เผอิญไปเจอกระทู้สาวโดนผช.เคล้มตอนเมามา(ซึ่งไม่รู้ว่าเรื่องแต่งรึเปล่านะ5555)
ไอ้ตัวผมเองก็เคยมีประสบการณ์เรื่องประมาณนี้มาอ่ะนะ ซึ่งก็จบไม่สวยเท่าไหร่นัก ผมเลยอยากแบ่งบันมาเล่าให้อ่านกัน
เมื่อสี่ปีกว่าๆก่อนหน้านี้ฮะ ตอนนั้นผมก็อายุ36 ผมจกตากับแม่ของลูก เลยแยกกันอยู่ โดยแม่ของลูกเค้าอยู่ต่างจังหวัด ส่วนผมกลับมากทม.มาอยู่บ้านญาติของตัวเอง ที่บ้านผมเค้าทำห้องเช่าด้วย คือบ้านผมก็ไม่ได้รวยอะไรนะ ท่านบิดาผมเนี้ย ไม่มีต้นทุนหรือช่วยเหลือผมทางการเงินได้เลย ที่บ้านก็เป็นทรัพย์สินของทางอาล้วนๆ ตัวผมก็มาอาศัยในส่วนของห้องที่อาเค้าสร้างไว้แบ่งให้เช่า ที่บ้านผม ญาติพี่น้องไม่ค่อยสามัคคีกันเท่าไหร่นัก มีแต่เรื่องวุ่นวายเลยต่างคนต่างอยู่ ทั้งๆบ้านก็ใหญ่โตพอสมควร ตัวผมก็ไม่อยากไปแจมเรื่องวุ่นวายของญาติๆ เลยมาอยู่ห้องเช่าแทน สรุปง่ายๆคือ แม้ผมจะกลับมาอาศัยที่บ้าน ก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียว
ลงมากทม.ได้ซักพัก ผมก็ได้งานทำที่โรงแรมเปิดใหม่แห่งหนึ่ง โรงแรมยังไม่เสร็จดีนัก แต่ทางโรงแรมเขารับพนักงานเข้ามา stand by ก่อนล่วงหน้า ก่อนโรงแรมเปิด งานการที่ทำกันวันๆ ก็ไม่ค่อยมีอะไรมากนัก ตำแหน่งหน้าที่ของผม ก็รองมาจากหัวหน้ากุ๊ก(ผมทำงานครัว) ซึ่งก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากนักเพราะงานโดยรวมยังไม่แบ่งหน้าที่กันชัดเจน คนดูแลโรงแรมใหญ่สุดตอนนั้นเป็นรักษาการGM เอานามสมมุติคือ”พี่นาง”ละกัน
พี่นางเป็นสาวใหญ่วัย40 แกสวยและดูดีกว่าผู้หญิงวัยเดียวกันพอสมควร หน้าตาแกไม่เท่าไหร่ฮะ ไม่ขี้เหล่แต่ก็ไม่ใช่คนสวยอะไรมากนัก แต่จุดโฟกัสของแกคือ แกหุ่นดีขายาว(สูงประมาณ170) มีอกมีสะโพกเพียบบบ…แบบที่ว่าสาวๆยังอาย แถมผิวขาว(น้องๆหลอดไฟนีออนเลย) เรียกได้ว่าเป็นที่สะดุดตามากมาย รวมทั้งสะดุดตาผมอย่างมากกกก 5555
งานการที่เราทำกัน ส่วนใหญ่พอตกบ่ายก็จะไม่มีอะไรทำกันแล้ว พนักงานที่มีอยู่ประมาณเกือบ20คน จะมากองรวมกัน บางทีถ้ามีงานอะไรพอช่วยเหลือกันได้ เราจะเฮโลตามไปทำด้วยกันเป็นขบวน เสร็จจากนั้นก็จะมีหยอกล้อเล่นกันบ้างล่ะฮะ ตามประสาคนว่างงาน มันเลยค่อนข้างจะใกล้ชิดสนิทกัน ผมเองจะเป็นแบบว่าชอบล้อ ชอบอำแกล้งลูกน้องตัวเองหยอกมันเล่นมันเกือบทั้งวัน เพราะเผอิญได้ลูกน้องเก่าติดตามมาร่วมงานด้วย เลยมีแก็งค์ ตัวผมมันเหมือนเป็นหัวโจก เสียงผมมันก็ดังด้วย เลยกลายเป็นจุดสนใจของคนรอบข้างตลอด ยิ่งเรื่องสาวๆเนี้ย ผมนี้ตัวหน้าม่อเลยนะทั้งแซวทั้งแหย่ ช่วงเวลานั้นผมมันก็เหงาเนาะ อยู่ตัวคนเดียว มาทำงานเลยได้เล่นได้แหย่ พอหายเหงาไปวันๆ (แต่ถ้าหลุดมา ตรูก็เอานะ 5555)
