จบลงเป็นที่เรียบร้อย สำหรับเกมอุ่นเครื่องแห่งศักดิ์ศรี โดย ทีมชาติไทย สู้เต็มที่ ก่อนเปิดบ้านพ่าย จีน 0-2 นอกจาก ประด็นของ ศศลักษณ์ ไหประโคน ที่ได้โอกาสประเดิมสนาม ภายใต้ธงชุดใหญ่ ครั้งแรกแล้ว ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจ นั่นคือ สารัช อยู่เย็น ที่ร่วมงานกับ มิโลวาน ราเยวัช ครั้งแรก และ ได้กลับมาลงสนาม ให้ทีมชาติไทยในรอบ 2 ปี
มิดฟิลด์วัย 26 ปี ลงสนามให้ ช้างศึก ในเกมล่าสุด ต้องย้อนกลับไป ในปี 2016 ในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ที่เปิดบ้านเสมอ ออสเตรเลีย 2-2 ก่อนเผชิญอาการบาดเจ็บ จนหายหน้าไปนาน - มาวันนี้ เจ้าตัว รู้สึกอย่างไร ที่ได้กลับมาลงสนามอีกครั้ง ท่ามกลางแฟนบอล กว่า 23,000 คน ติดตามได้ที่นี่
ช้างศึก : เป็นยังไงบ้างกับเกมที่แพ้ จีน 0-2
สารัช : ก็โอเคครับ มันอาจจะแพ้ แต่เราก็ได้เห็นข้อบกพร่อง ที่ต้องแก้ไข ก่อนจะเล่น 2 รายการสำคัญ (เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ และ เอเชียนคัพ รอบสุดท้าย)
ช้างศึก : การกลับมาลงสนามให้ ทีมชาติไทย ในรอบ 2 ปีหละ ?
สารัช “ก็ดีครับ แต่รวมๆ มันก็ยังต้องปรับตัว กับ แท็คติค ที่โค้ชต้องการ ก็หวังว่า ถ้ามีโอกาสอีก จะพยายามเรียนรู้ให้ได้มากกว่านี้ครับ
ช้างศึก : บรรยากาศแฟนๆ ยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิมหรือเปล่า ?
สารัช : ก็เหมือนเดิมครับ บรรยากาศยังยอดเยี่ยม ทุกคนก็ยังเข้ามาสนับสนุน ก็ถือว่าเยอะนะครับ กับแมตซ์อุ่นเครื่อง ที่เข้ามา 20,000 กว่าคน ขอบคุณทุกคนจริงๆครับ อีกอย่างฝนตกด้วยระหว่างเกม”
ช้างศึก : ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาซ้อม จนถึงตอนนี้ คิดว่าตัวเองปรับตัวเข้ากับ แท็คติคของโค้ช มิโล ได้ดีแค่ไหนแล้ว ถ้าเต็ม 10 ให้ตัวเองเท่าไหร่ ?
สารัช : ได้ซักประมาณ 7-8 ครับ คิดว่าตัวเองต้องใช้เวลาอยู่กับทีมให้นานกว่านี้ ก่อนที่จะเล่น 2 รายการสำคัญข้างหน้า ซึ่งทุกคนมีจุดที่ต้องแก้ไข และต้องทำไปด้วยกัน ทั้งสตาฟฟ์โค้ช , นักเตะ รวมถึง ทีมงานทุกๆคน
ช้างศึก : เบื้องต้นพอใจฟอร์มส่วนตัวมั้ย กับโอกาส 45 นาทีช่วงครึ่งหลัง
สารัช : ไม่คอยพอใจเท่าไหร่ครับ เสียบอลประมาณ 3-4 ลูก แต่จริงๆสภาพสนามก็ไม่ค่อยดีด้วย ฝนตกลงมา ทำให้เล่นยาก ยังมีหลายสิ่งที่ต้องพัฒนา และ ปรับปรุงอยู่เรื่อยๆอยู่แล้ว”
ช้างศึก : มองโอกาสของตัวเองจากนี้อย่างไร จากก่อนหน้านี้ที่เป็นตัวหลัก แต่ตอนนี้อาจจะไม่ใช่แล้ว ต้องทำงานหนักมากขึ้นมั้ย ?
