การตั้งครรภ์ ธาลัสซีเมีย ยุติการตั้งครรภ์ เมื่อโชคชะตาคือผู้กำหนด !!

สวัสดีค่ะ เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรกนะคะ ยาวไปหน่อยแต่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์และให้ความรู้กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ทุกคู่ค่ะ

อยากแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของพ่อและแม่ที่เป็นพาหะธาลัสซีเมีย การเจาะน้ำคร่ำและการยุติการตั้งครรภ์ค่ะ
อยากให้พ่อแม่ทุกคู่ที่กำลังเจอกับเรื่องเหล่านี้ (เข้มแข็ง ผ่านมันไปให้ได้)

และอยากฝากถึงพ่อแม่มือใหม่ทุกคู่ว่าธาลัสซีเมียไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย
ถ้าเมื่อไหร่ที่เราพร้อมมีครอบครัว มีลูก มันจะเป็นเรื่องใกล้ตัวทันที

ขอเล่าเรื่องส่วนตัวก่อนสักเล็กน้อยนะคะ เรากับแฟนคบกันมานานเกือบสิบปีค่ะ จนตอนนี้แต่งงานสร้างครอบครัวด้วยกัน
ชีวิตคู่ของเราก็คงจะเหมือนคู่อื่นๆ ที่อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์ มีพ่อ มีแม่ มีลูก (แต่เรากับแฟนทำงานคนละที่ค่ะเจอกันเดือนละไม่กี่วัน)
เราอยากมีลูกมากกกกกค่ะ เคยคิดที่จะปรึกษาคุณหมอวางแผนครอบครัว พอตั้งใจจะไปปรึกษาหมอจริงๆ นางฟ้าตัวน้อยๆ ของเราก็มาค่ะ
สองขีดจางๆ ที่ทำให้น้ำตาไหลพราก เราดีใจมากค่ะเพราะเรารอคอยเค้ามานาน หลานคนแรกของปู่ย่า ตายาย ลูกคนแรกของเรา ^^

พอรู้ว่ามีอีกหนึ่งชีวิตเราก็ดูแลตัวเองมากขึ้น สามีก็พาไปฝากครรภ์ค่ะ เพื่อจะได้ขอปรึกษาและคำแนะนำจากคุณหมอ
(ต้องบอกก่อนว่าเรากับสามีไม่เคยตรวจความพร้อมก่อนการมีบุตร) เราก็บอกหมอเลยว่าขอเจาะเลือดทั้ง 2 คนพร้อมกันเลย
ตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดอะไรนะคะ เราก็คิดว่าเราทั้งคู่น่าจะปกติดี
เพราะคิดว่าก็ตรวจสุขภาพประจำปีของที่ทำงานทุกปีอยู่แล้วทั้ง 2 คน ก็ปกติดี ไม่น่ามีอะไร
(แต่ผลเลือดออกมากลับไม่เป็นอย่างที่เราคิด...)

เราไม่รู้หรอกว่าคู่เราเป็นพาหะไหม
เพราะคนปกติตรวจเลือดทุกปีค่าเลือดสูงก็ใช่ว่าเค้าจะไม่เป็นพาหะ
เพราะที่ตรวจทุกปีไม่ได้ตรวจแบบคัดแยกเหมือนตอนตั้งครรภ์
และอีกอย่างการตรวจเลือดก่อนตั้งครรภ์ก็พอรู้แค่ว่าคู่เราเป็นเหมือนเราไหมแค่นั้น
เมื่อรู้แล้วก็ใช่ว่าจะไปบอกเลิกกันได้ซะเมื่อไหร่ อยู่กันมาตั้งนาน ยังไงก็ต้องลุ้นไปด้วยกัน  
แต่อย่างไรก่อนตั้งครรภ์ก็แนะนำให้ควรไปตรวจคัดกรองก่อนดีที่สุดค่ะ

โดยปกติการฝากครรภ์หมอจะเจาะเลือดที่แม่ก่อน ถ้าผลเลือดแม่มีพาหะหรือมีความเสี่ยงถึงจะเจาะเลือดพ่อค่ะ
ถ้าตรวจ 2 คน พ่อปกติ แม่เป็นพาหะแค่คนเดียวก็ไม่เป็นไร สามารถตั้งครรภ์ต่อไปได้ปกติ
ถ้าพ่อและแม่เป็นพาหะทั้งคู่ แต่คนละชนิดกันอาจจะไม่รุนแรงคุณหมอก็ให้ตั้งครรภ์ต่อไปได้เช่นกันค่ะ ให้อยู่ในความดูแลของคุณหมอ
แต่ถ้าเป็นพาหะทั้งคู่ แล้วเป็นชนิดเดียวกัน อันนี้ต้องคุยกันยาวค่ะ หมอจะมีคำแนะนำขั้นต่อไปค่ะ

ด่านแรกพอรู้ว่าเป็นพาหะทั้งคู่ก็ต้องมาลุ้นว่าคนละชนิดไหม ??