ส่วนพี่นาง แกก็จะชอบมาแขวะมาแซว มาแจมมุขผมบ่อยๆ จนบางทีผมแปลกใจว่าแกทำไม กล้าเล่นด้วย แต่ผมก็พยายามจะไม่คิดอะไรกับแกมากมายนะ ด้วยความที่แกตำแหน่งสูงกว่ามาก ไอ้ตัวผมเองก็ไม่ใช่คนหน้าตาดีอะไร แถมค่อนข้างจนด้วย 55555 จะมีแอบมองแกไกลๆ(ซี่งแกก็น่าจะรู้)แอบแซวหรือหยอกแกบ้างนิดๆหน่อย ตามสถานการณ์จะอำนวย เพราะลึกๆผมชอบผู้หญิงแบบแกนะ ทั้งด้วยรูปลักษ์ทางกายภาพของแก และนิสัยใจคอ คุยง่ายยิ้มเก่ง รวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน
……ย่างเข้าเดือนที่4 ที่ผมทำงานมา ผมเริ่มมีเงินแหล่ะ เลยซื้อมือถือหัดเล่นLine เพราะที่ทำงานผมเค้าใช้ไลน์คุยงานกันด้วย ผมทักแชทพี่นางไปบ้างพอสมควร แกก็คุยดีนะ เราสองคนคุยกันแบบส่วนตัวบ่อยๆ ยิ่งช่วงวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ที่ลูกแกไปนอนบ้านพ่อ (แกแยกกันอยู่กับสามี) พี่นางจะโทรไลน์หาผมบ่อยมาก คุยเล่นกันคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันและคุยกันเรื่องครอบครัวแกด้วย จนเย็นวันหนึ่งแกเรียกให้ผมไปหาแกที่บ้านแกหน่อย พี่นางบอกว่าจะเลี้ยงเหล้าผม ในฐานะที่ช่วยงานแก ซึ่งพี่นางก็บอกกับผมว่าแกอยู่คนเดียว……………………………….
….
….
….
….
พอไปถึงบ้านพี่นาง แกก็เลี้ยงเหล้าผม และแกก็อยู่คนเดียวจริงๆด้วยล่ะ
….
….
….
….
….
….
เหตุการณ์เย็นวันนั้น คงไม่ต้องเล่านะฮะ ผู้อ่านก็น่าจะทราบสันดานของผมอยู่แล้วช่ายมะ 5555 ก็เป็นตามที่ท่านคิดละครับพ้ม
หลังจากวันนั้น ที่พี่นางเลี้ยงเหล้าผม เราสองคนก็แอบไปมาหาสู่กันอยู่เนื่องๆ คือแกบอกว่าเลิกกับสามีแล้วนะ แยกกันอยู่ แค่ยังไม่ได้หย่ากันเท่านั้นเอง แกยังไม่อยากให้ลูกรู้ว่าเลิกกัน แล้วแม่มีคนใหม่ ซึ่งผมก็ยอมรับนะ
แต่…………..
กลายมาเป็นผมเองที่จะหลุดออกอาการมันอยู่เรื่อย เหตุเพราะ ทำงานมาได้สักพัก ที่ทำงานผมเริ่มมีปัญหาแบ่งพักแบ่งพวกกัน ลูกน้องผมแต่ละคน แม่มมมก็เละเทะกันจนกระทบมาถึงผม ตัวผมเองก็เริ่มโดนหัวหน้างานเขม่น(สาเหตุหนึ่งคือเกิดจากการที่ผมเริ่มมาสนิทกับพี่นาง) ถึงขั้นหัวหน้างานผมมาเอ่ยปากกับผมว่า อยากให้ผมลาออก แล้วจะหางานที่ใหม่ให้
……….ความกดดันที่ผมเจอ
ทำให้ผมยิ่งอยากใกล้ชิดพี่นางมากขึ้น ยอมรับตรงๆเลยฮะ ความคิดผมในตอนนั้นคือในเมื่อกิ๊กตรูตำแหน่งใหญ่สุด ตรูจะไปกลัวอัลไลวะ แต่มันก็ไม่จบ ยิ่งมีข่าวลือว่าผมกับพี่นางมามากขึ้นเท่าไหร่ หัวหน้างานผมและแก็งค์ยิ่งเล่นผมหนักขึ้น จนลามไปถึงพี่นางด้วย จนสุดท้ายผมตัดสินใจลาออกเองเลย เพราะกลัวว่าปัญหาของผมจะทำให้พี่นางเดือดร้อนไปด้วย และแกคงจะไปจากผม
