สวัสดีค่ะ ขออนุญาตตั้งกระทู้ปัญหาชีวิตครอบครัวของน้องสาวเพื่อขอคำแนะนำจากผู้รู้ว่าควรแก้ไข หรือหาวิธียุติปัญหาได้อย่างไร
เมื่อปี 59 น้องสาว (สมมุตว่าชื่อ น้อง A) ได้ตัดสินใจอยู่กินกับแฟนหนุ่มอย่างสามีภรรยากัน (ฝ่ายชายสมมุตชื่อ B) โดย B เคยมีครอบครัวมาก่อนและมีบุตรกับภรรยาเก่า 1 คน (ปัจจุบันทั้งคู่ได้หย่าขาดกันเรียบร้อยแล้ว) ถึงแม้จะหย่ากันแล้ว แต่อดีตภรรยาก็ยังคงส่งข้อความทางไลน์หา B อยู่ ซึ่งส่วนใหญ่คุยเรื่องเงิน
เนื่องจาก B เป็นพ่อที่รักลูกมาก เขาส่งเสียเงินให้ลูกทุกเดือน และหมั่นไปเยี่ยมหาลูกสาวที่โรงเรียนเสมอโดยน้อง A ก็ไปด้วย (ลูกสาวอยู่กับญาติฝ่ายแม่) ทุกครั้งที่ไปหาลูกจะถามเด็กตลอดว่าได้กินนมอิ่มมั้ย ได้ของนั่นนู่นนี่จากเงินที่พ่อส่งให้หรือเปล่า เด็กก็มักตอบว่าไม่ได้อะไร B จึงเปลี่ยนจากการให้เงินทุกสิ้นเดือน เป็นการซื้อนม (หลายแพ็ค), ซื้อของเล่น และซื้อเป็นของใช้ให้แทน (ข้อนี้คุณครูที่โรงเรียนเป็นพยานได้ว่าพ่อซื้อของมาให้จริง)
นอกจากเรื่องส่งเสียซื้อของให้ลูกทุกเดือนแล้ว B มีหน้าที่จ่ายค่าเทอมให้ลูกด้วย ซึ่งน้อง A ไม่มีปัญหากับเรื่องนี้ เพราะเข้าใจความรักระหว่างพ่อและลูก จนกระทั่งวันหนึ่ง ประมาณกลางปี 60 พ่อไปเยี่ยมลูกที่โรงเรียนตามปกติเหมือนที่เคยทำ บังเอิญญาติฝ่ายแม่มาพบเข้า จึงห้ามไม่ให้พ่อมาหาลูก น้อง A รู้สึกโกรธ จึงคุยกับ B ว่าให้ลองงดซื้อของให้ลูกซักเดือน และรอดูว่าเด็กจะได้กินนมหรือได้สิ่งของเหมือนที่พ่อเคยซื้อให้หรือไม่
หลังจากนั้นไม่เกินสองอาทิตย์ทั้ง B และน้อง A ก็แอบไปหาลูกที่โรงเรียนและถามไถ่ว่าได้กินนม หรือได้ของเล่นบ้างมั้ย เป็นไปตามที่คาดคือเด็กไม่ได้อะไรเลย (เด็กบอกว่าญาติข้างแม่ให้เลิกกินนม) ด้วยความสงสารลูก B ก็กลับมาซื้อของให้ลูกเหมือนเดิม
และแล้วปัญหาการฟ้องร้องค่าเลี้ยงดูก็เกิดขึ้น เหตุเกิดจากที่อดีตภรรยามักส่งข้อความมาหา B เพื่อให้ซื้อนั่นซื้อนี่หรือขอเงินให้ลูก และเวลาจบบทสนทนามักพูดพาดพิงถึงน้อง A เสมอ ตัวอย่างเช่น
"แกน่ะ หลง H-e-e มากกว่าห่วงลูกนะ" และมีอีกหลากหลายข้อความที่กระแนะกระแหนและหยาบโลน ซึ่งนางมักส่งมาทำนองนี้ 2 ปีแล้ว ซึ่งน้อง A อดทนมาตลอด (B ให้น้อง A อ่านไลน์ด้วย) จนกระทั่งรู้สึกทนไม่ไหวและนำไปสู่การทะเลาะวิวาท โดยน้อง A เป็นฝ่ายไปทำร้ายนางก่อน และยอมโดนปรับที่ สน. แต่อดีตภรรยาไม่ยอม นางอยากได้ค่าเสียหายเยอะ ๆ จึงฟ้องต่อศาล โดยศาลนัดไปไกล่เกลี่ยวันที่ 7 มิ.ย. 61 นี้
