[ฮานอย - ซาปา - ฮาลองเบย์] 6 วัน 5 คืน มีไม่ถึงหมื่นก็เที่ยวได้

สวัสดีพี่ๆ เพื่อนๆ สมาชิกทุกท่านครับ
       คราวนี้ผมจะมาเล่าเรื่องของการเดินทางไปเที่ยวประเทศเวียดนามของผมและคุณแฟนเมื่อวันที่ 28 มีนาคม - 2 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้าที่จะเดินทางไปนั้นก็ได้มีการวางแผนคร่าวๆ ไว้ว่าเราจะใช้เวลา 6 วัน 5 คืนที่ซาปา, ฮานอย, ฮาลองเบย์กันครับ
**ค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมดตลอดทริปนี้จะใส่ไว้ที่ตอนสุดท้ายครับ**
*****
ภาพในกระทู้ทั้งหมดมาจาก
- กล้อง Panasonic DMC GX-85
- เลนส์
       - Panasonic 12-32mm f3.5 - 5.6
       - Panasonic 20mm f1.7
       - Voigtlander ColorUltron 50mm f1.8 (มือหมุน)
*****
[วางแผนการเดินทาง]
       ในส่วนของการวางแผนการเดินทางนั้น จุดหมายต่างๆ ในเวียดนามที่เราจะไปคร่าวๆ ก็ได้น้องชายของคุณแฟนที่เคยไปมาก่อนหน้านี้ช่วยวางแผน ซึ่งแผนคร่าวๆ คือ เราจะใช้เวลาวันแรกที่ฮานอย คืนแรกในการเดินทางไปซาปา วันที่ 2 - 3 ที่ซาปา วันที่ 4 ที่ฮาลองเบย์ วันที่ 5 - 6 ใช้เวลาที่ฮานอยจนวันที่เดินทางกลับ เริ่มต้นการจองตั๋วเครื่องบินเดินทางไปเวียดนามรวมไปถึงที่พักที่ฮานอยและซาปา เราใช้บริการจองตั๋วเครื่องบินของ Traveloka (www.traveloka.com) ซึ่งได้เลือกบริการของสายการบิน Thai Lion Air ทั้งขาไปและกลับ ที่พักของ Agoda (www.agoda.com) และการเดินทางไปซาปา เราใช้บริการของ Sapa Express (www.sapaexpress.com) ซึ่งรายละเอียดเพื่อนๆ สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ในเว็บไซต์ที่ให้ไว้ได้เลยครับ

[เตรียมตัวก่อนเดินทาง]
       เงินสำหรับใช้ - เราไปแลกเงินบาทเป็นเงินดอลล่าร์สหรัฐที่เคาท์เตอร์ Super Rich เพื่อจะนำไปแลกเป็นเงินด่องใช้ที่เวียดนาม (ค่าเงิน vnd - ด่อง ในช่วงที่เราเดินทางอยู่ที่ประมาณ 10,000 vnd ต่อ 14 บาทไทย ในกระทู้นี้จะใช้ราคาเงิน vnd (ด่อง) เป็นหลัก ถ้าอยากรู้ว่าเป็นเงินไทยเท่าไหร่ก็เอาเงิน vnd คูณด้วย 0.0014 นะครับ)
       เสื้อผ้ากันหนาวและเสื้อคลุมกันฝน - จากที่ดูพยากรณ์อากาศ ได้ข้อมูลมาว่า ที่ซาปาอากาศจะเย็นและอาจมีฝนตกในช่วงที่เราเดินทางไป เราจึงต้องเตรียมเสื้อผ้ากันหนาวรวมถึงเสื้อคลุมกันฝนติดไปด้วย
       ข้อมูลของสถานที่ที่จะไป - หาข้อมูลไว้เบื้องต้นก่อนว่า ที่ที่เราจะไปเป็นอย่างไร จะเดินทางจากที่พักอย่างไร ทำบันทึกเอาไว้ เวลาไปถึงที่อย่างน้อยจะได้มีบันทึกพวกนี้ไว้ให้เราอุ่นใจขึ้น และไม่ต้องมาเสียเวลาคิดว่าจะไปไหนดี
