หลังจากได้บัตรคนพิการมาแล้ว อยากสอบถามเรื่องการใช้สิทธิ์ต่างๆครับ

หลังจากพาลูกหาหมอร่วมสามเดือน สรุปคือผลออกมาว่าเป็น LD และ IQ ต่ำกว่าปกตินิดนึง

และตอนนี้ก็ได้ดำเนินการขอบัตรคนพิการมาเรียบร้อยแล้วครับ

ทีนี้ มันยังรู้สึกประมาณว่า ทำอะไรไม่ถูกครับ หรือควรทำอะไรต่อไปดี

แม้แต่ตั้งกระทู้ถาม กำลังพิมพ์นี่ก็เรียบเรียงคำถามไม่ถูกแล้ว เอาเป็นว่า

อยากทราบอยู่ไม่กี่เรื่องครับ คือ

1. ควรแจ้งที่โรงเรียนมั้ยครับ จริงๆในใจผมคิดว่าควรแจ้ง เพราะหมอแจ้งว่าถ้าแจ้งให้ทางโรงเรียนทราบ เค้าจะใช้วิธีตัดสินเกณฑ์อีกแบบนึง หรือง่ายๆก็คืออ่อนให้ประมาณนั้น
และอีกอย่างคือต้องหยุดรร.แน่ๆเดือนละครั้ง เพราะหมอนัดให้ไปเรียนพิเศษเฉพาะสำหรับเด็ก LD ที่แผนกจิตเวชเด็กและวัยรุ่น จะมีครูที่สอนเด็ก LD โดยเฉพาะมาสอนครับ
แต่ยังไม่รู้ถึงข้อเสียเลยครับ มันมีข้อเสียอะไรบ้างมั้ย รร. จะบอกเพื่อนๆคนอื่นมั้ย ว่าเด็กคนนี้เป็นอะไร เพราะเอาเข้าจริงๆจากภายนอกและนิสัย เค้าเหมือนคนปกติทุกอย่างครับ
แค่ทุกวันนี้ครูประจำชั้นก็พยายามที่จะบอกเด็กในห้องว่า เพื่อน(ลูกผม)อาจจะช้ากว่าพวกเราบ้าง ให้ช่วยๆนิดนึง มันก็จะมีสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือ ช่วยจริงๆ คอยบอกว่ามีงานอะไร ให้ถ่ายงานกลับมาทำที่บ้าน กลับอีกกลุ่มก็จะคอยล้อเลียนบ้าง แต่ถามลูกๆบอกว่า อย่าไปใส่ใจเลย ซึ่งตรงนี้ผมก็ตามใจเค้า ถ้าเค้าทนได้ไม่ถือสา ก็คิดว่าเป็นการฝึกใจเค้าอย่างนึง(ล่ะมั้ง..)

2. เรื่องขึ้นรถไฟฟ้าฟรี นี่รวมถึงใต้ดินด้วยมั้ยครับ และฟรีทุกสถานีรึป่าวครับ หาข้อมูลอ่าน บางคนก็บอกว่าฟรี4-5สถานี บางคนก็บอกฟรีตลอดเส้นทาง
ก็ยังไม่แน่ใจว่าอันไหนอาจจะเป็นข้อมูลเก่ารึป่าว และเวลาจะขึ้นฟรี ก็ไปยื่นบัตรคนพิการให้ที่ช่องเคาน์เตอร์ข้างๆประตูได้เลยใช่มั้ยครับ จะได้ฝึกเค้าขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้านเองครับ

3. เรื่องยื่นขอเบี้ยคนพิการ ทางเขตที่ไปทำเรื่องแจ้งมาว่าให้ไปทำที่ อบต. หรือเทศบาลได้เลย แล้วต้องให้ตัวเด็ก(คนพิการ) ไปด้วยตัวเองหรือไม่ครับ เพราะค่อนข้างไม่อยากให้เค้าหยุดเรียน เพราะเค้าจะบ่นเรื่องตามงานไม่ทันครับ และเดี๋ยวนี้ยื่นเรื่องแล้ว รอเดือนถัดไปก็ได้เลยใช่มั้ยครับ ไม่ต้องรอปีงบประมาณเหมือนเมื่อก่อน