ทั้งนี้และทั้งนั้น น้อง A ไม่ได้ซีเรียสเรื่องการทะเลาะวิวาท แต่คุณอดีตภรรยามีความพาลจะฟ้องเรียกร้องค่าเลี้ยงดูบุตรจาก B เป็นจำนวนเงินถึง หนึ่งล้านสามแสนบาท ซึ่ง B คงไม่สามารถจ่ายให้สูงขนาดนั้นได้ (B ทำงานเกี่ยวกับการไฟฟ้า ใน บริษัทเอกชน เงินเดือนสองหมื่นกว่า) ที่ผ่านมาตั้งแต่แยกทางกัน B ส่งเสียลูกตลอด (มีสลิปต่าง ๆ เป็นหลักฐาน) จะมีก็แต่ช่วงที่ญาติฝ่ายแม่ห้ามไม่ให้พบลูกที่เขาหยุดซื้อของให้ลูกชั่วคราว ....แต่จากนั้นเขาก็ยังซื้อให้ตลอด
จึงอยากสอบถามว่า กรณีเช่นนี้
1. ฝ่ายนั้นที่หย่าขาดจาก B เรียบร้อยแล้วสามารถเรียกร้องค่าเลี้ยงดูบุตรได้ด้วยหรือ? (ปัจจุบันอดีตภรรยาก็มีสามีใหม่แล้ว) เธอกล่าวหาว่า B ไม่สนใจลูก ไม่ดูแล ไม่ส่งเสีย ( B มีสลิปโอนเงินเก็บไว้)
2. B ฟ้องกลับเธอได้หรือไม่ ฐานหมิ่นประมาท หรืออะไรก็แล้วแต่
ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง B ก็ยังจะคงส่งเสียและซื้อของให้ลูกต่อไปทุกเดือน เพียงแต่หวังว่าฝ่ายอดีตภรรยาจะเลิกมายุ่ง และเอากฏหมายมาขู่กับตน และปล่อยให้ตนกับน้อง A อยู่ด้วยกันตามปกติสุข
หากการตั้งกระทู้ครั้งนี้ผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยนะคะ เพราะไม่ค่อยได้มีกระทู้เท่าไร (มีแต่มาอ่าน) และขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำแนะนำค่ะ
แฟนของน้องสาวถูกอดีตภรรยาฟ้องเรียกร้องค่าเลี้ยงดูบุตร ล้านสามแสนบาท....เราฟ้องกลับได้มั้ย?
เมื่อปี 59 น้องสาว (สมมุตว่าชื่อ น้อง A) ได้ตัดสินใจอยู่กินกับแฟนหนุ่มอย่างสามีภรรยากัน (ฝ่ายชายสมมุตชื่อ B) โดย B เคยมีครอบครัวมาก่อนและมีบุตรกับภรรยาเก่า 1 คน (ปัจจุบันทั้งคู่ได้หย่าขาดกันเรียบร้อยแล้ว) ถึงแม้จะหย่ากันแล้ว แต่อดีตภรรยาก็ยังคงส่งข้อความทางไลน์หา B อยู่ ซึ่งส่วนใหญ่คุยเรื่องเงิน
เนื่องจาก B เป็นพ่อที่รักลูกมาก เขาส่งเสียเงินให้ลูกทุกเดือน และหมั่นไปเยี่ยมหาลูกสาวที่โรงเรียนเสมอโดยน้อง A ก็ไปด้วย (ลูกสาวอยู่กับญาติฝ่ายแม่) ทุกครั้งที่ไปหาลูกจะถามเด็กตลอดว่าได้กินนมอิ่มมั้ย ได้ของนั่นนู่นนี่จากเงินที่พ่อส่งให้หรือเปล่า เด็กก็มักตอบว่าไม่ได้อะไร B จึงเปลี่ยนจากการให้เงินทุกสิ้นเดือน เป็นการซื้อนม (หลายแพ็ค), ซื้อของเล่น และซื้อเป็นของใช้ให้แทน (ข้อนี้คุณครูที่โรงเรียนเป็นพยานได้ว่าพ่อซื้อของมาให้จริง)
นอกจากเรื่องส่งเสียซื้อของให้ลูกทุกเดือนแล้ว B มีหน้าที่จ่ายค่าเทอมให้ลูกด้วย ซึ่งน้อง A ไม่มีปัญหากับเรื่องนี้ เพราะเข้าใจความรักระหว่างพ่อและลูก จนกระทั่งวันหนึ่ง ประมาณกลางปี 60 พ่อไปเยี่ยมลูกที่โรงเรียนตามปกติเหมือนที่เคยทำ บังเอิญญาติฝ่ายแม่มาพบเข้า จึงห้ามไม่ให้พ่อมาหาลูก น้อง A รู้สึกโกรธ จึงคุยกับ B ว่าให้ลองงดซื้อของให้ลูกซักเดือน และรอดูว่าเด็กจะได้กินนมหรือได้สิ่งของเหมือนที่พ่อเคยซื้อให้หรือไม่
