เพิ่งจะได้มีโอกาสดู ภาพยนตร์จากฝรั่งเศส เสียงในฟิลม์ ซับไทย (ไม่แน่ใจว่ามีซับอังกฤษ ประกบไว้หรือเปล่า เพราะเวลาดูแทบไม่อ่านซับเลย) ที่ โรงภาพยนตร์ที่ยังไม่เคยย่างกรายไปเรยส์อย่าง CineArt EmQuartier รอบ 19.00 น บัตรราคา 100 บาท (เอง)
ที่บัตรราคาถูกขนาดนี้ จนแทบทำให้คนดูเต็มโรง (ไม่ค่อยเห็นคนดูเต็มโรงมานานแล้ว เพราะมักจะดูหนังนอกกระแส แถุวสยาม และรอบที่ไม่คนยังไม่เลิกงาน) เพราะเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล La Fête ที่ได้รับการสนับสนุนจาก สมาคมฝรั่งเศส และสถานทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย (หากจำไม่ผิด)
ขอให้คะแนสัก 4 จาก 5 ดาว ก็แล้วกัน
หนังเป็นแนวพีเรียด ย้อนยุคไปช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 1 เปิดฉากโดยการเล่าเรื่องย้อน แนว flashback ของตัวละครสำคัญตัวหนึ่ง ถึงความสัมพันธ์กับตัวละครตัวเอก ที่ต้องสูญเสียอวัยวะสำคัญบนใบหน้าไป จุดนี้แหละคือจุดสำคัญของเรื่องที่ทำให้เกิดพัฒนาการ จนกระทั่งถึงจุดคลี่คลายของหนัง
คิดว่าจะไม่เล่ารายละเอียดตรงนี้นะครับ เพราะเดี่ยวจะหาว่าสปอยล์หนัง อยากให้คนที่ชอบหนังพี่เรียด เพลงเพราะ ฉากสวยอลังการ ไปติดตามชมกันในโรงนะครับ
ที่ชอบใจ ถูกใจ โดนใจ ประทับใจ ไม่ใช่แค่ เพลงเพราะ ฉากสวย พระเอกหล่อ นางเอกสวย (หรือเปล่าไม่แน่ใจ)
แต่เป็นเรื่องราวของความสัมพันธ์ระหว่างพ่อ-ลูก ที่มีปัญหา เป็นรอยร้าวที่ยากจะประสาน คงต้องดูจนจบว่า รอยร้าวฉานนี้จะประสานคืนให้เหมือนเดิมได้หรือเปล่า แต่หนังสะท้อนปมเชิงจิตวิทยาของเด็กชายสามัญ ที่ไม่ค่อยจะคลี่คลาย อย่างในตัวเอกฝ่ายชายของเรื่อง คือ Edouard ที่มีความเกลียดชังบิดาของตนอย่างฝังจิตฝังใจ หลังจากมารดาได้เสียชีวิต และความไม่เข้าใจของฝ่ายบิดาในความสามารถของบุตรตน หนังได้ถ่ายทอดที่มาที่ไป พัฒนาการ และการคลี่คลาย ของความสัมพันธ์อันมีปมนี้ ได้กระชับ รัดกุมดี ไม่เยิ่นเย้อ ส่วนที่ไม่เยิ่นเย้ออย่างไร คงยังไม่กล้าขยายความตอนนี้ ไว้ให้ผู้ที่ดูมาแล้ว มาแลกเปลี่ยนกันดีกว่า
ที่ชอบใจอีกอย่างคือ การใช้หน้ากาก ของตัวละครเอกอย่าง เอดัวอารด์ ในการถ่ายทอดอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ของตนแทนเสียง โดยเฉพาะหน้ากากสุดท้ายที่เขาสวมใส่ มันมีนัยยะบางอย่างแฝงอยู่ให้ผู้ชมตีความได้พอสมควร
และอีกประการหนึ่ง (ที่ยังมิใช่ประการสุดท้ายคือ) การตีแผ่ จิกกัด สังคมฝรั่งเศสในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ที่เข้าสู่ยุค Jazz Age / Les années folles ซึ่งเป็นยุคที่ฝรั่งเศส มีทั้งความรุ่งเรืองทั้งด้านศิลปะวัฒนธรรม มั่งคั่งทางเศรษฐกิจ และอื่นๆในหลายๆด้าน แต่สังคมก็ยังมีความเหลื่อมล้ำ คนรวยๆ สุดฟ้า มีอำนาจมากล้น และมีอิทธิพลเหนือนักการเมือง (เหมือนประเทศแถวๆนี้) คนที่ไม่ค่อยจะรู้จักฝรั่งเศสในยุคนี้ พอมาชมหนัง ก็พอจะรับรู้คล้อยตามได้ไม่ยาก
