คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
MC รู้สึกเสียดายทางเลือกหนึ่งของการเลิกบุหรี่นั่นคือบุหรี่ไฟฟ้า เสียดายที่ตอนนี้เมืองไทยกลายเป็นเรื่องผิดกฏหมาย แม้ใครจะบอกว่าเป็นข้ออ้างทางเลือกในการสูบอย่างอื่นก็ตาม แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ได้สูบการเผาไหม้ซึ่งก่อให้เกิดมะเร็งและโรคต่างๆที่ตามมาอย่างมากมายของผู้สูบบุหรี่มวน
บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ พึ่งจะมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ.2557 และ พึ่งมีคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ให้ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า บุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับบุหรี่ไฟฟ้า” เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2558 แต่ในความเป็นจริงแล้วบุหรี่ไฟฟ้ามีการสูบกันมาในไทยเป็นเวลานานแล้วจนเป็นเรื่องปกติของผู้ที่ไม่ต้องการสูบควันพิษจากการเผาไหม้ แต่มาสูบในรูปแบบของไอน้ำนิโคตินเหลวแต่งกลิ่น บุหรี่ไฟฟ้ามีการกล่าวถึงและขอความร่วมมือเป็นปกติตามสายการบินต่างๆไม่ให้สูบบนเครื่องบินแสดงว่าเป็นสิ่งที่เป็นสิ่งของปกติตามสากลทั่วไป นอกจากเป็นทางเลือกของผู้ที่กลัวการเกิดมะเร็งแล้ว ยังเป็นทางเลือกของผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่แบบค่อยๆลดจาก นิค 6 มาเป็นนิค 3 แล้วจบลงด้วยนิค 0 ตามลำดับ และหลังจากนั้นร่างกายก็จะไม่ต้องการสารนิโคตินอีกต่อไป สามารถเลิกการสูบบุหรี่ไฟฟ้าได้ง่าย
เมื่อกฎหมายมันแก้ไขได้ และสิ่งๆนี้เป็นสิ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ทั้งในไทยและต่างประเทศ ทำไมเราไม่แก้กลับให้มันอยู่ให้ได้ ทำไมถึงไปมองราคาของภาษีมากกว่าการเกิดมะเร็งและโรคอื่นๆที่ตามมาของคน สิ่งไหนที่มันลดอาการเจ็บป่วยได้มันก็ดีกว่าไม่มีไม่ใช่หรือ
MC อยากให้รัฐบาลทบทวนนำมันเข้าสู่ระบบ จะให้ขึ้นกับกรมสรรพสามิตยังไงก็ว่ากันไป เหตุผลเดียวคือมันสามารถลดการเจ็บป่วยจากควันที่เกิดจากการเผาไหม้ของใบยาสูบของบุหรี่มวนได้ครับ และหลายคนก็สามารถเลิกบุหรี่จริงได้จากบุหรี่ไฟฟ้าจริงๆ เบื้องต้นเลิกบุหรี่จริงได้ก็ดีไปก่อนหน้าแล้ว ส่วนบุหรี่ไฟฟ้าการเลิกก็คืออาจจะลดจากระดับนิโคติน นิค 6 ไป นิค 3 และนิค 0 ในที่สุด และหลังจากนั้นร่างกายก็จะค่อยๆปรับตัวไปเองว่าไม่ต้องการนิโคตินก็ได้
ในกรณีที่กังวลว่าภาครัฐจะขาดรายได้ไป ที่จริงแล้วรัฐสามารถทำเองได้ง่ายๆ วงจรไฟฟ้าไม่มีอะไรที่ยุ่งยาก เพราะเป็นวงจรที่ให้ความร้อนผ่านขดลวดเหมือนอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วๆไป มีปุ่มปรับปริมาณของกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านขดลวดกับปุ่มกดเพื่อเริ่มการจ่ายพลังงานไฟฟ้าไปยังขดลวดก็พอ (ขดลวดนี้ผู้สูบต้องพันเองเพราะต้องเปลี่ยนบ่อยๆ) จะต่างจากอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไปตรงใช้ไฟกระแสตรงจากแบตเตอรี่ DC ขนาด 3,000mA++ ขึ้นไป (รีชาร์จได้) ขดลวดสามารถทำขายเองได้ สำลีซับน้ำยาก็สามารถทำมาขายเองได้เช่นกัน ส่วนน้ำยานั้นไม่ต้องกังวลว่าจะต้องนำเข้าสถานเดียวเพราะน้ำยาไทยที่ดังไกลไปทั่วโลกจนทำขายแทบไม่ทันก็มี เช่น Monster Dessert เป็นต้น และปกติบุหรี่ธรรมดาที่ขายกันปัจจุบันนี้ก็มีบุหรี่นำเข้าเช่นกัน แถมขายดีที่สุดยอดขายแซงบุหรี่ไทยไปมากเช่น LM ของฟิลิปปินส์ Winton ของมาเลเซีย Limos ของอินโนีเซียเป็นต้น ล้วนขายดีไม่แพ้ กรองทิพย์ สายฝน กรุงทอง ของบ้านเราทั้งนั้นครับ โดยเฉพาะ LM ทำมาขายกันแทบไม่ทันหลังจากที่บุหรี่ไทยขึ้นราคาอย่างก้าวกระโดด จะไปบีบให้เขาขึ้นตามเขาก็ไม่ขึ้นเพราะคิดว่าราคานี้เหมาะสมแล้ว
เมื่อครั้งหนึ่งเราเคยมีแนวคิดที่จะนำยาบ้ามาทำให้ถูกกฏหมาย เพราะสามารถนำสารบางตัวมารักษาผู้ป่วยบางโรคได้ แต่เนื่องจากผลเสียและการควบคุมมันยาก ผลเสียมีมากกว่าผลดี ตอนนี้เลยยังไม่ผ่านการพิจารณา แต่ในส่วนของบุหรี่ไฟฟ้ามีการใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกอาจจะมีสูบเพื่อความสุนทรีย์ส่วนตัวบ้าง แต่มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถหักดิบจากการเลิกบุหรี่ได้จึงได้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นตัวช่วยในการเลิกบุหรี่ และถึงแม้จะเลิกบุหรี่ไม่ได้แล้วมาติดเจ้าบุหรี่ไฟฟ้าตัวนี้แทน แต่ผลข้างเคียงต่อร่างกายจะมีน้อยกว่า เพราะควันบุหรี่ไฟฟ้าจะเป็นไอน้ำที่ละเหยออกมาจากสำลีชุบน้ำยาที่ผ่านการให้ความร้อนของขดลวด มากกว่าการเผาไหม้ตรงจากใบยาสูบและกระดาษมวนยา โรคที่มาจากบุหรี่ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากนิโคติน แต่มาจากควันการเผาไหม้แล้วผู้สูบสูบเข้าไปในร่างกายครับ
บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ พึ่งจะมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ.2557 และ พึ่งมีคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ให้ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า บุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับบุหรี่ไฟฟ้า” เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2558 แต่ในความเป็นจริงแล้วบุหรี่ไฟฟ้ามีการสูบกันมาในไทยเป็นเวลานานแล้วจนเป็นเรื่องปกติของผู้ที่ไม่ต้องการสูบควันพิษจากการเผาไหม้ แต่มาสูบในรูปแบบของไอน้ำนิโคตินเหลวแต่งกลิ่น บุหรี่ไฟฟ้ามีการกล่าวถึงและขอความร่วมมือเป็นปกติตามสายการบินต่างๆไม่ให้สูบบนเครื่องบินแสดงว่าเป็นสิ่งที่เป็นสิ่งของปกติตามสากลทั่วไป นอกจากเป็นทางเลือกของผู้ที่กลัวการเกิดมะเร็งแล้ว ยังเป็นทางเลือกของผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่แบบค่อยๆลดจาก นิค 6 มาเป็นนิค 3 แล้วจบลงด้วยนิค 0 ตามลำดับ และหลังจากนั้นร่างกายก็จะไม่ต้องการสารนิโคตินอีกต่อไป สามารถเลิกการสูบบุหรี่ไฟฟ้าได้ง่าย
เมื่อกฎหมายมันแก้ไขได้ และสิ่งๆนี้เป็นสิ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ทั้งในไทยและต่างประเทศ ทำไมเราไม่แก้กลับให้มันอยู่ให้ได้ ทำไมถึงไปมองราคาของภาษีมากกว่าการเกิดมะเร็งและโรคอื่นๆที่ตามมาของคน สิ่งไหนที่มันลดอาการเจ็บป่วยได้มันก็ดีกว่าไม่มีไม่ใช่หรือ
