*ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่าทั้งหมดเป็นความเห็นที่มาจากมุมมองของจขกท.หลังจากอ่านและรวบรวมข้อมูลต่างๆมาเท่านั้น*
แฟนลิเวอร์พูลหลายคนคงตื่นเต้นกับดีลของฟาบินโญ่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาไปแล้ว ในขณะเดียวกันหลายๆคนอาจตั้งคำถามว่าทำไมเค้าถึงไม่ได้มีชื่อติดทีมชาติของทัพเซเลเซาไปบอลโลกในครั้งนี้ด้วย
ทีมชาติบราซิลชุดนี้อำนวยการทัพโดยติเต ผู้คร่ำหวอดในวงการลูกหนังบราซิลมาอย่างโชกโชน และมากไปด้วยประสบการณ์ ส่วนขุนพลนักเตะในครั้งนี้หลังจากประกาศหลายชื่อมาหลายๆคนก็คงรู้กันอยู่แล้วว่ามีใครบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นนักเตะจากทีมดังๆและทีมที่มีผลงานได้เข้าตามากในปีนี้ แต่ก็มีบางคนที่อาจไม่ค่อยคุ้นหน้าคุ้นตากัน เช่น เรนาโต้ ออกุสโต้ จากปักกิ่งกัวอั๋น เป็นต้น
ที่นี่ก็มาสู่คำถามที่ว่า ทำไม ฟาบินโญ่นักเตะใหม่ป้ายแดงของลิเวอร์พูล ถึงไม่ติดทีมชาติ หากเทียบชื่อชั้นกับนักเตะที่มีชื่อไปลุยเวิร์ลคัพในรอบนี้ ถ้าสังเกตดีๆจะพบว่าในส่วนของโควต้ากองกลางส่วนใหญ่ก็เป็นนักเตะที่มาจากทีมใหญ่ๆในยุโรปที่เราคุ้นเคยกันอยู่แล้ว เช่น คาเซมิโร่ จาก เรอัล มาดริด เฟอร์นานดินโญ่ จาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ เปาลินโญ่ จาก บาร์เซโลน่า เฟร็ด จาก ชัคตาร์โดเนตส์ แน่นอนว่าการันตีเรื่องฝีเท้าและประสบกาณ์ในระดับนึง ซึ่งบรรดานักเตะที่ยกตัวอย่างมาทั้ง4คน ในปีนี้ทีมของพวกเขาได้แชมป์ลีกกันหมดทุกทีมและต่างก็มีฤดูกาลอันยอดเยี่ยม ยกเว้น คาเซมิโร่ ที่เรอัลมาดริดพลาดแชมป์ลีกแต่ก็ยังได้แชมป์ UCL มาปลอบใจในปีนี้แทน จึงไม่น่าแปลกใจถ้าจะถูกเรียกติดทีมชาติ
หรือในรายของ เรนาโต้ ออกุสโต้ แม้จะเล่นอยู่ในไชนีส ซูปเปอร์ลีก แต่เป็นที่รู้กันว่า เค้าคือศิษย์รักคู่บุญของติเตมาก่อนเนื่องจากเคยร่วมงานกันสมัยที่ติเตยังเป็นโค้ชให้กับสโมสรโครินเธียนส์ในบราซิล (จริงๆในทีมชุดนี้ก็มีผู้เล่นหลายคนที่แฟนบอลบราซิลตั้งข้อกังขาว่าสมควรติดทีมมาด้วยจริๆงหรือเปล่า เช่น cassio , taison , fagner แต่ผู้เล่นเหล่านี้ล้วนแต่เคยทำงานกับติเตมาก่อนแล้วและเล่นให้กับโคนินเธียนส์สโมสรเก่าของติเต ) ในขณะที่ ปีนี้ โมนาโก ต้นสังกัดเก่าของฟาบินโญ่ ทำได้แค่ตำแหน่งรองแชมป์ และก่อนหน้านี้ติเตเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า เค้าคิดว่า การจับคู่กันของ ออกุสโต้ และ เปาลินโญ่คือการจับคู่ที่ลงตัวของทีมชาติเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใครสนใจไปอ่านเรื่องราวของออกุสโต้ต่อได้ที่นี่ กด
