BKD ฉลามตัวเมียล่าเหยื่อ : โดย อีหล่าน้อย บทความจากเว็บไซต์ Share2Trade

ไม่ใช่บังเอิญที่"นางนุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ" แห่งบริษัท บางกอก เดค-คอน จำกัด(มหาชน) หรือ BKD มีนิคเนมว่า "ฉลาม" เพราะเจ้าตัวนั้นเก่งสมกับฉายาเสียจริงๆ

ใครก็รู้ว่า บริษัทรับเหมาตกแต่งภายในนั้นมีรายได้ไม่สม่ำเสมอ และส่งผลต่อกำไรด้วย ทำให้การหารายได้พิเศษกลายเป็น"ตัวช่วย"ที่ดีมาตลอด แต่ดีลธุรกิจล่าสุดของ BKD กำลังจะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปจากเดิม ไม่ลุ่มๆดอนๆอีกต่อไป

นั่นยังไม่เท่ากับว่าดีลที่เกิดขึ้น นอกจากเป็นการเคลื่อนย้ายแหล่งที่มาของรายได้อย่างมีนัยสำคัญของ BKD แล้ว ยังเป็นการแสดงฝีมือระดับที่ทำให้ฉลามทางการเงินทั้งหลาย ต้องยอมรับว่า เจ๊ฉลาม เป็นดีลเมกเกอร์ที่ไม่ธรรมดาสามัญแน่นอน

เหตุเพราะว่า การได้ธุรกิจใหม่ด้วยการขายหุ้นเพิ่มทุนของ BKD บางส่วนให้กับพันธมิตรใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม เป็นทั้งดีล"ฉลาดซื้อ"และ"ฉลาดขาย"พร้อมกันในคราวเดียว

เรียกได้ว่าเป็นความสามารถพิเศษเฉพาะตัว ที่ห้ามเลียนแบบเลยทีเดียว

ดูรายละเอียดของดีล 2 ดีลที่ไล่เรี่ยกันจะยิ่งเห็นถนัด

ดีลแรก"ฉลาดขาย" เกิดจากมติวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ของที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทให้ลดทุนโดยตัดหุ้นที่ยังไม่ได้นำออกจำหน่าย แล้วเพิ่มทุนใหม่เป็น 760.81 ล้านบาท หรือ 493.11 ล้านบาท โดยออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่ 535.41 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท กำหนดเงื่อนไขสำคัญว่า

1. จัดสรร 90 ล้านหุ้น เสนอขายบุคคลในวงจำกัด (PP) แบ่งขาย 72 ล้านหุ้นให้กับบมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ในกลุ่มบมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ที่ราคาหุ้นละ 3.30 บาท และเสนอขาย 18 ล้านหุ้น ให้กับนายสิวาชัย กลิ่นสุคนธ์ ที่ราคาหุ้นละ 3.30 บาท โดยระบุว่าจะมีการซื้อขายกัน ระหว่างวันที่ 20-23 มิ.ย.61

2. จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 355.4 ล้านหุ้น รองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (วอแรนต์ อายุ 6 ปี) จำนวน 355.4 ล้านหน่วย ที่จะจัดสรรให้ฟรีแก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น ภายใต้เงื่อนไข หากสามารถขายหุ้นเพิ่มทุนให้ PP ได้ดังกล่าว จะจัดสรรวอแรนต์ให้ในอัตรา 3 หุ้นเดิมต่อ 1 วอแรนต์ แต่หากไม่สามารถขายหุ้นเพิ่มทุนให้ PP ได้ จะจัดสรรวอร์แรนต์เพิ่มให้ในอัตรา 2.77 หุ้นเดิมต่อ 1 วอแรนต์ ไม่มีการนำไปลดทุนแต่อย่างใด