MC อยากให้รัฐบาลทบทวนนำมันเข้าสู่ระบบ จะให้ขึ้นกับกรมสรรพสามิตยังไงก็ว่ากันไป เหตุผลเดียวคือมันสามารถลดการเจ็บป่วยจากควันที่เกิดจากการเผาไหม้ของใบยาสูบของบุหรี่มวนได้ครับ และหลายคนก็สามารถเลิกบุหรี่จริงได้จากบุหรี่ไฟฟ้าจริงๆ เบื้องต้นเลิกบุหรี่จริงได้ก็ดีไปก่อนหน้าแล้ว ส่วนบุหรี่ไฟฟ้าการเลิกก็คืออาจจะลดจากระดับนิโคติน นิค 6 ไป นิค 3 และนิค 0 ในที่สุด และหลังจากนั้นร่างกายก็จะค่อยๆปรับตัวไปเองว่าไม่ต้องการนิโคตินก็ได้
ในกรณีที่กังวลว่าภาครัฐจะขาดรายได้ไป ที่จริงแล้วรัฐสามารถทำเองได้ง่ายๆ วงจรไฟฟ้าไม่มีอะไรที่ยุ่งยาก เพราะเป็นวงจรที่ให้ความร้อนผ่านขดลวดเหมือนอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วๆไป มีปุ่มปรับปริมาณของกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านขดลวดกับปุ่มกดเพื่อเริ่มการจ่ายพลังงานไฟฟ้าไปยังขดลวดก็พอ (ขดลวดนี้ผู้สูบต้องพันเองเพราะต้องเปลี่ยนบ่อยๆ) จะต่างจากอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไปตรงใช้ไฟกระแสตรงจากแบตเตอรี่ DC ขนาด 3,000mA++ ขึ้นไป (รีชาร์จได้) ขดลวดสามารถทำขายเองได้ สำลีซับน้ำยาก็สามารถทำมาขายเองได้เช่นกัน ส่วนน้ำยานั้นไม่ต้องกังวลว่าจะต้องนำเข้าสถานเดียวเพราะน้ำยาไทยที่ดังไกลไปทั่วโลกจนทำขายแทบไม่ทันก็มี เช่น Monster Dessert เป็นต้น และปกติบุหรี่ธรรมดาที่ขายกันปัจจุบันนี้ก็มีบุหรี่นำเข้าเช่นกัน แถมขายดีที่สุดยอดขายแซงบุหรี่ไทยไปมากเช่น LM ของฟิลิปปินส์ Winton ของมาเลเซีย Limos ของอินโนีเซียเป็นต้น ล้วนขายดีไม่แพ้ กรองทิพย์ สายฝน กรุงทอง ของบ้านเราทั้งนั้นครับ โดยเฉพาะ LM ทำมาขายกันแทบไม่ทันหลังจากที่บุหรี่ไทยขึ้นราคาอย่างก้าวกระโดด จะไปบีบให้เขาขึ้นตามเขาก็ไม่ขึ้นเพราะคิดว่าราคานี้เหมาะสมแล้ว
เมื่อครั้งหนึ่งเราเคยมีแนวคิดที่จะนำยาบ้ามาทำให้ถูกกฏหมาย เพราะสามารถนำสารบางตัวมารักษาผู้ป่วยบางโรคได้ แต่เนื่องจากผลเสียและการควบคุมมันยาก ผลเสียมีมากกว่าผลดี ตอนนี้เลยยังไม่ผ่านการพิจารณา แต่ในส่วนของบุหรี่ไฟฟ้ามีการใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกอาจจะมีสูบเพื่อความสุนทรีย์ส่วนตัวบ้าง แต่มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถหักดิบจากการเลิกบุหรี่ได้จึงได้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นตัวช่วยในการเลิกบุหรี่ และถึงแม้จะเลิกบุหรี่ไม่ได้แล้วมาติดเจ้าบุหรี่ไฟฟ้าตัวนี้แทน แต่ผลข้างเคียงต่อร่างกายจะมีน้อยกว่า เพราะควันบุหรี่ไฟฟ้าจะเป็นไอน้ำที่ละเหยออกมาจากสำลีชุบน้ำยาที่ผ่านการให้ความร้อนของขดลวด มากกว่าการเผาไหม้ตรงจากใบยาสูบและกระดาษมวนยา โรคที่มาจากบุหรี่ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากนิโคติน แต่มาจากควันการเผาไหม้แล้วผู้สูบสูบเข้าไปในร่างกายครับ
แสดงความคิดเห็น
ห้องเพลงคนรากหญ้า **พักยกการเมือง** มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม..มีแต่เสียง 31/05/2018 "วันงดสูบบุหรี่โลก"
