สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
ผมเคยเข้าวัดพระธรรมกายนะ เพราะเมื่อเข้ากทม. ผมเรียนสถานศึกษา 2 แห่ง ที่ธรรมกายไป co กับชมรมพุทธ
ทุกวันนี้ การภาวนาของผม ติดคำว่า สัมมา อรหัง อยู่ กลับไปอย่างเดิมไม่ได้แล้ว จากก่อนหน้าที่เคยติดมายุคประถม มัธยม เป็น พุทธ-โธ
ยอมรับ ว่าการจัดการอะไรก็ตาม ของธรรมกาย ระเบียบเรียบร้อย มีความคงเส้นคงวา เป็นระบบ มืออาชีพ
แต่สิ่งที่ผมรังเกียจ คือการทำสิ่งประหลาด อุตริสารพัดอย่าง และการใช้มาร์เก็ตติ้ง แบบดูดเงินชาวบ้าน ทำบุญเท่านี้ มีระดับชั้นนี้
ผมถือว่า นี่คือการมอมเมา และวิปริตผิดเพี้ยนอย่างรุนแรง
ผมยังนับถือหลวงพ่อสดอยู่ ยังชื่นชมการทำสมาธิเพ่งดวงแก้วอยู่ ก็เป็นเทคนิควิธีการ อีกรูปแบบหนึ่ง ในการนำพาจิตให้สงบ ส่วนนี้ยังยกย่อง นับถือ
แต่ผมไม่นับถือ มาทำมาหารับประทาน .... ด้วยวิธี marketing
ตัวอย่าง แบบข้างล่างนี้ หรือว่าเรื่องปกติหรือไร
จากพุทธตำราไหน
วัดปากน้ำ เคยคิดค้นสอนรูปแบบการให้ศิษย์ ปฎิบัติธรรมแปลกๆ ให้มีระดับสมาธิสูงขึ้นแบบนี้มาหรือ แบ่งระดับชั้นการทำบุญ เพื่อให้บรรลุธรรมสูงขึ้น ยึดติดกันเข้าไปใหญ่
หรืออย่าง ถือค้อน ชิตังเม "โป้ง รวย"
ชิตังเม มีที่มา ที่แปลว่า "ข้าชนะแล้ว" หมายถึงชนะจิตใจ ในการเสียสละ ให้ทาน ผมจำได้ ตั้งแต่ครูใหญ่ชั้นประถมสอน ตั้งแต่ยังไม่รู้จักธรรมกาย มีจริง ในพุทธศาสนา
แต่มาได้ยินอีกที ในยุคหลังของธรรมกาย... นี่อะไรฟระ create สดๆ จากมันสมองการทำ marketing พุทธพาณิชย์ที่เขากล่าวหากันโดยแท้
ไอ้คำ "โป้ง รวย" ... นี่ วิปริตผิดเพี้ยน
มันเกินระดับกุศโลบายปกติ แต่เข้าข่ายชักจูงมอมเมาอกุศโลบายครับ
ยังมีอีกหลายอย่าง ทำนองนี้ ที่เห็นกันอยู่
ใครคิดว่าปกติ และเห็นดีเห็นงาม ก็เป็นสิทธิ์ เชิญนับถือเถิด
ทุกวันนี้ การภาวนาของผม ติดคำว่า สัมมา อรหัง อยู่ กลับไปอย่างเดิมไม่ได้แล้ว จากก่อนหน้าที่เคยติดมายุคประถม มัธยม เป็น พุทธ-โธ
ยอมรับ ว่าการจัดการอะไรก็ตาม ของธรรมกาย ระเบียบเรียบร้อย มีความคงเส้นคงวา เป็นระบบ มืออาชีพ
แต่สิ่งที่ผมรังเกียจ คือการทำสิ่งประหลาด อุตริสารพัดอย่าง และการใช้มาร์เก็ตติ้ง แบบดูดเงินชาวบ้าน ทำบุญเท่านี้ มีระดับชั้นนี้
ผมถือว่า นี่คือการมอมเมา และวิปริตผิดเพี้ยนอย่างรุนแรง
ผมยังนับถือหลวงพ่อสดอยู่ ยังชื่นชมการทำสมาธิเพ่งดวงแก้วอยู่ ก็เป็นเทคนิควิธีการ อีกรูปแบบหนึ่ง ในการนำพาจิตให้สงบ ส่วนนี้ยังยกย่อง นับถือ
แต่ผมไม่นับถือ มาทำมาหารับประทาน .... ด้วยวิธี marketing
ตัวอย่าง แบบข้างล่างนี้ หรือว่าเรื่องปกติหรือไร
จากพุทธตำราไหน
วัดปากน้ำ เคยคิดค้นสอนรูปแบบการให้ศิษย์ ปฎิบัติธรรมแปลกๆ ให้มีระดับสมาธิสูงขึ้นแบบนี้มาหรือ แบ่งระดับชั้นการทำบุญ เพื่อให้บรรลุธรรมสูงขึ้น ยึดติดกันเข้าไปใหญ่
หรืออย่าง ถือค้อน ชิตังเม "โป้ง รวย"
ชิตังเม มีที่มา ที่แปลว่า "ข้าชนะแล้ว" หมายถึงชนะจิตใจ ในการเสียสละ ให้ทาน ผมจำได้ ตั้งแต่ครูใหญ่ชั้นประถมสอน ตั้งแต่ยังไม่รู้จักธรรมกาย มีจริง ในพุทธศาสนา
แต่มาได้ยินอีกที ในยุคหลังของธรรมกาย... นี่อะไรฟระ create สดๆ จากมันสมองการทำ marketing พุทธพาณิชย์ที่เขากล่าวหากันโดยแท้
ไอ้คำ "โป้ง รวย" ... นี่ วิปริตผิดเพี้ยน