       อุปกรณ์ติดตัวทั้งหลายแหล่ - ยาที่จำเป็น อุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ที่เราจะใช้ ของเราในทริปนี้จะเตรียมปลั๊กพ่วง ที่ชาร์ตโทรศัพท์ ที่ชาร์ตแบตกล้อง และแบตสำรองไปด้วย เพราะคาดว่าจะต้องใช้โทรศัพท์ค้นหาเส้นทางซึ่งน่าจะต้องเปลืองแบตพอสมควร

….ทีนี้ก็สะสมความตื่นเต้นรอวันเดินทาง

วันที่ 1 <28 มีนาคม - ฮานอย>
       นาฬิกาปลุกตอน 03.00น. ก็ได้เวลาลุกมาอาบน้ำอาบท่า ถามว่าทำไมต้องตื่นเช้าขนาดนี้ ทั้งที่ก็ออกเดินทางตอน 07.10น. แต่ด้วยความกังวลว่าอาจมีเหตุให้ต้องเสียเวลา การไปแต่เนิ่นๆ น่าจะทำให้อุ่นใจขึ้นมาอีกนิด ถึงเวลาตี 04.00น. ขึ้นแท็กซี่ที่โทรนัดไว้ให้ไปส่งสนามบินดอนเมือง เนื่องจากเช้ามาก ถนนโล่ง เลยมาถึงสนามบินไวกว่าที่คิด พอถึงสนามบินก็ไม่รอช้า รีบไปเคาท์เตอร์เช็คอิน ครั้งนี้เราใช้บริการของ Thai Lion Air เมื่อผ่านชุดเช็คอิน โหลดกระเป๋า ก็ไปตรวจหนังสือเดินทางเพื่อไปรอในส่วนผู้โดยสารขาออก ตอนที่สแกนสัมภาระติดตัวลืมไปว่ามีนมหนึ่งขวดติดไปด้วยกะว่าจะเติมพลังก่อนเดินทาง แล้วตามกฎของสนามบินคือเขาไม่ให้นำเข้าไปด้วย ทำไงดีล่ะ? ด้วยความเสียดาย ก็กระดกมันตรงนั้นแหละ

…ก็มันเสียดายนี่นา...

       เมื่อกระดกนมขวดเบ้อเร่อเสร็จแล้ว ก็ไปรอที่ประตูทางออก ตามตั๋วที่บอกไว้หรือหมายเลข 2 เห็นทางเดินแล้วท้อใจ มันไกลจริงๆ แต่ก็ต้องเดิน ว่าแล้วก็แบกกระเป๋าเดินกันต่อไป
       04.45น. ถึงที่นั่งรอ คนเสียงดังโล้งเล้ง บรรยากาศไม่เหมือนเช้ามืดที่เรายังควรนอนอืดอยู่ที่บ้าน เอาตั๋วมาอ่าน บอกเวลาขึ้นเครื่อง 06.45น. นอนรอกันต่อไป มาทำไมไวเกินนนนนน...
       07.10น. เจ้าหน้าที่เรียกขึ้นเครื่อง เราได้ Bus Gate ก็เดินไปขึ้นรถ วนไปวนมาตาจะลายอยู่พักใหญ่ก็มาถึงเครื่องบินจนได้ กว่าจะได้บินออกไปก็ตอน 07.45น. บ๊ายบายเมืองไทย 6 วันนะจ๊ะ ยิ้ม
       ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงครึ่งก็มาถึง Noi Bai International Airport 09.45น. อากาศกำลังดี 24 องศาเซลเซียส เวลาของเวียดนามเหมือนกับเมืองไทย จึงไม่ต้องตั้งนาฬิกาใหม่ให้เสียเวลา
       ใช้เวลาประมาณหนึ่งกับด่านตรวจคนเข้าเมืองและรอกระเป๋าที่โหลดไว้ พอได้แล้วก็ถึงภารกิจแลกเงิน vnd และซื้อซิมโทรศัพท์สำหรับใช้ที่เวียดนาม โชคดีที่ทั้งสองอย่างที่เราต้องทำอยู่ในเคาท์เตอร์เดียวกัน เราเลือกใช้ของ Viettel แพกเกจอินเทอร์เน็ตไม่จำกัดความเร็วสูงสุด 5gb สนนราคาต่อซิม 200,000 vnd ตอนจะจ่ายใจสั่น นี่เราใช้จ่ายเงินเป็นแสนในคราวเดียวหรือนี่...