ทุกคนก็คงจะรู้ถึงโทษของการสูบบุหรี่กันอยู่แล้วว่า มันส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราอย่างไร แต่หลายคนก็ยังเลือกที่จะสูบมัน บางคนเลือกที่จะสูบบุหรี่เพียงเพราะความเท่จนในที่สุดก็ติดเป็นนิสัย และเนื่องในวันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกปี เป็น วันงดสูบบุหรี่โลก กระปุกดอทคอมจึงมีบทความเกี่ยวกับ วันงดสูบบุหรี่โลก มาฝาก และลองใช้วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการเลิกบุหรี่กันดีไหม ?
วันงดสูบบุหรี่โลก เริ่มมีการจัดงานครั้งแรกในวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2531 เนื่องจากองค์การอนามัยโลกเล็งเห็นอันตรายของบุหรี่และสุขภาพของผู้สูบบุหรี่ รวมถึงผู้ที่ไม่สูบแต่ต้องมารับควันบุหรี่ด้วย จึงจัดงานวันงดสูบบุหรี่โลก หรือชื่อในภาษาอังกฤษว่า World No Tobacco Day เพื่อกระตุ้นให้ผู้ที่สูบบุหรี่อยู่เลิกสูบ และให้รัฐบาลชุมชน และประชากรโลก ได้ตระหนักถึงความสำคัญเพื่อเข้าร่วมกิจกรรม อีกทั้งยังได้ประกาศให้มีการรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ที่ใช้ชื่อว่า World Spidemic ซึ่งสื่อถึงการสูบบุหรี่ที่เป็นเหมือนโรคระบาดที่ระบาดอยู่ทั่วโลก โดยในวันงดสูบบุหรี่โลกในแต่ละปี ก็จะมีคำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลกที่แตกต่างกันออกไป ดังต่อไปนี้
คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2531 - คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2561
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2531 คือ บุหรี่หรือสุขภาพ ต้องเลือกสุขภาพ (Between tobacco and the health, choose health)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2532 คือ พิษของบุหรี่ต่อสตรี ยิ่งมีมากกว่าบุรุษ (Women and Tobacco : Added risk)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2533 คือ เติบโตอย่างสดใส ห่างไกลจากภัยบุหรี่ (Growing up without tobacco)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2534 คือ สถานที่สาธารณะและยวดยานปลอดบุหรี่ (Public places and transport : Better be tobacco free)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2535 คือ ที่ทำงานปลอดบุหรี่ สุขภาพดี ชีวีปลอดภัย (Tobacco free work places : Safer and healthier)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2536 คือ บุคลากรสาธารณสุขร่วมสร้างสรรค์สังคมปลอดบุหรี่ (Health services, our window to a tobacco-free world)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2537 คือ ทุกสื่อร่วมใจต้านภัยบุหรี่ (The media against tobacco)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2538 คือ บุหรี่ก่อความสูญเสียมากกว่าที่คุณคิด (Tobacco costs more than you think)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2539 คือ ศิลปะและกีฬาไม่พึ่งพาบุหรี่ (Sport and the arts : play it tobacco free)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2540 คือ ผนึกกำลังเพื่อสังคมปลอดบุหรี่ (United for a Tobacco-free world)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2541 คือ คนรุ่นใหม่ไม่สูบบุหรี่ (Growing up without tobacco)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2542 คือ อนาคตมีคุณค่า เมื่อบอกลา...