ดังนั้นจากมุมนี้เองทัศนะของเจ้าของกระทู้จึงมีความรู้สึกว่าไม่น่าแปลกใจว่าทำไมฟาบินโญ่ถึงไม่ได้ถูกเลือกให้ไปรับใช้ชาติในครั้งนี้ เพราะการมีกลางรับติดไปแล้วถึงสองคนนั่นคือคาเซมิโน่และเฟอร์นานดินโญ่ ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ส่วนที่เหลืออีกสามคนคือ เฟร็ด เปาลินโญ่ หรืออกุสโต้ นั่นคือกองกลางประเภท Box2Box หรือจะสลับใครสักคนขึ้นไปเล่นรุกหรือถอยมาเล่นกลางรับก็ทำได้ ถ้าจำเป็นโดยเฉพาะรายหลัง ที่สามารถเล่นได้หลายตำแหน่งพอสมควร
แม้ว่าฟาบินโญ่จะสามารถเล่นตำแหน่งแบ็คขวาได้และดานิ อัลเวส แบ็คตัวเก๋าจะได้รับบาดเจ็บจนต้องถอนตัวไปแล้ว แต่ในสองฤดูกาลให้หลังมานี่ ฟาบินโญ่ปักหลักที่ตำแหน่งกองกลางในสนามมาตลอด ดังนั้นมันจึงค่อนข้างน่าจะเสี่ยงอยู่ไม่น้อยถ้าจะยัดเค้าลงไปในโควต้ากองหลัง แทนที่จะเรียกแบ็คธรรมชาติแบบดานิโล่ หรือ ฟากเนอร์ไปแทน
และถ้าดูจากการเลือกนักเตะ ที่เน้นคนที่ทำตามแผนได้หรือนักเตะที่คุ้นเคยกันอยู่แล้วของติเต ฟาบินโญ่จึงไม่น่าใช่ตัวเลือกแรกๆในลิสต์แน่ๆ
มาถึงตอนนี้ถ้าจะถามว่าแบบนี้แปลว่าฟาบินโญ่ไม่เก่งพอจะติดทีมชาติรึป่าว คงต้องแล้วแต่คนมอง แต่ถ้ามองในมุมแฟนลิเวอร์พูลส่วนคิดว่า จากสถิติ ฟาบินโญ่น่าจะเป็นการเกาถูกที่คันอีกตำแหน่งของลิเวอร์พูล เพราะในทีมขนาดนี้ไม่มีกลางรับธรรมชาติเลย แต่จะเวิร์คหรือไม่ คงต้องมารอลุ้นกันในฤดูกาลที่กำลังจะมาถึงว่าเม็ดเงินที่ลิเวอร์พูลลงทุนไปนั้นจะคุ้มค่าสักแค่ไหน
ทำไมฟาบินโญ่ถึงไม่ติดทีมชาติไปลุยฟุตบอลโลกในรอบนี้
แฟนลิเวอร์พูลหลายคนคงตื่นเต้นกับดีลของฟาบินโญ่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาไปแล้ว ในขณะเดียวกันหลายๆคนอาจตั้งคำถามว่าทำไมเค้าถึงไม่ได้มีชื่อติดทีมชาติของทัพเซเลเซาไปบอลโลกในครั้งนี้ด้วย
ทีมชาติบราซิลชุดนี้อำนวยการทัพโดยติเต ผู้คร่ำหวอดในวงการลูกหนังบราซิลมาอย่างโชกโชน และมากไปด้วยประสบการณ์ ส่วนขุนพลนักเตะในครั้งนี้หลังจากประกาศหลายชื่อมาหลายๆคนก็คงรู้กันอยู่แล้วว่ามีใครบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นนักเตะจากทีมดังๆและทีมที่มีผลงานได้เข้าตามากในปีนี้ แต่ก็มีบางคนที่อาจไม่ค่อยคุ้นหน้าคุ้นตากัน เช่น เรนาโต้ ออกุสโต้ จากปักกิ่งกัวอั๋น เป็นต้น
ที่นี่ก็มาสู่คำถามที่ว่า ทำไม ฟาบินโญ่นักเตะใหม่ป้ายแดงของลิเวอร์พูล ถึงไม่ติดทีมชาติ หากเทียบชื่อชั้นกับนักเตะที่มีชื่อไปลุยเวิร์ลคัพในรอบนี้ ถ้าสังเกตดีๆจะพบว่าในส่วนของโควต้ากองกลางส่วนใหญ่ก็เป็นนักเตะที่มาจากทีมใหญ่ๆในยุโรปที่เราคุ้นเคยกันอยู่แล้ว เช่น คาเซมิโร่ จาก เรอัล มาดริด เฟอร์นานดินโญ่ จาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ เปาลินโญ่ จาก บาร์เซโลน่า เฟร็ด จาก ชัคตาร์โดเนตส์ แน่นอนว่าการันตีเรื่องฝีเท้าและประสบกาณ์ในระดับนึง ซึ่งบรรดานักเตะที่ยกตัวอย่างมาทั้ง4คน ในปีนี้ทีมของพวกเขาได้แชมป์ลีกกันหมดทุกทีมและต่างก็มีฤดูกาลอันยอดเยี่ยม ยกเว้น คาเซมิโร่ ที่เรอัลมาดริดพลาดแชมป์ลีกแต่ก็ยังได้แชมป์ UCL มาปลอบใจในปีนี้แทน จึงไม่น่าแปลกใจถ้าจะถูกเรียกติดทีมชาติ