พอผมออกจากงานมาได้งานที่ใหม่ ความสัมพันธ์ของผมและพี่นางดีขึ้นกว่าเดิมเยอะ สุดท้ายกลายมาเป็นผมที่รักพี่นางจริงๆ จังๆ ตอนได้กันแรกๆ ขอยอมรับอย่างลูกผู้ชายเลยว่า ไม่ได้หวังเลยว่าจะได้แกเป็นแฟน คิดว่าฟลุ๊คด้วยซ้ำที่แกมายอม ….อีกอย่างก็หวังพึ่งแกเรื่องงาน คือไม่ได้คิดว่าจะมาคบกันเป็นปี ไปมาหาสู่กันเป็นเรื่องเป็นราว เพราะผมเองก็แตกต่างกับแกมาก ทั้งฐานะ ทั้งการศึกษา ความเป็นอยู่ อีกทั้งพอคบกันไป เนื่องด้วยความรู้ความคิดความอ่านที่แกมี ช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้ผมมากมาย พูดง่ายๆ คือตั้งแต่เริ่มคบกัน ผมฉลาดขึ้นกว่าเดิมพอสมควรเลยนะ 5555
จนมาปีที่สอง ที่คบกัน พี่นางเริ่มเปิดเผยเรื่องที่ผมไม่เคยรู้ มาที่ละเรื่องทีละเรื่อง เรื่องแรกคือตัวแกมีผช.มาติดพันอยู่ก่อนหน้าที่จะมาคบกับผม(ไม่ใช่แค่คนเดียว) อีกทั้งเรื่องของกิ๊กเก่า ที่พี่นางแอบคบมาตั้งแต่เรียนมหาลัย แอบคบกันมาเรื่อยๆจนแกแต่งงาน แอบคบกันมาเรื่อยๆ จนลูกแกโต จำนวน1คน ………
……
……
……
รวมถึงปัญหาใหญ่ของทางบ้านแก คือทางบ้านติดหนี้ก้อนโตหลักล้านอยู่ ซึ่งเป็นหนี้นอกระบบ คือทางบ้านแกไปกู้เค้ามา กะเอามาปล่อยกู้กินดอก แต่โดนโกงไป ทางบ้านแกตอนนี้ ทั้งคิดหนี้ก้อนโต ทั้งต้องส่งไฟแนนซ์ ในเดือนๆนึง พี่นางต้องส่งเงินไปช่วยทางบ้าน เกือบเท่าเงินเดือนแกเลย
……
……
……
หันมามองตัวผมที่คบกับแกอยู่ ณ ปัจจุบัน เงินเก็บก็ไม่มี ทางบ้านก็ไม่ได้รวย เป็นคนเงินเดือนแค่หมื่นต้นๆ ใช้เดือนชนเดือน จะไปช่วยแกยังไงได้
……
……
……
……
พี่นาง แกก็ย้ำกับผมอยู่เรื่อยๆนะ ว่าที่เล่าปัญหาให้ฟังน่ะ ไม่ได้อยากให้เธอมาช่วยหรอก แค่อยากได้ที่ระบายเท่านั้นเอง แต่เวลานั้น ผมบอกตรงๆนะ ว่าถ้าตรูปล้นใครแล้วได้เงินซักล้านนึง ตรูทำไปแล้ว ….. คือคนที่เรารักน่ะ เค้ามีปัญหา เค้าทุกข์ใจ เราอาจจะฟังได้ แต่เราจะห้ามใจไม่ให้คิดอยากช่วย มันจะทำกันได้ง่ายๆเชียวรึ
…...
……
……
……
……
สุดท้ายย่างเข้าปีที่สาม ผมเปลี่ยนงานไป3-4ที่ เพราะหวังว่าจะหางานเงินเดือนที่มันเยอะมากกว่าเดิม เพื่อหวังจะมาช่วยเหลือพี่นางบ้าง เพราะผมรักแกจริงๆแล้ว ความรู้สึกของผมไม่เหมือนวันที่ขี่รถไปบ้านแกวันแรก ที่หวังแค่มีเหล้าฟรีให้กิน แถมมีหญิงให้XXX …….แค่นั้น
แต่อะไรมันก็ไม่ทันแล้ว พี่นางมาเล่นให้ผมฟังว่า แกได้ยืมเงินจากผช.ที่เคยมาติดพันแกมาหมื่นนึง เพื่อส่งให้ทางบ้าน เวลาผ่านไปสามเดือนต่อมา แกมาเล่าให้ฟังอีกว่า ตอนนี้ยืมเงินจากผู้ชายคนนั้น มาอีกก้อน ……ซึ่งเข้าหลักแสนบาทแล้ว
…..
…..
ถัดจากนั้น พี่นางมาเล่าให้ผมฟังอีกว่า มีเสี่ยคนนึง ที่เป็นญาติห่างๆของลูกน้องที่ทำงาน เอาไอโฟน7พลัสมาให้แก พี่นางบอกกับผมว่า แกไม่อยากใช้วงเงินในบัตรเลยให้เสี่ยคนนั้นรูดให้แทน พี่นางก็ผ่อนใช้เสี่ยคนนั้นเป็นรายเดือนไป
…...