เลิกบุหรี่ (Leave the pack behind)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2543 คือ บุหรี่คร่าชีวิต อย่าหลงผิดตกเป็นเหยื่อ (Tobacco kills don't be Duped)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2544 คือ เห็นใจคนรอบข้าง ร่วมสร้างอากาศสดใส ปลอดจากภัยควันบุหรี่ (Second-Hand Smoke : Let's Clear the Air)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2545 คือ กีฬาปลอดบุหรี่ ส่งผลดีต่อสุขภาพ (Tobacco Free Sports-Play it clean)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2546 คือ ภาพยนตร์ปลอดบุหรี่ ส่งผลดีต่อเยาวชน (Tobacco free films tobacco free fashion)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2547 คือ บุหรี่ : ยิ่งสูบ...ยิ่งจน (ครอบครัวปลอดบุหรี่ จะมั่งมีและแข็งแรง) (Tobacco and Poverty (A Vicious Circle))
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2548 คือ ทีมสุขภาพร่วมใจ ขจัดภัยบุหรี่ (Health Professionals and Tobacco Control)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2549 คือ บุหรี่ทุกชนิดนำชีวิตสู่ความตาย (Tobacco: Deadly in any form or disguise)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2550 คือ ไร้ควันบุหรี่ สิ่งแวดล้อมดี ชีวีสดใส (100% Smoke-Free Environments : Create and Enjoy)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2551 คือ เยาวชนรุ่นใหม่ ร่วมใจ ต้านภัยบุหรี่ (Tobacco-free Youth)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2552 คือ บุหรี่มีพิษ ร่วมคิดเตือนภัย (Tobacco Health Warnings)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2553 คือ หญิงไทยฉลาด ไม่เป็นทาสตลาดบุหรี่ (Genderand Tobacco Withan Emphasis on Marketing to women)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2554 คือ พิทักษ์สิทธิตามกฎหมาย มุ่งสู่สังคมไทยปลอดบุหรี่ (The WHO Framework Convention on Tobacco Control)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2555 คือ จับตา เฝ้าระวัง ยับยั้งอุตสาหกรรมยาสูบ (Tobacco Industry Interference)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2556 คือ ไม่ใช้ ไม่รับ ไม่สนับสนุนโฆษณายาสูบร้าย ทำลายชีวิต (Ban tobacco advertising, promotion and sponsorship)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2557 คือ บุหรี่ : ภาษียิ่งเพิ่ม คนตายยิ่งลด (Raise taxes on tobacco)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2558 คือ หนุนกฎหมายบุหรี่ใหม่ เพื่อคุณภาพชีวิตคนไทย (Stop illicit trade of tobacco products)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2559 คือ ซองบุหรี่แบบเรียบ ลดภัยเงียบ ลดโรค (Get ready for plain packaging)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2560 คือ บุหรี่ ภัยคุกคามต่อการพัฒนา (Tobacco-a threat to development)
- คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2561 คือ บุหรี่ตัวร้าย ทำลายหัวใจ (Tobacco Break Heart)
อย่างไรก็ตามรัฐบาลไทยก็ได้ตระหนักถึงความสูญเสียทางด้านชีวิตของประชากรที่เกิดจากการสูบบุหรี่ จึงได้มีการรณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่ รวมถึงกำหนดมาตรการต่าง ๆ โดยการดูแลของกระทรวงสาธารณสุข ที่จะพยายามให้เกิดการเลิกสูบบุหรี่ ดังเช่นที่กระทรวงได้ประกาศบังคับใช้มาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2535 ให้มีการพิมพ์คำเตือน และโทษของการสูบบุหรี่ที่ข้างซอง ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2548 เป็นต้นมา อีกทั้งยังมีกฎหมายที่ใช้คุ้มครองสุขภาพประชาชน ได้แก่
1. พระราชบัญญัติคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ. 2535 ที่มีสาระสำคัญในการประกาศเขตปลอดบุหรี่ ซึ่งแบ่งเขตปลอดบุหรี่ออกเป็น 4 กลุ่ม คือ
- เขตปลอดบุหรี่อย่างแท้จริง เช่น รถยนต์โดยสารประจำทาง ทั้งแบบปรับอากาศและไม่ปรับอากาศ รวมถึงแท็กซี่ ตู้รถไฟปรับอากาศ และห้องชมมหรสพ
- เขตปลอดบุหรี่ทั้งหมด เช่น โรงเรียน ห้องสมุด แต่ยกเว้นห้องส่วนตัว
- เขตปลอดบุหรี่เกือบทั้งหมด เช่น สถานพยาบาล ศูนย์การค้า สถานที่ราชการและรัฐวิสาหกิจ หากจะสูบก็ให้สูบเฉพาะในเขตสูบบุหรี่
- เขตปลอดบุหรี่อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของพื้นที่นั้น ๆ เช่น ตู้รถไฟโดยสารทั่วไปที่ไม่ใช่แบบปรับอากาศ และร้านขายอาหารทั่ว ๆ ไป เฉพาะบริเวณที่มีระบบปรับอากาศ แต่ต้องจัดเขตสูบบุหรี่ไม่ให้เกินครึ่งหนึ่งของพื้นที่ทั้งหมด
2. พระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ที่มีสาระสำคัญในการห้ามขายบุหรี่ให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี หากผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท รวมถึงห้ามขายสินค้าอื่นและแถมบุหรี่ให้ หรือขายบุหรี่แล้วแถมสินค้าอื่น และห้ามการโฆษณาทั้งทางตรงและทางอ้อม
โทษของบุหรี่
การสูบบุหรี่นั้นถือเป็นการทำลายสุขภาพ ทั้งต่อผู้สูบเองและผู้อยู่ใกล้ชิดที่สูดเอาอากาศที่มีควันบุหรี่เข้าไป เพราะควันบุหรี่ประกอบด้วยสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และมีสารก่อมะเร็ง ไม่ต่ำกว่า 42 ชนิด ซึ่งสารอันตรายที่สำคัญ เช่น
- คาร์บอนมอนอกไซด์
ทำให้เม็ดเลือดแดงไม่สามารถจับออกซิเจนได้เท่ากับเวลาปกติ หากได้รับจะเกิดการขาดออกซิเจน ทำให้มึนงง ตัดสินใจช้า เหนื่อยง่าย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจ
- นิโคติน