       เมื่อเงินพร้อมเน็ตพร้อม ก็ได้เวลาออกร่อน เราออกจากสนามบิน 10.45น. มารอขึ้นรถบัสสาย 86 เพื่อเข้าเมืองฮานอย (ออกจากหน้าสนามบินเลี้ยวซ้ายหาป้าย 02) ใช้เวลาเดินทางเข้าเมืองจากสนามบินประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าเดินทางคนละ 30,000 vnd วันนี้เรามีแผนการคร่าวๆ คือ
- ฝากกระเป๋าที่ออฟฟิศ Sapa Express
- ซื้อทริปฮาลองเบย์
- ชมการแสดงหุ่นกระบอกน้ำ
- เดินทางไปซาปา
      ขึ้นรถแล้ว ได้เวลาออกเดินทาง ระหว่างนั่งว่างๆ ...ก็ชมวิวกันไปเรื่อยๆ
       ผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมงก็มาถึงป้ายที่ลง หากกลัวหลงให้บอกพนักงานประจำรถ เขาจะคอยเตือนเราเมื่อถึงป้าย และหากกลัวเรื่องการสื่อสาร จะบอกว่าสบายๆ เพราะพนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ
       เมื่อลงรถแล้ว สิ่งแรกที่กระทบโสตประสาทเลยคือเสียงแตร สนั่นหวั่นไหวรอบทิศทางจริงๆ จากการพูดคุยและหาข้อมูลพบว่าที่เวียดนามจะใช้สัญญาณแตรเป็นหลัก รถที่นี่อะไรในรถจะไม่ดีก็ได้ แต่แตรกับเบรกจะไม่ดีไม่ได้ หลังจากลงรถ ก็เปิด Google Maps ให้พาเราเดินไปที่ออฟฟิศ Sapa Express เพื่อฝากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เพราะหากแบกไป หลังอาจยอกได้ ไปถึงออฟฟิศก็แจ้งพนักงานว่าเราเดินทางในคืนนี้รอบ 21.30น. เราก็จะสามารถฝากกระเป๋าโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ครับ
       ฝากของแล้วเสร็จ ภารกิจต่อไปคือการหาที่กินสำหรับเที่ยงนี้ มองซ้ายมองขวา เจอร้านขายอาหารข้างทางร้านหนึ่งข้าง Sapa Express มันคืออะไรก็ไม่รู้ อ่านป้ายก็ไม่ออกเพราะเป็นภาษาเวียดนาม แต่พอจำได้ลางๆ จากลายแทงที่น้องบอกไว้ว่ามาเวียดนามไม่ควรพลาดเมนูนี้ เราเลยตัดสินใจประเดิมมื้อแรกในเวียดนามด้วยร้านนี้ล่ะ  
       แท๊นแท๊นนนน!! นี่ล่ะเมนูที่บอกไป ชื่อของมันคือ Bun Cha อ่านว่า บุ๊น - จา รวมๆ คือ ขนมจีนในจาน กินกับน้ำซุปที่มีหมูสามชั้น และหมูสับปั้นเป็นก้อนย่าง มะละกอดอง แครอทดอง รสชาติโดยรวมออกเปรี้ยวๆ คล้ายอาจาดบ้านเรา เสิร์ฟพร้อมผักเป็นตะกร้า ที่รู้จักก็จะมีผักกาดหอม ผักชี สะระแหน่ ส่วนที่เหลืออีกหลายอย่างไม่รู้จัก วิธีกินที่แม่ค้าสอนคือ คีบทั้งขนมจีนและผักจุ่มในน้ำซุป แล้วก็เอามากิน อีกเมนูที่สั่งมาก็คือ ปอเปี๊ยะทอดเวียดนาม คล้ายๆกับปอเปี๊ยะทอดบ้านเรา แต่แป้งที่ใช้ห่อเป็นใบเมี่ยงเวียดนามสีขาวๆ ที่เราเอามาห่อแหนมเนืองกินกัน ไส้ก็ใส่หมู วุ้นเส้น แครอท ต้นหอมซอย อันนี้พอจะคุ้นตาหน่อย
...แต่สำหรับคนไม่กินผักอย่างผมก็จะต้องใช้เวลาทำใจเล็กน้อย...
…แต่ไหนๆ ก็มาถึงนี่ ลองเปิดใจซักที กินมันทุกอย่างที่เห็น จะได้รู้ว่ามันเป็นยังไง...