สารัช : ผมว่ามันอยู่ที่แท็คติคของโค้ชด้วย อีกอย่างผมเพิ่งหายเจ็บกลับมา เรื่องทำงานหนัก ผมทำทุกวันอยู่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างต้องแข่งขันกัน เป็นธรรมดาครับ”
อนาคตข้างหน้าก็ไม่รู้จะมีโอกาสอีกมั้ย แต่ส่วนตัวจะพยายามทำงานหนักเรื่อยๆครับ ผลงานจะเป็นอย่างไร ก็อยู่ที่โค้ชตัดสิน”
Credit:
ช้างศึก 
เปิดใจ สารัช หลังคัมแบ็กช้างศึกในรอบสองปี!
มิดฟิลด์วัย 26 ปี ลงสนามให้ ช้างศึก ในเกมล่าสุด ต้องย้อนกลับไป ในปี 2016 ในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ที่เปิดบ้านเสมอ ออสเตรเลีย 2-2 ก่อนเผชิญอาการบาดเจ็บ จนหายหน้าไปนาน - มาวันนี้ เจ้าตัว รู้สึกอย่างไร ที่ได้กลับมาลงสนามอีกครั้ง ท่ามกลางแฟนบอล กว่า 23,000 คน ติดตามได้ที่นี่
ช้างศึก : เป็นยังไงบ้างกับเกมที่แพ้ จีน 0-2
สารัช : ก็โอเคครับ มันอาจจะแพ้ แต่เราก็ได้เห็นข้อบกพร่อง ที่ต้องแก้ไข ก่อนจะเล่น 2 รายการสำคัญ (เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ และ เอเชียนคัพ รอบสุดท้าย)
ช้างศึก : การกลับมาลงสนามให้ ทีมชาติไทย ในรอบ 2 ปีหละ ?
สารัช “ก็ดีครับ แต่รวมๆ มันก็ยังต้องปรับตัว กับ แท็คติค ที่โค้ชต้องการ ก็หวังว่า ถ้ามีโอกาสอีก จะพยายามเรียนรู้ให้ได้มากกว่านี้ครับ
ช้างศึก : บรรยากาศแฟนๆ ยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิมหรือเปล่า ?
สารัช : ก็เหมือนเดิมครับ บรรยากาศยังยอดเยี่ยม ทุกคนก็ยังเข้ามาสนับสนุน ก็ถือว่าเยอะนะครับ กับแมตซ์อุ่นเครื่อง ที่เข้ามา 20,000 กว่าคน ขอบคุณทุกคนจริงๆครับ อีกอย่างฝนตกด้วยระหว่างเกม”
ช้างศึก : ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาซ้อม จนถึงตอนนี้ คิดว่าตัวเองปรับตัวเข้ากับ แท็คติคของโค้ช มิโล ได้ดีแค่ไหนแล้ว ถ้าเต็ม 10 ให้ตัวเองเท่าไหร่ ?
สารัช : ได้ซักประมาณ 7-8 ครับ คิดว่าตัวเองต้องใช้เวลาอยู่กับทีมให้นานกว่านี้ ก่อนที่จะเล่น 2 รายการสำคัญข้างหน้า ซึ่งทุกคนมีจุดที่ต้องแก้ไข และต้องทำไปด้วยกัน ทั้งสตาฟฟ์โค้ช , นักเตะ รวมถึง ทีมงานทุกๆคน
ช้างศึก : เบื้องต้นพอใจฟอร์มส่วนตัวมั้ย กับโอกาส 45 นาทีช่วงครึ่งหลัง
สารัช : ไม่คอยพอใจเท่าไหร่ครับ เสียบอลประมาณ 3-4 ลูก แต่จริงๆสภาพสนามก็ไม่ค่อยดีด้วย ฝนตกลงมา ทำให้เล่นยาก ยังมีหลายสิ่งที่ต้องพัฒนา และ ปรับปรุงอยู่เรื่อยๆอยู่แล้ว”
ช้างศึก : มองโอกาสของตัวเองจากนี้อย่างไร จากก่อนหน้านี้ที่เป็นตัวหลัก แต่ตอนนี้อาจจะไม่ใช่แล้ว ต้องทำงานหนักมากขึ้นมั้ย ?
สารัช : ผมว่ามันอยู่ที่แท็คติคของโค้ชด้วย อีกอย่างผมเพิ่งหายเจ็บกลับมา เรื่องทำงานหนัก ผมทำทุกวันอยู่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างต้องแข่งขันกัน เป็นธรรมดาครับ”
อนาคตข้างหน้าก็ไม่รู้จะมีโอกาสอีกมั้ย แต่ส่วนตัวจะพยายามทำงานหนักเรื่อยๆครับ ผลงานจะเป็นอย่างไร ก็อยู่ที่โค้ชตัดสิน”
Credit: ช้างศึก