……
……
……
……
ผมเอง ตั้งแต่ไปมาหาสู่กับพี่นางถี่ๆเหมือนเดิมไม่ได้ ช่วงเวลานั้นผมเริ่มมีอาการไม่อยากอยู่ห้อง เริ่มหาเพื่อนฝูงแทนในเวลาที่ไปหาพี่นางไม่ได้ ไอ้บรรดาเพื่อนผมแต่ละคนอ่ะนะ มันก็คอเหล้าทั้งนั้นเนาะ พอพี่นางรู้เข้า ผมเลยโดนด่า ซึ่งผมตอบพี่นางไปว่า จะให้ผมนั่งคุยกับกำแพงห้องทุกวันหยุด ผมทำมันไม่ได้นะ ………….
พี่นางก็ยิ่งห่างผมขึ้นไปเรื่อยๆ ส่วนอาการผมก็หนักขึ้นเรื่อยๆเหมือนกัน (55555) เริ่มไม่อยากอยู่ห้อง,เมามันแทบทุกวันไม่งั้นนอนไม่หลับ,ออกเที่ยวกลางคืน,บวกกับตอนนั้นผมได้เริ่มงานที่ใหม่(อีกแล้ววว) ก็เจอปัญหาแบบเดิมๆล่ะฮะ แต่ไม่กล้าเปลี่ยนงานอีกแล้ว เพราะกลัวโดนแฟนทิ้ง เลยต้องอดทน จะโดนเจ้านายด่า โดนเพื่อนร่วมงานกดดันยังไง ผมก็ต้องทน วันๆเจอแต่คนด่าคนว่า ไอ้ครั้นจะไปหาแฟน แฟนก็มีแต่ปัญหา ไปเจอแต่หน้าบี้งๆ เวลานั้นเหมือนโลกมันไม่มีความสุขเลยซักนิด วันๆผมเจอแต่คนที่เค้าไม่พอใจในความเป็นตัวตนของผม ผมโหยหาความรักความเมตตาแมร่งงงไปทั่ว จนคิดว่าตัวเองจะเป็นโรคซึมเศร้าด้วยซ้ำ
ผมก็ได้เหล้ากับเพื่อนเที่ยวเนี้ยล่ะฮะ มาแบ่งบันความทุกข์ จนพี่นางโทรมาขอให้ผมเลิกคบกับแก วันนั้นที่แกโทรมา เป็นวันที่26 สิงหา ก่อนครบรอบสามปีที่คบกัน 23วัน…..
…...
……
……
……
……
ตอนแรกที่พี่นางบอกเลิก ผมก็ง็องแง็ง(แต่ไม่เคยไประรานแกนะ) พี่นางอยู่ซักพักนึงแหล่ะ จริงๆผมก็เตรียมใจไว้ก่อนหน้านี้เป็นปีแล้ว ว่าผมคงไม่ได้ไปต่อแน่ และผมเคยคิดจะโดดตึกที่ทำงานด้วยนะ ก็ทั้งที่ทำงานก็มีแต่ปัญหา แถมคนที่เรารัก คนที่เราอยากจะดิ้นร้นเพื่อเค้ายังมาทิ้งกันไป ผมไม่อยากอยู่เลย ….แต่ยังดีที่ลูกสาวผมไลน์มาหาผมพอดี เลยรอดไป
…...
……
……
……
……
ผมกลับมาคิดดูแล้ว ผมคิดว่า เย็นวันนั้นเมื่อเกือบสามปี ที่พี่นางชวนผมไปกินเหล้าที่บ้านแก แล้วผมไม่ไปตามที่แกชวน….
….ช่วงเวลาเกือบสามปี ที่มันจะเกิดขึ้นต่อจากเย็นวันนั้น มันอาจจะดีกว่าที่มันเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ก็เป็นได้
…พี่นางก็อาจจะได้เป็นGM ,พี่นางก็จะได้ไม่ต้องมาปวดหัว มาเครียดกับนิสัยแย่ๆและพฤติกรรมการเป็นอยู่ที่ไม่ดีของผม ตั้งเกือบสามปี รวมถึงอาจจะได้เจอผู้ชายดีๆ เข้ามาในชีวิต ที่เค้าดูแลช่วยเหลือพี่นางได้
…ส่วนตัวผม ถ้าไม่มีเย็นวันนั้น ผมก็คงทำงาน ส่งตังค์ไปให้ลูกใช้ เลิกงานมาก็กรึ้บบ้างอะไรบ้าง เฮฮากับเพื่อนฝูงบ้างไปตามเรื่องตามราว ไม่ต้องมาโหยหาคนที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับมา คือว่าคนเราน่ะ มันไม่มีเพราะมันไม่เคยมีอยู่ก่อนแล้ว มันไม่โหยหาเท่าไหร่หรอกนะ แต่ไอ้คนเคยมี แล้วจู่ๆวันนึง มันขาดหายไปเนี้ยซิ มันอยู่ยากจริงๆนะ 55555
