ได้ดูละคร"ลิขิตรัก"ตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้ก็เป็นตอนที่6ของละครแล้ว ละครเรื่องนี้มีข้อคิดอะไรดีๆให้กับคนดูมากเช่นกัน หากดูเอาประโยชน์จากละครที่สื่ออกมาให้ผู้ชมอย่างเราๆ ก็ได้ประโยชน์ได้อย่างดีจริงๆ
นับว่าเป็นละครอีกเรื่องหนึ่งที่สื่อให้เห็นถึง
"สัจจะชีวิตของมนุษย์ในเรื่องของความไม่เที่ยงแท้ของชีวิต" ชีวิตมนุษย์ทุกวันนี้ทุกคนมีหน้าที่ซึ่งเปรียบเสมือนหัวโขนที่มีสวมใส่กันทุกคน เพียงแต่ว่าหัวโขนของแต่ละคนจะมีบทบาทหนักมากมายเพียงใด ยิ่งตำแหน่งที่สูงถึง"องค์รัชทายาท" ซึ่งคือผู้ที่จะทำหน้าที่สืบต่อจากพระมหากษัตริย์องค์ต่อไป ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งต้องหนักมากมายนัก แต่มนุษย์หลายคนก็ใฝ่ฝันถึงตำแหน่งนี้กัน
องค์หญิงอลิซก็คือบุคคลคนหนึ่งที่เป็นตัวละครที่ทำให้เรามองเห็นถึงสัจจะชีวิตของคนเรา การได้รับแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทจากท่านปู่ของเจ้าหญิง เจ้าหญิงก็โดนลอบปองร้ายไม่เว้นในแต่ละวัน ชีวิตความเป็นญาติพี่น้องของเจ้าหญิงก็อยู่กันอย่างระแวงกัน หาความจริงใจและพึ่งพากันไม่ได้เลย เสมือนชีวิตเราเองเมื่อใดที่ได้ตำแหน่งสำคัญที่ใหญ่ๆขึ้นในทางสังคม ก็ไม่แตกต่างจากเจ้าหญิงอลิซเช่นกัน ซึ่งเจ้าหญิงอลิซถึงขนาดต้องยอมปลอมตัวเป็นสามัญชน เป็นภรรยาของนายทหารไทยนามว่านายพัน"ดวิน" โดยความเห็นชอบของท่านปู่เพื่อความปลอดภัยของหลานสาว
นี่คือสัจจะชีวิตข้อหนึ่งเช่นกันว่า"ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาวยิ่งโดดเดี่ยว" องค์หญิงอลิซก็จำเป็นต้องเรียนรู้การเป็นสามัญชนอย่างไม่เต็มใจนัก และในหลายครั้งก็ต้องจำใจที่ต้องเรียนรู้ และต้องปรับตัวปรับใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงของชีวิตอย่างกะทันหัน เป็นคลื่นชีวิตลูกใหญ่พัดโหมกระหน่ำชีวิตอย่างรุนแรงเมื่อโดนกล่าวหาว่าเป็นกบฎ
ต้องหนีเอาชีวิตตัวรอดไปอยู่บนดอยกับชาวเขา
ซึ่งข้อหากบฎหากอยู่ในประเทศตัวเองก็คือติดคุกและอาจถึงขั้นประหารชีวิตด้วย องค์หญิงก็ต้องทนกับความเจ็บปวดของชีวิตที่มีการพลิกผันสุดขั้วกับตำแหน่งที่เคยได้มา
แต่ชีวิตมนุษย์จะมีสัจจะข้อหนึ่งว่าท่ามกลางความเจ็บปวดที่ได้รับ คุณจะได้ค้นพบสัจจะธรรมของชีวิตอย่างแท้จริง เสมือนกับเจ้าหญิงอลิซซึ่งตอนนี้ก็ได้ค้นพบสัจจะธรรมให้กับตัวเองคือ
1.ได้พบมิตรแท้มีอยู่จริง เจ้าหญิงได้มิตรแท้จากเมืองไทย จากเจ้านายของนายพันดวิน ดวินนายพันผู้จงรักภักดิ์ดีรวมถึงทีมงานองค์รักษ์จากเมืองไทยที่คอยช่วยเหลือมาตั้งแต่ต้น
2.เจ้าหญิงได้รับความรักความเมตตาอบอุ่นจากกลุ่มชนชาวเขาบนดอย ท่ามกลางธรรมชาติ ซึ่งชาวดอยได้ทำพิธีบายศรีสู่ขวัญให้เจ้าหญิงอย่างอบอุ่นใจ การกระทำพิธีบายศรีสู่ขวัญของชาวบ้านทำให้เจ้าหญิงมีกำลังใจ ได้มีสติและมีกำลังใจลุกขึ้นต่อสู้กับอุปสรรค์อย่างเข้มแข็ง
