เราเรียนวิชาวิทยาศาสตร์กันมาตั้งแต่เด็กจนโต มักได้ยินแต่ชื่อนักวิทยาศาสตร์ที่เป็นชื่อฝรั่งๆ ฟาราเดย์ นิวตัน แมกเวล ไอนสไตน์ กาลิเลโอ ทำไมนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ต้องมาจากยุโรปและเมริกาเหนือ ทั้งที่โลกมีพื้นที่กว้างใหญ่ คนอยู่อาศัยจำนานมาก ทำไมไม่เป็นบุคคลกลุ่มอื่นๆ คำถามนี้น่าสงสัยมาตั้งแต่เด็กๆ
แน่นอน
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มาจากคนหลายกลุ่มหลายวัฒนธรรม ทั้งจีน อินเดีย ตะวันออกกลาง และอื่นๆ มีการค้นพบสิ่งต่างๆมากมาย แถมมีการส่งต่อความรู้ไปยังอารยธรรมอื่นให้พอกพูนพัฒนาขึ้นเป็นลำดับ
แต่ในช่วงหลังๆตั้งแต่สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา ไปจนถึงยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมมาจนถึงปัจจุบัน ดูแล้วนักวิทยาศาสตร์ชาวยุโรปล้วนดูมีผลงานโดดเด่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เกิดอะไรขึ้นกับภูมิภาคอื่นๆของโลก? และเกิดอะไรขึ้นในยุโรป?
จนถึงปัจจุบันความรู้ทางวิทยาศาสตร์ สิ่งประดิษฐ์ เทคโนโลยีใหม่ๆ ส่วนใหญ่ล้วนมาจากโลกตะวันตก แม้ตอนนี้ภูมิภาคอื่นๆก็โลก โดยเฉพาะชาติในเอเชียจะพัฒนาไล่กระชั้นเข้ามาเรื่อยๆ ก็ตาม
ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยมีเหตุผลอยู่เบื้องหลัง อะไรคือเบื้องหลังของความสำเร็จเหล่านี้ เราจะมาศึกษาทำความเข้าใจ เพื่อเรียนรู้และนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศของเราได้อย่างไรบ้าง?
เมื่อศึกษาดูงานวิจัยระดับไอคิวเฉลี่ยแต่ละประเทศ พบว่าชาวเอเชียตะวันออกเป็นกลุ่มที่มีไอคิวสูงที่สุด สูงกว่าชาวฝรั่งในยุโรปเสียอีก
รูปไอคิวเฉลี่ยของประเทศต่างๆทั่วโลก
ไอคิวเป็นเรื่องของความสามารถในการคิด ทักษะการคิดเรื่องราวที่สลับซับซ้อนได้ ซึ่งวิทยาศาสตร์และการสร้างเทคโลโลยีใหม่ๆจำเป็นต้องพึ่งพากระบวนการนี้มากนั้นหมายความว่า การมีไอคิวสูงกว่าย่อมได้เปรียบกว่าในการคิดค้นพบ สร้างสรรค์สิ่งต่างๆ แต่ทำไมชาวเอเชียตะวันออกไอคิวสูงกว่า แต่ฝรั่งยุโรปกลับสร้างสรรค์ผลงานวิทย์มากกว่า?
ไม่เพียงแค่นั้น การวัดผลระดับการศึกษา เช่น PISA โครงการประเมินผลนักเรียนรวมกับนานาชาติ (Programme for. International Student Assessment) ผลสอบออกมาเด็กในชาติเอเชียตะวันออกก็ได้คะแนนสูงกว่าเด็กฝรั่งในยุโรปและอเมริกาเหนือ
คะแนน PISA (มีข้อมูลของประเทศไทยด้วยนะ)
แต่ที่นี้ลองมาดูข้อมูลผู้ได้รับรางวัลโนเบลจากภูมิภาคต่างๆทั่วโลก จำนวนผู้ได้รับรางวัลโนเบลเปรียบเสมือนดัชนีการชี้วัดความแข็งแกร่งในด้านวิทยาศาสตร์ ประเทศจะมีงานวิจัยดีๆไปต่อยอดพัฒนาประเทศก็ต้องมีนักวิทยาศาสตร์เก่งๆจำนวนมากช่วยกันคิด พัฒนาสิ่งต่างๆ เมื่อดูตารางแล้วเราจะเห็นว่า ฝรั่งในยุโรปนำภูมิภาคอื่นๆของโลกอย่างเห็นได้ชัด เมื่อยิ่งเทียบกับจำนวนประชากร เป็นผู้ได้รับรางวัลต่อประชากรหนึ่งล้านคน ก็ยิ่งได้ภาพที่ชัดเจน
-----------------------------------------------
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทุกท่านเชิญมาแสดงความเห็นกันได้
เดี๋ยวมาเขียนต่อครับ ถ้าชอบช่วยกดบวก กดถูกใจด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
- จขกท. สุดหล่อ
==ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน เปิดงานวิจัย ทำไมชาวเอเชียตะวันออกไอคิวสูงกว่า แต่ฝรั่งยุโรปกลับสร้างสรรค์ผลงานวิทย์มากกว่า?==
เราเรียนวิชาวิทยาศาสตร์กันมาตั้งแต่เด็กจนโต มักได้ยินแต่ชื่อนักวิทยาศาสตร์ที่เป็นชื่อฝรั่งๆ ฟาราเดย์ นิวตัน แมกเวล ไอนสไตน์ กาลิเลโอ ทำไมนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ต้องมาจากยุโรปและเมริกาเหนือ ทั้งที่โลกมีพื้นที่กว้างใหญ่ คนอยู่อาศัยจำนานมาก ทำไมไม่เป็นบุคคลกลุ่มอื่นๆ คำถามนี้น่าสงสัยมาตั้งแต่เด็กๆ
แน่นอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มาจากคนหลายกลุ่มหลายวัฒนธรรม ทั้งจีน อินเดีย ตะวันออกกลาง และอื่นๆ มีการค้นพบสิ่งต่างๆมากมาย แถมมีการส่งต่อความรู้ไปยังอารยธรรมอื่นให้พอกพูนพัฒนาขึ้นเป็นลำดับ
แต่ในช่วงหลังๆตั้งแต่สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา ไปจนถึงยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมมาจนถึงปัจจุบัน ดูแล้วนักวิทยาศาสตร์ชาวยุโรปล้วนดูมีผลงานโดดเด่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เกิดอะไรขึ้นกับภูมิภาคอื่นๆของโลก? และเกิดอะไรขึ้นในยุโรป?
จนถึงปัจจุบันความรู้ทางวิทยาศาสตร์ สิ่งประดิษฐ์ เทคโนโลยีใหม่ๆ ส่วนใหญ่ล้วนมาจากโลกตะวันตก แม้ตอนนี้ภูมิภาคอื่นๆก็โลก โดยเฉพาะชาติในเอเชียจะพัฒนาไล่กระชั้นเข้ามาเรื่อยๆ ก็ตาม
ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยมีเหตุผลอยู่เบื้องหลัง อะไรคือเบื้องหลังของความสำเร็จเหล่านี้ เราจะมาศึกษาทำความเข้าใจ เพื่อเรียนรู้และนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศของเราได้อย่างไรบ้าง?
เมื่อศึกษาดูงานวิจัยระดับไอคิวเฉลี่ยแต่ละประเทศ พบว่าชาวเอเชียตะวันออกเป็นกลุ่มที่มีไอคิวสูงที่สุด สูงกว่าชาวฝรั่งในยุโรปเสียอีก
รูปไอคิวเฉลี่ยของประเทศต่างๆทั่วโลก
ไอคิวเป็นเรื่องของความสามารถในการคิด ทักษะการคิดเรื่องราวที่สลับซับซ้อนได้ ซึ่งวิทยาศาสตร์และการสร้างเทคโลโลยีใหม่ๆจำเป็นต้องพึ่งพากระบวนการนี้มากนั้นหมายความว่า การมีไอคิวสูงกว่าย่อมได้เปรียบกว่าในการคิดค้นพบ สร้างสรรค์สิ่งต่างๆ แต่ทำไมชาวเอเชียตะวันออกไอคิวสูงกว่า แต่ฝรั่งยุโรปกลับสร้างสรรค์ผลงานวิทย์มากกว่า?
ไม่เพียงแค่นั้น การวัดผลระดับการศึกษา เช่น PISA โครงการประเมินผลนักเรียนรวมกับนานาชาติ (Programme for. International Student Assessment) ผลสอบออกมาเด็กในชาติเอเชียตะวันออกก็ได้คะแนนสูงกว่าเด็กฝรั่งในยุโรปและอเมริกาเหนือ
คะแนน PISA (มีข้อมูลของประเทศไทยด้วยนะ)
แต่ที่นี้ลองมาดูข้อมูลผู้ได้รับรางวัลโนเบลจากภูมิภาคต่างๆทั่วโลก จำนวนผู้ได้รับรางวัลโนเบลเปรียบเสมือนดัชนีการชี้วัดความแข็งแกร่งในด้านวิทยาศาสตร์ ประเทศจะมีงานวิจัยดีๆไปต่อยอดพัฒนาประเทศก็ต้องมีนักวิทยาศาสตร์เก่งๆจำนวนมากช่วยกันคิด พัฒนาสิ่งต่างๆ เมื่อดูตารางแล้วเราจะเห็นว่า ฝรั่งในยุโรปนำภูมิภาคอื่นๆของโลกอย่างเห็นได้ชัด เมื่อยิ่งเทียบกับจำนวนประชากร เป็นผู้ได้รับรางวัลต่อประชากรหนึ่งล้านคน ก็ยิ่งได้ภาพที่ชัดเจน
-----------------------------------------------
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทุกท่านเชิญมาแสดงความเห็นกันได้
เดี๋ยวมาเขียนต่อครับ ถ้าชอบช่วยกดบวก กดถูกใจด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
- จขกท. สุดหล่อ