(แชร์ประสบการณ์) ทุนแลกเปลี่ยนฝึกงานที่ 'ประเทศญี่ปุ่น' (ฟรีค่าตั๋วและหอพัก) 2 เดือน

สวัสดีค้าาาา!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ก็ตามหัวข้อกระทู้เลยนะคะ วันนีเราจะมาแชร์ประสบการณ์การฝึกงานในประเทศญี่ปุ่น เป็นเวลา 2 เดือนค่ะ
แถมค่าหอพักและค่าตั๋วที่เราไปนั้น ฟรีทุกอย่าง แถมได้เงินเดือนจากบริษัทด้วยค่ะ เริศกว่านี้ไม่มีแล้ว
ถ้าใครหลงเข้ามาในบทความแล้วสนใจ อ่านให้จบนะ
เพราะจะได้ทั้งประสบการณ์และความบันเทิง ไม่เชื่อก็อ่านค่ะ!!!


ก่อนอื่นขอแนะนำตัวเจ้าของกระทู้ก่อนนะคะ
ชื่อ แป๋ม ตอนนี้ศึกษาอยู่ ชั้นปีที่ 4
สถาบันเทคโนโลยีไทย - ญี่ปุ่น
คณะ บริหารธุรกิจ สาขา บริหารธุรกิจ ญี่ปุ่น (BUSINESS JAPANESE) แขง การตลาด ค่ะ
ขอแทนตัวว่า พี่ นะคะ เนื่องจากตั้งใจตั้งกระทู้เพื่อให้น้องๆในสถาบัน แล้วก็น้องๆ ม.6 ที่กำลังหา สถาบันหรือมหาวิทยาลัยที่มีทุนเพื่อไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศเนอะ



ส่วนทุนที่พี่ได้นะคะ เป็นทุนของ บริษัท Don Quijote (ดองกี้โฮเต้) ค่ะ ถ้าพูดถึงบริษัทนี้แล้ว ไม่มีใครไม่รู้จักแน่นอน เพราะเป็นร้านที่คนไทยเรารู้จักเป็นอย่างดีนะคะ เป็นบริษัทขายของทุกอย่างบนโลก มีตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ แถมของราคาถูกกว่าชาวบ้านเค้า
โดยทางบริษัท ดองกี้ เป็นผู้มอบทุนให้กับ สถาบันเทคโนโลยีไทย ญี่ปุ่น โดยดตรงเลยค่ะ แต่พอดีพี่ทำสัญญาฝึกงานกับดองกี้ไว้ บางเรื่องและรูปภาพบางรูปภาพ เป็นความลับของบริษัท ดังนั้น พี่จะขอไม่พูดถึงเรื่องภายในงานหรือบริษัทจนมากเกินไป หรือ รูปภาพภายในบริษัทนะคะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆน้า

อ้อ พี่ลืมบอกเรื่อง พื้นฐานความรู้ของพี่เองค่ะ น้องๆจะได้เปรียบเทียบกับตัวเองเนอะ ว่าถ้าความรู้พื้นฐาน ญี่ปุ่น เราประมาณไหน แล้วทุนนี้ ถ้าไม่เก่งญี่ปุ่นนัก สามารถไปได้หรือเปล่า พี่ตอบเลยนะคะ ว่าได้ค่ะลูก!!!!!!!!!!!!!! เพราะทุนดองกี้ไม่ได้รับนักศึกษาที่ เก่งญี่ปุ่น แต่รับนักศึกษาที่ มีประสบการณ์การทำงานพวกพาร์ทไทม์ เด็กกิจกรรม และเด็กที่มีทัศนคติค่อนข้างดีค่ะ ส่วนพี่นะคะ มีพื้นฐานความรู้ภาษาญี่ปุ่นดังนี้ค่ะ