3.ได้เรียนรู้ความรักความสามัคคีของชาวดอยชาวเขา รวมถึงชาวเขาจงรักภักดิ์ดีที่ชาวดอยมีต่อพระมหากษัตริย์ไทยต่อองค์ในหลวงรัชกาลที่9 ทำให้เจ้าหญิงได้เรียนรู้ถึงความรักที่แท้จริงที่มีต่อผู้อื่นคืออะไร การให้ความช่วยเหลือต่อพสกนิกรชาวไทยที่ในองค์หลวงรัชกาลที่9ทรงทำมาตลอดชีวิตของพระองค์ จากการที่ได้อ่านได้ศึกษาพระราชกรณียกิจขององค์ในหลวงรัชกาลที่9ของชาวไทย ทำให้เจ้าหญิงได้รำพึงกับตัวเองว่า"เรายังไม่ได้ช่วยเหลือและเข้าถึงประชาชนขนาดนี้เลย
" ซึ่งนี่คือแสงสว่างที่ทำให้เจ้าหญิงอลิซคิดได้และคิดเป็น" ซึ่งจึงมีภาพในวันต่อมาเจ้าหญิงจึงช่วยสอนหนังสือแก่เด็กๆชาวดอย
4.เจ้าหญิงค้นพบและเข้าใจคำว่า"ยอมแพ้ให้เป็น" ซึ่งจึงมีภาพประทับใจที่ลานการแข่งขันธนูบนดอย ซึ่งจริงๆแล้วเจ้าหญิงทรงเป็นนักแม่นธนู แต่ก่อนงานนี้เกิดขึ้นเพราะดวินองครักษ์พูดให้เจ้าหญิงคิดได้และลองแข่งขัน ต่อมาจึงมีภาพเจ้าหญิงแกล้งยอมแพ้ต่อมัดหมี่สาวชาวเขา ซึ่งมัดหมี่เธอคือความคาดหวังของชาวดอยที่จะต้องเป็นขวัญใจของชาวดอยในหลายๆด้าน การที่มัดหมี่ชนะไม่ใช่แค่มัดหมี่มีความสุขคนเดียว แต่คนทั้งหมู่บ้านก็มีความสุขด้วยเช่นกัน การที่อลิซยอมแพ้ ซึ่งปกติจากคนที่ไม่ยอมคน เจ้าหญิงอลิซเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ซึ่งนี้คือการมอบความรักให้กับทุกๆคนภายใต้คำว่า
"การยอมแพ้ให้เป็นเพื่อความสุขของผู้อื่น ก็คือการชนะใจตัวเองเป็นการชนะอย่างแท้จริง" ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เจ้าหญิงได้เรียนรู้ความรักที่บริสุทธิ์จริงใจอย่างแท้จริงจากชาวดอยชาวเขาที่เมืองไทย
จากเจ้าหญิง สู่สามัญชน ต่อมาโดนใส่ร้ายเป็นกบฎ หากเปรียบกับชีวิตของคนเราก็ไม่ต่างกัน บางคนเมื่อถึงจุดเปลี่ยนของชีวิตที่ต้องเปลี่ยนแปลงก็ตั้งรับไม่ทัน ก็มีมากมายจนถึงขนาดเอาชีวิตแทบไม่รอดก็มี
หากใครไม่ติดยึดปล่อยวางเป็นและเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของชีวิตได้ ชีวิตก็จะพบแสงสัจจะธรรมของชีวิตได้ในไม่ช้าเช่นกัน
ละครเรื่องนี้ให้สัจจะข้อคิดแก่ชีวิตอีกหลายๆอย่าง ซึ่งสอดแทรกสาระของชีวิตอย่างแยบยลแนบเนียน นี่คืออาหารทางจิตใจที่ผู้ชมอย่างเราได้รับจากละครเรื่องนี้จากการดูถึงตอนที่6 ส่วนในด้านอื่นๆเช่นวิวทิวทัศน์สถานที่ต่างๆรวมถึงเสื้อผ้าของผู้แสดง คือสิ่งประกอบที่เป็นรางวัลทางสายตาและจิตใจให้แก่ผู้ชมได้ชมละครอย่างมีความสุขเช่นกัน
ละคร"ลิขิตรัก"ยังไม่จบและยังมีอีกหลายตอนให้ท่านผู้ชมเก็บเกี่ยวข้อคิดของชีวิตกันค่ะ ก็ขอให้ทุกๆท่านชมละคร"ลิขิตรัก"อย่างมีความสุขในทุกวันจันทร์และวันอังคารที่ทีวีช่อง3ค่ะ
ปล.กระทู้นี้พูดคุยเฉพาะประโยชน์และสาระและความสามารถของนักแสดง ซึ่งเราสัมผัสได้จากการได้ดูละคร"ลิขิตรัก"ค่ะ และขอขอบคุณทีมงานและผู้จัดละครเรื่องนี้ที่ตั้งใจทำละครอย่างดีๆมีสาระให้ผู้ชมอย่างเราๆได้ชมกันฟรีๆด้วยค่ะ
จากเจ้าหญิงเป็นสามัญชนโดนใส่ร้ายเป็นกบฎ "เจ้าหญิงอลิซ"ละคร"ลิขิตรัก"