ยากจะมารีวิวการสู้ครับอาการย้ำคิดย้ำทำจนสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมันได้ แบบหายดี !! โดยไม่ต้องกินยาเลย
เริ่มแรกผมอยากกล่าวก่อนเลยคือ ปีนี้ผมอายุเข้า 22 ปี แล้วครับเป็นคนที่มีความสุขในชีวิตมาโดยตลอดเพื่องฝูงเฮฮาครบครัน บางช่วงก็อาจจะทุกข์บ้างอะไรบ้าง แต่โดยรวมเป็นคนมองโลกในแง่บวกครับเจออะไรที่ผิดพลาดหรือล้มเหลวเราจะมองมันเป็นแง่บวกและเอามาพัฒนาตัวเองได้เสมอเป็นคนที่มี Energy อยู่เต็มตัวเลยครับพร้อมไปข้างหน้าทำตามความฝันตัวเองแบบไม่หยุดยั้ง
จนกระทั่ง.........วันที่ 18 มีนาคม 2561 วันเริ่มต้นของเขาวงกตมรณะในหัวที่หาทางออกไม่ได้ และพร้อมจะทำให้ผมเป็นบ้าได้ทุกวัน วันนั้นตอนกลางคืน ผมพึ่งหายจากอาการ อาหารเป็นพิษและกำลังเล่นเฟสในคอมผมปัดไปเรื่อยๆเบื่อๆ พร้อมความคิดเซ็งๆเรื่องการเป็นโรคว่า "เมื่อไหร่จะหายซักทีวะ เข้าห้องน้ำจนไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว เหนื่อย" ทันใดนั้นเองครับจู่ๆสมองผมมีภาพแปลกๆ เกี่ยวกับความสัปดลของเพศเดียวกันเข้ามาในหัว เท่านั้นแหละครับ วันนั้นผมไม่รู้ทำไมแต่ผมกลัวมันเอามากๆ ว่าทำไมตัวเองถึงคิดแบบนั้นวะ ทำไมจู่ๆภาพแบบนั้นเข้ามาในหัววะ เราชอบผู้หญิงนะเว้ยที่ผ่านมาจวบจนตอนนี้และรวมไปถึงเป้าหมายในอนาคตที่วางไว้ ก็ทำเพื่อผู้หญิงที่เราตามหามาโดยตลอด เท่านั้นแหละครับ วันนั้นเป็นวันแรกที่ผมเริ่มเข้าไปสู่วังวนแห่งเขาวงกตมรณะ ผมนอนคิดหาเหตุผลมาลบล้างความคิดนั้นแทบตายแต่พอได้คำตอบ มันก็วนคิดแบบเดิมไปเรื่อยๆ จนผมนอนไม่หลับ
เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นเช้าของวันที่ผมผวาที่สุด ผมกลัวไปหมดทุกอย่าง แม่ผมเปิดทีวีเป็นการ์ตูนดราก้อนบอลใช่ครับผมกลัวมากและไม่กล้าดู เพราะกลัวตัวเองจะไปคิดอะไรแบบนั้นอีก และแน่นอนการใช้ชีวิตผมเริ่มเปลี่ยนไปนับจากนั้น ผมเริ่มออกห่างการเข้าใกล้ผู้ชาย ไม่มองผู้ชายเลย ไปไหนมาไหนมีแต่ความวิตกกังวลเต็มหัวไปหมด ไปเรียนก็ไม่นั่งใกล้ผู้ชาย ห้ามผู้ชายมาเข้าใกล้ตัวเด็ดขาด กลัวมาก และเพราะยิ่งกลัวสมองผมมันยิ่งปรุงแต่งเลยครับทีนี้ ทุกภาพสัปดลที่มันสามารถปรุงแต่งมาได้ มันมาหมดครับ !!! น้ำหอมที่เคยชอบฉีดเป็นกลิ่นที่ชอบมาก พอวันนึงไปได้กลิ่นนี้จากผู้ชายคนอื่นที่ฉีด เท่านั้นแหละครับ อาการวิตกกังวลวิ่งมาทำร้ายผมแบบเต็มๆ หน้าซีดหัวใจเต้นเร็วมาก และกลัวมาก ช่วงนั้นผมบอกเลยว่า สมองผมเบลอมาก วันนึงแทบจำอะไรไม่ได้เลยครับ ปวดสมองไปหมดสลับซ้าย ขวา และด้านหลัง กลับมาบ้านก็ยังคิดกลัวแม้กระทั่งพ่อตัวเอง เอาเป็นว่าช่วงนั้นไม่มีความสุขครับ อยากตาย อยากควักลูกตาออกมาจะได้เลิกๆเห็นภาพแบบนั้นและเลิกคิด !!