หลังจากนั้นไม่เกินสองอาทิตย์ทั้ง B และน้อง A ก็แอบไปหาลูกที่โรงเรียนและถามไถ่ว่าได้กินนม หรือได้ของเล่นบ้างมั้ย เป็นไปตามที่คาดคือเด็กไม่ได้อะไรเลย (เด็กบอกว่าญาติข้างแม่ให้เลิกกินนม) ด้วยความสงสารลูก B ก็กลับมาซื้อของให้ลูกเหมือนเดิม
และแล้วปัญหาการฟ้องร้องค่าเลี้ยงดูก็เกิดขึ้น เหตุเกิดจากที่อดีตภรรยามักส่งข้อความมาหา B เพื่อให้ซื้อนั่นซื้อนี่หรือขอเงินให้ลูก และเวลาจบบทสนทนามักพูดพาดพิงถึงน้อง A เสมอ ตัวอย่างเช่น
"แกน่ะ หลง H-e-e มากกว่าห่วงลูกนะ" และมีอีกหลากหลายข้อความที่กระแนะกระแหนและหยาบโลน ซึ่งนางมักส่งมาทำนองนี้ 2 ปีแล้ว ซึ่งน้อง A อดทนมาตลอด (B ให้น้อง A อ่านไลน์ด้วย) จนกระทั่งรู้สึกทนไม่ไหวและนำไปสู่การทะเลาะวิวาท โดยน้อง A เป็นฝ่ายไปทำร้ายนางก่อน และยอมโดนปรับที่ สน. แต่อดีตภรรยาไม่ยอม นางอยากได้ค่าเสียหายเยอะ ๆ จึงฟ้องต่อศาล โดยศาลนัดไปไกล่เกลี่ยวันที่ 7 มิ.ย. 61 นี้
ทั้งนี้และทั้งนั้น น้อง A ไม่ได้ซีเรียสเรื่องการทะเลาะวิวาท แต่คุณอดีตภรรยามีความพาลจะฟ้องเรียกร้องค่าเลี้ยงดูบุตรจาก B เป็นจำนวนเงินถึง หนึ่งล้านสามแสนบาท ซึ่ง B คงไม่สามารถจ่ายให้สูงขนาดนั้นได้ (B ทำงานเกี่ยวกับการไฟฟ้า ใน บริษัทเอกชน เงินเดือนสองหมื่นกว่า) ที่ผ่านมาตั้งแต่แยกทางกัน B ส่งเสียลูกตลอด (มีสลิปต่าง ๆ เป็นหลักฐาน) จะมีก็แต่ช่วงที่ญาติฝ่ายแม่ห้ามไม่ให้พบลูกที่เขาหยุดซื้อของให้ลูกชั่วคราว ....แต่จากนั้นเขาก็ยังซื้อให้ตลอด
จึงอยากสอบถามว่า กรณีเช่นนี้
1. ฝ่ายนั้นที่หย่าขาดจาก B เรียบร้อยแล้วสามารถเรียกร้องค่าเลี้ยงดูบุตรได้ด้วยหรือ? (ปัจจุบันอดีตภรรยาก็มีสามีใหม่แล้ว) เธอกล่าวหาว่า B ไม่สนใจลูก ไม่ดูแล ไม่ส่งเสีย ( B มีสลิปโอนเงินเก็บไว้)
2. B ฟ้องกลับเธอได้หรือไม่ ฐานหมิ่นประมาท หรืออะไรก็แล้วแต่
ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง B ก็ยังจะคงส่งเสียและซื้อของให้ลูกต่อไปทุกเดือน เพียงแต่หวังว่าฝ่ายอดีตภรรยาจะเลิกมายุ่ง และเอากฏหมายมาขู่กับตน และปล่อยให้ตนกับน้อง A อยู่ด้วยกันตามปกติสุข
หากการตั้งกระทู้ครั้งนี้ผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยนะคะ เพราะไม่ค่อยได้มีกระทู้เท่าไร (มีแต่มาอ่าน) และขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำแนะนำค่ะ