สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องขออออกตัวก่อนเลยว่า นี่เป็นครั้งแรก ที่พยายามเขียนข้อความบอกเล่าประสบการณ์ของตัวเองผ่านช่องทาง เว็บ pantip โดยปกติแล้วเราเองจะชอบอ่านมากกว่า โดยเฉพาะ เรื่องการเดินทาง สถานที่ท่องเที่ยว ไปจนถึง การระดมพลผู้มีประสบการณ์จริงบ้าง เข้ามาเอาฮาบ้าง รวมกันมาแสดงความเห็นบอกเล่า เสนอแนะถึงสิ่งที่เคยเจอกันมา ทั้งปัญหา วิธีแก้ไข การเตรียมการ วางแผน และผลที่จะได้รับ
โดยครั้งนี้จะเป็นเราบ้างละ ที่จะมาบอกเล่าถึงสิ่งที่เจอมา และ คิดว่าคงมีอีกหลายๆคนที่เจอสถานการณ์เดียวกันกับเรา แต่ไม่รู้จะเลือกตัดสินใจแบบไหนดี โดยเฉพาะคนที่ขับรถเดินทางออกต่างจังหวัดบ่อย ต้องเจอเรื่องเศษหินดีด หินกระเด็นใส่ระหว่างขับรถ หลีกเลี่ยงยากมาก (คำว่ายากมากอ่านออกเสียงสูงๆนะคะ) โดยเฉพาะหน้ากระโปรงรถ รถคันเก่านี่ ใช้คำอธิบายลักษณะได้ว่า “ พรุน ค่ะ” แถม บางรอยมีบุบเป็นลักยิ้มอีกด้วย ดีนะคะไม่เจอแก็งค์ปาหิน เวลาเข้าศูนย์รถทีไรผู้จัดการศูนย์ก็จะแซว ตอนกำลังจะรับรถว่า “รอยสะเก็ดหินเพิ่มขึ้นอีกแล้วนะครับพี่” ....... แหม!! รู้สึกเศร้าเลยอ่ะ
จนกระทั่งเวลาผ่านไปไวเหมือนหก และแล้วเราก็ได้มีโอกาสออกรถคันใหม่ ทีนี้ล่ะ รถใหม่ แต่ว้าย....ถนนเส้นเดิม โอ้วววไม่อยากจะนึกถึง แน่นอนที่สุดรถใหม่ใครๆก็อยากให้ดูใหม่ ๆสวยๆ ไปนานๆ ก่อนวันนัดรับรถ ถือช่วงเวลาบีบหัวใจ คล้ายๆจะสอบปลายภาคแต่ยังไม่อ่านหนังสือ จะทันมั้ยเนี่ยกับช่วงเวลาที่มีอันน้อยนิด ก็รีบสิคะ ค้นหาข้อมูลในเน็ตทันที โดยสรุปมาได้เนื้อๆดังนี้ (ช่วงต้นเป็นน้ำไป2ย่อหน้า)มีระหว่างเคลือบแก้ว(wax) กับติดฟิล์มใส (wrap) เอาแบบไหนดีล่ะ ที่ราคาพอสมควร และไม่ทำให้กระเป๋าเบาจนเกินไป โดยหลังจากเห็นรีวิวทั้งสองแบบของหลายๆ คน รวมถึงความคิดเห็นและเสนอแนะของพี่ๆใน pantip แล้วก็ทำให้เราสรุปได้ว่า เลือกไม่ได้ค่ะหึหึหึ ก็เลยตัดสินใจโทรสอบถามกับทางร้านทั้งสองแบบ เพื่อนัดเข้าชมตัวอย่างงาน การเคลือบแก้ว และการติดฟิล์มกันรอย
