เมื่อฉันป่วยเป็นมะเร็งต่อมนำ้เหลืองชนิดฮอดกิ้นตอนอายุ 20ปี

สวัสดีค่ะ  เคยตั้งใจไว้ว่าถ้าตัวเองจบการรักษา โรคสงบ อยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดกิ้นของตัวเองเพราะตอนเราป่วยก็ได้ความรู้จากพันทิปเหมือนกัน "ทุกอย่างที่จะเล่าต่อจากนี้เป็นประสบการณ์ของตนเองถ้าผิดพลาดตรงไหนต้องขออภัยไว้ก่อนค่ะ"  ตอนนี้โรคสงบมา5เดือนแล้วค่ะ ครั้งแรกเลยที่ต่อมน้ำเหลืองเริ่มโต   เริ่มแรกเลยเราเป็นคนที่ไม่ทานผักเลย  ไม่ดื่มเหล้าและไม่สูบบุหรี่  พักผ่อนไม่ค่อยเพียงพอยิ่งช่วงสอบไม่ต้องพูดถึงหลับคาหนังสือประจำ  ตื่นตอนไหนก็ค่อยอ่านต่อ  กำลังกายไม่ค่อยออก  ชอบทานมาม่าและอาหารเวฟเป็นประจำ  เวลาไปเรียนจะทานมาม่าเป็นอาหารเช้าประจำ  ทานแต่ของเวฟเพราะบอกกับตัวเองว่ามันเร็ว สะดวก กลัวเสียเวลาเล็กๆ น้อยๆ  ตอนนั้นกำลังศึกษาอยู่ปี1 จะขึ้นปี2 ค่ะ(อายุ  19 ปี59) เป็นตอนที่กำลังสอบไฟนอล  อ่านหนังสือสอบแล้วหลับคาหนังสือ พอตื่นมาก็รู้สึกว่าคอเคล็ด  คิดว่าคงนอนตกหมอนธรรมดา  พอจับคอก็รู้สึกว่ามีก้อนอะไรสักอย่างตรงคอข้างขวา  ตอนนั้นก็รู้สึกเฉย  เลยโทรไปเล่าให้แม่ฟัง  มันยังพอมีเวลายังไม่ถึงวันสอบเลยไปตรวจกับหมอที่คลินิคแถวบ้านคะ พอไปตรวจ  หมอก็คลำๆ บอกว่าที่โตคือต่อมน้ำเหลือง  มีโอกาสเป็นไปได้ 3 อย่าง คือต่อมน้ำเหลืองอักเสบธรรมดา  วัณโรค และร้ายแรงสุดคือมะเร็ง  พอได้ฟังรับยาเสร็จพ่อก็มารับกลับบ้าน  จำได้ว่านั่งร้องไห้ไปตลอดทางเลยเหมือนเล่นเอ็มวีเลยจ้า   พ่อก็ว่าหมอ หาว่าพูดแบบนี้ได้ไง 555555   แล้วก็กลับไปสอบต่อ  พอสอบเสร็จ  ปิดเทอมก็รีบไปหาหมอที่โรงพยาบาลตามสิทธิ์บัตรทอง  หมอก็คลำๆ แล้วก็ซักประวัติส่วนใหญ่ก็จะถามว่ามีใครในครอบครัวเป็นวัณโรค  เป็นมะเร็งไหม  ครอบครัวของเราไม่มีใครเป็นเลยค่ะ  หมอก็ถามอีกว่าเจ็บไหม   ต่อมน้ำเหลืองที่โตเวลาเราคลำ เราไม่รู้สึกว่าเจ็บเลย  หมอกดแรงก็ไม่เจ็บ  หมอก็สันนิษฐานว่าเป็นต่อมนำเหลืองโตธรรมดา  ให้ยาปฏิชีวนะมาทาน แล้วก็นัดมาตรวจใหม่  พอเราทานยา   ต่อมน้ำเหลืองก็ยุบลงนะคะ แต่ก็ไม่หายไปทั้งหมด  พอยาหมดโดสก็โตอีก  เราก็ไปตามนัด  หมอก็ให้ยามาทานอีก แต่บอกว่าถ้ารอบนี้ไม่ยุบจะต้องเจาะไปตรวจ   พอกลับมาทานก็เป็นแบบเดิมอีกคะ  กลับไปหาหมออีกรอบหมอเลยส่งตัวไปให้หมออายุรกรรมตรวจ  หมออายุรกรรมก็ให้ไปX-ray  ปรากฏว่าปอดก็ปกติ  