ปฏิเสธไม่ได้ว่า เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทุกวันนี้ ได้เข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตผุ้คน รวมถึงภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยอย่างรวดเร็ว ซึ่งนอกจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของโลกที่ไม่หยุดนิ่งแล้ว ยังเป็นไปนโยบายของภาครัฐที่ต้องการผลักดันให้ไทยให้เป็นยุคดิจิตอล 4.0 อย่างเต็มรูปแบบ การผลักดันอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ (New S-Curve) ของรัฐบาล ซึ่งหุ่นยนต์ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และอาจเพิ่มขึ้นสูงเกือบ 2 เท่าทั่วโลกภายใน 2-3 ปีข้างหน้า โดยจะมาทดแทนพนักงานในภาคบริการที่เป็นคนมากขึ้น เพราะ รวดเร็ว แม่นยำ ผิดพลาดน้อย และตรวจสอบได้
ทำให้ในช่วง 2-3 ปีมานี้ เรามักจะได้ยินกระแสข่าวจากหลายๆด้าน ที่สร้างความหวั่นใจให้กับคนชั้นแรงงาน รวมถึงพนักงานบริษัทหลากหลายอาชีพทำนองที่ว่า "หุ่นย์ยนต์จะมาแย่งงานคน" คำกล่าวนี้ฟังดูก็น่าตกใจ แต่หากวิเคราะห์ขยายความแล้วไม่ใช่เรืองที่น่าวิตกกังวลจนเกินไปนัก เพราะการเข้ามาของเทคโนโลยีหุ่นยนต์นั้น จะมาช่วยมนุษย์ทำงานในด้านภาคบริการที่เป็นคนมากขึ้น เพราะ รวดเร็ว แม่นยำ ผิดพลาดน้อย หรืองานที่ต้องทำครั้งละจำนวนมากๆ ซึ่งเมื่อมีระบบอัตโนมัติอย่างหุ่นยนต์มาทำหน้าที่แทน
ในประเทศไทยก็เริ่มเอาหุ่นยนต์มาใช้กันแล้วนะ
สำหรับประเทศไทยเราจะเห็นว่ามีหลายองค์กร และหลายกลุ่มธุรกิจที่นำเอาหุ่นยนต์ทั้งแบบ Robot และระบบอัตโนมัติมาใช้งาน เราไปดูกันเลยว่ามีที่ไหนบ้าง
1.รพ.มงกุฎวัฒนะ ใช้ “หุ่นยนต์แทนคน” ลดภาระ
โรงพยาบาลมงกุฎแจ้งวัฒนะ ถ.แจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ทดลองใช้หุ่นยนต์ช่วยเดินเอกสารหรือขนของภายในแผนกผู้ป่วยนอก (OPD) เพื่อลดค่าแรงการจ้างพนักงาน ประหยัดเวลา เพิ่มความสะดวกรวดเร็ว แม่นยำ และประสิทธิภาพในการบริการผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งแก้ปัญหาขาดแคลนบุคลากรเนื่องจากจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยหุ่นยนต์นี้ชื่อ “R Robot” เป็นหุ่นยนต์เอจีวี (Automated Guided Vehicles: AGV) ที่สามารถเคลื่อนที่ได้เองโดยไม่ต้องมีคนบังคับ มีระบบควบคุมเส้นทางและขับเคลื่อนด้วยการเหนี่ยวนำของแทบแม่เหล็กที่ติดตั้งเป็นทางภายในอาคาร ปัจจุบันมีทั้งหมด 3 ตัว สูง 150 เซนติเมตร ใส่วิกผมผู้หญิงและชุดพยาบาลสีเหลือง หรือเขียว มีเซนเซอร์ที่จะหยุดเมื่อมีคนเดินผ่าน ซึ่งระยะเวลาที่หยุดในแต่ละสถานีจะแตกต่างกันตามการตั้งโปรแกรม โดยจะประเมินและเตรียมขยายผลในปีหน้า อาจมีการใช้หุ่นยนต์ลำเลียงอาหารไปยังห้องผู้ป่วย, ลำเลียงขยะไปทิ้ง, ช่วยในห้องจัดยาและคลังสินค้า ฯลฯ
