รีวิวครีมกันแดด สำหรับผู้ชายหน้ามันๆ P.O. Care Sun Men Face Oil Control กับทริป Hongkong 4 วัน ร้อนๆ ที่มีแต่แดด แดด และ แดดดดดด
ต้องบอกก่อนเลย ว่าเราเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองมาก โดยเฉพาะผิวหน้า และสิ่งนึงที่ขาดไม่ได้เลย คือครีมกันแดด เพราะจากสภาพอากาศบ้านเรา บวกกับเราก็เป็นคนที่ต้องมีกิจกรรมกลางแจ้งอยู่ตลอด ทั้งออกไปตรวจ site งาน กีฬากลางแจ้ง นั่งทำงานอยู่ออฟฟิศ หลอดไฟก็มี UV อีก แล้วนี่ล่าสุด กำลังจะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศก็ ดูจากแผนเที่ยวแล้ว หนีไม่พ้นแดดแน่นวลล
เรื่องครีมกันแดดนี้ ต้องบอกเลย ว่าลองผิดลองถูกกับครีมกันแดดมาเยอะมาก เจอทั้งที่ถูกใจก็เยอะ พอถูกใจแล้วเขาก็ตายจากชีวิตเราก็ไม่น้อย เจอทั้งที่ทำร้ายเราก็ไม่น้อย เพราะแน่นอน ของพวกนี้มันไม่ได้เหมาะกับทุกคน อาจจะมีเรื่องของสิวผุด ผื่นขึ้นบ้าง อันนี้ ขึ้นอยู่กะแต้มบุญจริงๆ ว่าครีมกันแดดนั้น จะเหมาะกะเราแค่ไหน บางทีก็ต้องยอมจ่ายแพงขึ้น เพื่อเขยิบไปใช้พวกเวชสำอางก็มีบ้าง
สัปดาห์ที่แล้ว เรามีแผนเดินทางไปไหว้พระประจำปี ที่ Hongkong ยิ่งช่วงนี้บอกเลยว่า Hongkong ร้อนมากกก ร้อนไม่ต่างจากบ้านเรา ดีนะที่ทำการบ้านเรื่องเสื้อผ้ามาดี แต่ก่อนจะออกเดินทางอ้าว ครีมกันแดดคู่ใจที่ใช้มาหลายปีก็หมด จะไปซื้อแบบเดิมก็หมด เวลาก็ไม่ค่อยจะมี ไหนๆก็เดินเข้า Watson ไปแล้ว ก็ขอเลือกอะไรแปลกใหม่ละกัน ช่วงนี้สิวก็ไม่ค่อยขึ้นเหมือนตอนเด็กๆ (อ้าว แก่แล้ว 555) หวังว่าแต้มบุญที่เราจะไปไหว้พระที่ Hongkong ครั้งนี้ จะไม่ทำให้สิวขึ้น 555
แต่ขออย่างนึงนะ คือหน้าเรามันมาก มันจนคิดว่านี่คือ Korean Look แบบหน้าฉ่ำ เงาวาวทั้งวัน เห้ยย เราไม่ได้แต่งหน้า ออกจากบ้านมีแค่กันแดดเท่านั้น ที่เห็นเงาๆ คือความมัน ครีมกันแดดตัวใหม่ ต้องเป็นเนื้อเจล เซรั่ม หรือ สเปรย์ เท่านั้น แบบครีมเอาไม่อยู่แน่ เหงื่อใหล ครีมเข้าตา แสบตามากๆ จะคุมมันได้ ไม่ได้ ยังไงก็ได้ ไม่ซีเรียส คนจะหน้ามัน ยังไงก็คือหน้ามัน (คิดยังงี้มาตลอด) 55
แล้วเราก็เหลือบไปเห็น P.O. Care Sun Men Face Oil Control Serum จะบอกว่า ยี่ห้อนี้คือความแปลกใหม่ของเราเลยนะ เพราะไม่เคยได้ยินชื่อ แต่ดูจาก line product ที่เค้าวางอยู่บน shelf ละเออ ลองดูละกัน