ต่อมาผมเริ่มมีเหตุผลขึ้นมาหน่อยเริ่มทำการทดลองกับตัวเอง ผมเป็นพวกเสพติดการช่วยตัวเองมาอยู่แล้วก่อนหน้านี้แต่เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผมไม่กล้าช่วยตัวเองเลยครับ กลัวภาพแบบนั้นจะโผล่ขึ้นมาตอนเรากำลังมีความสุข แน่นอนชีวิตผมมีแต่ความกลัวเต็มไปหมด หลับยังกลัวเลยครับว่าจะคิดถึงมันอีก เอาวะถ้าเราไม่ได้ชอบมันจริงๆ เราต้องไม่มีความรู้สึกทางเพศกับมันร่างกายเราจะตอบสนองเอง ผมทดลองแบบนี้จนรู้ว่า ตัวผมไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับภาพที่เข้ามาในหัว เห้อสบายใจเว้ย แต่เข้าใจนะครับ พอมันมาผมยิ่งต้องทำเพื่อให้ตัวเองสบายใจ นี่คือจุดเริ่มต้นของอาการย้ำทำของตัวเอง
เห้ยคิดว่าไม่ไหวแล้วตอนนั้น เลยไปโรงพยาบาลแผนกจิตเวช อยากรีบไปหาหมอระบาย ไม่งั้นจะเป็นบ้าแน่แต่ต้องนัดหมอ 1 เดือน กว่าจะได้ตรวจโห !! บ้าตายแน่ๆทำไงดีไม่อยากจะคิดแล้วจะบ้าตาย...........โอเคผมเริ่มทำให้ตัวเองใจเย็นลง ผมคิดตอนนั้นว่าโอเควะ 1 เดือนต้องทำอะไรซักอย่างให้ตัวเองดีขึ้นก่อนไปหาหมอไม่งั้น คงโดนยา Fluoxetine แน่ๆ (ผมไม่อยากกินยาครับเพราะอยากบริจาคเลือดอยู่) นี่คือจุดเริ่มต้นของการสู้ครับอาการมันครับ
ผมพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้ที่มาของ OCD ว่ามันเกิดจากอะไรกัน หาข้อมูลในเว็บ และทุกอย่างหาหนังสือมาอ่าน การทดลองทุกอย่าง (อาการที่ผมเป็นคือ HOCD ครับแนะนำให้ลองไปหาใน Youtube ดูเพราะนักจิตวิทยาฝรั่งเขามีแนวทางการรักษาที่ได้ผลดีมาก) จนโอเคผมเริ่มต้นสู้กับมันครั้งแรก ผมต้องเลิกอาการย้ำทำก่อน การเช็คร่างกายเช็คว่าหนอนน้อยผมมันตื่นตัวไหม แน่นอนผมพยายามฝืนตัวเองแรกๆมันยากมากเพราะคุณจะกังวลเอามากๆ กังวลจนหัวเบลอไปประมาณ 1 อาทิตย์ ผมทำสำเร็จครับ !!!! ผมเลิกอาการเช็คร่างกายตัวเองได้แล้วสามารถปล่อยวางกับความคิดพวกนั้นได้เร็วมากขึ้น นี่คือก้าวเล็กน้อยๆของผมที่เหมือนจะมาถูกทางและกำลังไปสู่ทางออกของเขาวงกต
ผมเริ่มศึกษามากขึ้นว่า การช่วยตัวเองที่ผมทำเป็นประจำนั้นมันทำให้สมองเราหลั่ง Dopamine ออกมาเยอะมากในแต่ละครั้ง และอาการวิตกกังวลนั้นหากเกิดขึ้นมันจะเปลี่ยน Dopamine ให้เป็น Adrenarine จนหมดและไม่เหลือ Serotonin ที่จะทำให้ตัวเราสงบอยู่เลย เพื่อให้ร่างกายรู้ว่ากำลังมีภัยคุกคาม หูตาจะไว้ต่อสิ่งเร้าที่ทำให้ตัวคุณกังวลมาก (ในที่นี้ของผมคือผู้ชาย) ยิ่งทำให้ผมเครียดเข้าไปใหญ่แต่ก่อนมองแต่ผู้หญิงแต่ทำไมตอนนี้มันถึงเป็นแบบนี้ไปวะ เครียดๆๆ ไม่พอครับมันยังทำให้ กลูคาก้อนเพิ่มสูงทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ช่วงนั้นจึงรู้สึกไม่หิวอะไรเลยกลัวไปหมด ไม่อยากกินอะไรน้ำหนักลดฮวบ 4-5 กิโล พอผมศึกษาจนรู้ละ ผมถึงเลิกการช่วยตัวเองไปซักพักก่อน เฮ้ยอาการมันดีขึ้นเว้ยผ่านไป 4-5 วันชีวิตดีขึ้นมากรู้สึกว่าอาการย้ำคิดน้อยลง