สุดท้ายก็ไม่ได้เจาะอยู่ดี  ให้ยามาทานตามเดิม  ตอนนั้นยอมรับเลยค่ะ ว่าเซ็งๆแล้วเหมือนกัน ว่าทำไมถึงไม่หายสักทีทานยาไปหลายโดสแล้ว  เมื่อไรจะเจาะให้สักที  แล้วก็กลับไปหาหมออายุรกรรมอีกครั้ง  สองครั้ง จนสุดท้ายหมอส่งไปให้หมอศัลยกรรม  ตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ   หมอศัลยกรรมคิดว่าน่าจะแค่วัณโรคต่อมน้ำเหลืองไม่น่าใช่มะเร็งเพราะอายุยังน้อยอยู่แล้วก็ไม่มีอาการอื่นๆเลย  ตอนนั้นยอมรับว่าเหนื่อยมากคะ เพราะตัวเองก็เรียนซัมเมอร์ด้วย  ต้องรีบนั่งรถไปเรียนแล้วก็ต้องรีบกลับบ้านมาตามนัดหมอ  ใช้ชีวิตแบบนี้อยู่เป็นเดือนๆค่ะ  สุดท้ายก็ได้ผ่าตัดชิ้นเนื้อเป็นแบบดมยาสลบ  พ่อแม่กังวลมากคะ บนใหญ่เลย เราส่งชิ้นเนื้อตรวจแลปนอกโรงพยาบาลคะ  เสียเงินเอง  แต่ได้ผลเร็วกว่า  พอถึงวันฟังผล  เหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยคะ  ปรากฏว่าไม่ใช่เนื้อร้าย  หมอก็ไม่ได้นัดทำอะไรต่อ พ่อแม่แก้บนกระจายเลยจ้า  แล้วเราก็ใช้ชีวิตปกติ  แต่ตอนนั้นเราเลิกทานน้ำอัดลม  ปิ้งย่างแล้วนะ หมูกระทะนี่เลิกอย่างเด็ดขาด  พอผ่านมา 8 เดือน  เราก็รู้สึกว่าต่อมน้ำเหลืองใกล้กับที่เคยโตบริเวณเดิม  เริ่มโตขึ้นอีก  แต่ครั้งนี้เราสัมผัสได้ว่ามันหลายก้อนมากขึ้น ตอนนั้นจะปิดเทอมอีกพอดี(อายุ20 ปี60)เลยกลับไปหมอที่โรงพยาบาลเดิมอีกครั้ง   เจอหมอทั่วไป หมอให้ยาปฏิชีวินะมาทานอีก  ก็เป็นแบบเดิมคือทานยาแล้วยุบ  พอหมดโดสก็โตอีก  เลยส่งไปพบอายุรกรรมท่านเดิม  แต่รอบนี้หมอขออนุญาตส่งตัวรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี   เราอยากจะขอหมอส่งตัวอยู่พอดี  โชคดีมากๆเลย  พอส่งตัวปุ๊ป วันรุ่งขึ้นเราก็ไปราชวิถีเลย  ได้พบหมอโสต ศอ นาสิก  เราก็เล่าให้ฟังว่าตรวจอะไรมาบ้างแล้ว รวมถึงเล่าเรื่องตรวจชิ้นเนื้อมาแล้วด้วย  หมอขอดูผลชิ้นเนื้อ แต่เราไม่มีให้  แม่ถือเคล็ดว่าผลรอบนั้นไม่เป็นอะไร เลยฉีกทิ้งไปเลย5555  หมอดุใหญ่เลยแต่ก็เป็นโชคดีเหมือนกันที่ไม่มีให้หมอดู   เราก็กลัวนะที่ต้องตรวจใหม่ทั้งหมด  รวมทั้งผ่าตัดชิ้นเนื้อใหม่ แต่ถ้าเอาเนื้อชิ้นเดิมมาตรวจอาจไม่เจออะไรอีกก็ได้  เราเชื่อว่ามันไม่ใช่การป่วยธรรมดาแล้ว เราทานยาไปหลายโดสมากๆ แล้ว มนุษย์เราจะมีเซ้นส์เกี่ยวกับร่างกายตัวเองนะ เรารู้สึกได้5555  แต่ตอนนั้นเราก็ไม่กลัวอะไรแล้วนะ  