ครีมกันแดดตัวนี้ เขาเคลมข้างกล่อง ว่าเป็นเนื้อ Serum เนื้อเบา ใช้สารสกัดจากธรรมชาติ ไม่มีสารก่อมะเร็ง ปกป้องจาก ฝุ่น ควัน มลภาวะ กันน้ำ กันเหงื่อได้ มีซิลิก้า ช่วยคุมมัน โห ตอบโจทย์ จัดไป พอได้ทดลองดู โหห เนื้อซึมซาบเร็วเว่อ กลิ่นก็หอมแบบผู้ชายๆ บางคนเขาไม่ชอบกลิ่น แต่ส่วนตัวว่ามันเลี่ยงไม่ได้หรอกเรื่องกลิ่น แต่กลิ่นก็สไตล์ครีมผู้ชายชั้นนำทั่วๆไปแหละ รับได้ กับราคา 285 บาท เอ้า ลองดูเนาะ
เรื่องสรรพคุณ ตามหน้ากล่องเค้าว่า ป้องกันได้ระดับ SPF50+ PA++++ ป้องกันรังสี Infrared UVA1, UVA2, UVB
เอาจริงๆ เราว่าก็คล้ายๆกันกับยี่ห้ออื่นแหละ สิ่งที่คาดหวังคือ แค่พอกันแดดได้ กันเหงื่อได้ เพราะเหงื่อเยอะมาก และ ถ้าคุมมันได้ ก็ดี
เอาหละ ถึงเวลาลงสนามจริง โชคดีมาก ที่ได้ที่นั่งติดกระจก และ เป็นทางออกฉุกเฉิน ไม่มีบาะด้านหน้าครับ ยืดขาสบาย นั่งคุยกับลูกเรือสนุกเลย 55
จุดหมายแรกของเราคือ Choi Hung Apartment หรือ Apartment สีรุ้ง อยยู่ติดกับโรงเรียนคาทอลิค ของที่ฮ่องกง ครับ จะมีเด็กวัยรุ่นไปกันเยอะมากทุกวัน และ ทั้งวัน ไปเล่นบาสบนดาดฟ้าของลานจอด และ สาวๆก็จะไปถ่ายรูปเก๋ๆกัน เพราะตึกด้านหลังเป็นอาคารสีรุ้งแบบพาสเทลเก๋ๆ ฮิปๆ แต่ถ้าหันหลังมา อ้าว คนอยู่ Apartment เค้าเอาผ้าปูที่นอนมาตากกัน 555 ตอนไปถึงก็ 10 โมงกว่าครับ โหยย ความแดดนี้ แต่สาวๆหลายคนก็จะสู้แดด ถ่ายรูปเหมือนอากาศ 10 องศา ยังไงยังงั้น 55
จุดหมายต่อมายังคงเป็นตึก อันนี้หลายคนน่าจะคุ้นกับภาพพวกนี้ดี นั่นคือ Yick Fat / Montane Apartment มันได้ความดิบดีจริง ด้วยความที่พื้นที่ที่ Hongkong มีไม่เยอะมาก ทำให้ประชาชนต้องอยู่ใน Aparment เป็นส่วนใหญ่ ที่นี่ก็จะมีความเป็นชาวบ้านๆ ไม่ได้หรูหราไฮโซอะไรมากมาย ยังมีแขวนผ้าตากผ้า เป็นเรื่องปกติ ข้างล่างก็เป็นตลาดสด ยิ่งกลางคืนตามห้องพักเปิดไฟ จะยิ่งสวย เห็นว่าหลังๆ เค้าเริ่มไม่อยากให้มีนักท่องเที่ยวเข้าไปละ ชาวบ้านเริ่มรำคาญ
ไหนๆมาถึงฮ่องกงแล้ว ก็ต้องไหว้พระสินะ วัดแรกที่เราไปวัดยอดนิยมที่เค้าชอบไปขอแฟนกัน นั่นคือวัด Wong Tai Sin (อ่านว่า หวังต้าเซียน) คนชอบไปไหว้ขอแฟนกัน ด้วยการผูกด้ายแดง อธิษฐานเสร็จ แล้วก็เอาด้ายแดงไปผูกกับรูปปั้นเจ้าบ่าวเจ้าสาว อะไรงี้ เราไปถึงก็บ่ายสองพอดี โห่ยย คือแดดกำลังได้ที่เลย แล้วให้ไปยืนไหว้พระกลางแดด เอาล่ะ สู้ๆๆ
