สวัสดีค่า เพื่อน ๆ ห้องบลูทุกท่าน ขอแทนตัวเองว่าเราแล้วกันนะคะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกสำหรับเรา ซึ่งเดิมทีจะเป็นคนอ่านเสียมากกว่า ถ้าผิดพลาดประการใดขออภัย ณ ตรงนี้ก่อนเลยค่า
วันนี้เราจะมารีวิวที่พักน้องใหม่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีชื่อไทยน่ารัก ๆ ว่าบุษบาค่ะ (Busaba Ayutthya) จะเรียกว่าน้องใหม่ก็คงไม่เชิง เพราะ Busaba เขามีคาเฟ่เป็นของตัวเองอยู่แล้วก่อนหน้านี้ รู้สึกว่าจะอยู่ตรงหน้าวัดมหาธาตุที่เป็นสาขาแรก ส่วนที่พักของเราจะอยู่หลัง Busaba cafe สาขาที่สองค่ะ ที่พักเพิ่งเปิดได้เมื่อต้นเดือนเมษาที่ผ่านมาเอง ทุกอย่างเลยดูใหม่ไปหมด
ก่อนอื่นเลย คือที่เราเลือกพักที่บุษบา เพราะเราต้องมาทำโปรเจคของวิชาเรียนกับเพื่อน ๆ ทั้ง 24 ชีวิต พร้อมทั้งได้รับหน้าที่เป็นผู้หาที่พัก กดดันไปอี๊ก ถึงอยุธยาจะเป็นจังหวัดที่ทุกคนเคยมา แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เคยค้างคืน ที่พึ่งของเราคือเว็บจองที่พัก เข้ามันทุกเว็บ เทียบราคา สิ่งอำนวยความสะดวก บลา ๆ เพื่อนก็รีเควสนู่นนี่ เราก็พยายามเอาใจใส่ทุกคนเท่าที่จะทำได้ และที่สำคัญต้องไม่น่ากลัวจนหลอนไม่เป็นอันหลับอันนอน มากไปกว่านั้นคือเรื่องของงบประมาณค่ะ นักศึกษาอย่างเรา ๆ ต้องเลือกสิ่งที่คุ้มค่าที่สุด ทุกบาททุกสตางค์มีค่า 55555555555555555555555
โฮสเทลจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เราติดต่อไปประมาณ 2-3 ที่ บางที่ว่างแค่คืนเดียว บางที่ห้องไม่พอ ความปวดหัวมาอีกแล้ว จนได้มาเจอเข้ากับ "บุษบา" รีบคลิกดูรูปภาพ เรือนไม้ทรงไทยสีขาวทรงโมเดิร์นช่างถูกตาต้องใจเสียจริง ๆ ติดต่อให้ไว คุณพระ !!! แต้มบุญของทั้ง 24 ชีวิตยังพอมี ห้องว่าง ราคาสำหรับทั้งสองคืนก็อยู่ในระดับเป็นที่พอใจของเพื่อน ๆ และเรา แถมผู้จัดการยังใจดี๊ใจดีมีส่วนลดให้อีกตะหาก
ก่อนที่เราจะจองที่นี่เราก็ได้หาข้อมูลหลายเว็บรวมถึงพันทิปด้วย แต่แปลกใจมากที่พบว่าในพันทิปเองก็ยังไม่มีคนรีวิวที่พักแห่งนี้ ส่วนมากจะเป็นโซนของคาเฟ่มากกว่า เราเลยอยากรวบรวมและเล่าความประทับใจเกี่ยวกับกับ "บุษบา" ในกระทู้นี้ค่ะ