     กินเข้าไปคำแรกก็มีเหตุให้ตื่นเต้นซะแล้ว ...ตำรวจมาไล่ที่ร้านที่ตั้งบนทางเท้า อารมณ์เหมือนบ้านเราที่เทศกิจไล่ที่แม่ค้าขายของนั่นแหละครับ กำลังจะคีบขนมจีนคำที่สอง แม่ค้ามายกโต๊ะกินออกไปอย่างรวดเร็ว เราก็รีบตามโต๊ะตัวเองไปที่ข้างในห้องแถวด้านหลังซึ่งน่าจะนัดแนะกันไว้แล้ว หลังจากผ่านเหตุการณ์ตื่นเต้น ก็กินกันต่อ กินไปกินมาหมดชาม ผักเกลี้ยงตะกร้า อร่อยแบบงงๆ ใครมาเวียดนามก็ลองเมนูนี้ดูนะครับ
       เมื่อจบมื้อเที่ยงแบบงงๆ ของเรากันแล้ว ก็ได้เวลาของการไปหาซื้อทริปเที่ยวฮาลองเบย์ในวันที่ 31 มีนาคม ซึ่งได้ใช้บริการของ Sinh Cafe Travel เป็นทริปเที่ยวฮาลองเบย์ 1 วัน มีเลี้ยงอาหารกลางวัน พายเรือคายัค ชมทัศนียภาพของฮาลองเบย์ในราคาคนละ 33.5 ดอลล่าร์สหรัฐ มีบริการรถรับส่งถึงที่พัก ซึ่งรู้สึกเหมือนโดนหลอกยังไงไม่รู้ เพราะป้ายด้านหน้าเขียนโฆษณาบอกไว้เพียง 20 ดอลล่าร์สหรัฐ รวมค่าเดินทางอะไรแล้วก็เพียง 28 ดอลล่าร์สหรัฐ​ แต่ในใบเสร็จคนขายกลับเขียนเพิ่มค่าภาษีเป็น 20% เลยทำให้ค่าใช้จ่ายพุ่งขึ้นไปอีกพอสมควร แต่ก็ต้องจำใจจ่ายเพราะไปตกลงซื้อทริปแล้ว จากการหาข้อมูลดูอยากแนะนำทุกท่านว่า หากท่านมาซื้อทริปแล้วราคาที่ป้ายบอกว่าต่ำกว่า 30 ดอลล่าร์สหรัฐ ให้ถามก่อนว่ารวมภาษีแล้วหรือยัง เพื่อป้องกันการเสียเงินโดยไม่จำเป็นครับผม
       หลังจากซื้อทริปฮาลองเบย์แล้ว ก็ไปที่โรงละครหุ่นกระบอกน้ำกันต่อ โรงละครหุ่นกระบอกน้ำตั้งอยู่ใกล้ๆ Hoan Kiem Lake ซึ่งเดินไปได้เพราะอยู่ไม่ไกลกันมากนัก หากกลัวหลงก็ให้ Google Maps พาไปครับ เราไปซื้อตั๋วเข้าชมการแสดงซึ่งมีการแบ่งรอบทำงานแสดง 4 รอบต่อวัน เราได้รอบเวลา 13.45น. ค่าเข้าชมคนละ 100,000 vnd หากมีกล้องจะต้องเสียเงินเพิ่มอีกตัวละ 20,000 vnd และที่ตั๋วจะมีการระบุที่นั่งให้เราไว้ด้วย เวลาเข้าชมจะต้องนั่งตามที่นั่งระบุไว้ครับ
       หลังจากซื้อตั๋วเสร็จ ระหว่างรอเลยเดินไปถ่ายรูปเล่นแถวๆ Hoan Kiem Lake
       ได้เวลาไปดูการแสดง ก็กลับไปที่โรงละคร ยื่นตั๋วให้ตรวจ เข้าไปที่นั่งที่ตั๋วระบุไว้ โชคดีหน่อยที่ได้ตรงกลาง บรรยากาศในโรงละครเย็นสบาย จุที่นั่งชมประมาณ 500 ที่นั่ง การแสดงจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง การแสดงจะพูดถึงเรื่องคติความเชื่อ และวิถีชีวิตของคนเวียดนามผ่านหุ่นละครน้ำ 12 ชุดการแสดง โดยมีการบรรเลงดนตรีประกอบ เป็นเครื่องดนตรีท้องถิ่น อากาศเย็นๆ ของโรงละครผสมความอ่อนล้าของการพักผ่อนน้อยก่อนเดินทางจะทำให้ผมสับประหงกจนคุณแฟนต้องคอยสะกิดให้ตื่นมาดูอยู่หลายครั้ง แต่ก็พอจะจับเรื่องราวได้อยู่พอสมควร เนื้อหาของการแสดงนั้นเข้าใจได้ค่อนข้างง่ายแม้จะไม่เข้าใจภาษาเวียดนามก็ตาม ส่วนตัวรู้สึกคุ้มกับเงินที่เสียไป ใครมาเวียดนามแนะนำให้มาชมนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่