ต่อมาไม่นานครบ 1 เดือนพอดีไปหาหมอจิตเวชช่วงนั้นคือโอเคขึ้นกว่าตอนแรกเอามากๆครับ ไปหาหมอก็เล่าทุกอย่างให้หมอฟังทั้งหมด หมอไม่ได้ให้ยาผมมาและบอกแค่อาการผมก้ำกึ่งโรคย้ำคิดย้ำทำแต่ยังไม่ถึงกับเป็นหนักเพราะยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เห้ยโอเคเราสามารถเอาชนะมันได้ผมเริ่มมีความเชื่อเต็มเปี่ยมว่าซักวันจะเลิกคิดได้แน่นอน หลังจากนั้นก็คิดน้อยลงเรื่อยๆเราไปให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นมากขึ้น (สำคัญมากครับอันนี้เพราะจะช่วยลดอาการวนคิดได้) แต่ไม่จบเท่านั้นอาการผมกลับมาหนักอีกรอบบ !!!
ผมดันนไปนึกถึงเรื่องในวัยเด็กซักตอน 8 ขวบ ซึ่งมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ที่ผมเหมือนเคยผ่านมันมาและไม่อยากจดจำกับมันเท่าไหร่ แน่นอนครับพอผมคิดว่า มันเคยเกิดขึ้นมาก่อนตอนนี้มันอาจจะทำให้เกิดขึ้นอีกก็ได้ เท่านั้นแหละครับ สติแตก!!!! ผมแทบบ้าเลยครับช่วงนั้นอยู่คนเดียวไม่ได้จะบ้าตายคิดแต่เรื่องนั้นอยู่ได้ ทั้งๆที่มันจบไปนานแล้ว แล้วตัวผมก็ไม่ได้ให้ค่าอะไรกับมันอยู่แล้ว แต่ผมไม่ยอมครับผมสู้กับมัน ผมสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ใช้ยาและแน่นอนต้องอยู่กับพวกมันให้ได้ เพราะมันคือความคิดเราเอง จนผมทำได้ครับสุดท้ายก็เลิกปรุงแต่งเรื่องที่มันจบไปนานเป็นชาติได้แล้วและหายอาการคิดวนได้ (อันนี้ยากมากครับเพราะผมต้องใช้ความเชื่อของตัวเองจริงๆ ทำตามฝันตัวเองต่อไปทั้งความรู้สึกกลัวและไม่อยากทำอะไรเลยทั้งความเครียด มันเครียดมาก แต่สุดท้ายความสำเร็จเล็กๆมันจะทำให้คุณสามารถสร้างความเชื่อมั่นตัวเองกลับมาได้อีกรอบครับ)
สิ่งสุดท้ายที่ผมต้องแก้ไขเลยคือ อาการย้ำคิดของเรา อันนี้เป็นเหมือนบอสใหญ่ครับ เหมือนเป็นคนสร้างเขาวงกตนี้แล้ว นี่คือด่านสุดท้ายมันยากมาก ต้องใช้ความเพียรพยายามในการเอาชนะมันครับ เพราะเหมือนสมองผมจะปรุงแต่งให้ผมคิดวนและวิตกกังวลไปโดยอัตโนมัติ ต้องพยายามโฟกัสกับปัจจุบันคือสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะหลุดแว๊บไปแต่พยายามดึงสติตัวเองกลับมาอยู่กับปัจจุบันให้ได้มากสุด แรกๆทำได้ไม่กี่วิ พอทำเรื่อยๆเริ่มเป็นนาที และเป็นชั่วโมง สำคัญคือต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะครับ ตั้งเป้าหมายความสำเร็จตัวเองและภูมิใจกับมันว่าคุณเอาชนะมันได้นิดนึงแล้ว จุดประสงค์คือ ต้องการให้สมองคุณหลั่ง Dopamine และ Serotonin และ Oxytocin มาทำให้คุณมีความสุขและภูมิใจกับตัวเองทำเรื่อยๆครับ สมองคุณจะสามารถปรับสารเคมีได้ใหม่เองโดยที่ไม่ต้องใช้ยามาปรับเลย