เป็นสารระเหยในควันบุหรี่ มีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง มีผลต่อต่อมหมวกไต ทำให้เกิดการหลั่งอิพิเนฟริน ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ และไม่เป็นจังหวะ หลอดเลือดที่แขนและขาหดตัว เพิ่มไขมันในเส้นเลือด (ก้นกรองไม่ได้ทำให้ปริมาณนิโคตินลดลงได้)
- ทาร์ หรือน้ำมันดิน
เป็นคราบมันข้นเหนียว สีน้ำตาลแก่ เกิดจากการเผาไหม้ของกระดาษและใบยาสูบ และเป็นสารก่อมะเร็งต่าง ๆ เช่น มะเร็งปอด, กล่องเสียง, หลอดลม, หลอดอาหาร, ไต, กระเพาะปัสสาวะ และอื่น ๆ ร้อยละ 50 ของน้ำมันดินจะไปจับที่ปอด เกิดอาการระคายเคือง ทำให้ไอเรื้อรัง มีเสมหะ
จากการสำรวจพบว่าผู้ที่เป็นมะเร็งปอดนั้น ร้อยละ 90 เป็นผลเนื่องมาจากการสูบบุหรี่ โดยมีผลวิจัยระบุว่า ผู้ที่สูบบุหรี่เกินวันละ 1 ซอง จะมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดมากกว่าผู้ที่ไม่สูบถึง 5-20 เท่า
ผู้ที่สูบบุหรี่ยังเสี่ยงต่อโรคทางเดินหายใจ อาจมีอาการไอเรื้อรัง บางครั้งไอถี่จนไม่สามารถนอนได้ นอกจากนี้ทาร์ในควันบุหรี่จะสะสมอยู่ในปอดทำให้เป็นโรคถุงลมโป่งพอง ทำให้หายใจขัด หอบ และหากเป็นเรื้อรังอาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ง่ายเช่นเดียวกัน
นอกจากนั้นยังพบว่าการสูบบุหรี่ก่อให้เกิดโรคอื่น ๆ อีกหลายอย่าง เช่น โรคกระเพาะอาหารเป็นแผล โรคความดันเลือดสูง โรคตับแข็ง โรคปริทันต์ โรคโพรงกระดูกอักเสบ โรคหลอดลมอักเสบ โรคหัวใจ เป็นต้น และยังส่งผลต่อบุคลิกภาพของผู้สูบบุหรี่อีกด้วย
ผลข้างเคียงต่อบุคคลอื่น
การสูบบุหรี่นอกจากจะเป็นอันตรายต่อผู้สูบเองแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อผู้ใกล้ชิดอีกด้วย คือ หากเด็กได้รับควันบุหรี่ จะป่วยเป็นโรคหลอดลมอักเสบ ปอดบวม หอบหืด หูชั้นนอกอักเสบเพิ่มมากขึ้น หากหญิงมีครรภ์ได้รับควันบุหรี่ จะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มน้อยกว่าปกติ รวมทั้งมีโอกาสแท้ง และคลอดก่อนกำหนด อีกทั้งยังส่งผลต่อทารกในครรภ์ที่อาจทำให้สมองช้ากว่าปกติ มีความผิดปกติทางระบบประสาท และระบบความจำ
ขณะที่คู่สมรสของผู้สูบบุหรี่ มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งปอดมากกว่าคู่สมรสที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 2 เท่า มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจ 3 เท่า และเสียชีวิตเร็วกว่าปกติถึง 4 ปีเทียบกับคนทั่วไป
อย่างไรก็ตาม แม้บุหรี่จะมีโทษมากมาย แต่ก็ยังมีคนสูบ ทำให้รัฐต้องออกมาตรการ หรือกฎหมายควบคุมการสูบบุหรี่ด้วย ทั้ง สวนสาธารณะ, สนามบิน, สถานีรถไฟ, สถานศึกษา, ร้านค้า, ผับ, เธค และสวนอาหาร เป็นต้น หากฝ่าฝืนก็จะต้องเสียค่าปรับ
นอกจากบุหรี่จะมีโทษมหันต์ต่อผู้สูบและคนใกล้ชิดแล้ว การสูบผิดสถานที่อาจทำให้ติดคุก หรือเสียเงินได้เช่นกัน... ฉะนั้นเราลองหันมาเลิกสูบบุหรี่กันดีกว่าไหม เพื่อสุขภาพของคุณเอง รวมทั้งคนที่คุณรักด้วย
คำสอนจากหลวงพ่อคูณ ต้นแบบแห่งการเลิกบุหรี่
ขอบพระคุณข้อมูลจาก สสส
https://hilight.kapook.com/view/24310
รณรงค์ไม่สูบบุหรี่ - พ่อลูก Cats In The Cradle