หรือในรายของ เรนาโต้ ออกุสโต้ แม้จะเล่นอยู่ในไชนีส ซูปเปอร์ลีก แต่เป็นที่รู้กันว่า เค้าคือศิษย์รักคู่บุญของติเตมาก่อนเนื่องจากเคยร่วมงานกันสมัยที่ติเตยังเป็นโค้ชให้กับสโมสรโครินเธียนส์ในบราซิล (จริงๆในทีมชุดนี้ก็มีผู้เล่นหลายคนที่แฟนบอลบราซิลตั้งข้อกังขาว่าสมควรติดทีมมาด้วยจริๆงหรือเปล่า เช่น cassio , taison , fagner แต่ผู้เล่นเหล่านี้ล้วนแต่เคยทำงานกับติเตมาก่อนแล้วและเล่นให้กับโคนินเธียนส์สโมสรเก่าของติเต ) ในขณะที่ ปีนี้ โมนาโก ต้นสังกัดเก่าของฟาบินโญ่ ทำได้แค่ตำแหน่งรองแชมป์ และก่อนหน้านี้ติเตเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า เค้าคิดว่า การจับคู่กันของ ออกุสโต้ และ เปาลินโญ่คือการจับคู่ที่ลงตัวของทีมชาติเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดังนั้นจากมุมนี้เองทัศนะของเจ้าของกระทู้จึงมีความรู้สึกว่าไม่น่าแปลกใจว่าทำไมฟาบินโญ่ถึงไม่ได้ถูกเลือกให้ไปรับใช้ชาติในครั้งนี้ เพราะการมีกลางรับติดไปแล้วถึงสองคนนั่นคือคาเซมิโน่และเฟอร์นานดินโญ่ ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ส่วนที่เหลืออีกสามคนคือ เฟร็ด เปาลินโญ่ หรืออกุสโต้ นั่นคือกองกลางประเภท Box2Box หรือจะสลับใครสักคนขึ้นไปเล่นรุกหรือถอยมาเล่นกลางรับก็ทำได้ ถ้าจำเป็นโดยเฉพาะรายหลัง ที่สามารถเล่นได้หลายตำแหน่งพอสมควร
แม้ว่าฟาบินโญ่จะสามารถเล่นตำแหน่งแบ็คขวาได้และดานิ อัลเวส แบ็คตัวเก๋าจะได้รับบาดเจ็บจนต้องถอนตัวไปแล้ว แต่ในสองฤดูกาลให้หลังมานี่ ฟาบินโญ่ปักหลักที่ตำแหน่งกองกลางในสนามมาตลอด ดังนั้นมันจึงค่อนข้างน่าจะเสี่ยงอยู่ไม่น้อยถ้าจะยัดเค้าลงไปในโควต้ากองหลัง แทนที่จะเรียกแบ็คธรรมชาติแบบดานิโล่ หรือ ฟากเนอร์ไปแทน
และถ้าดูจากการเลือกนักเตะ ที่เน้นคนที่ทำตามแผนได้หรือนักเตะที่คุ้นเคยกันอยู่แล้วของติเต ฟาบินโญ่จึงไม่น่าใช่ตัวเลือกแรกๆในลิสต์แน่ๆ
มาถึงตอนนี้ถ้าจะถามว่าแบบนี้แปลว่าฟาบินโญ่ไม่เก่งพอจะติดทีมชาติรึป่าว คงต้องแล้วแต่คนมอง แต่ถ้ามองในมุมแฟนลิเวอร์พูลส่วนคิดว่า จากสถิติ ฟาบินโญ่น่าจะเป็นการเกาถูกที่คันอีกตำแหน่งของลิเวอร์พูล เพราะในทีมขนาดนี้ไม่มีกลางรับธรรมชาติเลย แต่จะเวิร์คหรือไม่ คงต้องมารอลุ้นกันในฤดูกาลที่กำลังจะมาถึงว่าเม็ดเงินที่ลิเวอร์พูลลงทุนไปนั้นจะคุ้มค่าสักแค่ไหน