สุดท้ายนี้ขอฝากไว้ครับ สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะความกลัว กังวลเครียด อยากให้คิดว่ามันก็แค่สารในสมองทีเปลี่ยนไปเลยทำให้คุณมีความรู้สึกแบบนั้น จดจำช่วงเวลาดีๆ และภาคภูมิใจของตัวเองเอาไว้ ใช้เหตุการณ์นั้นเป็นความเชื่อของตัวคุณเองว่าคุณจะต้องสามารถทำได้อีก แรกๆมันอาจจะเป็นไปไมได้แต่ผมเชื่อ ว่าทำไปเรื่อยๆ มันจะไม่ยากเกินความสามารถของคุณแน่นอนสมองคุณจะเริ่มเปลี่ยนสารเคมีในสมองใหม่ เปลี่ยน Dopamine เป็น Serotonin มากขึ้นและเป็น Adrenaline น้อยลง ที่สำคัญเลยคือพยายามเลิกคิดวนครับ เบี่บงเบนความสนใจไปยังสิ่งอื่นหาอะไรทำ (แนะนำให้ออกกำลังกายไปเล่นเวทหรือวิ่งก็ได้ครับพยายามใช้กลูโคสที่สร้างขึ้นออกมาให้หมด และความวิตกกังวลจะเริ่มน้อยลงครับ)
พยายามกินอาหารที่เป็นประโยชน์มากๆ ก็พวก เนื้อสัตว์ โปรตีน ครับ Serotonin สร้างได้เยอะในกระเพาะอาหารถ้าไม่กินอะไรเลยคงไม่ดีแน่ แล้วพวกอาหารบำรุงสมองกินด้วยครับ ต้องซ่อมแซมสมองส่วนที่คุณย้ำคิดบ่อยๆให้กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม นอนให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมง อย่าอดนอนห้ามเลย และพยายามงดกิจกรรมที่ทำให้สมองหลั่ง Dopamine ออกมาเยอะเกินไป เช่นพวก ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ สำหรับผมก็รวมช่วยตัวเองไปด้วยละกัน 555555555
***ไม่อยากให้คุณคิดว่าอยากหายจากมันเมื่อไหร่ แต่ให้คิดครับว่ามันทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง คุณได้อะไรจากมันบ้าง (ผมขยันมากขึ้นเพราะไม่ปล่อยให้ตัวเองว่างจนคิดไปเรื่อย,ผมดูแลสุขภาพมากขึ้น,ผมพยายามกับเป้าหมายตัวเองหนักขึ้นกว่าแต่ก่อนอีก) พอย้อนมาดูอีกทีผมพัฒนามาไกลมากจากเขาวงกตมรณะนั้นมันกลับทำให้ตัวผมพยายามไปข้างหน้าได้อย่างมีไฟมากขึ้น เป้าหมายผมคือ อยากรีบแต่งงานกับเจ้าสาวสวยๆและมีลูกครับ 5555555555 การที่จะไปถึงได้มีแต่ผมจะต้องพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นมากกว่าตอนนี้****
ปล. ผมรักษาและทดลองด้วยตัวเองรวม 3 เดือนกว่าๆครับ
รีวิวการต่อสู้กับอาการย้ำคิดย้ำทำเรื่องเพศ เขาวงกตมรณะจะต้องถูกทำลายไปได้ !!!