วันนั้นที่หมอนัดมาฟังผลเลือด ผลออกมาว่าคู่เราเป็นพาหะธาลัสซีเมีย แอลฟ่า 1 ทั้งคู่ อึ้งค่ะ !! ทำไรไม่ถูก !! เบลอ !!
เคยเรียนตอนเด็กลืมหมดแล้วว่ามันคืออะไร คุณหมอก็อธิบายให้ฟังอย่างละเอียด แต่ก็ยังมีคำถามต่างๆ ในหัว กังวล เครียดมากค่ะ
จากที่เราไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้ ตอนนี้กลับต้องมานั่งกลุ้ม หากไม่เป็น...เราคงไม่รู้ หากไม่เป็น...เราก็คงไม่ศึกษา
กลับถึงบ้านก็หาข้อมูลค่ะ ศึกษาทุกอย่างก็ยิ่งเครียดหนักกว่าเดิม

ธาลัสซีเมียกับการตั้งครรภ์ เอาแบบเข้าใจง่ายๆ ธาลัสซีเมียเป็นโรคถ่ายทอดทางพันธุกรรม
เกี่ยวกับเลือด เม็ดเลือด ไม่เกี่ยวกับความพิการ  เด็กที่เป็นโรคธาลัสซีเมียจะมีอวัยวะครบเหมือนเด็กปกติ
( ช่วงเค้า 13-15 สัปดาห์ คุณหมอพานับนิ้วมือ นิ้วเท้าน้อยๆ ฟังเสียงหัวใจ ทุกอย่างก็ปกติดีค่ะ )
หากคุณแม่เป็นพาหะ แต่พ่อปกติก็แล้วไปไม่ถือว่าเป็นคู่เสี่ยง ลูกก็เป็นแค่พาหะธรรมดา
แต่ถ้าคุณแม่เป็นพาหะ พ่อก็เป็นพาหะอีกคน อันนี้มาลุ้นกันเลยว่าเป็นชนิดเดียวกันไหม คู่เสี่ยงคือ....
1.  แม่/พ่อ เป็นเบต้าทั้งคู่
2.  แม่/พ่อ เป็นอัลฟ่าทั้งคู่
3.  แม่/พ่อ คนหนึ่งเป็นเบต้า+คนหนึ่งเฮโมโกบินอี
4.  แม่/พ่อ เฮโมโกบินอีทั้งคู่และแฝงด้วยแอลฟ่าหรือเบต้า
คู่เสี่ยง 4 กลุ่มที่จำแนกออกมานี้คือ มีโอกาสที่ลูกจะเป็นโรค 25%  ซึ่ง 4 กลุ่มนี้คือโรคเลือดจางธาลัสซีเมียชนิดรุนแรง

กรณีที่ 1  ใน 100% มีโอกาสที่ลูกจะป็นโรคคือ 25% คือต้องยุติการตั้งครรภ์
ทารกจะมีอาการบวมน้ำ ตับโต ม้ามโต หรือเสียชีวิตในครรภ์ช่วง 6-7 เดือน
ถ้าตรวจพบว่าเด็กเป็นโรคแน่นอนแล้ว คุณหมอจะแนะนำให้ยุติการตั้งครรภ์ทันที
ไม่รอให้เด็กเสียชีวิตก่อน (มันเจ็บปวด บีบหัวใจสุดๆ) เพื่อไม่ให้แม่มีภาวะแทรกซ้อนหรือเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต

กรณีที่ 2  คือ  25%  เด็กมีพาหะเหมือนพ่อ แต่ก็ใช้ชีวิตได้ตามปกติ

กรณีที่ 3  คือ  25%  เด็กมีพาหะเหมือนแม่ แต่ก็ใช้ชีวิตได้ตามปกติเช่นกัน

ทั้งกรณีที่ 2 และ กรณีที่ 3 เมื่อพ่อแม่เป็นพาหะธาลัสซีเมียแบบเดียวกัน
ก็อาจจะทำให้ทารกในครรภ์มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเลือดจางพาหะธาลัสซีเมียเช่นกัน
หากทารกในครรภ์เลือดจางและซีดมาก
หลังคลอด ทารกอาจจะมีภาวะเลือดจางรุนแรง ก็ต้องให้เลือดทดแทนไปตลอดชีวิต