วัดต่อมา หลายคนชอบไปไหว้ขอเรื่องงานกัน นั่นคือวัด Che Kung ส่วนตัวยอยากมาที่นี่มาก เพราะเคยมาแล้ว 2 ครั้ง แล้วสมหวัง เลยได้กลับมาอีก กว่าจะเดินจากรถไฟฟ้า ไปที่วัด ทรมานจริงๆสำหรับแดดร้อนๆในตอนบ่าย
ที่ต่อมา ไม่ใช่วัดครับ แต่เป็นต้นไม้ที่คนเค้าไปขอพร โดยการโยนลูกส้มขึ้นต้นไม้กัน ด้วยความที่ช่วงนี้มันยังไม่ถึงเทศกาลครับ เลยได้แต่ถ้าต้นส้มกลางแดดร้อนๆไป
วัดต่อมา อันนี้ต้องไปอีกวันนึง เพราะเวลาหมดละ คือวัด Tin Hau หรือ วัดเจ้าแม่กวนอิม ริมหาดน้ำตื้น Repulse Bay แน่นอน วันนี้ไปทะเลครับ เดินทางไกลนิดนึง รถเมล์ก็จะจอดไกลจากทางเดินไปวัดพอสมควร เดินตากแดดกันไปเล้ย
ด้วยความที่มันเป็นหาด ก็จะมีเด็กๆวัยรุ่น และ ฝรั่ง มาเล่นน้ำในวันหยุด วันอาทิตย์แบบนี้ครับ เดินริมหาดอยู่ไกลมาก เพื่อมาขึ้นรถบัสกลับเข้าเมือง
เรายังคงอยู่กับกิจกรรมกลางแจ้งครับ นั่นคือ Sai Wan Swimming Shed เป็นที่ที่กำลังนิยมในช่วงนี้ เป็นเหมือนทางเดินยื่นออกไปที่ทะเล ไปยืนถ่ายรูปชิลๆได้อารมณ์อยู่ แต่ความพีคของที่นี่คือ เดินทางแอบลำบาก 555 ต้องเดินทาไปสุดทางรถไฟฟ้า แล้วก็ต้องนั่งรถเมล์ แล้วเดินลงเขาไปอีก เดินเหนื่อยไม่ว่านะ แต่ลงไปถึงแล้วต้องรอคิวถ่ายรูปอีก ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กผู้หญิง 90% ส่วน 10% เป็นผู้ชายที่เป็นแฟน มาถ่ายรูปให้ 555 พอถึงคิวเดินเข้าไปแล้ว แต่ละคนไม่ใช่ถ่าย 2-3 shot แล้วออกมานะครับ pose แล้ว pose อีก ใช้เวลา 15 นาทีเป็นอย่างน้อย เอาจริงๆ มันได้อารมณ์ดีนะ ชิลๆ ที่นี่เค้าไม่เหมือนบ้านเรา ไม่มีที่ริมน้ำ ให้ถ่ายชิคๆเหมือนบ้านเราเยอะเท่าไร เด็กๆที่นี่เลยมาที่นี่กัน รวมทั้งเราด้วย 555
ยังดีที่การใช้เวลารอถ่ายรูปร่วมชั่วโมง เจอแดดส่องเข้าไปอีก อาจจะมีเพลียๆแดด แต่เราคิดว่าครีมกันแดดที่ทามา มันกันเหงื่อ และเอาอยู่ เดี๋ยวกลับห้องไปดูอีกที 555
แต่เอาจริงๆนะ มันถ่ายรูปยากมาก ตอนเย็นๆ ถ่ายก็ไม่เห็นหน้า ต้องย้อนแสง แนว Silhoulette ไปอี๊กกก