เริ่มแรกผมอยากกล่าวก่อนเลยคือ ปีนี้ผมอายุเข้า 22 ปี แล้วครับเป็นคนที่มีความสุขในชีวิตมาโดยตลอดเพื่องฝูงเฮฮาครบครัน บางช่วงก็อาจจะทุกข์บ้างอะไรบ้าง แต่โดยรวมเป็นคนมองโลกในแง่บวกครับเจออะไรที่ผิดพลาดหรือล้มเหลวเราจะมองมันเป็นแง่บวกและเอามาพัฒนาตัวเองได้เสมอเป็นคนที่มี Energy อยู่เต็มตัวเลยครับพร้อมไปข้างหน้าทำตามความฝันตัวเองแบบไม่หยุดยั้ง
จนกระทั่ง.........วันที่ 18 มีนาคม 2561 วันเริ่มต้นของเขาวงกตมรณะในหัวที่หาทางออกไม่ได้ และพร้อมจะทำให้ผมเป็นบ้าได้ทุกวัน วันนั้นตอนกลางคืน ผมพึ่งหายจากอาการ อาหารเป็นพิษและกำลังเล่นเฟสในคอมผมปัดไปเรื่อยๆเบื่อๆ พร้อมความคิดเซ็งๆเรื่องการเป็นโรคว่า "เมื่อไหร่จะหายซักทีวะ เข้าห้องน้ำจนไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว เหนื่อย" ทันใดนั้นเองครับจู่ๆสมองผมมีภาพแปลกๆ เกี่ยวกับความสัปดลของเพศเดียวกันเข้ามาในหัว เท่านั้นแหละครับ วันนั้นผมไม่รู้ทำไมแต่ผมกลัวมันเอามากๆ ว่าทำไมตัวเองถึงคิดแบบนั้นวะ ทำไมจู่ๆภาพแบบนั้นเข้ามาในหัววะ เราชอบผู้หญิงนะเว้ยที่ผ่านมาจวบจนตอนนี้และรวมไปถึงเป้าหมายในอนาคตที่วางไว้ ก็ทำเพื่อผู้หญิงที่เราตามหามาโดยตลอด เท่านั้นแหละครับ วันนั้นเป็นวันแรกที่ผมเริ่มเข้าไปสู่วังวนแห่งเขาวงกตมรณะ ผมนอนคิดหาเหตุผลมาลบล้างความคิดนั้นแทบตายแต่พอได้คำตอบ มันก็วนคิดแบบเดิมไปเรื่อยๆ จนผมนอนไม่หลับ
เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นเช้าของวันที่ผมผวาที่สุด ผมกลัวไปหมดทุกอย่าง แม่ผมเปิดทีวีเป็นการ์ตูนดราก้อนบอลใช่ครับผมกลัวมากและไม่กล้าดู เพราะกลัวตัวเองจะไปคิดอะไรแบบนั้นอีก และแน่นอนการใช้ชีวิตผมเริ่มเปลี่ยนไปนับจากนั้น ผมเริ่มออกห่างการเข้าใกล้ผู้ชาย ไม่มองผู้ชายเลย ไปไหนมาไหนมีแต่ความวิตกกังวลเต็มหัวไปหมด ไปเรียนก็ไม่นั่งใกล้ผู้ชาย ห้ามผู้ชายมาเข้าใกล้ตัวเด็ดขาด กลัวมาก และเพราะยิ่งกลัวสมองผมมันยิ่งปรุงแต่งเลยครับทีนี้ ทุกภาพสัปดลที่มันสามารถปรุงแต่งมาได้ มันมาหมดครับ !!! น้ำหอมที่เคยชอบฉีดเป็นกลิ่นที่ชอบมาก พอวันนึงไปได้กลิ่นนี้จากผู้ชายคนอื่นที่ฉีด เท่านั้นแหละครับ อาการวิตกกังวลวิ่งมาทำร้ายผมแบบเต็มๆ หน้าซีดหัวใจเต้นเร็วมาก และกลัวมาก ช่วงนั้นผมบอกเลยว่า สมองผมเบลอมาก วันนึงแทบจำอะไรไม่ได้เลยครับ ปวดสมองไปหมดสลับซ้าย ขวา และด้านหลัง กลับมาบ้านก็ยังคิดกลัวแม้กระทั่งพ่อตัวเอง เอาเป็นว่าช่วงนั้นไม่มีความสุขครับ อยากตาย อยากควักลูกตาออกมาจะได้เลิกๆเห็นภาพแบบนั้นและเลิกคิด !!