หลังจากที่ไปลงพื้นที่จริงมาแล้ว ต้องบอกเลยว่า การตัดสินใจเลือกนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้รถ ของแต่ละบุคคลจริงๆ โดยหากต้องการให้รถฉ่ำเงาแบบเง๊าเงาตลอดเวลา ต้องเลือกเคลือบแก้วค่ะ แต่เราเอง เลือกใช้เป็นตัวฟิล์มกันรอยค่ะ เพราะด้วยไลฟ์สไตล์ของเราเอง ต้องเดินทางไปไหนมาไหนตลอด รวมถึงระยะทางที่แสนไกล แถมเป็นเส้นทางที่มี กลุ่มหินน้อยใหญ่รอซุ่มโจมตีอยู่ตลอดระยะทางไปกลับ
ในเมื่อตัดสินใจได้แล้ว รวมถึงเลือกร้านได้แล้ว โดยเทียบจากราคา ตัวฟิล์มที่ใช้ และประกันหลังจาการติดตั้งอย่างถี่ถ้วนแล้วก็จะรออะไรล่ะจ้ะ ได้รถมาแล้วก็ลุยค่ะ โดยเบื้องต้นข้อมูลที่ได้รับมานั้น จะอธิบายให้พี่ๆทั้งหลายได้เข้าใจอย่างโดยง่ายดังนี้ค่ะ ตัวฟิล์มที่มี่เลือกติดเป็นตัว pu ผสมค่ะ ความหนา 320 อะไรสักอย่าง ซึ่งจะมีราคาที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียวค่ะเมื่อเทียบกับร้านอื่นๆแล้ว คือจริงๆกลัวจ่ายแพงเกินราคาและคุณภาพเพราะจากตัวอย่างฟิล์มแต่ละร้านนั้นใกล้เคียงกันมากแต่.....ราคาต่างกันราวฟ้ากับเหวค่ะ โดยร้านที่เราตัดสินใจเลือกนั้นคิดราคาทั้งคัน 3x,xxx.- เห็นพี่เค้าบอกว่าราคาขึ้นอยู่กับขนาดของรถด้วยนะคะ
และแล้วก็ถึงวันติดตั้ง เราออกเดินทางจาก บ้านกว่าจะถึงที่ติดตั้งก็สายไปนิดนึงค่ะ แต่ทันการณ์ พอหาร้านเจอ ก็เลี้ยววาร์ปเข้ามา 10.45น. ทางร้านเข้ามาต้อนรับเป็นอย่างดี และก่อนที่จะ wrap ฟิล์มใสให้กับรถ ทางเจ้าของร้านจะอธิบายวิธีการและสาธิตให้ดูเมื่อถูกสะเก็ดหินกระเด็นใส่และเมื่อถูกของแข็งของมีคมมาทำลายรถ ได้อธิบายถึงริ้วคลื่นที่จะเห็นชัดหลังจากติดตั้งเสร็จ และจะจางหายไปเมื่อฟิล์มเซ็ทตัว การเกิดฟองอากาศหลังจากติดตั้งเสร็จใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน การรอให้ฟองอากาศเซ็ทตัว พร้อมทั้งเปรียบเทียบคุณภาพของฟิล์มที่จะติดตั้งอย่างละเอียดและเป็นกันเอง ไม่กดดันลูกค้าดีค่ะ โดยหลังจากรถเคลื่อนเข้าทำตามขั้นตอน จนกระทั่งเสร็จสิ้นนั้น ใช้เวลาประมาณ 8 ชม.เอง พี่เค้าบอกว่า ถ้าโทรมาล็อคคิวไว้ก่อนแบบนี้ จะมีทีมช่างรอรถเราโดยเฉพาะเลยค่ะ
ภาพประกอบ : wrap ฟิล์มใสหนา 320 ไมคอนเสร็จแล้วค่ะ
รูปตอนติดตั้งวิ่งตามถ่ายไม่ทันค่ะกลัวไปขวางทางเค้าเลยได้รูปมาน้อยไปนิดนะคะ