มาเข้าที่พักของเรากัน ลักษณะของเขาคือเป็นบ้านเก่าริมน้ำตามตามฉบับอยุธยาขนานแท้ ที่เจ้าของนำมารีโนเวทโดยห้องพักจะแบ่งเป็นแบบ Dorm และแบบ Private room ราคาสามารถเช็คได้ตามเว็บไซต์ที่พักค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://app-apac.thebookingbutton.com/properties/busabaayutthayadirect?check_in_date=30-05-2018&check_out_date=31-05-2018&number_adults=2 พวกข้าวของต่าง ๆ ก็จะเป็นของ ikea ซะส่วนใหญ่ วางใจได้ค่ะ
เราเลือกพักแบบ dorm ทั้งหมด 3 ห้อง ห้องละ 8 คน ตอนเช็คอินเราจะได้รองเท้าสำหรับเดินในที่พัก ผ้าขนหนู พร้อมคีย์การ์ดและกุญแจล็อคเกอร์ เราต้องดูแลทั้ง 4 อย่างนี้ให้ดีดี เพราะถ้าหายขึ้นมาเงินประกันสูญแน่จ้า สำหรับคีย์การ์ดก็ห้องใครห้องมันเลย พี่ front ก็จะแนะนำระเบียบการเข้าพัก ส่วนต่าง ๆ ของที่พัก การท่องเที่ยว แหล่งของกิน และพาเราเข้าห้องค่ะ เนื่องจากวันที่เราไปถึงแม่บ้านเคลียร์ห้องเสร็จเร็วจึงได้เช็คอินตอนบ่ายโมง
ขึ้นมาก็จะเจอมุมแบบนี้
ชั้นบนจะมีทั้งหมด 5 ห้อง เป็น Private 2 /dorm 3 ห้องPrivate เขาจะได้ห้องน้ำชั้นบนไว้แชร์กันสองห้อง ถ้าไม่มีแขกอีกห้องห้องน้ำก้จะเป็นของเรา ย้ำว่าห้องแต่ละแบบไม่มีห้องน้ำในตัวนะคะ
เราสารภาพว่าลืมถ่ายเก็บห้องแบบภาพรวมมาให้ขออธิบายแทนแล้วกัน ที่นอนเขาจะเป็นเตียงสองชั้นมีหมายเลขตามคีย์การ์ด ตกลงกันเอาเนอะว่าใครอยู่บนอยู่ล่าง
อันนี้เตียงเราค่ะ มีปลั๊กไฟและรูเสียบชาร์จแบบ USB ให้ดีงามมม พร้อมม่านทึบไม่ต้องกลัวว่าจะนอนไม่หลับ ขนาดเรานอนโฮสเทลครั้งแรก มันก็โอเค ผ้าห่มอุ่นสบาย เตียงก็นุ่มแต่ไม่ถึงกับโดนดูด 555555555555555555555
มาในส่วนห้องน้ำกันบ้าง เราได้ห้องน้ำรวมด้านล่าง แบ่งเป็นห้องน้ำ และห้องอาบน้ำอย่างละ 3 ห้องแยกชายหญิง ซึ่งคอนเซปต์ของเขาคือ ทำเสมือนบ้านโบราณที่มีห้องน้ำแยกออกจากเรือนด้านบนค่ะ อาจจะลำบากสักเล็กน้อยสำหรับช่วงเวลาเร่งด่วน ถ้าใครไปเป็นกรุ๊ปใหญ่แบบเราต้องจัดการเวลากันให้ดีดี แต่ระหว่างรอ ก็มีอ่างล้างหน้าอยู่หน้าห้องน้ำไว้สลับกันแปรงฟันก็โอเคอยู่น้า หรือจะเป่าผมตรงนี้ก็มีไดร์ไว้บริการค่ะ
ไฟเขาก็จะนัว ๆ หน่อย