ต่อมาผมเริ่มมีเหตุผลขึ้นมาหน่อยเริ่มทำการทดลองกับตัวเอง ผมเป็นพวกเสพติดการช่วยตัวเองมาอยู่แล้วก่อนหน้านี้แต่เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผมไม่กล้าช่วยตัวเองเลยครับ กลัวภาพแบบนั้นจะโผล่ขึ้นมาตอนเรากำลังมีความสุข แน่นอนชีวิตผมมีแต่ความกลัวเต็มไปหมด หลับยังกลัวเลยครับว่าจะคิดถึงมันอีก เอาวะถ้าเราไม่ได้ชอบมันจริงๆ เราต้องไม่มีความรู้สึกทางเพศกับมันร่างกายเราจะตอบสนองเอง ผมทดลองแบบนี้จนรู้ว่า ตัวผมไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับภาพที่เข้ามาในหัว เห้อสบายใจเว้ย แต่เข้าใจนะครับ พอมันมาผมยิ่งต้องทำเพื่อให้ตัวเองสบายใจ นี่คือจุดเริ่มต้นของอาการย้ำทำของตัวเอง
เห้ยคิดว่าไม่ไหวแล้วตอนนั้น เลยไปโรงพยาบาลแผนกจิตเวช อยากรีบไปหาหมอระบาย ไม่งั้นจะเป็นบ้าแน่แต่ต้องนัดหมอ 1 เดือน กว่าจะได้ตรวจโห !! บ้าตายแน่ๆทำไงดีไม่อยากจะคิดแล้วจะบ้าตาย...........โอเคผมเริ่มทำให้ตัวเองใจเย็นลง ผมคิดตอนนั้นว่าโอเควะ 1 เดือนต้องทำอะไรซักอย่างให้ตัวเองดีขึ้นก่อนไปหาหมอไม่งั้น คงโดนยา Fluoxetine แน่ๆ (ผมไม่อยากกินยาครับเพราะอยากบริจาคเลือดอยู่) นี่คือจุดเริ่มต้นของการสู้ครับอาการมันครับ
ผมพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้ที่มาของ OCD ว่ามันเกิดจากอะไรกัน หาข้อมูลในเว็บ และทุกอย่างหาหนังสือมาอ่าน การทดลองทุกอย่าง (อาการที่ผมเป็นคือ HOCD ครับแนะนำให้ลองไปหาใน Youtube ดูเพราะนักจิตวิทยาฝรั่งเขามีแนวทางการรักษาที่ได้ผลดีมาก) จนโอเคผมเริ่มต้นสู้กับมันครั้งแรก ผมต้องเลิกอาการย้ำทำก่อน การเช็คร่างกายเช็คว่าหนอนน้อยผมมันตื่นตัวไหม แน่นอนผมพยายามฝืนตัวเองแรกๆมันยากมากเพราะคุณจะกังวลเอามากๆ กังวลจนหัวเบลอไปประมาณ 1 อาทิตย์ ผมทำสำเร็จครับ !!!! ผมเลิกอาการเช็คร่างกายตัวเองได้แล้วสามารถปล่อยวางกับความคิดพวกนั้นได้เร็วมากขึ้น นี่คือก้าวเล็กน้อยๆของผมที่เหมือนจะมาถูกทางและกำลังไปสู่ทางออกของเขาวงกต
ผมเริ่มศึกษามากขึ้นว่า การช่วยตัวเองที่ผมทำเป็นประจำนั้นมันทำให้สมองเราหลั่ง Dopamine ออกมาเยอะมากในแต่ละครั้ง และอาการวิตกกังวลนั้นหากเกิดขึ้นมันจะเปลี่ยน Dopamine ให้เป็น Adrenarine จนหมดและไม่เหลือ Serotonin ที่จะทำให้ตัวเราสงบอยู่เลย เพื่อให้ร่างกายรู้ว่ากำลังมีภัยคุกคาม หูตาจะไว้ต่อสิ่งเร้าที่ทำให้ตัวคุณกังวลมาก (ในที่นี้ของผมคือผู้ชาย) ยิ่งทำให้ผมเครียดเข้าไปใหญ่แต่ก่อนมองแต่ผู้หญิงแต่ทำไมตอนนี้มันถึงเป็นแบบนี้ไปวะ เครียดๆๆ ไม่พอครับมันยังทำให้ กลูคาก้อนเพิ่มสูงทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ช่วงนั้นจึงรู้สึกไม่หิวอะไรเลยกลัวไปหมด ไม่อยากกินอะไรน้ำหนักลดฮวบ 4-5 กิโล พอผมศึกษาจนรู้ละ ผมถึงเลิกการช่วยตัวเองไปซักพักก่อน เฮ้ยอาการมันดีขึ้นเว้ยผ่านไป 4-5 วันชีวิตดีขึ้นมากรู้สึกว่าอาการย้ำคิดน้อยลง