เนี้ยแหล่ะครับ ประสบการณ์หญิงชวนไปกินเหล้าที่บ้านครั้งแรกในชีวิตผม
ขอเล่าประสบการณ์หญิงชวนไปกินเหล้าที่บ้านครั้งแรกในชีวิตครับ
ไอ้ตัวผมเองก็เคยมีประสบการณ์เรื่องประมาณนี้มาอ่ะนะ ซึ่งก็จบไม่สวยเท่าไหร่นัก ผมเลยอยากแบ่งบันมาเล่าให้อ่านกัน
เมื่อสี่ปีกว่าๆก่อนหน้านี้ฮะ ตอนนั้นผมก็อายุ36 ผมจกตากับแม่ของลูก เลยแยกกันอยู่ โดยแม่ของลูกเค้าอยู่ต่างจังหวัด ส่วนผมกลับมากทม.มาอยู่บ้านญาติของตัวเอง ที่บ้านผมเค้าทำห้องเช่าด้วย คือบ้านผมก็ไม่ได้รวยอะไรนะ ท่านบิดาผมเนี้ย ไม่มีต้นทุนหรือช่วยเหลือผมทางการเงินได้เลย ที่บ้านก็เป็นทรัพย์สินของทางอาล้วนๆ ตัวผมก็มาอาศัยในส่วนของห้องที่อาเค้าสร้างไว้แบ่งให้เช่า ที่บ้านผม ญาติพี่น้องไม่ค่อยสามัคคีกันเท่าไหร่นัก มีแต่เรื่องวุ่นวายเลยต่างคนต่างอยู่ ทั้งๆบ้านก็ใหญ่โตพอสมควร ตัวผมก็ไม่อยากไปแจมเรื่องวุ่นวายของญาติๆ เลยมาอยู่ห้องเช่าแทน สรุปง่ายๆคือ แม้ผมจะกลับมาอาศัยที่บ้าน ก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียว
ลงมากทม.ได้ซักพัก ผมก็ได้งานทำที่โรงแรมเปิดใหม่แห่งหนึ่ง โรงแรมยังไม่เสร็จดีนัก แต่ทางโรงแรมเขารับพนักงานเข้ามา stand by ก่อนล่วงหน้า ก่อนโรงแรมเปิด งานการที่ทำกันวันๆ ก็ไม่ค่อยมีอะไรมากนัก ตำแหน่งหน้าที่ของผม ก็รองมาจากหัวหน้ากุ๊ก(ผมทำงานครัว) ซึ่งก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากนักเพราะงานโดยรวมยังไม่แบ่งหน้าที่กันชัดเจน คนดูแลโรงแรมใหญ่สุดตอนนั้นเป็นรักษาการGM เอานามสมมุติคือ”พี่นาง”ละกัน
พี่นางเป็นสาวใหญ่วัย40 แกสวยและดูดีกว่าผู้หญิงวัยเดียวกันพอสมควร หน้าตาแกไม่เท่าไหร่ฮะ ไม่ขี้เหล่แต่ก็ไม่ใช่คนสวยอะไรมากนัก แต่จุดโฟกัสของแกคือ แกหุ่นดีขายาว(สูงประมาณ170) มีอกมีสะโพกเพียบบบ…แบบที่ว่าสาวๆยังอาย แถมผิวขาว(น้องๆหลอดไฟนีออนเลย) เรียกได้ว่าเป็นที่สะดุดตามากมาย รวมทั้งสะดุดตาผมอย่างมากกกก 5555
งานการที่เราทำกัน ส่วนใหญ่พอตกบ่ายก็จะไม่มีอะไรทำกันแล้ว พนักงานที่มีอยู่ประมาณเกือบ20คน จะมากองรวมกัน บางทีถ้ามีงานอะไรพอช่วยเหลือกันได้ เราจะเฮโลตามไปทำด้วยกันเป็นขบวน เสร็จจากนั้นก็จะมีหยอกล้อเล่นกันบ้างล่ะฮะ ตามประสาคนว่างงาน มันเลยค่อนข้างจะใกล้ชิดสนิทกัน ผมเองจะเป็นแบบว่าชอบล้อ ชอบอำแกล้งลูกน้องตัวเองหยอกมันเล่นมันเกือบทั้งวัน เพราะเผอิญได้ลูกน้องเก่าติดตามมาร่วมงานด้วย เลยมีแก็งค์ ตัวผมมันเหมือนเป็นหัวโจก เสียงผมมันก็ดังด้วย เลยกลายเป็นจุดสนใจของคนรอบข้างตลอด ยิ่งเรื่องสาวๆเนี้ย ผมนี้ตัวหน้าม่อเลยนะทั้งแซวทั้งแหย่ ช่วงเวลานั้นผมมันก็เหงาเนาะ อยู่ตัวคนเดียว มาทำงานเลยได้เล่นได้แหย่ พอหายเหงาไปวันๆ (แต่ถ้าหลุดมา ตรูก็เอานะ 5555)