วันสุดท้ายก่อนกลับ ขอถ่ายรูปตามพื้นเอียงๆ แถว Central ไล่มาถึง Sheung Wan ละกัน แถวนี้มีร้านเก๋ๆเพียบ พวก สถาปัตยกรรมตามอาคารอะไรพวกนี้ก็เยอะ ครับ
รวมถึงแหล่งช๊อปปิ้ง และ ร้านอาหารมากมาย แถว Tsim Sha Shui - Mongkok - Central - Causeway Bay - Wanchai ครับ
จะเห็นได้ว่าทริปเราครั้งนี้ มีแต่แดด กับ แดด และ แดด และอย่างที่รู้กัน ว่า HongKong เป็นเมืองที่คนเยอะ มลภาวะก็เยอะ ฝุ่นเยอะ แต่ครีมกันแดด P.O. Care ตัวนี้ เอาอยู่ครับ วันสุดท้ายก่อนจะกลับ จะเห็นว่าหน้าเราไม่ได้ดำขึ้นมากมาย มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะกันแดดได้ 100% เพราะเราไม่ได้หลบแดด แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้แสงแดดที่กระทบตัวเรา ไปทำร้ายผิวชั้นใน ทำให้มีโอกาสเกิดเป็นมะเร็งผิวหนังได้
แนะนำเพิ่มเติมอย่างนึง สำหรับคนที่โดนแดดนานๆ ให้หาเจลว่านหางจระเข้ หรือ aloe vera gel มาชโลม ตอนกลับถึงบ้าน พอกนานๆไว้เลย จะได้แสบผิว แล้วผิวจะฟื้นตัวได้เร็วครับ
สำหรับวันนี้คงต้องจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้นะครับ ถ้าสนใจลองไปหาซื้อกันดู กันนะครับ
[CR] [CR] รีวิวครีมกันแดด สำหรับผู้ชายหน้ามันๆ P.O. Care Sun Men Face Oil Control กับทริป Hongkong 4 วัน ร้อนๆ ที่มีแต่แดดดดด
ต้องบอกก่อนเลย ว่าเราเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองมาก โดยเฉพาะผิวหน้า และสิ่งนึงที่ขาดไม่ได้เลย คือครีมกันแดด เพราะจากสภาพอากาศบ้านเรา บวกกับเราก็เป็นคนที่ต้องมีกิจกรรมกลางแจ้งอยู่ตลอด ทั้งออกไปตรวจ site งาน กีฬากลางแจ้ง นั่งทำงานอยู่ออฟฟิศ หลอดไฟก็มี UV อีก แล้วนี่ล่าสุด กำลังจะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศก็ ดูจากแผนเที่ยวแล้ว หนีไม่พ้นแดดแน่นวลล
เรื่องครีมกันแดดนี้ ต้องบอกเลย ว่าลองผิดลองถูกกับครีมกันแดดมาเยอะมาก เจอทั้งที่ถูกใจก็เยอะ พอถูกใจแล้วเขาก็ตายจากชีวิตเราก็ไม่น้อย เจอทั้งที่ทำร้ายเราก็ไม่น้อย เพราะแน่นอน ของพวกนี้มันไม่ได้เหมาะกับทุกคน อาจจะมีเรื่องของสิวผุด ผื่นขึ้นบ้าง อันนี้ ขึ้นอยู่กะแต้มบุญจริงๆ ว่าครีมกันแดดนั้น จะเหมาะกะเราแค่ไหน บางทีก็ต้องยอมจ่ายแพงขึ้น เพื่อเขยิบไปใช้พวกเวชสำอางก็มีบ้าง