ระดับภาษาญี่ปุ่น : N3 (ฟังพูดอ่านเขียนในระดับเอาชีวิตรอดได้ แต่ห่วยคันจิขั้นโคม่า)
แต่ว่าใครที่ ไม่มี N หรือไม่ได้เก่งญี่ปุ่นมากนัก ไม่ต้องกังวลค่ะลูก เพราะดองกี้ไม่ได้ดูจากเกรด หรือระดับ N น้า

มาค่ะ มากันที่ รายละเอียดทุนที่พี่ได้กันดีกว่า พี่ขอเรียกมันว่า ทุนดองกี้ ละกันเนอะ เพราะนี่เป็น ทุนนักศึกษาแลกเปลี่ยน ดองกี้โฮเต้ โดยดองกี้ตั้งใจรับนศ.ฝึกงานเนี้ย ประมารณ 3 - 4 คน ส่วนระยะเวลาในการศึกงานคือ 2 เดือนค่ะ (มีนาคม - พฤษภาคม 2561) ทุนนี้รับเฉพาะ นักศึกษา สาขา บริหารธุรกิจ ญี่ปุ่น (BUSINESS JAPANESE) ชั้นปีที่ 3 เท่านั้นเนอะ ทุนจะมา ประมาณ เดือนพฤศจิกายนจ้า โดยมีแค่การสัมภาษณ์ 2 รอบเท่านั้น ส่วนการสัมภาษณ์ เป็นการสัมภาษณ์เป็น ภาษาญี่ปุ่น เท่านั้นค่ะ

สรุปแล้วทุนดองกี้ปีนี้ รับ 4 คนนะคะ แต่รุ่นแรก ปีที่แล้วเนี้ย รับแค่ 3 คนค่ะ ส่วนรุ่นถัดไปยังไม่แน่ใจ อาจจะ 3 - 4 คนนี่แหละ
พี่ขอแบ่งหัวข้อในการแชร์ประสบการณ์นะคะ เพราะง่ายต่อการอ่านแล้วก็ เผื่อใครที่อยากอ่านเน้นเฉพาะเรื่องที่ตัวเองสนใจ จะได้ข้ามไปอ่านเรื่องนั้นเนอะ

รายละเอียดทุน (เพิ่มเติมและง่ายต่อการอ่าน)
รับสมัคร : เดือนพฤศจิกายน (สัมภาษณ์อาทิตย์ถัดจากวันสมัคร)
ระยะเวลาฝึกงาน : 19 มีนาคม - 13 พฤษภาคม (2 เดือน)
ค่าใช้จ่าย : ฟรี ค่าตั๋ว และที่พัก
เงินเดือนที่ได้ : 15,000 เยน ต่ออาทิตย์ (ทั้งหมด120,000 เยน) (ประมาณ 30,000 กว่าบาท)

สถานที่ฝึกงาน : ดองกี้โฮเต้ สาขา nakameguro (中目黒本店) ในโตเกียวนี่แหละ
สถานที่พัก : โตเกียว เขต โอตาคุ แขวง kugahara - tokubetsu (久が原線) สถานีรถไฟ denedshoufu (田園調布)
ค่าเดินทางไปทำงาน : ฟรี!!!!!!!! บริษัทจะเตรียมบัตร passo สำหรับเดินทางขึ้นรถไฟ และรถเมย์ โดยถ้าเราใช้บัตรนี้ไปทำงาน และไม่ได้ไปไหน เดินทางไปทำงานก็ฟรีค่ะ 0 เยนไปเล้ย!!!!