3. หุ้นเพิ่มทุนที่เหลือไม่เกิน 90 ล้านหุ้น จะใช้รองรับวอร์แรนต์ที่จะจัดสรรให้กับบุคคลในวงจำกัด (PP-W) คือนางสาวกานติมา รอดศัตรู ผู้ถือหุ้นของ High East Capital Holdings Limited (HECH) จำนวน 90 ล้านหน่วย โดยเสนอขายราคาหน่วยละ 0.16 บาท (ไม่ให้ฟรี แต่ขายในราคามิตรภาพ)โดยมีอัตราการใช้สิทธิ 1 วอแรนต์ต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิ ปีที่ 2 หุ้นละ 4 บาท ,ปีที่ 3 หุ้นละ 4.5 บาท ,ปีที่ 4 หุ้นละ 5 บาท และปีที่ 5 หุ้นละ 5.5 บาท

เจ๊ฉลามอธิบายว่าการขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับกลุ่ม BTS นั้น เกิดจากกลยุทธสร้างพันธมิตรธุรกิจ เนื่องจากศักยภาพของกลุ่มดังกล่าวจะช่วยต่อยอดธุรกิจรับเหมาตกแต่งภายในของบริษัทได้ เพราะกลุ่ม BTS มีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจโรงแรมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในเครือ ยูซิตี้ ซึ่งหากกลุ่ม BTS ต้องการที่จะตกแต่งภายในก็มีโอกาสใช้บริการจากบริษัทได้

มติวันเดียวกันของที่ประชุมคณะกรรมการ ยังได้อนุมัติการขอแก้ไขวัตถุประสงค์ใหม่ของธุรกิจที่จะย่างกรายเข้าทำใหม่ นั่นคือธุรกิจลงทุนด้านสาธารณูปโภคโดยเริ่มต้นที่โครงการจำหน่ายน้ำประปา จังหวัดภูเก็ต

มติดังกล่าวเปิดทางให้ BKD เข้าซื้อหุ้นสามัญของ High East Capital Holdings Limited (HECH) จากนางสาวกานติมา รอดศัตรู ในสัดส่วน 100% รวมมูลค่า 450 ล้านบาท

ผลของการซื้อหุ้น HECH (นิติบุคคลที่จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศฮ่องกง)ทำให้ BKD สามารถถือครองหุ้น บริษัทโกลด์ชอว์ส (GS) เท่ากับ34.62% โดยมีเงื่อนไขว่าสามารถซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนใน GS เพิ่มอีกจำนวน 230,813 หุ้น รวมมูลค่า 150 ล้านบาท

เงื่อนไขผูกมัดเพิ่มเติมยังระบุว่า หากในอนาคต GS สามารถดำเนินการและมีกำไรต่อหุ้นตามกำหนดภายในระยะเวลาที่ตกลง ในเฟสที่ 2-4 หลังเริ่มจ่ายน้ำได้ครั้งแรกบริษัทมีแผนที่จะซื้อหุ้นของ GS ในอนาคต จากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของ GS จำนวน 138,288 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 160 ล้านบาท รวมมูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 760 ล้านบาท

ผลลัพธ์เบ็ดเสร็จภายหลังดีลจบ(ไม่รู้เมื่อใด) จะมีผลทำให้บริษัทเข้าถือหุ้น GS ทั้งทางตรงและทางอ้อมรวมกัน คิดเป็น 46%

GS สำคัญอย่างมากในดีลนี้ เพราะเป็นผู้ดำเนินโครงการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาส่งให้พื้นที่บางส่วนของจังหวัดภูเก็ต และบางส่วนของจังหวัดพังงา (แบ่งเป็น 4 เฟส โดยเฟสแรกมีขนาดกำลังการผลิตเท่ากับ 24,000 ลบ.ม. และเพิ่มขึ้นเฟสละ 24,000 ลบ.ม. จนครบ) ตามสัญญาให้ดำเนินกิจการประปาในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต กับบริษัท ไฮโดรเอ็นเตอร์ไพร์ส แอนด์ อะควอดีซายน์ จำกัด (HYDRO) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GS ที่ครอบครองหุ้นในสัดส่วน 99.99% มีกำหนดระยะเวลา 30 ปี โดยมีแหล่งน้ำดิบมาจากขุมเหมืองเก่า เนื้อที่ประมาณ 340 ไร่ ตั้งอยู่ที่อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา

ปัจจุบัน GS และ HYDRO ได้ดำเนินการขอใบอนุญาตต่างๆ ที่เกี่ยวกับกับการประกอบกิจการประปาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดพังงา รวมถึงการกำหนดงบประมาณลงทุน และจัดหาผู้รับเหมาต่าง ๆ เพื่อดำเนินการขุดบ่อกักเก็บน้ำดิบ รวมถึงเตรียมความพร้อมในพื้นที่โครงการ และวางท่อประปาตามแนวถนน เพื่อรองรับการเปิดจำหน่ายน้ำประปาในอนาคต (ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จ และสามารถผลิตและจำหน่ายน้ำประปาได้ในปลายไตรมาส 2 ปีนี้) แต่ยังขาด 2 คุณสมบัติสำคัญคือ 1) ขาดสภาพคล่องในเฉพาะหน้า 2) งานยังส่งมอบไม่ได้

GS เคยกำหนดงบลงทุนน้ำประปาประมาณ 993 ล้านบาท โดยปัจจุบันยังคงมีงบลงทุนที่ต้องชำระเพิ่มเท่ากับ 648.44 ล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนที่ต้องจ่ายเพิ่มสำหรับเฟสแรก เพื่อให้จ่ายน้ำได้ตามเงื่อนไขบังคับก่อนลงทุน เท่ากับ 333.44 ล้านบาท ซึ่ง GS ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนบริษัทเข้าลงทุน และงบลงทุนสำหรับเฟสที่เหลือประมาณเท่ากับ 320 ล้านบาท

การลงทุนซื้อหุ้น GS เพื่อให้ได้รับสิทธิ์บริการสัมปทานน้ำประปาป้อนภูเก็ตของ HYDRO ยาวนาน โดยมีเงื่อนไขว่าจะจ่ายเงินลงทุนเมื่อ HYDRO รับรู้รายได้เฟสแรกเท่านั้น เท่ากับว่า 1)จ่ายเงินลงทุนเมื่อใด BKD ร่วมรับรู้รายได้ทันที 2) การจ่ายเงินลงทุนดังกล่าวจะเกิดขึ้นหลังจากดีลกับBTS-สิวาชัย มูลค่าเกือบ 300 ล้านบาทจบไปแล้ว

หมายความว่า ดีลซื้อหุ้นกิจการอื่น-ขายหุ้นตัวเอง ครั้งนี้ BKD แค่ควักกระเป๋าซ้าย มาจ่ายประเป๋าขวา เข้าข่าย"รับก่อน จ่ายทีหลัง แล้วจ่ายแล้วรับอีกทันที" โดยไม่ต้องจ่ายเงินออกจากบัญชีเองแม้แต่บาทเดียว แถมมีเงินสดเหลือบางส่วนอีก

แถมยังจะรับรู้รายได้จากเงินลงทุนใน GS เต็มไตรมาสสามและสี่ของปีนี้อีก เท่ากับครึ่งหลังปีนี้ กำไรจากทั้งการดำเนินงานและกำไรพิเศษกระฉูดแน่นอน

ใครที่ไม่เคยเห็นฤทธิ์ในดีลธุรกิจของเจ๊ฉลาม ได้เห็นกันก็คราวนี้

เหตุผลเรียบง่ายตามสูตรสำเร็จของเจ๊ฉลามที่อธิบายดีล"ฉลาดขาย-ฉลาดซื้อ"จึงไม่ธรรมดา และจะยิ่งไม่ธรรมดามากขึ้นอีก หากว่า BKD ไม่มีจ่ายปันผลพิเศษหลังงบไตรมาสสองผ่านไป

ถ้าเป็นอย่างหลังนี้ แสดงว่า เจ๊ฉลาม"เหนียว"ชนิดตังเมเรียกป้า ได้เลย

///////////////////////////
#BTS #BKD #hydro
ขอบคุณบทความจาก www.facebook.com/Share2Trade/

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่