สวยใส สีรถเงาขึ้นกว่าเดิมอีกด้วยอ่ะ
โคมไฟหน้าติดแล้วก็ยังใสๆ เหมือนเดิม
วันรุ่งขึ้นก็พร้อมแล้วค่ะที่จะเอาออกไปลุยทางไกล
หลังจากขับรถไปลุยต่างจังหวัดรอบแรก เอารถมาให้ทางร้านเช็คสักหน่อย ผลที่ออกมาก็เป็นที่ปลื้มปริ่มอย่างยิ่ง ไม่มีรอยสะเก็ดหินให้รู้สึกนอยด์เลย
รูปนี้ถ่ายตอนทางร้านพาเข้าไปดูในห้อง wrap ฟิล์ม มันคือริ้วคลื่นที่กระทบกับแสงนีออนในห้องที่ทำการ wrapฟิล์ม และจะมีฟองอากาศให้เห็น รอการเซ็ทตัวของฟิล์มสัก 2 สัปดาห์
หลังจากเอารถออกจากห้อง wrap ฟิล์มพ้นแสงนีออนแล้ว มองไม่ค่อยจะเห็นริ้วคลื่นสักเท่าไหร่ แต่ยังเห็นฟองอากาศ
หลังจากรอการเซ็ทตัวของฟองอากาศตอนนี้มันได้หายไปแล้ว สีรถเงาวาวสวยงามถูกใจทรามวัยอย่างเราจริมๆ
ตอนนี้ขับคันนี้มาได้เดือนกว่าๆ แล้ว ออกต่างจังหวัดไป 5 ครั้ง รอยสะเก็ดหินไม่มีให้เห็น ส่วนคุณลุงที่ล้างรถให้ก็บอกว่าล้างง่ายดี เช็ดแล้วขึ้นเงาเหมือนไปเคลือบขัดเงาสีรถมาเลยค่ะ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกๆท่านเลยนะคะที่อดทนอ่านจนจบ และเราเองหวังว่า กระทู้นี้จะมีประโยชน์ต่อคนอื่นไม่มากก็น้อยนะคะ
ปล. ระหว่างรอ wrap ฟิล์ม ทางร้านมี coffee house น่ารักๆ ให้นั่งรอด้วย เบอร์เกอร์ที่ร้านนี้อร่อยด้วยนะ... ขอบอกๆ
[CR] (cr)เป็นประสบการณ์ใหม่ๆ กับรถคันใหม่ ที่ไม่อยากเจอกับปัญหาเก่าๆ
โดยครั้งนี้จะเป็นเราบ้างละ ที่จะมาบอกเล่าถึงสิ่งที่เจอมา และ คิดว่าคงมีอีกหลายๆคนที่เจอสถานการณ์เดียวกันกับเรา แต่ไม่รู้จะเลือกตัดสินใจแบบไหนดี โดยเฉพาะคนที่ขับรถเดินทางออกต่างจังหวัดบ่อย ต้องเจอเรื่องเศษหินดีด หินกระเด็นใส่ระหว่างขับรถ หลีกเลี่ยงยากมาก (คำว่ายากมากอ่านออกเสียงสูงๆนะคะ) โดยเฉพาะหน้ากระโปรงรถ รถคันเก่านี่ ใช้คำอธิบายลักษณะได้ว่า “ พรุน ค่ะ” แถม บางรอยมีบุบเป็นลักยิ้มอีกด้วย ดีนะคะไม่เจอแก็งค์ปาหิน เวลาเข้าศูนย์รถทีไรผู้จัดการศูนย์ก็จะแซว ตอนกำลังจะรับรถว่า “รอยสะเก็ดหินเพิ่มขึ้นอีกแล้วนะครับพี่” ....... แหม!! รู้สึกเศร้าเลยอ่ะ