การเตรียมตัว
สำหรับใครที่ไม่รู้จะเตรียมตัวยังไงดีก่อนไปญี่ปุ่นนะคะ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ เงินค่าใช้จ่ายค่ะ ต้องดูรายคนด้วยนะ ถ้าเป็นคนเที่ยวเก่งก็เตรียมไปเยอะหน่อย ส่วนพี่เป็นพวกบ้าเครื่องสำอางค์กับพวกชอบกินมาก!!!!!! พี่เตรียมไปประมาณ 20,000 บาทค่ะ (ประมาณ 70,000 เยน) เอาจริงๆ แค่ 15,000 บาทก็พอจ้า เพราะค่าเดินทางไปทำงานฟรี ทำให้เรามีเงินเหลือในการช้อป 55555 ส่วนพวกเสื้อผ้า พี่เตรียมไปเยอะมาก  เพราะคิดว่าต้องได้เที่ยวแน่ๆพวกเสาร์ อาทิตย์ แน่ๆ ใครขาเที่ยวก็เตรียมไปเยอะหน่อยน้า แต่ช่วยที่พี่ไปเป็น ฤดูใบไม้ผลิ ซากุระกำลังบานเลยแก!!!
นี่เป็นรูป ดอกซากุระบาน หลังบริษัทพี่เอง ซากุระที่ นากาเมกุโระนี่เป็นจุดแลนด์มาร์คที่มีชื่อเสียงในโตเกียวเลย


แต่ความซวยมันชอบตอนมันไม่น่าเกิดอะ ใครที่บอกโตเกียวฤดูใบไม้ผลิไม่มีฝน ไม่มีหิมะ คิดใหม่เลยนะ เพราะวันแรกๆที่พี่ไปซวยมาก ฝนตกมากับพายุหิมะ ต้องดูพยากรณ์อากาศดีดีเลยนะ เพราะพยากรณ์ญี่ปุ่นแม่น 99% เลยแหละ พี่ก็เห็นว่าเป็นฤดูใบไม้ผลิ เลยไม่ได้เตรียมเสื้อกันหนาวอะไรไปซักตัว ฝนตกพายุหิมะเท่านั้นแหละ ยิ้มกันหมด 55555555 เพราะฉะนั้น ไปญี่ปุ่น ควรติดเสื้อกันหนาว หรือเสื้อแขนยาวไปเผื่อหน่อยนะคะ ถึงมันจะอยูาในฤดูที่ไม่น่ามีฝน ไม่น่ามีพายุก็เถอะ พี่เจอมาแล้ว เชื่อพี่เถอะ 5555555
อ้อ ลืมบอกไปอย่าง ถ้ามาฝึกงานที่นี่ อย่าลืมเอา โน้ตบุ๊คมาด้วยน้า เพราะทำงานกับคนญี่ปุ่นมันหนักหน่วง โคตรๆ ต้องเอางานมาทำที่หอเลยอะ OT ก็ได้ถึงแค่สามทุ่ม บางวันได้แค่ทุ่มเดียว งานไม่เสร็จก็ต้องทำที่หอต่อเลยนะ โน้ตบุ๊คสำคัญมากกกกกกกกกก อย่าลืมพกมานะคะ