ต่อมาไม่นานครบ 1 เดือนพอดีไปหาหมอจิตเวชช่วงนั้นคือโอเคขึ้นกว่าตอนแรกเอามากๆครับ ไปหาหมอก็เล่าทุกอย่างให้หมอฟังทั้งหมด หมอไม่ได้ให้ยาผมมาและบอกแค่อาการผมก้ำกึ่งโรคย้ำคิดย้ำทำแต่ยังไม่ถึงกับเป็นหนักเพราะยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เห้ยโอเคเราสามารถเอาชนะมันได้ผมเริ่มมีความเชื่อเต็มเปี่ยมว่าซักวันจะเลิกคิดได้แน่นอน หลังจากนั้นก็คิดน้อยลงเรื่อยๆเราไปให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นมากขึ้น (สำคัญมากครับอันนี้เพราะจะช่วยลดอาการวนคิดได้) แต่ไม่จบเท่านั้นอาการผมกลับมาหนักอีกรอบบ !!!
ผมดันนไปนึกถึงเรื่องในวัยเด็กซักตอน 8 ขวบ ซึ่งมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ที่ผมเหมือนเคยผ่านมันมาและไม่อยากจดจำกับมันเท่าไหร่ แน่นอนครับพอผมคิดว่า มันเคยเกิดขึ้นมาก่อนตอนนี้มันอาจจะทำให้เกิดขึ้นอีกก็ได้ เท่านั้นแหละครับ สติแตก!!!! ผมแทบบ้าเลยครับช่วงนั้นอยู่คนเดียวไม่ได้จะบ้าตายคิดแต่เรื่องนั้นอยู่ได้ ทั้งๆที่มันจบไปนานแล้ว แล้วตัวผมก็ไม่ได้ให้ค่าอะไรกับมันอยู่แล้ว แต่ผมไม่ยอมครับผมสู้กับมัน ผมสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ใช้ยาและแน่นอนต้องอยู่กับพวกมันให้ได้ เพราะมันคือความคิดเราเอง จนผมทำได้ครับสุดท้ายก็เลิกปรุงแต่งเรื่องที่มันจบไปนานเป็นชาติได้แล้วและหายอาการคิดวนได้ (อันนี้ยากมากครับเพราะผมต้องใช้ความเชื่อของตัวเองจริงๆ ทำตามฝันตัวเองต่อไปทั้งความรู้สึกกลัวและไม่อยากทำอะไรเลยทั้งความเครียด มันเครียดมาก แต่สุดท้ายความสำเร็จเล็กๆมันจะทำให้คุณสามารถสร้างความเชื่อมั่นตัวเองกลับมาได้อีกรอบครับ)
สิ่งสุดท้ายที่ผมต้องแก้ไขเลยคือ อาการย้ำคิดของเรา อันนี้เป็นเหมือนบอสใหญ่ครับ เหมือนเป็นคนสร้างเขาวงกตนี้แล้ว นี่คือด่านสุดท้ายมันยากมาก ต้องใช้ความเพียรพยายามในการเอาชนะมันครับ เพราะเหมือนสมองผมจะปรุงแต่งให้ผมคิดวนและวิตกกังวลไปโดยอัตโนมัติ ต้องพยายามโฟกัสกับปัจจุบันคือสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะหลุดแว๊บไปแต่พยายามดึงสติตัวเองกลับมาอยู่กับปัจจุบันให้ได้มากสุด แรกๆทำได้ไม่กี่วิ พอทำเรื่อยๆเริ่มเป็นนาที