ต้องการจะรู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่  สุดท้ายหมอก็ให้ยาเรามาทานอีกตามเคย  ผลก็เป็นแบบเดิม  หมอเลยให้เราเจาะชิ้นเนื้อ  มันเป็นการเอาเข็มที่ใหญ่กว่าเข็มฉีดยาหน่อยแทงลงไปที่ก้อนต่อมน้ำเหลืองที่โตข้างขวาของเรา  แทงลงไปลึกประมาณนึงแล้วก็ควงๆ ให้มันตัดชิ้นเนื้อขึ้นมาได้  เราได้ยินหมอคุยกับพยาบาลว่าก้อนอยู่ลึก  แข็ง  แล้วก็แทงยาก  แต่ปรากฏว่าไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย  หมอเลยแทงไปอีก  วันนั้นเราโดนแทงที่ก้อนเดิม  3 ที่  ยอมรับว่าเจ็บอยู่  แล้วเราก็ส่งตรวจแลปนอกอีกตามเคยเพราะต้องการผลเร็ว  เรากลัวไม่ทันเปิดเทอม  พอมาฟังผล ปรากฏว่าไม่ได้ผลตรวจเพราะดูดไม่ได้ชิ้นเนื้อขึ้นมา  หมอเลยตัดสินใจให้ผ่าตัดเล็ก  ผ่าตัดเล็กเป็นการผ่าตัดที่ฉีดยาชาแทนการดมยาสลบแบบที่เราเคยทำมา   พอถึงวันผ่า เราเข้าไปรอในห้องผ่าตัด  พยาบาลแปะแผ่นเจลห้ามเลือดไว้แล้ว พอหมอเข้ามาคลำก้อนอีกครั้ง  บอกว่าก้อนมันอยู่ลึก กลัวว่าผ่าไปแล้วจะโดนเส้นเลือดใหญ่ที่คอ มันเป็นผ่าตัดเล็ก ถ้าโดนจะยุ่งมากๆ  หมอเลยให้เราไปทำct-scan  ขอผลเร็วที่สุด  และให้ไปเก็บเสมหะด้วย 3 วัน เราขลากเสมหะไม่เป็นอ่ะ55555   งานยากล่ะ   พยาบาลในห้องผ่าตัดของแผนกโสต ศอ นาสิก  ราชวิถี น่ารักมากๆ ค่ะ คอยโทรถามตลอดเลยว่าได้ผลหรือยัง  พอได้ผลมาวันรุ่งขึ้นเราก็ไปหาหมอท่านเดิมทันที  หมอลงวันนั้นพอดี  แต่ไปรอบนี้  หน้าหมอไม่ค่อยโอเคแล้วคะ  หมอบอกว่าไม่น่าใช่วัณโรคต่อมน้ำเหลืองอย่างที่หมอคิดตอนแรกแล้วเพราะว่ามันมีก้อนที่หน้าคอด้วย  แล้วก็มีลามไปในช่องอกด้วย  ส่วนผลเสมหะก็ไม่มีเชื้อวัณโรคเราก็โล่งไปเปราะนึง  หมอเลยไปตามอ.หมอมา  อ.หมอ ท่านคิดว่าเป็นวัณโรคต่อมน้ำเหลืองเพราะอายุยังน้อย และไม่มีอาการไรเลย  ท่านเลยนัดเจาะอีกรอบแต่รอบนี้ท่านเจาะเอง  ใช้เข็มขนาดใหญ่กว่าครั้งแรก  รอบนี้ต้องฉีดยาชา  พอเสร็จ  หมอก็นัดมาฟังผลอีก  ปรากฏว่าไม่ได้ผลชิ้นเนื้ออีก  พ่อแม่เริ่มหงุดหงิดแล้วว่าอะไรนักหนา  ทำไมอุปสรรคมันเยอะเหลือเกิน  ทำไมทุกอย่างมันช้าไปหมด  รอบนี้อ.