นี่เป็นห้องน้ำ สังเกตว่าสวิตซ์ไฟก้ยังคงความเก่าไว้ไม่หลุดธีม ประตูแอบปิดยากพอสมควรสำหรับเรา เพราะใช้บานพับแบบโบราณที่ต้องลงกลอนสลัก แต่ก็เก๋ดีค่ะ
ห้องอาบน้ำอยู่ตรงข้ามกัน มีแชมพู สบู่เหลวให้ค่ะ กลิ่นหอมดีทีเดียว สดชื่นอยู่
อีกโซนที่น่าสนใจคือห้องครัวค่ะ มีน้ำดื่มบริการ ชา กาแฟ ไมโล
ใช้เสร็จเราก็ต้องรับผิดชอบล้างเก็บให้สะอาดเหมือนเดิม หรือหากเพื่อน ๆ ซื้ออาหารภายนอกเข้ามารับประทานสามารถแช่ในตู้เย็นได้ค่ะ ทางที่พักมีโต๊ะเก้าอีกจัดไว้ให้สำหรับรับประทานอาหารสองโซนคือตรงล็อบบี้ และโซนพาวิลเลียนริมน้ำ และเราต้องขอย้ำอีกข้อว่าที่พักไม่อนุญาตให้นำอาหารขึ้นห้องพักได้ค่า
ต่อไปเราก็จะให้ชมบริเวณรอบ ๆ อาจจะไม่ได้ต่อเนื่องนะคะ เพราะใช้ทั้งกล้องและมือถือสลับกัน ไม่ได้ปรับโทนสีด้วยอาจจะดูสะดุดตาไปบ้าง ต้องขออภัยค่าาา
พี่แม่บ้านร่วมเฟรมด้วยค่ะ รอบ ๆ บ้านเป็นสวนหมดเลยค่ะ อยากยกกลับไปไว้ที่บ้านเลยยยยยย
ต้นอะไรนะ จำชื่อไม่ได้สักที
ที่พักยามค่ำคืนค่ะ
ริมน้ำ นั่งรับลมตอนกลางคืนก็เย็นดีค่ะ มีเสียงเรือวิ่งผ่านบ้างเป็นครั้งคราว
lobby มีพวกบอร์ดเกมไรงี้ให้เล่นแก้เซ็งด้วยนะ ตอนเราไปวันแรกเจอฝนก็ได้เกมพวกนี้ช่วยฆ่าเวลาได้ดีเลย
ในตอนเช้าตรงโซนพาวิลเลียนถูกจัดให้เป็นบาร์อาหารเช้าด้วยค่ะ สำหรับห้องประเภท dorm อาหารเช้าที่จัดไว้ให้จะเป็น ซีเรียลกับนมค่ะ แต่ถ้าเป็นห้อง Private จะมีให้เลือกเป็นข้าวต้ม โจ๊ก ต้มเลือดหมู อัพเกรดตามราคา งบน้อยอย่างเราก็เบิ้ลซีเรียลไปสองชามแล้วกัน
แต่เพื่อน ๆ ไม่ต้องกังวลไปถ้าไม่อิ่ม ยังมีคาเฟ่ด้านหน้า พิเศษสำหรับผู้เข้าพักนะคะจะได้ส่วนลด 10% เมื่อใช้บริการคาเฟ่ของบุษบาค่ะ แล้วเราก็ไม่พลาดอยู่แล้วเรื่องส่วนลด อิอิ ถ้าไปกันหลายคนจะใช้วิธีชวนเพื่อนไปหารแบบเราก็ได้นะ ไปกันเลยค่า
เปิดมาด้วยของหนักก่อนเลย
ข้าวผัดมันกุ้งค่ะ ไม่แน่ใจราคานะคะประมาณ 1 ร้อยต้น ๆ รสชาติโอเค มีความเผ็ช ของพริกที่ซอยมาเป็นท่อน ๆ ไม่ต้องขอเพิ่มเลยค่าา
อัญชัญโซดามะนาว เครื่องดื่มสีสวย ไม่แน่ใจราคาอีกแล้ว
น่าจะประมาณ 60.- ค่ะ
กรานิต้าเฉาก๊วยชาไทย มีสายไหมด้วยน้า ชื่นจายยย อันนี้ 95.- ถ้าเป็นของหวานจะจำแม่นเป็นพิเศษ เพราะเราชอบทานของหวานค่ะ