2.บริษัททรู คอร์ปปอเรชั่น จำกัด นำหุ่นยนต์มาใช้อำนวยความสะดวกในองค์กร
ในปี 2561 บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด มีหุ่นยนต์ออกมาอีก 2-3 รุ่น ที่ผ่านมาก็มีทั้งหุ่นยนต์ที่ผลิตเองทุกส่วน เพื่อตอบสนองโจทย์เฉพาะอย่าง ที่มาจะมี หุ่นยนต์เสิร์ฟกาแฟ และต่อยอดมาสู่หุ่นยนต์สำรวจภายในอาคาร ที่ติดกล้อง 360 องศา สามารถสแกนออกมาเป็นภาพ 3D ได้ซึ่งกำลังทดสอบการใช้งานจริง ซึ่งตอนนี้ก็มี หุ่นยนต์นาโอะ ที่นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทรูเองได้พัฒนาในส่วนของซอฟแวร์ซึ่งหุ่นยนต์ตัวนี้นำมาใช้ในเชิงธุรกิจ เน้นในเรื่องการพรีเซนเทชั่นแนะนำสินค้า การเดินแฟชั่นโชว์ หรืออย่าง หุ่นยนต์-มินิ เป็นชุดหุ่นยนต์ประกอบฮิวมานอยด์ขนาดเล็ก ที่มีความสามารถโดดเด่นทั้งการเคลื่อนไหวและการแสดงท่าทาง โดยผู้ใช้งานสามารถพัฒนาโปรแกรมเพื่อให้หุ่นยนต์ทำงานอย่างอัตโนมัติหรือควบคุมผ่านโทรศัพท์ ซึ่งจะช่วยให้เด็กไทยสามารถที่จะประกอบหุ่นยนต์ ฝึกการใช้โปรแกรมหุ่นยนต์ ให้ประโยชน์ทางการศึกษา โดยหุ่นยนต์รุ่นนี้มีจำหน่ายอยู่ที่ร้านทรูช้อป และมีจำหน่ายตรงกับสถาบันการศึกษา
3. “บริษัท สลิงชอท กรุ๊ป จำกัด” ผู้นำตลาดด้านการพัฒนาผู้นำและองค์กร
"หุ่นยนต์โซเฟีย" ได้เริ่มถูกใช้งานครั้งแรกเมื่อปี 2015 และเมื่อปี 2017 โซเฟียได้รับสัญชาติจากประเทศซาอุดีอาระเบีย ถือเป็นหุ่นยนต์ตัวแรกของโลกที่มีสัญชาติประเทศใดประเทศหนึ่งรองรับความพิเศษของโซเฟียคือ ถูกออกแบบมาให้สามารถโต้ตอบ แสดงสีหน้า มีความสามารถด้านการทำงานเสมือนมนุษย์มากกว่าหุ่นยนต์อื่นใดในโลกที่เคยมีมาก่อน โดยหุ่นยนต์โซเฟียได้ติดตั้งกระแสไฟฟ้าที่ทำให้หุ่นแสดงสีหน้าและขยับคอได้ 62 รูปแบบ ส่วนผิวหนังทำจากซิลิคอนที่จดสิทธิบัตร มีการติดตั้งกล้องในดวงตาเชื่อมกับการออกแบบอัลกอริธึ่มให้มองเห็นได้ ส่วนการพูดคุยนั้นใช้เทคโนโลยีกูเกิลและเทคโนโลยีอื่น ๆ ให้สามารถจดจำ และพูดได้แบบชาญฉลาด
4.หุ่นยนต์เสริฟอาหาร ที่ร้าน Hajime
โดยแต่งกายในชุดเกราะนักรบซามูไรโบราณ มีทั้งหมด 4 ตัว ซึ่งเป็นแบบ 1 แขน 2 ตัว และแบบ 2 แขน 2 ตัว ความสามารถของเจ้าหุ่นยนต์ก็คือ เสิร์ฟอาหาร เต้นรำตามจังหวะเพลง และสามารถแสดงอารมณ์ได้ นอกจากนี้เมื่อลูกค้าทานอาหารหมด และนำจานไปวางในถาดที่เตรียมไว้ เจ้าหุ่นยนต์ก็จะหยิบถาดอาหารที่ใช้แล้วไปวางไว้บนสายพานลำเลียง และระบบสายพานตัวนี้ จะทำหน้าที่นำถาดไปสู่ห้องล้างจานโดยอัตโนมัติ
แม้ว่ากลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรมจะหันมาปรับตัวใช้เทคโนโลยีอย่างหุ่นยนต์กันมากขึ้น แต่อย่างไรแล้วมนุษย์ก็ยังคงสำคัญ เพราะไม่ว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะล้ำหน้าไปเพียงใด แต่การก็ไม่มีทางที่หุ่นยนต์จะมีมันสมองที่ฉลาดเหนือมนุษย์ไปได้
แล้วคนจะไปทำอะไร?