สัปดาห์ที่แล้ว เรามีแผนเดินทางไปไหว้พระประจำปี ที่ Hongkong ยิ่งช่วงนี้บอกเลยว่า Hongkong ร้อนมากกก ร้อนไม่ต่างจากบ้านเรา ดีนะที่ทำการบ้านเรื่องเสื้อผ้ามาดี แต่ก่อนจะออกเดินทางอ้าว ครีมกันแดดคู่ใจที่ใช้มาหลายปีก็หมด จะไปซื้อแบบเดิมก็หมด เวลาก็ไม่ค่อยจะมี ไหนๆก็เดินเข้า Watson ไปแล้ว ก็ขอเลือกอะไรแปลกใหม่ละกัน ช่วงนี้สิวก็ไม่ค่อยขึ้นเหมือนตอนเด็กๆ (อ้าว แก่แล้ว 555) หวังว่าแต้มบุญที่เราจะไปไหว้พระที่ Hongkong ครั้งนี้ จะไม่ทำให้สิวขึ้น 555
แต่ขออย่างนึงนะ คือหน้าเรามันมาก มันจนคิดว่านี่คือ Korean Look แบบหน้าฉ่ำ เงาวาวทั้งวัน เห้ยย เราไม่ได้แต่งหน้า ออกจากบ้านมีแค่กันแดดเท่านั้น ที่เห็นเงาๆ คือความมัน ครีมกันแดดตัวใหม่ ต้องเป็นเนื้อเจล เซรั่ม หรือ สเปรย์ เท่านั้น แบบครีมเอาไม่อยู่แน่ เหงื่อใหล ครีมเข้าตา แสบตามากๆ จะคุมมันได้ ไม่ได้ ยังไงก็ได้ ไม่ซีเรียส คนจะหน้ามัน ยังไงก็คือหน้ามัน (คิดยังงี้มาตลอด) 55
แล้วเราก็เหลือบไปเห็น P.O. Care Sun Men Face Oil Control Serum จะบอกว่า ยี่ห้อนี้คือความแปลกใหม่ของเราเลยนะ เพราะไม่เคยได้ยินชื่อ แต่ดูจาก line product ที่เค้าวางอยู่บน shelf ละเออ ลองดูละกัน
ครีมกันแดดตัวนี้ เขาเคลมข้างกล่อง ว่าเป็นเนื้อ Serum เนื้อเบา ใช้สารสกัดจากธรรมชาติ ไม่มีสารก่อมะเร็ง ปกป้องจาก ฝุ่น ควัน มลภาวะ กันน้ำ กันเหงื่อได้ มีซิลิก้า ช่วยคุมมัน โห ตอบโจทย์ จัดไป พอได้ทดลองดู โหห เนื้อซึมซาบเร็วเว่อ กลิ่นก็หอมแบบผู้ชายๆ บางคนเขาไม่ชอบกลิ่น แต่ส่วนตัวว่ามันเลี่ยงไม่ได้หรอกเรื่องกลิ่น แต่กลิ่นก็สไตล์ครีมผู้ชายชั้นนำทั่วๆไปแหละ รับได้ กับราคา 285 บาท เอ้า ลองดูเนาะ
เรื่องสรรพคุณ ตามหน้ากล่องเค้าว่า ป้องกันได้ระดับ SPF50+ PA++++ ป้องกันรังสี Infrared UVA1, UVA2, UVB
เอาจริงๆ เราว่าก็คล้ายๆกันกับยี่ห้ออื่นแหละ สิ่งที่คาดหวังคือ แค่พอกันแดดได้ กันเหงื่อได้ เพราะเหงื่อเยอะมาก และ ถ้าคุมมันได้ ก็ดี
เอาหละ ถึงเวลาลงสนามจริง โชคดีมาก ที่ได้ที่นั่งติดกระจก และ เป็นทางออกฉุกเฉิน ไม่มีบาะด้านหน้าครับ ยืดขาสบาย นั่งคุยกับลูกเรือสนุกเลย 55