มันเกินระดับกุศโลบายปกติ แต่เข้าข่ายชักจูงมอมเมาอกุศโลบายครับ
ยังมีอีกหลายอย่าง ทำนองนี้ ที่เห็นกันอยู่
ใครคิดว่าปกติ และเห็นดีเห็นงาม ก็เป็นสิทธิ์ เชิญนับถือเถิด
แสดงความคิดเห็น
บทสรุป วัดพระธรรมกาย
แต่สองสามวันมานี้ ผมรู้สึกสงบ ปล่อยวาง มีอุเบกขาก็ ปัญญาจึงเกิด ผมได้ข้อสรุปดังนี้ครับ
วัดพระธรรมกาย สอนดีครับ สอนคนให้เป็นคนดี อยู่ในศีลในธรรม เมื่อญาตโยมได้ฟังได้สัมผัส พวกเขาจะรู้สึกหลงไหลในความดีงาม รู้สึกสบายใจ จิตใจผ่องใส ตั้งอยู่ในความดี อันนี้ผมยอมรับจากใจเลยครับ
แต่สิ่งที่วัดพระธรรมกายไม่มี คือธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ ธรรมะของพระพุทธเจ้า จุดมุ่งหมายคือโลกุตตระธรรมทั้ง 9 ครับ แล้ววิธีการที่จะบรรลุได้ล่ะต้องทำอย่างไร ? อริยสัจ4 มรรคมีองค์ 8 แต่วัดนี้เขาไม่พูดถึงอริยสัจ4 ครับ
จุดมุ่งหมายของวัดพระธรรมกายคือสวรรค์ชั้นดุสิต พวกเขาสร้างบารมีเพื่อเป็นพระโพธิสัตว์ครับ ไม่ใช่เพื่อบรรลุโลกุตตระธรรม เขาจึงหยิบคำสอนเพียงแค่บางส่วนมาสอนครับหลักๆก็ บุญ สวรรค์ ทาน ศีล ภาวนา เรื่องเล่า อิทธิฤทธิ์ ปาฎิหาริย์ เพื่อให้คนศรัทธา มีใจใสๆ ปลื้มกับบุญอะไรประมานนั้นครับ ถือว่าเจตนาพวกเขาดีนะ ที่หวังขนสัตว์ไปดุสิต แต่ถ้าหมดบุญจากดุสิต จะไปไหนต่อ เขาไม่พูดถึงและไม่สนใจครับ คำสอนของวัดพระธรรมกาย จึงไม่ใช่ตรงกับวัตถุประสงค์ของพระศาสดา วัดพระธรรมกายเป็นพุทธศาสนาเพียงเสี้ยวเดียวครับ เพราะเขาปรารถนาเช่นนั้นไปแล้ว
วิธีเจริญภาวนาของพวกเขา ก็คือวิชชาธรรมกาย เป็นสมถะกรรมฐาน และเป็นได้แค่นั้นจริงๆครับ เพราะวิปัสสนาคือการเจริญปัญญาล้วนๆ เพื่อให้ได้ญาณ ไม่ใช่การเห็นนิมิตครับ ข้อดีของสมถะกรรมฐาน ถ้าสำเร็จอุปจาร จิตใจก็แช่มชื่นมีความสุขในระดับหนึ่งแล้ว และถ้าเข้าถึงขั้นอัปปานา เข้าปฐมฌานได้ ก็มีความสุขมากขึ้นไปอีก ความสุขตรงนั้นเป็นความสุขในปัจจุบัน ที่ญาติโยมเข้าถึงได้ด้วยตัวเองโดยการหยุดนิ่ง เหมือนพวกเขาจะพอใจแค่นั้นน่ะครับ ชีวิตจะได้มีความสุขแล้วไปเจอกันที่ดุสิตอะไรประมานนั้นครับ คำสอนพวกเขาจึงสอนว่า ให้หยุดนิ่ง หยุดเท่านั้นเป็นตัวสำเร็จ ถ้าคนเข้าวัดหรือติดตามเฟสบุ๊คของพระวัดนนี้ จะได้ยินคำนี้บ่อยๆครับ
ตอนแรกผมก็ต่อว่าวัดพระธรรมกาย เพราะผมไม่รู้จุดประสงค์ของพวกเขา มาวันนี้ผมรู้แล้ว ผมรู้สึกบาปน่ะครับ เจตนาพวกเขาดีครับ เขาพอใจที่จะเป็นโพธิสัตว์ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นครับ
ดังนั้น คนที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของวัดพระธรรมกาย หรือลูกศิษฐ์วัดคนไหนมาอ่าน แล้วอยากพ้นทุกข์เข้านิพพาน ผมแนะนำให้ท่านออกจากวัดไปศึกษาแนวทางของวัดป่า หรือสำนักยุบพอง สำนักพุทโธ ดูนะครับ ถ้าท่านสามารถปฎิบัติจนละความเห็นผิดได้ ท่านจะบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน ปิดภูมินรกไปตลอดกาล เกิดในอีกสุขคติภูมิอีกไม่เกิน 7 ชาติเข้านิพพานแน่นอน แต่ถ้าอยากเป็นโพธิสัตว์ แน่วแน่ต่อพระโพธิญาณ ปรารถที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตสร้างบารมียาวนานหลายสิบอสงไขย วัดพระธรรมกายตอบโจทย์ข้อนี้ครับ แต่อย่าลืมช่วยเหลือเพื่อนร่วมทุกข์กับสรรพสัตว์ทั้งหลายด้วย หัวใจและบารมีของพระโพธิสัตว์จะได้ครบถ้วนบริบูรณ์นะครับ