เชื่อว่ายังมีหลายคนที่มองว่าดัชนีจะขึ้นไป 1800 อีกครั้งในปีนี้ แต่ถ้ามองภาพเศรษฐกิจโลก 1 - 2 ปีนี้ดูเหมือน
จะไม่โตเพิ่มแล้วอย่างดีก็ทรงๆเท่ากับปี 60 โดยเฉพาะกลุ่มประเทศใหญ่อย่าง จีน ญี่ปุ่น และ EU ที่ไม่ขยายตัว
จะมีเฉพาะเมกาที่โตได้อีกแต่ก็ไม่มาก เมื่อกลับมามองตลาดหุ้นบ้านเรา ตอนนี้ PE 17 เท่ากว่าๆ ราคาหุ้นแต่ละตัว
ล้วนขึ้นมาสูงมากถ้าเทียบกับตอนต้นปี 60 จึงเชื่อว่าดัชนีหุ้นจะปรับตัวลดลงได้อีกมาก ดังนั้นปรากฏการณ์
set zero จึงไม่ใช่เกินความคาดหมาย ช่วงนี้คุณจะได้เห็นหุ้นผลัดกันทำนิวโลว์ทุกวันเวียนกลุ่มกันไปเรื่อย
ทั้ง AOT CPALL แบงค์ ไฟฟ้า เครื่องสำอาง Beauty DDD สื่อสาร Advanc Dtac True Jas
โรงกลั่น Top Irpc Sprc Esso ปิโตร Pttgc Ivl ทีวีดิจิตอล Bec RS Work ลิสซิ่ง Mtc Sawad
เรือ Psl Tta Rcl ท่องเที่ยว Mint Centel
คนที่จะรอดคือคนที่อึด ใจแข็งไม่ซื้อแม้ว่าราคาจะดูเหมือนถูกลงเมื่อเทียบกับราคาสูงสุดที่ผ่านมา เมื่อกลับมา
มองกราฟทางเทคนิค จะเห็นว่ามีการทำจุด Higher Low ลงมาเรื่อยๆ และราคายังหลุดเส้น 200 วันลงมาอีก
จึงเป็นการยืนยันในการทำขาลงของดัชนีในภาพระยะสั้น สำหรับผม RSI ต่ำกว่า 45 เล่นไปได้ไม่คุ้มเสียรอต่อไปครับ
ลงไปเรื่อยๆ จนกว่า PE ตลาดจะกลับมาน่าสนใจ ?
จะไม่โตเพิ่มแล้วอย่างดีก็ทรงๆเท่ากับปี 60 โดยเฉพาะกลุ่มประเทศใหญ่อย่าง จีน ญี่ปุ่น และ EU ที่ไม่ขยายตัว
จะมีเฉพาะเมกาที่โตได้อีกแต่ก็ไม่มาก เมื่อกลับมามองตลาดหุ้นบ้านเรา ตอนนี้ PE 17 เท่ากว่าๆ ราคาหุ้นแต่ละตัว
ล้วนขึ้นมาสูงมากถ้าเทียบกับตอนต้นปี 60 จึงเชื่อว่าดัชนีหุ้นจะปรับตัวลดลงได้อีกมาก ดังนั้นปรากฏการณ์
set zero จึงไม่ใช่เกินความคาดหมาย ช่วงนี้คุณจะได้เห็นหุ้นผลัดกันทำนิวโลว์ทุกวันเวียนกลุ่มกันไปเรื่อย
ทั้ง AOT CPALL แบงค์ ไฟฟ้า เครื่องสำอาง Beauty DDD สื่อสาร Advanc Dtac True Jas
โรงกลั่น Top Irpc Sprc Esso ปิโตร Pttgc Ivl ทีวีดิจิตอล Bec RS Work ลิสซิ่ง Mtc Sawad
เรือ Psl Tta Rcl ท่องเที่ยว Mint Centel
คนที่จะรอดคือคนที่อึด ใจแข็งไม่ซื้อแม้ว่าราคาจะดูเหมือนถูกลงเมื่อเทียบกับราคาสูงสุดที่ผ่านมา เมื่อกลับมา
มองกราฟทางเทคนิค จะเห็นว่ามีการทำจุด Higher Low ลงมาเรื่อยๆ และราคายังหลุดเส้น 200 วันลงมาอีก
จึงเป็นการยืนยันในการทำขาลงของดัชนีในภาพระยะสั้น สำหรับผม RSI ต่ำกว่า 45 เล่นไปได้ไม่คุ้มเสียรอต่อไปครับ