หมอเลยนัดให้ผ่าตัดชั้นเนื้อ  ให้ไปทำเรื่องได้เลย   ตอนนี้เป็นตอนที่เราเปิดเทอมแล้ว   พอเรากลับมาเรียน  เรารู้สึกว่าได้ยินเสียงในหู เหมือนมีอะไรกลิ้งไปมาในหู  เราเลยไปหาหมอในมหาลัย  หมอบอกว่าอะไรในหูหลุดนี่ล่ะ  เราจำไม่ได้  แต่เดี่ยวมันจะหายได้เอง   พอผ่านมาหลายวันก็ไม่หาย  พอวันผ่ามาถึง  เราก็นอนรอหมอมาผ่า  ก่อนผ่าเราก็เล่าให้หมอฟังจากตอนแรกที่หมอจะผ่าต่อมน้ำเหลืองตรงคอ  เลยเปลี่ยนมาส่องกล้องในจมูกเราแทน  พ่นยาชาในจมูกแล้วก็ส่องดู  แสบจมูกมากค่ะ  ปรากฏว่าเจอก้อนที่หลังโพรงจมูก  ตอนนั้นหมอรีบผ่าออกทันทีเลย บอกว่าวันนี้ขอผ่าก้อนในจมูกไปตรวจก่อน  เราคิดว่าหมอสันนิษฐานว่าเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูกแน่ๆเลย  เราไปเปิดดูข้อมูลมา อาการมันจะแบบเรา  พอผลออกปรากฏว่าไม่ใช้มะเร็งและเนื้อร้าย   ก็เลยกลับมาโฟกัสต่อมน้ำเหลืองตรงคอต่อ  เราพึ่งรู้ว่าแม่ไปบนขอให้เราไม่เป็นอะไรโดยการจะบวชชีที่วัดแถวบ้าน ตอนนั้นเราอิ้งมากเลย  แม่เป็นคนที่ไม่ชอบนั่งหรือว่าทำไรอยู่กับที่นานๆ  ไม่เคยคิดจะบวช  แต่จะบวชเพื่อให้เราไม่เป็นอะไร  
           แล้วการผ่าตัดชิ้นเนื้อต่อมน้ำเหลืองตรงคอก็มาถึง  เป็นการผ่าตัดแบบฉีดยาชาค่ะ  เรารู้ทุกอย่างที่หมอทำหรือคุยกับพยาบาล  ได้ยินหมอพูดว่าก้อนมันอยู่ลึกมาก   หมอต้องใช้แรงเยอะอารมณ์เหมือนกำลังบัดกรีเลย  เราได้กลิ่นเนื้อไหม้ด้วย  พอผ่าเสร็จเราต้องกลับไปเรียนต่อ  ยอมรับว่าเจ็บทุกก้าวที่เดินเลยล่ะ  มันระบมมากๆ รอผลชิ้นเนื้อ  3 วันเพราะเราส่งตรวจแลป
นอกโรงบาลเลยได้ผลเร็ว  แล้ววันฟังผลก็มาถึง  หมอบอกว่าเราอาจจะเป็น “ มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดกิ้น ” ตอนนั้นเราแบบสติหลุดแปปนึง ไม่ถึงนาที  พ่อเอามือมาจับมือเรา  แล้วเราชักกลับทันทีเลย  ตอนนั้นรู้สึกขอโทษพ่อมากๆ  แล้วเราก็กลับมามีสติ  เราไม่ได้ร้องไห้  เราคิดว่ามันต้องใช่แน่ๆอยู่แล้ว เราเตรียมใจมากสักพักแล้ว   แล้วหมอโสต  ศอ นาสิก ก็ส่งให้เราไปหาหมอโรคโลหิตรักษาต่อ   หมอโลหิตให้รอผลย้อมเชื้อผลชิ้นเนื้ออีกรอบ  ปรากฏว่าชัว “เรากลายเป็นผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดกิ้นระยะที่  2”   การป่วยครั้งนี้ส่วนเราว่าชีวิตไม่มีความแน่นอนใดๆ ทั้งสิ้น  เมื่อวานเรายังแข็งแรงอยู่เลย  แต่พอมาวันนี้เรากลายเป็นคนป่วยมะเร็งเฉยเลย   เรารู้สึกผิดต่อพ่อแม่มาก ๆ ที่ดูแลตัวเองไม่ดีพอ  และหมอสั่งให้ไปดรอปเรียน   การดรอปเป็นสิ่งที่ตัดสินใจยากกว่าการยอมรับว่าเป็นมะเร็งอีกสำหรับเรา 5555  สุดท้ายเราก็ไปดรอป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่