"คน" ก็ต้องผันตัวไปทำหน้าที่อื่นที่เพิ่มศักยภาพ และใช้ความคิดในการสร้างสรรค์พัฒนาสิ่งใหม่ๆแทนยังไงล่ะ เช่น งานที่ต้องใช้การวางแผน งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ ทักษะพิเศษ ซึ่งหากคนไม่ปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยียังทำงานแบบเช้าชาม-เย็นชาม ก็อาจจะโดนหุ่นยนต์มาทำหน้าที่แทนก็เป็นได้ .
ส่องกลุ่มธุรกิจไทยเมื่อ AI กลายเป็นพระเอก
ทำให้ในช่วง 2-3 ปีมานี้ เรามักจะได้ยินกระแสข่าวจากหลายๆด้าน ที่สร้างความหวั่นใจให้กับคนชั้นแรงงาน รวมถึงพนักงานบริษัทหลากหลายอาชีพทำนองที่ว่า "หุ่นย์ยนต์จะมาแย่งงานคน" คำกล่าวนี้ฟังดูก็น่าตกใจ แต่หากวิเคราะห์ขยายความแล้วไม่ใช่เรืองที่น่าวิตกกังวลจนเกินไปนัก เพราะการเข้ามาของเทคโนโลยีหุ่นยนต์นั้น จะมาช่วยมนุษย์ทำงานในด้านภาคบริการที่เป็นคนมากขึ้น เพราะ รวดเร็ว แม่นยำ ผิดพลาดน้อย หรืองานที่ต้องทำครั้งละจำนวนมากๆ ซึ่งเมื่อมีระบบอัตโนมัติอย่างหุ่นยนต์มาทำหน้าที่แทน
ในประเทศไทยก็เริ่มเอาหุ่นยนต์มาใช้กันแล้วนะ
สำหรับประเทศไทยเราจะเห็นว่ามีหลายองค์กร และหลายกลุ่มธุรกิจที่นำเอาหุ่นยนต์ทั้งแบบ Robot และระบบอัตโนมัติมาใช้งาน เราไปดูกันเลยว่ามีที่ไหนบ้าง
1.รพ.มงกุฎวัฒนะ ใช้ “หุ่นยนต์แทนคน” ลดภาระ
โรงพยาบาลมงกุฎแจ้งวัฒนะ ถ.แจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ทดลองใช้หุ่นยนต์ช่วยเดินเอกสารหรือขนของภายในแผนกผู้ป่วยนอก (OPD) เพื่อลดค่าแรงการจ้างพนักงาน ประหยัดเวลา เพิ่มความสะดวกรวดเร็ว แม่นยำ และประสิทธิภาพในการบริการผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งแก้ปัญหาขาดแคลนบุคลากรเนื่องจากจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยหุ่นยนต์นี้ชื่อ “R Robot” เป็นหุ่นยนต์เอจีวี (Automated Guided Vehicles: AGV) ที่สามารถเคลื่อนที่ได้เองโดยไม่ต้องมีคนบังคับ มีระบบควบคุมเส้นทางและขับเคลื่อนด้วยการเหนี่ยวนำของแทบแม่เหล็กที่ติดตั้งเป็นทางภายในอาคาร ปัจจุบันมีทั้งหมด 3 ตัว สูง 150 เซนติเมตร ใส่วิกผมผู้หญิงและชุดพยาบาลสีเหลือง หรือเขียว มีเซนเซอร์ที่จะหยุดเมื่อมีคนเดินผ่าน ซึ่งระยะเวลาที่หยุดในแต่ละสถานีจะแตกต่างกันตามการตั้งโปรแกรม โดยจะประเมินและเตรียมขยายผลในปีหน้า อาจมีการใช้หุ่นยนต์ลำเลียงอาหารไปยังห้องผู้ป่วย, ลำเลียงขยะไปทิ้ง, ช่วยในห้องจัดยาและคลังสินค้า ฯลฯ
2.บริษัททรู คอร์ปปอเรชั่น จำกัด นำหุ่นยนต์มาใช้อำนวยความสะดวกในองค์กร