จนกระทั่งเวลาผ่านไปไวเหมือนหก และแล้วเราก็ได้มีโอกาสออกรถคันใหม่ ทีนี้ล่ะ รถใหม่ แต่ว้าย....ถนนเส้นเดิม โอ้วววไม่อยากจะนึกถึง แน่นอนที่สุดรถใหม่ใครๆก็อยากให้ดูใหม่ ๆสวยๆ ไปนานๆ ก่อนวันนัดรับรถ ถือช่วงเวลาบีบหัวใจ คล้ายๆจะสอบปลายภาคแต่ยังไม่อ่านหนังสือ จะทันมั้ยเนี่ยกับช่วงเวลาที่มีอันน้อยนิด ก็รีบสิคะ ค้นหาข้อมูลในเน็ตทันที โดยสรุปมาได้เนื้อๆดังนี้ (ช่วงต้นเป็นน้ำไป2ย่อหน้า)มีระหว่างเคลือบแก้ว(wax) กับติดฟิล์มใส (wrap) เอาแบบไหนดีล่ะ ที่ราคาพอสมควร และไม่ทำให้กระเป๋าเบาจนเกินไป โดยหลังจากเห็นรีวิวทั้งสองแบบของหลายๆ คน รวมถึงความคิดเห็นและเสนอแนะของพี่ๆใน pantip แล้วก็ทำให้เราสรุปได้ว่า เลือกไม่ได้ค่ะหึหึหึ ก็เลยตัดสินใจโทรสอบถามกับทางร้านทั้งสองแบบ เพื่อนัดเข้าชมตัวอย่างงาน การเคลือบแก้ว และการติดฟิล์มกันรอย
หลังจากที่ไปลงพื้นที่จริงมาแล้ว ต้องบอกเลยว่า การตัดสินใจเลือกนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้รถ ของแต่ละบุคคลจริงๆ โดยหากต้องการให้รถฉ่ำเงาแบบเง๊าเงาตลอดเวลา ต้องเลือกเคลือบแก้วค่ะ แต่เราเอง เลือกใช้เป็นตัวฟิล์มกันรอยค่ะ เพราะด้วยไลฟ์สไตล์ของเราเอง ต้องเดินทางไปไหนมาไหนตลอด รวมถึงระยะทางที่แสนไกล แถมเป็นเส้นทางที่มี กลุ่มหินน้อยใหญ่รอซุ่มโจมตีอยู่ตลอดระยะทางไปกลับ
ในเมื่อตัดสินใจได้แล้ว รวมถึงเลือกร้านได้แล้ว โดยเทียบจากราคา ตัวฟิล์มที่ใช้ และประกันหลังจาการติดตั้งอย่างถี่ถ้วนแล้วก็จะรออะไรล่ะจ้ะ ได้รถมาแล้วก็ลุยค่ะ โดยเบื้องต้นข้อมูลที่ได้รับมานั้น จะอธิบายให้พี่ๆทั้งหลายได้เข้าใจอย่างโดยง่ายดังนี้ค่ะ ตัวฟิล์มที่มี่เลือกติดเป็นตัว pu ผสมค่ะ ความหนา 320 อะไรสักอย่าง ซึ่งจะมีราคาที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียวค่ะเมื่อเทียบกับร้านอื่นๆแล้ว คือจริงๆกลัวจ่ายแพงเกินราคาและคุณภาพเพราะจากตัวอย่างฟิล์มแต่ละร้านนั้นใกล้เคียงกันมากแต่.....ราคาต่างกันราวฟ้ากับเหวค่ะ โดยร้านที่เราตัดสินใจเลือกนั้นคิดราคาทั้งคัน 3x,xxx.- เห็นพี่เค้าบอกว่าราคาขึ้นอยู่กับขนาดของรถด้วยนะคะ