กรณีที่ 4  คือ  25%  เด็กที่คลอดออกมาปกติ ไม่มีพาหะเหมือนพ่อกับแม่

เราทำอะไรได้ล่ะ เมื่อโชคชะตากำหนดมาแบบนี้ !! นอกจากทำใจ ทำบุญ
และภาวนาให้ลูกเลือกเลือดที่ดีที่สุดของพ่อแม่ไปสร้างตัวเค้าเอง

หมอจะนัดเจาะสายสะดือหรือเจาะน้ำคร่ำตอน 16-20 week พอเจาะเสร็จก็รอฟังผลประมาณ 2 สัปดาห์
พอถึงวันนัดมาเจาะหมอก็จะให้นั่งทำใจ ไม่ต้องเครียดมาก พยาบาลจะเปิดวีดีโอให้ดูเป็นความรู้
คำแนะนำต่างๆ ในการดูแลตัวเองหลังการเจาะ
ถึงเวลาขึ้นเขียง !!! ขึ้นเตียงล่ะ หมอจะซาวด์ดูเด็กก่อนว่าอยู่ตรงตำแหน่งไหน
เพื่อหาตำแหน่งลงเข็มเวลาเจาะเข็มลงไปจะได้ไม่โดนตัวเด็ก
เสียงปุ๊ ปุ๊ ลงตรงหน้าท้อง ปวดนิดหน่อยค่ะไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
(ก่อนเจาะไปหาดูคลิปในยูทูป เจาะสดๆ เข็มยาว 35 ซม. แอบกังวลและกลัวมาก)
ตรวจธาลัสซีเมียดูดน้ำคร่ำไป 1 หลอดคุณหมอบอกใช้ไม่เยอะ แต่ถ้าตรวจดาวน์ใช้ 2 หลอดค่ะ
เจาะจริงไม่ถึง 5 นาทีจากนั้นหมอจะให้ไปนอนพัก 1 ชม.
อ่อลืมบอกไปว่าเราฝากพิเศษกับคุณหมอที่คลินิคนะคะ
แต่ตอนเจาะหมอจะส่งตัวไปเจาะที่โรงพยาบาลรัฐเป็นหมอเฉพาะทางที่เก่ง และมีประสบการณ์ในการเจาะน้ำคร่ำเลย
(ค่าใช้จ่ายโรงพยาบาลรัฐในการเจาะน้ำคร่ำวันนั้นแค่ 50 บาทเองค่ะ ไม่แน่ใจว่าอาจจะเป็นเพราะสิทธิ์เราอยู่ที่นี่ด้วยไหมเลยถูก)
หลังจากนี้กลับบ้านก็นอนเฉยๆ เดินน้อยที่สุดประมาณ 2 วัน สังเกตุตัวเองหากมีอาการผิดปกติให้รีบกลับมาหาหมอทันทีค่ะ

หลังจากเจาะแล้วพยาบาลแจ้งว่าถ้าผลเลือดออกแล้วจะมีโทรศัพท์ไปหา ให้รอรับโทรศัพท์ ( เป็นช่วงเวลารอคอยที่อึดอัดสุดๆ )

พอผลออกก็โทรมาจริงๆ ค่ะ พยาบาลบอกให้เข้ามาพบคุณหมอด้วยตัวเองเพื่อฟังผล
เราก็ใจไม่ดีเลยค่ะ คืนนั้นนอนไม่หลับเลยทั้งคืน เครียดมากกกก !!
พอมาเจอหน้าหมอ คำแรกที่หมอพูด.......
"ผลเลือดไม่ดีเลยครับ เด็กเป็นโรค ต้องยุติการตั้งครรภ์" หมอพูดจบประโยคเท่านั้นล่ะค่ะ
หูอื้อ ไม่รับฟังอะไรต่อเลย อึ้ง !! ยังไม่ร้องนะคะตอนนั้นแต่ขาอ่อนไปหมด
หน้าซีด มือสั่น จนสามียื่นมือมาจับมือเราไว้ เราก็พยายามตั้งสติค่ะ
ดึงสติกลับมาฟังที่หมอพูดว่าต้องทำยังไงต่อไป มีเวลาทำใจไม่นานหรอกค่ะ
รู้ผลวันเสาร์ วันจันทร์ให้ไปนอนที่โรงพยายาบาลเลยค่ะ

ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนโลกมันหยุดหมุน มันเคว้งคว้างไปหมด รู้ตัวอีกทีสามีประครองมานั่งที่รถแล้วค่ะ
จากนั้นล่ะค่ะ ไม่รู้น้ำตามาจากไหนสามีก็กอดเรา ไม่มีสักวินาทีเลยที่ไม่รู้สึกไม่เจ็บปวด น้ำตาไม่ไหล ไม่รู้จะทำใจยังไง
ทำไมๆๆๆ ทำไมต้องเป็นเรา ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ ทำไมเราโชคร้ายขนาดนี้
ถามว่าเผื่อใจไหมที่จะผิดหวังก็ทำใจบ้างนะ แต่พอเจอเข้าจริงๆ ใครไม่เคยสูญเสียก็ไม่รู้ว่ามันแย่แค่ไหนจริงๆ ค่ะ
เพราะเราก็หวังอยู่เหมือนกันว่าลูกจะต้องไม่เป็นไร 25% กับ 75% เค้าต้องอยู่ใน 75% ที่มากกว่าสิ !!
เราจะสู้ไปด้วยกันนะลูก เราพูดกับเค้าทุกวัน T______T
ใช่ค่ะ !! คนอื่นรับรู้ คนอื่นเสียใจ แต่มันบรรยายไม่ได้กับคนเป็นแม่อย่างเรา ที่พร้อมยอมเสียสละทุกอย่างจริงๆ
จะเจ็บตัวแค่ไหนเราก็อดทนได้ค่ะเพื่อลูก มันผูกพันธ์ เค้าดิ้นในท้องเรา มันมหัศจรรย์มากค่ะ
มันมีความสุข เราคุยกับเค้าทุกวัน รอดูพัฒนาการเค้าตลอดมันทำใจยากค่ะ T_____T

พอถึงวันจันทร์ก็ไปนอนโรงพยาบาลค่ะ หมอเขียนใบส่งตัวให้
หมอเลือกวิธียุติการตั้งครรภ์โดยการอมยาใต้ลิ้นค่ะ
หมอจะแจ้งขั้นตอนต่างๆ ให้ฟังอย่างละเอียด แล้วเข้ามาดูอาการเรื่อยๆ และมีพยาบาลคอยดูแลอยู่ตลอดเวลาค่ะ
จะต้องอมยาทั้งหมด 4 เม็ด อมครั้งละเม็ด หนึ่งเม็ดห่างกัน 6 ชม. พอถึงเวลาจะมีพยาบาลนำยาเข้ามาให้ค่ะ
การยุติการตั้งครรภ์จะสมบูรณ์เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 24-48 ชม. ยาจะออกฤทธิ์ในเวลาต่างกันแล้วแต่ร่างกายของแต่ละคน
เริ่มรู้สึกปวดท้องตอนเม็ดที่ 2 ปวดบิดๆ หนาวสั่น พอเม็ดที่ 3 เริ่มปวดรุนแรงมากขึ้นค่ะ ทรมานสุดๆ
พอเริ่มเม็ดที่ 4 เวลาผ่านไปไม่นานค่ะ ปวดท้องถี่มาก เหงื่อแตก (สามีก็ยืนจับมือเราตลอด) จากนั้นการยุติการตั้งครรภ์ก็เสร็จสมบูรณ์ค่ะ
(ขอไม่เล่าถึงช่วงเวลาที่บีบหัวใจที่สุดนะคะเพราะภาพเหล่านั้นยังเหมือนฝันร้ายอยู่ทุกวัน เราพาลูกกลับมาด้วยเพื่อทำพิธีที่วัดค่ะ )
ความรู้สึกตอนนั้นน่าจะเหมือนการคลอดลูกมั้งค่ะ พอคลอดแล้วความเจ็บปวดก็หายไป เลือดเริ่มออกเยอะพยาบาลก็ทำความสะอาด
ใส่น้ำเกลือ แล้วรีบส่งตัวต่อไปที่ห้องผ่าตัดค่ะ ณ ตอนนั้น !! เรายุติการตั้งครรภ์ประมาณ 5 เดือน
อายุครรภ์ค่อนข้างเยอะเพื่อให้การยุติการตั้งครรภ์เสร็จสมบูรณ์จริงๆ ต้องขูดมดลูก ขูดตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ขูดสดๆ กันเลยทีเดียว
(( เหมือนตายแล้วฟื้นขึ้นมาใหม่ แล้วไปผ่านความตายอีกรอบเลยค่ะ )) หมอก็นัดตรวจอีกทีผ่านไป 1 สัปดาห์ ก็ปกติดีค่ะ
การขูดมดลูกจะแล้วแต่เคสนะคะ ส่วนมากอายุครรภ์หลายเดือนหากรกออกไม่หมดก็ต้องขูด
แต่ก็มีบางเคสที่ยุติแบบสมบูรณ์ออกมาทั้งหมดก็ไม่ต้องขูด