ส่วนพี่นาง แกก็จะชอบมาแขวะมาแซว มาแจมมุขผมบ่อยๆ จนบางทีผมแปลกใจว่าแกทำไม กล้าเล่นด้วย แต่ผมก็พยายามจะไม่คิดอะไรกับแกมากมายนะ ด้วยความที่แกตำแหน่งสูงกว่ามาก ไอ้ตัวผมเองก็ไม่ใช่คนหน้าตาดีอะไร แถมค่อนข้างจนด้วย 55555 จะมีแอบมองแกไกลๆ(ซี่งแกก็น่าจะรู้)แอบแซวหรือหยอกแกบ้างนิดๆหน่อย ตามสถานการณ์จะอำนวย เพราะลึกๆผมชอบผู้หญิงแบบแกนะ ทั้งด้วยรูปลักษ์ทางกายภาพของแก และนิสัยใจคอ คุยง่ายยิ้มเก่ง รวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน
……ย่างเข้าเดือนที่4 ที่ผมทำงานมา ผมเริ่มมีเงินแหล่ะ เลยซื้อมือถือหัดเล่นLine เพราะที่ทำงานผมเค้าใช้ไลน์คุยงานกันด้วย ผมทักแชทพี่นางไปบ้างพอสมควร แกก็คุยดีนะ เราสองคนคุยกันแบบส่วนตัวบ่อยๆ ยิ่งช่วงวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ที่ลูกแกไปนอนบ้านพ่อ (แกแยกกันอยู่กับสามี) พี่นางจะโทรไลน์หาผมบ่อยมาก คุยเล่นกันคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันและคุยกันเรื่องครอบครัวแกด้วย จนเย็นวันหนึ่งแกเรียกให้ผมไปหาแกที่บ้านแกหน่อย พี่นางบอกว่าจะเลี้ยงเหล้าผม ในฐานะที่ช่วยงานแก ซึ่งพี่นางก็บอกกับผมว่าแกอยู่คนเดียว……………………………….
….
….
….
….
พอไปถึงบ้านพี่นาง แกก็เลี้ยงเหล้าผม และแกก็อยู่คนเดียวจริงๆด้วยล่ะ
….
….
….
….
….
….
เหตุการณ์เย็นวันนั้น คงไม่ต้องเล่านะฮะ ผู้อ่านก็น่าจะทราบสันดานของผมอยู่แล้วช่ายมะ 5555 ก็เป็นตามที่ท่านคิดละครับพ้ม
หลังจากวันนั้น ที่พี่นางเลี้ยงเหล้าผม เราสองคนก็แอบไปมาหาสู่กันอยู่เนื่องๆ คือแกบอกว่าเลิกกับสามีแล้วนะ แยกกันอยู่ แค่ยังไม่ได้หย่ากันเท่านั้นเอง แกยังไม่อยากให้ลูกรู้ว่าเลิกกัน แล้วแม่มีคนใหม่ ซึ่งผมก็ยอมรับนะ
แต่…………..
กลายมาเป็นผมเองที่จะหลุดออกอาการมันอยู่เรื่อย เหตุเพราะ ทำงานมาได้สักพัก ที่ทำงานผมเริ่มมีปัญหาแบ่งพักแบ่งพวกกัน ลูกน้องผมแต่ละคน แม่มมมก็เละเทะกันจนกระทบมาถึงผม ตัวผมเองก็เริ่มโดนหัวหน้างานเขม่น(สาเหตุหนึ่งคือเกิดจากการที่ผมเริ่มมาสนิทกับพี่นาง) ถึงขั้นหัวหน้างานผมมาเอ่ยปากกับผมว่า อยากให้ผมลาออก แล้วจะหางานที่ใหม่ให้
……….ความกดดันที่ผมเจอ
ทำให้ผมยิ่งอยากใกล้ชิดพี่นางมากขึ้น ยอมรับตรงๆเลยฮะ ความคิดผมในตอนนั้นคือในเมื่อกิ๊กตรูตำแหน่งใหญ่สุด ตรูจะไปกลัวอัลไลวะ แต่มันก็ไม่จบ ยิ่งมีข่าวลือว่าผมกับพี่นางมามากขึ้นเท่าไหร่ หัวหน้างานผมและแก็งค์ยิ่งเล่นผมหนักขึ้น จนลามไปถึงพี่นางด้วย จนสุดท้ายผมตัดสินใจลาออกเองเลย เพราะกลัวว่าปัญหาของผมจะทำให้พี่นางเดือดร้อนไปด้วย และแกคงจะไปจากผม