4. เรื่องปรับสิทธิบัตรทองให้เป็นแบบ ท.74 สำหรับคนพิการ ให้ใช้สิทธิ์ทุก รพ.รัฐ โดยไม่ต้องขอใบส่งตัว อันนี้เราสามารถทำได้ทุก รพ. ใหญ่ๆได้ใช่มั้ยครับ หรือต้องทำที่ รพ. ใกล้บ้านครับ เพราะโรงเรียนเค้าใกล้ รพ. ใหญ่อยู่แล้ว เลยว่าจะแวะทำก่อนกลับบ้านครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ขอตอบในนามที่ผมเป็นคนพิการนะครับคุณพ่อ
1.รถไฟฟ้าทั้งบนดิน ใต้ดิน ใตน้ำ ขึ้นได้ฟรีหมดครับ โดยการใช้บัตรประจำตัวผู้พิการของน้อง แลกคูปองกับเจ้าหน้าที่ที่ช่องจำหน่ายตั๋วครับ
(ขึ้นได้ทุกสถานีครับ ไม่มียกเว้นนะครับ)
2.เรื่องบัตรทอง ให้ส่งสำเนาไปที่ สปสช.ครับ โทรถาม 1330 ก็ได้ครับ
ส่งสำเนาบัตรผู้พิการไปและเขาจะแก้ในระบบให้ครับ ทีนี้เวลาใช้ก็ให้ไปเช็คสิทธิกับโรงพยาบาลของรัฐนั้นๆที่จะเข้ารับการรักษาเสียก่อนนะครับ
ทั้งนี้จะต้องรักษาในวันและเวลาราชกาลเท่านั้นนะครับ
3.หากน้องมีบัตรประจำตัวผู้พิการแล้ว น้องเขาจะสามารถอยู่ในระบบการศึกษาของโรงเรียนรัฐจนถึงระดับมหาวิทยาลัย(ปริญญาตรี) โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายครับ (ทั้งนี้จะเป็นการสำรองค่าใช้จ่ายออกไปก่อนและเบิกในภายหลังครับ)
**สถาบันการศึกษาไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธการเข้าเรียนของน้องใดๆทั้งสิ้นนะครับ กฎหมายรองรับเรื่องสิทธิอยู่ครับ
4.เรื่องขอรับเบี้ยคนพิการเดือนละ 800 บาท คุณพ่อพาน้องไปเปิดบัญชีธนาคารกรุงไทยครับและติดต่อที่หน่วยงาน มันจะยื่นได้ประมาณช่วงปลายปีรึเปล่าผมไม่แน่ใจครับ และก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถมอบอำนาจได้ไหมในฐานะที่เราเป็นผู้ปกครอง
5.ในกรณีที่ชื่อของคุณพ่อระบุอยู่ในบัตรผู้พิการของน้อง คุณพ่อมีสิทธิลดหย่อนภาษีได้ครับ
6.รักษาบัตรผู้พิการของน้องไว้ดีๆครับ เพราะสิทธิทางด้านภาษีมันเยอะและเสียงต่อการถูกสวมสิทธิได้ครับ
ปล.ผมก็รู้จักน้องคนหนึ่งที่เรียนรู้ช้า มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นครับ เพียงเราต้องให้เวลาและใช้ความเข้าใจในโรคที่เขาเป็น
ที่สำคัญอย่าใช้อารมณ์กับเขาครับ เดี๋ยวมันจะแย่กันไปใหญ่ พยายามหาสิ่งที่น้องเขาชอบและสนับสนุนไปอย่างเต็มที่เลยครับ(ถ้าเรามีปัจจัยที่เพียงพอ) อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องการเรียน... ส่วนใหญ่สถาบันแต่ละที่ ไม่ค่อยที่จะอนุโลมให้กับเด็กพิเศษสักเท่าไหร่นะครับ อาจจะมีช่วยบ้างในบางเรื่องเท่านั้น
แต่เวลาเราสอบ เวลาการสอบของเด็กปกติกับเด็กพิเศษก็จะใช้เวลาเท่ากันครับ
**เพิ่มเติม**
1.บัตรผู้พิการสามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์ของราชกาลได้ฟรี(บางที่ครับ)
2.การขอรับบ ัตรฟรีหรือยกเว้นค่าโดยสารจากระบบขนส่งต่างๆ ต้องทำใจต่อการบริการของพนักงานนะครับ(บางสถานี) ที่จะมองผู้พิการว่า........(ละไว้ในฐานที่เข้าใจครับ)
3.คุณพ่อให้น้องได้เผชิญกับสังคมของความเป็นจริงนะครับ และเมื่อน้องเขาเติบโตขึ้นจะเข้มแข็งกว่าเด็กทั่วไป
4.วางแผนอนาคตให้กับเขาด้วยนะครับ ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีกฎหมายเรื่องการจ้างแรงงานคนพิการอยู่ แต่ผมพูดตามความเป็นจริงว่ากฎหมายนี้ยังไม่ศักดิ์สิทธิ์สักเท่าไหร่ ทางที่ดีหาทางให้เขาพึ่งพาตัวเองได้เสียดีกว่าครับ

จบแล้วครับ ผมนึกได้เท่านี้ หากสงสัยอะไรก็สามารถถามผมได้ครับ ผมยินดีครับคุณพ่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่