ถามว่าเราสามารถท้องอีกได้ไหม ?? ได้ค่ะ แต่ทุกครั้งของการตั้งครรภ์เราต้องเจาะสะดือดูเลือดลูกทุกครั้ง ลุ้นเหมือนเดิมค่ะ

ชีวิตหลังจากวันนั้น สภาพร่างกายก็เริ่มดีขึ้นค่ะ แต่จิตใจก็คงต้องใช้เวลา..
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่วัน กี่เดือน ความคิดถึง คราบน้ำตาก็ไม่เคยจางหายเลยค่ะ
แต่ยังไงชีวิตเราก็ต้องเดินหน้าต่อไป สิ่งที่ทำได้ตอนนี้และต่อไปคือการทำบุญเยอะๆ ปล่อยวางให้ได้
ความสมหวัง ความผิดหวังก็มาจากการคาดหวัง ยังไงเราก็ต้องหวังกันต่อไป.....

ถ้ามีบุญร่วมกันสักวันนางฟ้าตัวน้อยหรือเทวดาตัวน้อยคงกลับมาหาเรา ^^



แล้ววันนี้เค้าก็กลับมาแล้วนะคะ เค้ากลับมาเร็วคงไม่อยากให้พ่อกับแม่ต้องเสียใจนาน หรือต้องคิดถึงเค้านาน ^^
(คุณหมอนัดเจาะน้ำคร่ำอาทิตย์หน้าค่ะ) มาสู้กันใหม่นะคนดี สู้ไปด้วยกัน ผ่านทุกอย่างไปด้วยกันนะลูก   ^^
ยังเชื่อเสมอว่าฟ้าหลังฝนมันจะสดใส ไม่มีใครที่จะผิดหวังซ้ำๆ กับเรื่องเดิมๆ เน่อะ ยิ้มๆๆ ^^




*****สำหรับบางคนที่ยังสงสัยว่าการตั้งครรภ์ครั้งนี้จะเหมือนครั้งก่อนไหม ???
...อาจจะเป็นหรือไม่เป็นค่ะ ต้องตรวจ เจาะ เหมือนเดิม ลุ้นเหมือนเดืม

*****ทำไมต้องรอเจาะน้ำคร่ำถึงรู้ รู้เร็วกว่านี้ไม่ได้เหรอ 1-2-3 เดือน ???
...จริงๆ ถ้าเด็กเป็นโรคเค้าจะเป็นตั้งแต่ปฏิสนธิแล้วค่ะ แต่เราจะตรวจได้ตอนอายุครรภ์ที่เหมาะสมในการเลือกวิธีตรวจ
วิธีที่ 1 เจาะชิ้นเนื้อรกตอน 12 week รู้ผลเร็วแต่จะเสี่ยงมากกว่าเจาะน้ำคร่ำ ถ้าติดเลือดแม่ปน ผลไม่ชัดเจนก็ได้เจาะน้ำคร่ำอีกรอบ
วิธีที่ 2 เจาะน้ำคร่ำตอน 16-20 week เสี่ยงน้อยกว่า ทราบผลแน่นอนกว่า

*****หลังจากยุติการตั้งครรภ์สามารถตั้งท้องต่อได้เลยไหม ต้องเว้นกี่เดือน ต้องรอให้ร่างกายแข็งแรงก่อนไหม ???
...สามารถตั้งครรภ์ต่อได้เลยค่ะ หลังจากที่ประจำเดือนมาแล้ว หรือจะพักฟื้นร่างกายก่อนก็ได้ค่ะแล้วแต่เราเลย
เพราะจริงๆ แล้วถึงร่างกายแม่จะแข็งแรง แต่ลูกก็เลือกเลือดเองเหมือนเดิม เราไม่สามารถเลือกเลือดที่ดีที่สุดให้เค้าได้ค่ะ
สุขภาพร่างกายจึงไม่มีผล แต่อยู่ที่สุขภาพจิตใจมากกว่าว่าพร้อมเลยไหมที่จะเสี่ยงและจะสู้อีกครั้ง
ความรู้สึกมันจะมาพร้อมกันระหว่างความกล้ากับความกลัวค่ะ  


(( สู้ๆ ค่ะ ต้องมีสักวันที่เป็นวันของเรา ))
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่