พอผมออกจากงานมาได้งานที่ใหม่ ความสัมพันธ์ของผมและพี่นางดีขึ้นกว่าเดิมเยอะ สุดท้ายกลายมาเป็นผมที่รักพี่นางจริงๆ จังๆ ตอนได้กันแรกๆ ขอยอมรับอย่างลูกผู้ชายเลยว่า ไม่ได้หวังเลยว่าจะได้แกเป็นแฟน คิดว่าฟลุ๊คด้วยซ้ำที่แกมายอม ….อีกอย่างก็หวังพึ่งแกเรื่องงาน คือไม่ได้คิดว่าจะมาคบกันเป็นปี ไปมาหาสู่กันเป็นเรื่องเป็นราว เพราะผมเองก็แตกต่างกับแกมาก ทั้งฐานะ ทั้งการศึกษา ความเป็นอยู่ อีกทั้งพอคบกันไป เนื่องด้วยความรู้ความคิดความอ่านที่แกมี ช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้ผมมากมาย พูดง่ายๆ คือตั้งแต่เริ่มคบกัน ผมฉลาดขึ้นกว่าเดิมพอสมควรเลยนะ 5555
จนมาปีที่สอง ที่คบกัน พี่นางเริ่มเปิดเผยเรื่องที่ผมไม่เคยรู้ มาที่ละเรื่องทีละเรื่อง เรื่องแรกคือตัวแกมีผช.มาติดพันอยู่ก่อนหน้าที่จะมาคบกับผม(ไม่ใช่แค่คนเดียว) อีกทั้งเรื่องของกิ๊กเก่า ที่พี่นางแอบคบมาตั้งแต่เรียนมหาลัย แอบคบกันมาเรื่อยๆจนแกแต่งงาน แอบคบกันมาเรื่อยๆ จนลูกแกโต จำนวน1คน ………
……
……
……
รวมถึงปัญหาใหญ่ของทางบ้านแก คือทางบ้านติดหนี้ก้อนโตหลักล้านอยู่ ซึ่งเป็นหนี้นอกระบบ คือทางบ้านแกไปกู้เค้ามา กะเอามาปล่อยกู้กินดอก แต่โดนโกงไป ทางบ้านแกตอนนี้ ทั้งคิดหนี้ก้อนโต ทั้งต้องส่งไฟแนนซ์ ในเดือนๆนึง พี่นางต้องส่งเงินไปช่วยทางบ้าน เกือบเท่าเงินเดือนแกเลย
……
……
……
หันมามองตัวผมที่คบกับแกอยู่ ณ ปัจจุบัน เงินเก็บก็ไม่มี ทางบ้านก็ไม่ได้รวย เป็นคนเงินเดือนแค่หมื่นต้นๆ ใช้เดือนชนเดือน จะไปช่วยแกยังไงได้
……
……
……
……
พี่นาง แกก็ย้ำกับผมอยู่เรื่อยๆนะ ว่าที่เล่าปัญหาให้ฟังน่ะ ไม่ได้อยากให้เธอมาช่วยหรอก แค่อยากได้ที่ระบายเท่านั้นเอง แต่เวลานั้น ผมบอกตรงๆนะ ว่าถ้าตรูปล้นใครแล้วได้เงินซักล้านนึง ตรูทำไปแล้ว ….. คือคนที่เรารักน่ะ เค้ามีปัญหา เค้าทุกข์ใจ เราอาจจะฟังได้ แต่เราจะห้ามใจไม่ให้คิดอยากช่วย มันจะทำกันได้ง่ายๆเชียวรึ
…...
……
……
……
……
สุดท้ายย่างเข้าปีที่สาม ผมเปลี่ยนงานไป3-4ที่ เพราะหวังว่าจะหางานเงินเดือนที่มันเยอะมากกว่าเดิม เพื่อหวังจะมาช่วยเหลือพี่นางบ้าง เพราะผมรักแกจริงๆแล้ว ความรู้สึกของผมไม่เหมือนวันที่ขี่รถไปบ้านแกวันแรก ที่หวังแค่มีเหล้าฟรีให้กิน แถมมีหญิงให้XXX …….แค่นั้น
แต่อะไรมันก็ไม่ทันแล้ว พี่นางมาเล่นให้ผมฟังว่า แกได้ยืมเงินจากผช.ที่เคยมาติดพันแกมาหมื่นนึง เพื่อส่งให้ทางบ้าน เวลาผ่านไปสามเดือนต่อมา แกมาเล่าให้ฟังอีกว่า ตอนนี้ยืมเงินจากผู้ชายคนนั้น มาอีกก้อน ……ซึ่งเข้าหลักแสนบาทแล้ว
…..
…..
ถัดจากนั้น พี่นางมาเล่าให้ผมฟังอีกว่า มีเสี่ยคนนึง ที่เป็นญาติห่างๆของลูกน้องที่ทำงาน เอาไอโฟน7พลัสมาให้แก พี่นางบอกกับผมว่า แกไม่อยากใช้วงเงินในบัตรเลยให้เสี่ยคนนั้นรูดให้แทน พี่นางก็ผ่อนใช้เสี่ยคนนั้นเป็นรายเดือนไป
…...