บริเวณร้านก็จัดให้คล้ายกับล็อบบี้ด้านใน สีขาวโปร่ง ๆ ดี
ตอนเราเข้าพักก็แอบเห็นลูกค้าของคาเฟ่เข้ามาถ่ายรูปเฉพาะโซนที่เข้าได้ในที่พักอยู่เยอะเหมือนกัน มุมสวย ๆ เขาก็ดีอยู่นะคะ ขนาดตรงอ่างล้างหน้ายังถ่ายออกมาสวยได้เลย เพื่อนเราก็อัปรูปเพลินเหมือนไม่ได้มาทำงาน ส่วนเราก็ทำงานจนไม่ได้อัปรูปเลยค่า เลยเก็บภาพมาฝากได้เพียงเท่านี้ ภาพที่เราถ่ายมันผสมกันสามวันสองคืนที่เราพักที่บุษบา อาจจะมี jump shot ไปบ้างต้องขอโทษด้วยนะคะ
สุดท้ายนี้ช่วงเวลาที่เราเข้าพัก พี่ ๆ front ต้อนรับและแนะนำให้ข้อมูลเราอย่างดีมาก ๆ ยิ้มแย้มตลอดเวลา ไม่เหวี่ยงวีน แถมยังมีมุม internet เหมาะสำหรับเราที่ไปทำงานมากๆ ทุกอย่างตอบโจทย์ สะดวก อยู่ในเกาะเมือง จะไปไหนมาไหนหากไม่มีรถส่วนตัวก็โบกเจ้าตุ๊ก ๆ หน้ากบกันไป แต่ต้องตกลงราคากันให้ดีก่อนนะคะไม่งั้นบางคันโดนฟันหัวแบะ และอีกอย่างที่ถูกใจของที่พักก็คือ สวนค่ะ บริเวณโดยรอบมองไปทางไหนก็เจอสีเขียวตัดกันสบายตา ถือเป็นทริปทำงานที่ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ของเราเลย ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะคะ ติชมได้ค่า
[CR] >> บันทึกฉบับมินิ "Busaba Ayutthaya" โฮสเทลกิ๊บเก๋ กลางเมืองเก่า เรือนสีขาว โคตรจะโมเดิร์น <<
วันนี้เราจะมารีวิวที่พักน้องใหม่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีชื่อไทยน่ารัก ๆ ว่าบุษบาค่ะ (Busaba Ayutthya) จะเรียกว่าน้องใหม่ก็คงไม่เชิง เพราะ Busaba เขามีคาเฟ่เป็นของตัวเองอยู่แล้วก่อนหน้านี้ รู้สึกว่าจะอยู่ตรงหน้าวัดมหาธาตุที่เป็นสาขาแรก ส่วนที่พักของเราจะอยู่หลัง Busaba cafe สาขาที่สองค่ะ ที่พักเพิ่งเปิดได้เมื่อต้นเดือนเมษาที่ผ่านมาเอง ทุกอย่างเลยดูใหม่ไปหมด
ก่อนอื่นเลย คือที่เราเลือกพักที่บุษบา เพราะเราต้องมาทำโปรเจคของวิชาเรียนกับเพื่อน ๆ ทั้ง 24 ชีวิต พร้อมทั้งได้รับหน้าที่เป็นผู้หาที่พัก กดดันไปอี๊ก ถึงอยุธยาจะเป็นจังหวัดที่ทุกคนเคยมา แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เคยค้างคืน ที่พึ่งของเราคือเว็บจองที่พัก เข้ามันทุกเว็บ เทียบราคา สิ่งอำนวยความสะดวก บลา ๆ เพื่อนก็รีเควสนู่นนี่ เราก็พยายามเอาใจใส่ทุกคนเท่าที่จะทำได้ และที่สำคัญต้องไม่น่ากลัวจนหลอนไม่เป็นอันหลับอันนอน มากไปกว่านั้นคือเรื่องของงบประมาณค่ะ นักศึกษาอย่างเรา ๆ ต้องเลือกสิ่งที่คุ้มค่าที่สุด ทุกบาททุกสตางค์มีค่า 55555555555555555555555
โฮสเทลจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เราติดต่อไปประมาณ 2-3 ที่ บางที่ว่างแค่คืนเดียว บางที่ห้องไม่พอ ความปวดหัวมาอีกแล้ว จนได้มาเจอเข้ากับ "บุษบา" รีบคลิกดูรูปภาพ เรือนไม้ทรงไทยสีขาวทรงโมเดิร์นช่างถูกตาต้องใจเสียจริง ๆ ติดต่อให้ไว คุณพระ !!! แต้มบุญของทั้ง 24 ชีวิตยังพอมี ห้องว่าง ราคาสำหรับทั้งสองคืนก็อยู่ในระดับเป็นที่พอใจของเพื่อน ๆ และเรา แถมผู้จัดการยังใจดี๊ใจดีมีส่วนลดให้อีกตะหาก
ก่อนที่เราจะจองที่นี่เราก็ได้หาข้อมูลหลายเว็บรวมถึงพันทิปด้วย แต่แปลกใจมากที่พบว่าในพันทิปเองก็ยังไม่มีคนรีวิวที่พักแห่งนี้ ส่วนมากจะเป็นโซนของคาเฟ่มากกว่า เราเลยอยากรวบรวมและเล่าความประทับใจเกี่ยวกับกับ "บุษบา" ในกระทู้นี้ค่ะ
มาเข้าที่พักของเรากัน ลักษณะของเขาคือเป็นบ้านเก่าริมน้ำตามตามฉบับอยุธยาขนานแท้ ที่เจ้าของนำมารีโนเวทโดยห้องพักจะแบ่งเป็นแบบ Dorm และแบบ Private room ราคาสามารถเช็คได้ตามเว็บไซต์ที่พักค่ะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ พวกข้าวของต่าง ๆ ก็จะเป็นของ ikea ซะส่วนใหญ่ วางใจได้ค่ะ
เราเลือกพักแบบ dorm ทั้งหมด 3 ห้อง ห้องละ 8 คน ตอนเช็คอินเราจะได้รองเท้าสำหรับเดินในที่พัก ผ้าขนหนู พร้อมคีย์การ์ดและกุญแจล็อคเกอร์ เราต้องดูแลทั้ง 4 อย่างนี้ให้ดีดี เพราะถ้าหายขึ้นมาเงินประกันสูญแน่จ้า สำหรับคีย์การ์ดก็ห้องใครห้องมันเลย พี่ front ก็จะแนะนำระเบียบการเข้าพัก ส่วนต่าง ๆ ของที่พัก การท่องเที่ยว แหล่งของกิน และพาเราเข้าห้องค่ะ เนื่องจากวันที่เราไปถึงแม่บ้านเคลียร์ห้องเสร็จเร็วจึงได้เช็คอินตอนบ่ายโมง
ขึ้นมาก็จะเจอมุมแบบนี้
ชั้นบนจะมีทั้งหมด 5 ห้อง เป็น Private 2 /dorm 3 ห้องPrivate เขาจะได้ห้องน้ำชั้นบนไว้แชร์กันสองห้อง ถ้าไม่มีแขกอีกห้องห้องน้ำก้จะเป็นของเรา ย้ำว่าห้องแต่ละแบบไม่มีห้องน้ำในตัวนะคะ
