหมอโสต ศอ นาสิก ก็ส่งให้เราไปหาหมอโรคโลหิตรักษาต่อ หมอโลหิตให้รอผลย้อมเชื้อผลชิ้นเนื้ออีกรอบ ปรากฏว่าชัว “เรากลายเป็นผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดกิ้นระยะที่ 2” การป่วยครั้งนี้ส่วนเราว่าชีวิตไม่มีความแน่นอนใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อวานเรายังแข็งแรงอยู่เลย แต่พอมาวันนี้เรากลายเป็นคนป่วยมะเร็งเฉยเลย เรารู้สึกผิดต่อพ่อแม่มาก ๆ ที่ดูแลตัวเองไม่ดีพอ และหมอสั่งให้ไปดรอปเรียน การดรอปเป็นสิ่งที่ตัดสินใจยากกว่าการยอมรับว่าเป็นมะเร็งอีกสำหรับเรา 5555 สุดท้ายเราก็ไปดรอป
เมื่อฉันป่วยเป็นมะเร็งต่อมนำ้เหลืองชนิดฮอดกิ้นตอนอายุ 20ปี
แล้วการผ่าตัดชิ้นเนื้อต่อมน้ำเหลืองตรงคอก็มาถึง เป็นการผ่าตัดแบบฉีดยาชาค่ะ เรารู้ทุกอย่างที่หมอทำหรือคุยกับพยาบาล ได้ยินหมอพูดว่าก้อนมันอยู่ลึกมาก หมอต้องใช้แรงเยอะอารมณ์เหมือนกำลังบัดกรีเลย เราได้กลิ่นเนื้อไหม้ด้วย พอผ่าเสร็จเราต้องกลับไปเรียนต่อ ยอมรับว่าเจ็บทุกก้าวที่เดินเลยล่ะ มันระบมมากๆ รอผลชิ้นเนื้อ 3 วันเพราะเราส่งตรวจแลป
นอกโรงบาลเลยได้ผลเร็ว แล้ววันฟังผลก็มาถึง หมอบอกว่าเราอาจจะเป็น “ มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดกิ้น ” ตอนนั้นเราแบบสติหลุดแปปนึง ไม่ถึงนาที พ่อเอามือมาจับมือเรา แล้วเราชักกลับทันทีเลย ตอนนั้นรู้สึกขอโทษพ่อมากๆ แล้วเราก็กลับมามีสติ เราไม่ได้ร้องไห้ เราคิดว่ามันต้องใช่แน่ๆอยู่แล้ว เราเตรียมใจมากสักพักแล้ว แล้วหมอโสต ศอ นาสิก ก็ส่งให้เราไปหาหมอโรคโลหิตรักษาต่อ หมอโลหิตให้รอผลย้อมเชื้อผลชิ้นเนื้ออีกรอบ ปรากฏว่าชัว “เรากลายเป็นผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดกิ้นระยะที่ 2” การป่วยครั้งนี้ส่วนเราว่าชีวิตไม่มีความแน่นอนใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อวานเรายังแข็งแรงอยู่เลย แต่พอมาวันนี้เรากลายเป็นคนป่วยมะเร็งเฉยเลย เรารู้สึกผิดต่อพ่อแม่มาก ๆ ที่ดูแลตัวเองไม่ดีพอ และหมอสั่งให้ไปดรอปเรียน การดรอปเป็นสิ่งที่ตัดสินใจยากกว่าการยอมรับว่าเป็นมะเร็งอีกสำหรับเรา 5555 สุดท้ายเราก็ไปดรอป