จุดหมายแรกของเราคือ Choi Hung Apartment หรือ Apartment สีรุ้ง อยยู่ติดกับโรงเรียนคาทอลิค ของที่ฮ่องกง ครับ จะมีเด็กวัยรุ่นไปกันเยอะมากทุกวัน และ ทั้งวัน ไปเล่นบาสบนดาดฟ้าของลานจอด และ สาวๆก็จะไปถ่ายรูปเก๋ๆกัน เพราะตึกด้านหลังเป็นอาคารสีรุ้งแบบพาสเทลเก๋ๆ ฮิปๆ แต่ถ้าหันหลังมา อ้าว คนอยู่ Apartment เค้าเอาผ้าปูที่นอนมาตากกัน 555 ตอนไปถึงก็ 10 โมงกว่าครับ โหยย ความแดดนี้ แต่สาวๆหลายคนก็จะสู้แดด ถ่ายรูปเหมือนอากาศ 10 องศา ยังไงยังงั้น 55
จุดหมายต่อมายังคงเป็นตึก อันนี้หลายคนน่าจะคุ้นกับภาพพวกนี้ดี นั่นคือ Yick Fat / Montane Apartment มันได้ความดิบดีจริง ด้วยความที่พื้นที่ที่ Hongkong มีไม่เยอะมาก ทำให้ประชาชนต้องอยู่ใน Aparment เป็นส่วนใหญ่ ที่นี่ก็จะมีความเป็นชาวบ้านๆ ไม่ได้หรูหราไฮโซอะไรมากมาย ยังมีแขวนผ้าตากผ้า เป็นเรื่องปกติ ข้างล่างก็เป็นตลาดสด ยิ่งกลางคืนตามห้องพักเปิดไฟ จะยิ่งสวย เห็นว่าหลังๆ เค้าเริ่มไม่อยากให้มีนักท่องเที่ยวเข้าไปละ ชาวบ้านเริ่มรำคาญ
ไหนๆมาถึงฮ่องกงแล้ว ก็ต้องไหว้พระสินะ วัดแรกที่เราไปวัดยอดนิยมที่เค้าชอบไปขอแฟนกัน นั่นคือวัด Wong Tai Sin (อ่านว่า หวังต้าเซียน) คนชอบไปไหว้ขอแฟนกัน ด้วยการผูกด้ายแดง อธิษฐานเสร็จ แล้วก็เอาด้ายแดงไปผูกกับรูปปั้นเจ้าบ่าวเจ้าสาว อะไรงี้ เราไปถึงก็บ่ายสองพอดี โห่ยย คือแดดกำลังได้ที่เลย แล้วให้ไปยืนไหว้พระกลางแดด เอาล่ะ สู้ๆๆ
วัดต่อมา หลายคนชอบไปไหว้ขอเรื่องงานกัน นั่นคือวัด Che Kung ส่วนตัวยอยากมาที่นี่มาก เพราะเคยมาแล้ว 2 ครั้ง แล้วสมหวัง เลยได้กลับมาอีก กว่าจะเดินจากรถไฟฟ้า ไปที่วัด ทรมานจริงๆสำหรับแดดร้อนๆในตอนบ่าย
ที่ต่อมา ไม่ใช่วัดครับ แต่เป็นต้นไม้ที่คนเค้าไปขอพร โดยการโยนลูกส้มขึ้นต้นไม้กัน ด้วยความที่ช่วงนี้มันยังไม่ถึงเทศกาลครับ เลยได้แต่ถ้าต้นส้มกลางแดดร้อนๆไป
วัดต่อมา อันนี้ต้องไปอีกวันนึง เพราะเวลาหมดละ คือวัด Tin Hau หรือ วัดเจ้าแม่กวนอิม ริมหาดน้ำตื้น Repulse Bay แน่นอน วันนี้ไปทะเลครับ เดินทางไกลนิดนึง รถเมล์ก็จะจอดไกลจากทางเดินไปวัดพอสมควร เดินตากแดดกันไปเล้ย
ด้วยความที่มันเป็นหาด ก็จะมีเด็กๆวัยรุ่น และ ฝรั่ง มาเล่นน้ำในวันหยุด วันอาทิตย์แบบนี้ครับ เดินริมหาดอยู่ไกลมาก เพื่อมาขึ้นรถบัสกลับเข้าเมือง