เราสารภาพว่าลืมถ่ายเก็บห้องแบบภาพรวมมาให้ขออธิบายแทนแล้วกัน ที่นอนเขาจะเป็นเตียงสองชั้นมีหมายเลขตามคีย์การ์ด ตกลงกันเอาเนอะว่าใครอยู่บนอยู่ล่าง
อันนี้เตียงเราค่ะ มีปลั๊กไฟและรูเสียบชาร์จแบบ USB ให้ดีงามมม พร้อมม่านทึบไม่ต้องกลัวว่าจะนอนไม่หลับ ขนาดเรานอนโฮสเทลครั้งแรก มันก็โอเค ผ้าห่มอุ่นสบาย เตียงก็นุ่มแต่ไม่ถึงกับโดนดูด 555555555555555555555
มาในส่วนห้องน้ำกันบ้าง เราได้ห้องน้ำรวมด้านล่าง แบ่งเป็นห้องน้ำ และห้องอาบน้ำอย่างละ 3 ห้องแยกชายหญิง ซึ่งคอนเซปต์ของเขาคือ ทำเสมือนบ้านโบราณที่มีห้องน้ำแยกออกจากเรือนด้านบนค่ะ อาจจะลำบากสักเล็กน้อยสำหรับช่วงเวลาเร่งด่วน ถ้าใครไปเป็นกรุ๊ปใหญ่แบบเราต้องจัดการเวลากันให้ดีดี แต่ระหว่างรอ ก็มีอ่างล้างหน้าอยู่หน้าห้องน้ำไว้สลับกันแปรงฟันก็โอเคอยู่น้า หรือจะเป่าผมตรงนี้ก็มีไดร์ไว้บริการค่ะ
ไฟเขาก็จะนัว ๆ หน่อย
นี่เป็นห้องน้ำ สังเกตว่าสวิตซ์ไฟก้ยังคงความเก่าไว้ไม่หลุดธีม ประตูแอบปิดยากพอสมควรสำหรับเรา เพราะใช้บานพับแบบโบราณที่ต้องลงกลอนสลัก แต่ก็เก๋ดีค่ะ
ห้องอาบน้ำอยู่ตรงข้ามกัน มีแชมพู สบู่เหลวให้ค่ะ กลิ่นหอมดีทีเดียว สดชื่นอยู่
อีกโซนที่น่าสนใจคือห้องครัวค่ะ มีน้ำดื่มบริการ ชา กาแฟ ไมโล
ใช้เสร็จเราก็ต้องรับผิดชอบล้างเก็บให้สะอาดเหมือนเดิม หรือหากเพื่อน ๆ ซื้ออาหารภายนอกเข้ามารับประทานสามารถแช่ในตู้เย็นได้ค่ะ ทางที่พักมีโต๊ะเก้าอีกจัดไว้ให้สำหรับรับประทานอาหารสองโซนคือตรงล็อบบี้ และโซนพาวิลเลียนริมน้ำ และเราต้องขอย้ำอีกข้อว่าที่พักไม่อนุญาตให้นำอาหารขึ้นห้องพักได้ค่า
ต่อไปเราก็จะให้ชมบริเวณรอบ ๆ อาจจะไม่ได้ต่อเนื่องนะคะ เพราะใช้ทั้งกล้องและมือถือสลับกัน ไม่ได้ปรับโทนสีด้วยอาจจะดูสะดุดตาไปบ้าง ต้องขออภัยค่าาา
พี่แม่บ้านร่วมเฟรมด้วยค่ะ รอบ ๆ บ้านเป็นสวนหมดเลยค่ะ อยากยกกลับไปไว้ที่บ้านเลยยยยยย
ต้นอะไรนะ จำชื่อไม่ได้สักที
ที่พักยามค่ำคืนค่ะ
ริมน้ำ นั่งรับลมตอนกลางคืนก็เย็นดีค่ะ มีเสียงเรือวิ่งผ่านบ้างเป็นครั้งคราว
lobby มีพวกบอร์ดเกมไรงี้ให้เล่นแก้เซ็งด้วยนะ ตอนเราไปวันแรกเจอฝนก็ได้เกมพวกนี้ช่วยฆ่าเวลาได้ดีเลย