และแล้วก็ถึงวันติดตั้ง เราออกเดินทางจาก บ้านกว่าจะถึงที่ติดตั้งก็สายไปนิดนึงค่ะ แต่ทันการณ์ พอหาร้านเจอ ก็เลี้ยววาร์ปเข้ามา 10.45น. ทางร้านเข้ามาต้อนรับเป็นอย่างดี และก่อนที่จะ wrap ฟิล์มใสให้กับรถ ทางเจ้าของร้านจะอธิบายวิธีการและสาธิตให้ดูเมื่อถูกสะเก็ดหินกระเด็นใส่และเมื่อถูกของแข็งของมีคมมาทำลายรถ ได้อธิบายถึงริ้วคลื่นที่จะเห็นชัดหลังจากติดตั้งเสร็จ และจะจางหายไปเมื่อฟิล์มเซ็ทตัว การเกิดฟองอากาศหลังจากติดตั้งเสร็จใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน การรอให้ฟองอากาศเซ็ทตัว พร้อมทั้งเปรียบเทียบคุณภาพของฟิล์มที่จะติดตั้งอย่างละเอียดและเป็นกันเอง ไม่กดดันลูกค้าดีค่ะ โดยหลังจากรถเคลื่อนเข้าทำตามขั้นตอน จนกระทั่งเสร็จสิ้นนั้น ใช้เวลาประมาณ 8 ชม.เอง พี่เค้าบอกว่า ถ้าโทรมาล็อคคิวไว้ก่อนแบบนี้ จะมีทีมช่างรอรถเราโดยเฉพาะเลยค่ะ
ภาพประกอบ : wrap ฟิล์มใสหนา 320 ไมคอนเสร็จแล้วค่ะ
รูปตอนติดตั้งวิ่งตามถ่ายไม่ทันค่ะกลัวไปขวางทางเค้าเลยได้รูปมาน้อยไปนิดนะคะ
สวยใส สีรถเงาขึ้นกว่าเดิมอีกด้วยอ่ะ
โคมไฟหน้าติดแล้วก็ยังใสๆ เหมือนเดิม
วันรุ่งขึ้นก็พร้อมแล้วค่ะที่จะเอาออกไปลุยทางไกล
หลังจากขับรถไปลุยต่างจังหวัดรอบแรก เอารถมาให้ทางร้านเช็คสักหน่อย ผลที่ออกมาก็เป็นที่ปลื้มปริ่มอย่างยิ่ง ไม่มีรอยสะเก็ดหินให้รู้สึกนอยด์เลย
รูปนี้ถ่ายตอนทางร้านพาเข้าไปดูในห้อง wrap ฟิล์ม มันคือริ้วคลื่นที่กระทบกับแสงนีออนในห้องที่ทำการ wrapฟิล์ม และจะมีฟองอากาศให้เห็น รอการเซ็ทตัวของฟิล์มสัก 2 สัปดาห์
หลังจากเอารถออกจากห้อง wrap ฟิล์มพ้นแสงนีออนแล้ว มองไม่ค่อยจะเห็นริ้วคลื่นสักเท่าไหร่ แต่ยังเห็นฟองอากาศ
หลังจากรอการเซ็ทตัวของฟองอากาศตอนนี้มันได้หายไปแล้ว สีรถเงาวาวสวยงามถูกใจทรามวัยอย่างเราจริมๆ
ตอนนี้ขับคันนี้มาได้เดือนกว่าๆ แล้ว ออกต่างจังหวัดไป 5 ครั้ง รอยสะเก็ดหินไม่มีให้เห็น ส่วนคุณลุงที่ล้างรถให้ก็บอกว่าล้างง่ายดี เช็ดแล้วขึ้นเงาเหมือนไปเคลือบขัดเงาสีรถมาเลยค่ะ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกๆท่านเลยนะคะที่อดทนอ่านจนจบ และเราเองหวังว่า กระทู้นี้จะมีประโยชน์ต่อคนอื่นไม่มากก็น้อยนะคะ
ปล. ระหว่างรอ wrap ฟิล์ม ทางร้านมี coffee house น่ารักๆ ให้นั่งรอด้วย เบอร์เกอร์ที่ร้านนี้อร่อยด้วยนะ... ขอบอกๆ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้