เรื่องมีอยู่ว่ามีผู้ชายคนนึงเข้ามาจีบครับ น่ารักมากพูดจาดี หน้าตาดี การงานดี เชื่อถือได้ก็เลยลองพูดคุยดูใจ คุยมาได้ประมาณ 2 เดือน ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่เขาเป็นคนบ้างานมากจนเราทนไม่ได้เลยมีเรื่องกับเขาไป “เขาเลยบอกว่าข้อเสียเขามีอีกหลายอย่างที่เราไม่เคยรู้”
จากนั้นข้อเสียต่างๆก็เริ่มปรากฎออกมาตั้งแต่ เขาจะไม่พูดหวานๆเลยเพราะเขามองว่าการพูดหวานๆบ่อยๆมันจะไม่มีความพิเศษเลยเขาจะพูดก็ต่อเมื่อนานๆทีครั้ง ไม่ค่อยแคร์กันเท่าไหร่เพราะมองว่ามันดูพยายามเกินไปที่จะต้องมาบังคับตัวเองให้อีกคนชอบโดยยอมทนให้ตัวเองไม่มีความสุข และเวลาโปรเจ็คเข้าก็จะลุยงานแบบที่ว่าเหมือนล้มหายตายจากกันไปเลย
เราเลยมาเปิดประเด็นว่าทำไมหลังจากที่เรามีเรื่องไปถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้เขาเลยยอมรับว่า“เมื่อ 1 ปีที่ผ่านมาเขาเพิ่งเลิกกับแฟนเขาที่คบกันมา 6 ปีไปเขาเสียใจมากแทบเป็นแทบตายจนมาตอนนี้เขารู้สึกอยากจะเริ่มต้นรักใครสักคนเลยมาจีบเรา แต่พอเจอเหตุทะเลาะเพราะเขาบ้างานไม่มีเวลา เขาบอกมันเป็นเหตุผลเดียวกับที่แฟนเก่าบอกเลิกเขา เขากลัวว่าเราจะเป็นอีกคนที่ทนเขาไม่ได้และเลิกกับเขาอีกคน เขาไม่มั้นใจเลยหาบททดสอบมาลองกับเราว่าเราสามารถทนเขาได้ไหมเพราะเขาไม่กล้าเริ่มรักใครอีกครั้งเท่าไหร่แล้ว”
จากนั้นเขาก็บอกมาประมาณว่าให้เรารอเขารอจนวันที่เขามั่นใจในตัวเราแล้วเขาจะรักเราให้สมเหมือนที่เรารักเขาไป (ออกจะน้ำเน่าแต่ประเด็นเราก็เชื่อไง5555)
หลังจากนั้นบททดสอบก็เกิดขึ้นต่อเนื่องและยากขึ้นเรื่อยๆเช่น ไม่มีการโทรคุยกัน ตอบแชดน้องลงจะตอบทีก็ดันเป็นสติ้กเกอร์ติดคำพูดอีกตะหาก แล้วทุกลมหายใจของการสนทนาก็จะมีแต่งานอย่างเดียว
กระทู้นี้เลยอยากถามว่าเราควรทนบททดสอบนี้ต่อไปหรือไม่?
นี่คือสิ่งที่เป็นปกติของคนที่อกหักและเริ่มกับคนอื่นยากจริงๆหรือ?
มีทางไหนไหมที่จะทำให้บททดสอบนี้จบไวขึ้น?
เจอคนสร้างกำแพงในใจแบบนี้ควรปฏิบัติตัวแล้วเข้าใจเขาให้มากขึ้นได้อย่างไร?
คนที่คุยด้วยมีกำแพงในใจเรื่องความรักควรทำอย่างไร
จากนั้นข้อเสียต่างๆก็เริ่มปรากฎออกมาตั้งแต่ เขาจะไม่พูดหวานๆเลยเพราะเขามองว่าการพูดหวานๆบ่อยๆมันจะไม่มีความพิเศษเลยเขาจะพูดก็ต่อเมื่อนานๆทีครั้ง ไม่ค่อยแคร์กันเท่าไหร่เพราะมองว่ามันดูพยายามเกินไปที่จะต้องมาบังคับตัวเองให้อีกคนชอบโดยยอมทนให้ตัวเองไม่มีความสุข และเวลาโปรเจ็คเข้าก็จะลุยงานแบบที่ว่าเหมือนล้มหายตายจากกันไปเลย
เราเลยมาเปิดประเด็นว่าทำไมหลังจากที่เรามีเรื่องไปถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้เขาเลยยอมรับว่า“เมื่อ 1 ปีที่ผ่านมาเขาเพิ่งเลิกกับแฟนเขาที่คบกันมา 6 ปีไปเขาเสียใจมากแทบเป็นแทบตายจนมาตอนนี้เขารู้สึกอยากจะเริ่มต้นรักใครสักคนเลยมาจีบเรา แต่พอเจอเหตุทะเลาะเพราะเขาบ้างานไม่มีเวลา เขาบอกมันเป็นเหตุผลเดียวกับที่แฟนเก่าบอกเลิกเขา เขากลัวว่าเราจะเป็นอีกคนที่ทนเขาไม่ได้และเลิกกับเขาอีกคน เขาไม่มั้นใจเลยหาบททดสอบมาลองกับเราว่าเราสามารถทนเขาได้ไหมเพราะเขาไม่กล้าเริ่มรักใครอีกครั้งเท่าไหร่แล้ว”
จากนั้นเขาก็บอกมาประมาณว่าให้เรารอเขารอจนวันที่เขามั่นใจในตัวเราแล้วเขาจะรักเราให้สมเหมือนที่เรารักเขาไป (ออกจะน้ำเน่าแต่ประเด็นเราก็เชื่อไง5555)
หลังจากนั้นบททดสอบก็เกิดขึ้นต่อเนื่องและยากขึ้นเรื่อยๆเช่น ไม่มีการโทรคุยกัน ตอบแชดน้องลงจะตอบทีก็ดันเป็นสติ้กเกอร์ติดคำพูดอีกตะหาก แล้วทุกลมหายใจของการสนทนาก็จะมีแต่งานอย่างเดียว
กระทู้นี้เลยอยากถามว่าเราควรทนบททดสอบนี้ต่อไปหรือไม่?
นี่คือสิ่งที่เป็นปกติของคนที่อกหักและเริ่มกับคนอื่นยากจริงๆหรือ?
มีทางไหนไหมที่จะทำให้บททดสอบนี้จบไวขึ้น?
เจอคนสร้างกำแพงในใจแบบนี้ควรปฏิบัติตัวแล้วเข้าใจเขาให้มากขึ้นได้อย่างไร?