ประสบการณ์การทำงาน
พี่ต้องบอกเลยว่า ประเทศญี่ปุ่น นี่มันความประเทศญี่ปุ่นจริงๆค่ะ ในเรื่องของการทำงาน สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับญี่ปุ่น คือ เวลาและเดดไลน์   ค่ะ ทำงานกับคนญี่ปุ่นต้องมีด้วยกันหลายอย่างนะ อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว จากที่พี่เจอมานะคะ ก็คือ ความอดทน ตรงต่อเวลา พัฒนาตัวเอง และ ต้องทำได้ทุกอย่าง!!! ทำได้ทุกอย่างในที่นี้หมายถึง ต้องรู้จักเรียนรู้ในสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อน เพราะคนญีปุ่่นเนี้ย เค้าชอบเด็กที่เป็นลูกผสม อะ เปรียบเทียบง่ายๆ ประเทศเราชอบเด็กที่เรียนเก่งเกรดสูง  แต่ประเทศญี่ปุ่น ชอบเด็กที่ไม่ต้องเก่งมาก แต่ทำได้หลากหลาย เค้าจะชอบมาก ถ้าเราพูดญี่ปุ่นได้ คิดเลขเป็น(พวกยอดขายต่างๆ การทำบัญชี หรือการคำนวณกำไร อะไรที่เป็นพื้นฐานทางธุรกิจ) มีหัวสร้างสรรค์เข้าใจการตลาด เข้าใจวัฒนธรรมญี่ปุ่น อะไรแบบนี้ ไม่ใช่แค่เก่งญี่ปุ่น แต่ไม่เก่งด้านอื่นเลย อันนี้คนญี่ปุ่นเซย์โนนะจ้ะ อ้อ แล้วก็พี่บอกเคล็ดลับให้น้า คนญี่ปุ่น ชอบเด็กที่เก่งในเรื่องพื้นฐาน ในการทำงานเราขาดมันไม่ได้เลยนะ power point , word , photoshop , exel จงจำไว้ว่า อี 4 โปรแกรมพื้นฐานนี้ สำคัญที่สุด แต่ถ้าเราทำอย่างอื่นได้ด้วย เค้าชอบโคตรชอบ อย่างพี่ไม่เคยออกแบบอาคาร หรือ แปลนจำลองห้างมาก่อน คือมันมีอาทิตย์นึงที่หัวหน้าสั่งให้พวกพี่นำเสนองาน ในหัวข้อ 'LAY OUT' หรือการจำลองพื้นที่ของร้านค้าดองกี้โฮเต้ พี่เองก็อยากให้มันออกมาดีที่สุด เลยปรึกษาเพื่อนที่เคยทำโปรแกรม sketch up เป็นโปรแกรมออกแบบแปลน หรือบ้านง่ายๆ เอาจริงๆมันไม่ง่ายเลย มันท้าทายเรามากๆ พี่ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงในการออกแบบ เสียเวลาไปกับการเปิดดูยูทูป เพื่อเรียนรู้มัน แต่สิ่งที่ได้กลับมามันโคตรประทับใจอะ พอเรานำเสนอ ทั้งเพื่อน ทั้งหัวหน้าก็ชม จนหัวหน้าฝ่าย HR ผู้หญิง เรียกเราไปคุยในห้อง สองต่อสอง เค้าบอกกับเราว่า ตั้งแต่มีนักเรียนแลกเปลี่ยนมา ไม่นึกมาก่อนเลยว่า นักศึกษาไทย จะทำได้ขนาดนี้ ชมพี่พี่ก็ดีใจ แต่เค้าชื่นชมไปถึงสถาบันเลยอะ เราปลื้มมากตอนนั้น น้ำตาแทบจะพุ่ง
***** แถมหัวหน้าแอบให้งานโคตรสุดยอดกับเรา และเก็บไว้เป็นความลับ มันคืองาน ออกแบบโซนอีเวนท์ VR ที่ดองกี้จะไปออกในอาทิตย์เกือบสุดท้ายที่เราฝึกงาน เอาจริง เพื่อนอีก 3 คนยังไม่รู้เลย 55555555 พี่จะบอกว่า ถึงมันจะเป็นเรื่องเล็กๆ ก็แค่ออกแบบแปลนอีเว้นท์โง่ๆ แต่... คนญี่ปุ่น ไว้ใจเรา เอางานในบริษัท มาให้เด็กที่ไหนก็ไม่รู้ทำอะ แถมอีเด็กนั่นก็เราอะ.. ตั้งแต่ตอนนั้น พี่เลยเข้าใจว่า คนญี่ปุ่นเค้าชอบลูกผสม จริงๆ แต่เอาเข้าจริงๆ ไม่ว่าที่ไหน ไทยหรือ ญี่ปุ่น การที่เราเป็นลูกผสม คือการมีความสามารถรอบด้านมากกว่าคนอื่นๆ ทำอะไรก็ได้ ไม่ใช่แค่งพวกงาน วิชาที่เราเรียนในมหาลัย แนะนำนะลูก ทำงานพื้นฐานให้เป็นก่อน ไม่ต้องเก่งก็ได้ แต่ขอให้ทำเป็น แล้วหาวิชาอื่นๆ มาเสริมความสามารถของเรา ใครๆก็ชอบ บริษัทไหนก็ต้องการแน่นอน
(ลูกผสม = คนที่ทำได้ทุกอย่าง ทั้งงาน ทั้งกิจกรรม มีความสามารถรอบด้าน)
คำเตือน : ทำงานกับคนญี่ปุ่น เสี่ยงป่วยมากกกกกกกกกก เพราะงานที่เค้าให้มา ค่อนข้างเร่ง เยอะ และโคตรยาก แถมคนญี่ปุ่นเนี้ย เค้าชอบ kaizen(การปรับปรุงแก้ไขงาน) มากที่สุด !!! เช่น ถ้าวันนี้เราทำงานเสร็จส่งให้หัวหน้าตรวจ หัวหน้าก็จะเช็ค แล้วก็จะมีให้แก้เป็นจุดๆ ก็ต้องไปแก้ที่บ้าน ละความเครียดมันอยู่ที่ วันต่อมา หัวหน้าเช็คแล้วนึกสิ่งที่ดีกว่างานที่แก้เมื่อวาน ก็แก้อีก พอวันถัดมา ก็บอกว่าอันนี้มันเก่าไปแล้ว มันคืองานที่แก้เมื่อวาน เดี๋ยวแก้ให้ดีกว่านี้ดีกว่า ไปไปมามา งานที่ทำจะไม่มีที่สิ้นสุด จนกว่าจะถึงเดดไลน์ แก้ยิ้มทุกวัน ทุกวินาที .. เอาจริงๆ ความเครียดสะสมเพราะ พี่นอนแค่ 2 3 ชั่วโมงต่อวัน นั่งแก้มันทุกคืนอะลูก แต่ผลลัพธ์ก็ดีนะ คนญี่ปุ่นชอบประเมินเด็กจากความพยายาม และพัฒนาการที่เพิ่มขึ้น ทั้งการทำงานแล้วก็ภาษาด้วยนะ