……
……
……
……
ผมเอง ตั้งแต่ไปมาหาสู่กับพี่นางถี่ๆเหมือนเดิมไม่ได้ ช่วงเวลานั้นผมเริ่มมีอาการไม่อยากอยู่ห้อง เริ่มหาเพื่อนฝูงแทนในเวลาที่ไปหาพี่นางไม่ได้ ไอ้บรรดาเพื่อนผมแต่ละคนอ่ะนะ มันก็คอเหล้าทั้งนั้นเนาะ พอพี่นางรู้เข้า ผมเลยโดนด่า ซึ่งผมตอบพี่นางไปว่า จะให้ผมนั่งคุยกับกำแพงห้องทุกวันหยุด ผมทำมันไม่ได้นะ ………….
พี่นางก็ยิ่งห่างผมขึ้นไปเรื่อยๆ ส่วนอาการผมก็หนักขึ้นเรื่อยๆเหมือนกัน (55555) เริ่มไม่อยากอยู่ห้อง,เมามันแทบทุกวันไม่งั้นนอนไม่หลับ,ออกเที่ยวกลางคืน,บวกกับตอนนั้นผมได้เริ่มงานที่ใหม่(อีกแล้ววว) ก็เจอปัญหาแบบเดิมๆล่ะฮะ แต่ไม่กล้าเปลี่ยนงานอีกแล้ว เพราะกลัวโดนแฟนทิ้ง เลยต้องอดทน จะโดนเจ้านายด่า โดนเพื่อนร่วมงานกดดันยังไง ผมก็ต้องทน วันๆเจอแต่คนด่าคนว่า ไอ้ครั้นจะไปหาแฟน แฟนก็มีแต่ปัญหา ไปเจอแต่หน้าบี้งๆ เวลานั้นเหมือนโลกมันไม่มีความสุขเลยซักนิด วันๆผมเจอแต่คนที่เค้าไม่พอใจในความเป็นตัวตนของผม ผมโหยหาความรักความเมตตาแมร่งงงไปทั่ว จนคิดว่าตัวเองจะเป็นโรคซึมเศร้าด้วยซ้ำ
ผมก็ได้เหล้ากับเพื่อนเที่ยวเนี้ยล่ะฮะ มาแบ่งบันความทุกข์ จนพี่นางโทรมาขอให้ผมเลิกคบกับแก วันนั้นที่แกโทรมา เป็นวันที่26 สิงหา ก่อนครบรอบสามปีที่คบกัน 23วัน…..
…...
……
……
……
……
ตอนแรกที่พี่นางบอกเลิก ผมก็ง็องแง็ง(แต่ไม่เคยไประรานแกนะ) พี่นางอยู่ซักพักนึงแหล่ะ จริงๆผมก็เตรียมใจไว้ก่อนหน้านี้เป็นปีแล้ว ว่าผมคงไม่ได้ไปต่อแน่ และผมเคยคิดจะโดดตึกที่ทำงานด้วยนะ ก็ทั้งที่ทำงานก็มีแต่ปัญหา แถมคนที่เรารัก คนที่เราอยากจะดิ้นร้นเพื่อเค้ายังมาทิ้งกันไป ผมไม่อยากอยู่เลย ….แต่ยังดีที่ลูกสาวผมไลน์มาหาผมพอดี เลยรอดไป
…...
……
……
……
……
ผมกลับมาคิดดูแล้ว ผมคิดว่า เย็นวันนั้นเมื่อเกือบสามปี ที่พี่นางชวนผมไปกินเหล้าที่บ้านแก แล้วผมไม่ไปตามที่แกชวน….
….ช่วงเวลาเกือบสามปี ที่มันจะเกิดขึ้นต่อจากเย็นวันนั้น มันอาจจะดีกว่าที่มันเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ก็เป็นได้
…พี่นางก็อาจจะได้เป็นGM ,พี่นางก็จะได้ไม่ต้องมาปวดหัว มาเครียดกับนิสัยแย่ๆและพฤติกรรมการเป็นอยู่ที่ไม่ดีของผม ตั้งเกือบสามปี รวมถึงอาจจะได้เจอผู้ชายดีๆ เข้ามาในชีวิต ที่เค้าดูแลช่วยเหลือพี่นางได้
…ส่วนตัวผม ถ้าไม่มีเย็นวันนั้น ผมก็คงทำงาน ส่งตังค์ไปให้ลูกใช้ เลิกงานมาก็กรึ้บบ้างอะไรบ้าง เฮฮากับเพื่อนฝูงบ้างไปตามเรื่องตามราว ไม่ต้องมาโหยหาคนที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับมา คือว่าคนเราน่ะ มันไม่มีเพราะมันไม่เคยมีอยู่ก่อนแล้ว มันไม่โหยหาเท่าไหร่หรอกนะ แต่ไอ้คนเคยมี แล้วจู่ๆวันนึง มันขาดหายไปเนี้ยซิ มันอยู่ยากจริงๆนะ 55555
เนี้ยแหล่ะครับ ประสบการณ์หญิงชวนไปกินเหล้าที่บ้านครั้งแรกในชีวิตผม