และเป็นชั่วโมง สำคัญคือต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะครับ ตั้งเป้าหมายความสำเร็จตัวเองและภูมิใจกับมันว่าคุณเอาชนะมันได้นิดนึงแล้ว จุดประสงค์คือ ต้องการให้สมองคุณหลั่ง Dopamine และ Serotonin และ Oxytocin มาทำให้คุณมีความสุขและภูมิใจกับตัวเองทำเรื่อยๆครับ สมองคุณจะสามารถปรับสารเคมีได้ใหม่เองโดยที่ไม่ต้องใช้ยามาปรับเลย
สุดท้ายนี้ขอฝากไว้ครับ สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะความกลัว กังวลเครียด อยากให้คิดว่ามันก็แค่สารในสมองทีเปลี่ยนไปเลยทำให้คุณมีความรู้สึกแบบนั้น จดจำช่วงเวลาดีๆ และภาคภูมิใจของตัวเองเอาไว้ ใช้เหตุการณ์นั้นเป็นความเชื่อของตัวคุณเองว่าคุณจะต้องสามารถทำได้อีก แรกๆมันอาจจะเป็นไปไมได้แต่ผมเชื่อ ว่าทำไปเรื่อยๆ มันจะไม่ยากเกินความสามารถของคุณแน่นอนสมองคุณจะเริ่มเปลี่ยนสารเคมีในสมองใหม่ เปลี่ยน Dopamine เป็น Serotonin มากขึ้นและเป็น Adrenaline น้อยลง ที่สำคัญเลยคือพยายามเลิกคิดวนครับ เบี่บงเบนความสนใจไปยังสิ่งอื่นหาอะไรทำ (แนะนำให้ออกกำลังกายไปเล่นเวทหรือวิ่งก็ได้ครับพยายามใช้กลูโคสที่สร้างขึ้นออกมาให้หมด และความวิตกกังวลจะเริ่มน้อยลงครับ)
พยายามกินอาหารที่เป็นประโยชน์มากๆ ก็พวก เนื้อสัตว์ โปรตีน ครับ Serotonin สร้างได้เยอะในกระเพาะอาหารถ้าไม่กินอะไรเลยคงไม่ดีแน่ แล้วพวกอาหารบำรุงสมองกินด้วยครับ ต้องซ่อมแซมสมองส่วนที่คุณย้ำคิดบ่อยๆให้กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม นอนให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมง อย่าอดนอนห้ามเลย และพยายามงดกิจกรรมที่ทำให้สมองหลั่ง Dopamine ออกมาเยอะเกินไป เช่นพวก ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ สำหรับผมก็รวมช่วยตัวเองไปด้วยละกัน 555555555
***ไม่อยากให้คุณคิดว่าอยากหายจากมันเมื่อไหร่ แต่ให้คิดครับว่ามันทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง คุณได้อะไรจากมันบ้าง (ผมขยันมากขึ้นเพราะไม่ปล่อยให้ตัวเองว่างจนคิดไปเรื่อย,ผมดูแลสุขภาพมากขึ้น,ผมพยายามกับเป้าหมายตัวเองหนักขึ้นกว่าแต่ก่อนอีก) พอย้อนมาดูอีกทีผมพัฒนามาไกลมากจากเขาวงกตมรณะนั้นมันกลับทำให้ตัวผมพยายามไปข้างหน้าได้อย่างมีไฟมากขึ้น เป้าหมายผมคือ อยากรีบแต่งงานกับเจ้าสาวสวยๆและมีลูกครับ 5555555555 การที่จะไปถึงได้มีแต่ผมจะต้องพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นมากกว่าตอนนี้****
ปล. ผมรักษาและทดลองด้วยตัวเองรวม 3 เดือนกว่าๆครับ