ในตอนเช้าตรงโซนพาวิลเลียนถูกจัดให้เป็นบาร์อาหารเช้าด้วยค่ะ สำหรับห้องประเภท dorm อาหารเช้าที่จัดไว้ให้จะเป็น ซีเรียลกับนมค่ะ แต่ถ้าเป็นห้อง Private จะมีให้เลือกเป็นข้าวต้ม โจ๊ก ต้มเลือดหมู อัพเกรดตามราคา งบน้อยอย่างเราก็เบิ้ลซีเรียลไปสองชามแล้วกัน
แต่เพื่อน ๆ ไม่ต้องกังวลไปถ้าไม่อิ่ม ยังมีคาเฟ่ด้านหน้า พิเศษสำหรับผู้เข้าพักนะคะจะได้ส่วนลด 10% เมื่อใช้บริการคาเฟ่ของบุษบาค่ะ แล้วเราก็ไม่พลาดอยู่แล้วเรื่องส่วนลด อิอิ ถ้าไปกันหลายคนจะใช้วิธีชวนเพื่อนไปหารแบบเราก็ได้นะ ไปกันเลยค่า
เปิดมาด้วยของหนักก่อนเลย
ข้าวผัดมันกุ้งค่ะ ไม่แน่ใจราคานะคะประมาณ 1 ร้อยต้น ๆ รสชาติโอเค มีความเผ็ช ของพริกที่ซอยมาเป็นท่อน ๆ ไม่ต้องขอเพิ่มเลยค่าา
อัญชัญโซดามะนาว เครื่องดื่มสีสวย ไม่แน่ใจราคาอีกแล้ว น่าจะประมาณ 60.- ค่ะ
กรานิต้าเฉาก๊วยชาไทย มีสายไหมด้วยน้า ชื่นจายยย อันนี้ 95.- ถ้าเป็นของหวานจะจำแม่นเป็นพิเศษ เพราะเราชอบทานของหวานค่ะ
บริเวณร้านก็จัดให้คล้ายกับล็อบบี้ด้านใน สีขาวโปร่ง ๆ ดี
ตอนเราเข้าพักก็แอบเห็นลูกค้าของคาเฟ่เข้ามาถ่ายรูปเฉพาะโซนที่เข้าได้ในที่พักอยู่เยอะเหมือนกัน มุมสวย ๆ เขาก็ดีอยู่นะคะ ขนาดตรงอ่างล้างหน้ายังถ่ายออกมาสวยได้เลย เพื่อนเราก็อัปรูปเพลินเหมือนไม่ได้มาทำงาน ส่วนเราก็ทำงานจนไม่ได้อัปรูปเลยค่า เลยเก็บภาพมาฝากได้เพียงเท่านี้ ภาพที่เราถ่ายมันผสมกันสามวันสองคืนที่เราพักที่บุษบา อาจจะมี jump shot ไปบ้างต้องขอโทษด้วยนะคะ
สุดท้ายนี้ช่วงเวลาที่เราเข้าพัก พี่ ๆ front ต้อนรับและแนะนำให้ข้อมูลเราอย่างดีมาก ๆ ยิ้มแย้มตลอดเวลา ไม่เหวี่ยงวีน แถมยังมีมุม internet เหมาะสำหรับเราที่ไปทำงานมากๆ ทุกอย่างตอบโจทย์ สะดวก อยู่ในเกาะเมือง จะไปไหนมาไหนหากไม่มีรถส่วนตัวก็โบกเจ้าตุ๊ก ๆ หน้ากบกันไป แต่ต้องตกลงราคากันให้ดีก่อนนะคะไม่งั้นบางคันโดนฟันหัวแบะ และอีกอย่างที่ถูกใจของที่พักก็คือ สวนค่ะ บริเวณโดยรอบมองไปทางไหนก็เจอสีเขียวตัดกันสบายตา ถือเป็นทริปทำงานที่ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ของเราเลย ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะคะ ติชมได้ค่า
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น