ในปี 2561 บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด มีหุ่นยนต์ออกมาอีก 2-3 รุ่น ที่ผ่านมาก็มีทั้งหุ่นยนต์ที่ผลิตเองทุกส่วน เพื่อตอบสนองโจทย์เฉพาะอย่าง ที่มาจะมี หุ่นยนต์เสิร์ฟกาแฟ และต่อยอดมาสู่หุ่นยนต์สำรวจภายในอาคาร ที่ติดกล้อง 360 องศา สามารถสแกนออกมาเป็นภาพ 3D ได้ซึ่งกำลังทดสอบการใช้งานจริง ซึ่งตอนนี้ก็มี หุ่นยนต์นาโอะ ที่นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทรูเองได้พัฒนาในส่วนของซอฟแวร์ซึ่งหุ่นยนต์ตัวนี้นำมาใช้ในเชิงธุรกิจ เน้นในเรื่องการพรีเซนเทชั่นแนะนำสินค้า การเดินแฟชั่นโชว์ หรืออย่าง หุ่นยนต์-มินิ เป็นชุดหุ่นยนต์ประกอบฮิวมานอยด์ขนาดเล็ก ที่มีความสามารถโดดเด่นทั้งการเคลื่อนไหวและการแสดงท่าทาง โดยผู้ใช้งานสามารถพัฒนาโปรแกรมเพื่อให้หุ่นยนต์ทำงานอย่างอัตโนมัติหรือควบคุมผ่านโทรศัพท์ ซึ่งจะช่วยให้เด็กไทยสามารถที่จะประกอบหุ่นยนต์ ฝึกการใช้โปรแกรมหุ่นยนต์ ให้ประโยชน์ทางการศึกษา โดยหุ่นยนต์รุ่นนี้มีจำหน่ายอยู่ที่ร้านทรูช้อป และมีจำหน่ายตรงกับสถาบันการศึกษา
3. “บริษัท สลิงชอท กรุ๊ป จำกัด” ผู้นำตลาดด้านการพัฒนาผู้นำและองค์กร
"หุ่นยนต์โซเฟีย" ได้เริ่มถูกใช้งานครั้งแรกเมื่อปี 2015 และเมื่อปี 2017 โซเฟียได้รับสัญชาติจากประเทศซาอุดีอาระเบีย ถือเป็นหุ่นยนต์ตัวแรกของโลกที่มีสัญชาติประเทศใดประเทศหนึ่งรองรับความพิเศษของโซเฟียคือ ถูกออกแบบมาให้สามารถโต้ตอบ แสดงสีหน้า มีความสามารถด้านการทำงานเสมือนมนุษย์มากกว่าหุ่นยนต์อื่นใดในโลกที่เคยมีมาก่อน โดยหุ่นยนต์โซเฟียได้ติดตั้งกระแสไฟฟ้าที่ทำให้หุ่นแสดงสีหน้าและขยับคอได้ 62 รูปแบบ ส่วนผิวหนังทำจากซิลิคอนที่จดสิทธิบัตร มีการติดตั้งกล้องในดวงตาเชื่อมกับการออกแบบอัลกอริธึ่มให้มองเห็นได้ ส่วนการพูดคุยนั้นใช้เทคโนโลยีกูเกิลและเทคโนโลยีอื่น ๆ ให้สามารถจดจำ และพูดได้แบบชาญฉลาด
4.หุ่นยนต์เสริฟอาหาร ที่ร้าน Hajime
โดยแต่งกายในชุดเกราะนักรบซามูไรโบราณ มีทั้งหมด 4 ตัว ซึ่งเป็นแบบ 1 แขน 2 ตัว และแบบ 2 แขน 2 ตัว ความสามารถของเจ้าหุ่นยนต์ก็คือ เสิร์ฟอาหาร เต้นรำตามจังหวะเพลง และสามารถแสดงอารมณ์ได้ นอกจากนี้เมื่อลูกค้าทานอาหารหมด และนำจานไปวางในถาดที่เตรียมไว้ เจ้าหุ่นยนต์ก็จะหยิบถาดอาหารที่ใช้แล้วไปวางไว้บนสายพานลำเลียง และระบบสายพานตัวนี้ จะทำหน้าที่นำถาดไปสู่ห้องล้างจานโดยอัตโนมัติ
แม้ว่ากลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรมจะหันมาปรับตัวใช้เทคโนโลยีอย่างหุ่นยนต์กันมากขึ้น แต่อย่างไรแล้วมนุษย์ก็ยังคงสำคัญ เพราะไม่ว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะล้ำหน้าไปเพียงใด แต่การก็ไม่มีทางที่หุ่นยนต์จะมีมันสมองที่ฉลาดเหนือมนุษย์ไปได้