ส่วนประเด็นอื่นๆ ไว้รอให้ผู้ชมท่านอื่น มาต่อยอด พูดคุย ซักถาม แลกเปลี่ยน กัน ก็แล้วกันนะครับ
Au revoir là-haut/ See You Up There หนังจากเมืองน้ำหอม ที่มีอะไรดีมากกว่า แค่ เรื่องเล่า เอามัน
ที่บัตรราคาถูกขนาดนี้ จนแทบทำให้คนดูเต็มโรง (ไม่ค่อยเห็นคนดูเต็มโรงมานานแล้ว เพราะมักจะดูหนังนอกกระแส แถุวสยาม และรอบที่ไม่คนยังไม่เลิกงาน) เพราะเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล La Fête ที่ได้รับการสนับสนุนจาก สมาคมฝรั่งเศส และสถานทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย (หากจำไม่ผิด)
ขอให้คะแนสัก 4 จาก 5 ดาว ก็แล้วกัน
หนังเป็นแนวพีเรียด ย้อนยุคไปช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 1 เปิดฉากโดยการเล่าเรื่องย้อน แนว flashback ของตัวละครสำคัญตัวหนึ่ง ถึงความสัมพันธ์กับตัวละครตัวเอก ที่ต้องสูญเสียอวัยวะสำคัญบนใบหน้าไป จุดนี้แหละคือจุดสำคัญของเรื่องที่ทำให้เกิดพัฒนาการ จนกระทั่งถึงจุดคลี่คลายของหนัง
คิดว่าจะไม่เล่ารายละเอียดตรงนี้นะครับ เพราะเดี่ยวจะหาว่าสปอยล์หนัง อยากให้คนที่ชอบหนังพี่เรียด เพลงเพราะ ฉากสวยอลังการ ไปติดตามชมกันในโรงนะครับ
ที่ชอบใจ ถูกใจ โดนใจ ประทับใจ ไม่ใช่แค่ เพลงเพราะ ฉากสวย พระเอกหล่อ นางเอกสวย (หรือเปล่าไม่แน่ใจ)
แต่เป็นเรื่องราวของความสัมพันธ์ระหว่างพ่อ-ลูก ที่มีปัญหา เป็นรอยร้าวที่ยากจะประสาน คงต้องดูจนจบว่า รอยร้าวฉานนี้จะประสานคืนให้เหมือนเดิมได้หรือเปล่า แต่หนังสะท้อนปมเชิงจิตวิทยาของเด็กชายสามัญ ที่ไม่ค่อยจะคลี่คลาย อย่างในตัวเอกฝ่ายชายของเรื่อง คือ Edouard ที่มีความเกลียดชังบิดาของตนอย่างฝังจิตฝังใจ หลังจากมารดาได้เสียชีวิต และความไม่เข้าใจของฝ่ายบิดาในความสามารถของบุตรตน หนังได้ถ่ายทอดที่มาที่ไป พัฒนาการ และการคลี่คลาย ของความสัมพันธ์อันมีปมนี้ ได้กระชับ รัดกุมดี ไม่เยิ่นเย้อ ส่วนที่ไม่เยิ่นเย้ออย่างไร คงยังไม่กล้าขยายความตอนนี้ ไว้ให้ผู้ที่ดูมาแล้ว มาแลกเปลี่ยนกันดีกว่า
ที่ชอบใจอีกอย่างคือ การใช้หน้ากาก ของตัวละครเอกอย่าง เอดัวอารด์ ในการถ่ายทอดอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ของตนแทนเสียง โดยเฉพาะหน้ากากสุดท้ายที่เขาสวมใส่ มันมีนัยยะบางอย่างแฝงอยู่ให้ผู้ชมตีความได้พอสมควร
และอีกประการหนึ่ง (ที่ยังมิใช่ประการสุดท้ายคือ) การตีแผ่ จิกกัด สังคมฝรั่งเศสในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ที่เข้าสู่ยุค Jazz Age / Les années folles ซึ่งเป็นยุคที่ฝรั่งเศส มีทั้งความรุ่งเรืองทั้งด้านศิลปะวัฒนธรรม มั่งคั่งทางเศรษฐกิจ และอื่นๆในหลายๆด้าน แต่สังคมก็ยังมีความเหลื่อมล้ำ คนรวยๆ สุดฟ้า มีอำนาจมากล้น และมีอิทธิพลเหนือนักการเมือง (เหมือนประเทศแถวๆนี้) คนที่ไม่ค่อยจะรู้จักฝรั่งเศสในยุคนี้ พอมาชมหนัง ก็พอจะรับรู้คล้อยตามได้ไม่ยาก
ส่วนประเด็นอื่นๆ ไว้รอให้ผู้ชมท่านอื่น มาต่อยอด พูดคุย ซักถาม แลกเปลี่ยน กัน ก็แล้วกันนะครับ