เรายังคงอยู่กับกิจกรรมกลางแจ้งครับ นั่นคือ Sai Wan Swimming Shed เป็นที่ที่กำลังนิยมในช่วงนี้ เป็นเหมือนทางเดินยื่นออกไปที่ทะเล ไปยืนถ่ายรูปชิลๆได้อารมณ์อยู่ แต่ความพีคของที่นี่คือ เดินทางแอบลำบาก 555 ต้องเดินทาไปสุดทางรถไฟฟ้า แล้วก็ต้องนั่งรถเมล์ แล้วเดินลงเขาไปอีก เดินเหนื่อยไม่ว่านะ แต่ลงไปถึงแล้วต้องรอคิวถ่ายรูปอีก ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กผู้หญิง 90% ส่วน 10% เป็นผู้ชายที่เป็นแฟน มาถ่ายรูปให้ 555 พอถึงคิวเดินเข้าไปแล้ว แต่ละคนไม่ใช่ถ่าย 2-3 shot แล้วออกมานะครับ pose แล้ว pose อีก ใช้เวลา 15 นาทีเป็นอย่างน้อย เอาจริงๆ มันได้อารมณ์ดีนะ ชิลๆ ที่นี่เค้าไม่เหมือนบ้านเรา ไม่มีที่ริมน้ำ ให้ถ่ายชิคๆเหมือนบ้านเราเยอะเท่าไร เด็กๆที่นี่เลยมาที่นี่กัน รวมทั้งเราด้วย 555
ยังดีที่การใช้เวลารอถ่ายรูปร่วมชั่วโมง เจอแดดส่องเข้าไปอีก อาจจะมีเพลียๆแดด แต่เราคิดว่าครีมกันแดดที่ทามา มันกันเหงื่อ และเอาอยู่ เดี๋ยวกลับห้องไปดูอีกที 555
แต่เอาจริงๆนะ มันถ่ายรูปยากมาก ตอนเย็นๆ ถ่ายก็ไม่เห็นหน้า ต้องย้อนแสง แนว Silhoulette ไปอี๊กกก
วันสุดท้ายก่อนกลับ ขอถ่ายรูปตามพื้นเอียงๆ แถว Central ไล่มาถึง Sheung Wan ละกัน แถวนี้มีร้านเก๋ๆเพียบ พวก สถาปัตยกรรมตามอาคารอะไรพวกนี้ก็เยอะ ครับ
รวมถึงแหล่งช๊อปปิ้ง และ ร้านอาหารมากมาย แถว Tsim Sha Shui - Mongkok - Central - Causeway Bay - Wanchai ครับ
จะเห็นได้ว่าทริปเราครั้งนี้ มีแต่แดด กับ แดด และ แดด และอย่างที่รู้กัน ว่า HongKong เป็นเมืองที่คนเยอะ มลภาวะก็เยอะ ฝุ่นเยอะ แต่ครีมกันแดด P.O. Care ตัวนี้ เอาอยู่ครับ วันสุดท้ายก่อนจะกลับ จะเห็นว่าหน้าเราไม่ได้ดำขึ้นมากมาย มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะกันแดดได้ 100% เพราะเราไม่ได้หลบแดด แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้แสงแดดที่กระทบตัวเรา ไปทำร้ายผิวชั้นใน ทำให้มีโอกาสเกิดเป็นมะเร็งผิวหนังได้
แนะนำเพิ่มเติมอย่างนึง สำหรับคนที่โดนแดดนานๆ ให้หาเจลว่านหางจระเข้ หรือ aloe vera gel มาชโลม ตอนกลับถึงบ้าน พอกนานๆไว้เลย จะได้แสบผิว แล้วผิวจะฟื้นตัวได้เร็วครับ
สำหรับวันนี้คงต้องจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้นะครับ ถ้าสนใจลองไปหาซื้อกันดู กันนะครับ