"Tokyo Rainbow Pride 2018"  วันอีเวนท์ LGBT DAY โตเกียว ที่ ฮาราจูกุ
ดองกี้มีจัดอีเว้นท์ เนื่องจากวัน LGBT ของคนญี่ปุ่น พวกพี่ก็ต้องไปจัดงานจ้า โดยแน่นอน พี่อยู่แผนก VR ของบูธนั่นเอง ออกแบบเองก็ต้องมายืนรับผิดชอบเนอะ 55555
ส่วนผู้ชายอีกสองคนค่อนข้างเป็นคนตลก เฮฮา เลยมีหน้าที่เรียกลูกค้า หน้าบูธ ส่วนอีกคนเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น พี่ขอพูดถึงนาง ในหัวข้อ การใช้ชีวิตอยู่ในประเทศญี่ปุ่นละกันนะลูก นางเป็นรูมเมทที่มีปัญหานิดหน่อย เดี๋ยวเล่าเป็นประาบการณ์ละกัน 55555
การออกอีเว้นท์ครั้งนี้คือแบบ เป็นวันที่ต้องฝึกทักษะ ภาษาญี่ปุ่นกับอังกฤษ หนักมาก เพราะคนในงานจะคอยถามเราตลอดเลย ทั้งถามทาง ห้องน้ำ พีคสุดก็เจอ สาวทอม เมาเหล้านี่แหละ มาป่วนบูธพี่ด้วยนะ โดนแต๊ะอั๋งไปหลายทีมาก .. นี่ก็พยายามพูดภาษาญี่ปุ่นเกลี้ยกล่อง จนไปป่วนบูธข้างๆ คือเป็นเรื่องที่พีคสุดตอนมาทำงานบูธแหละ

(มีต่อคอมเม้นท์น้า) (อัพเดต 6/6/2561)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่