ประสบการณ์delayและcancelled ที่ JFK และสิ่งที่เราได้เรียนรู้

ช่วงต้นปีที่ผ่านมาเราบินมาลงjfk ด้วยสายการบินกาตาร์ค่ะ ตอนก่อนออกจากไทยก็มีข่าวพายุเข้าnew yorkเรื่อยๆ  หลายๆสายการบินดีเลย์ไฟลท์ เราได้แต่ลุ้นว่าพอเราไปถึงสถานการณ์จะดีขึ้น ตอนเช็กอินที่ไทยก็ถามพนักงาน เขาว่าสถานะไฟลท์จากjfkไปยังเมืองปลายทางของเราปกติดี พอมาถึงกาตาร์เรารอต่อเครื่องเกือบหนึ่งวันเต็มจึงเข้าเมืองพักผ่อนค่ะ วันถัดมามาเช็กอินที่สนามบินโดฮา ถามพนักงานว่าไฟลท์เรายังโอเคใช่ไหม เขาก็ว่ายังปกติดี


Immigration
มาถึง jfk วันเสาร์ตอนสี่โมงเย็น ดีเลย์ไปประมาณหนึ่งชั่วโมงค่ะ เพราะที่โดฮาบอร์ดดิ้งค่อนข้างช้า ซึ่งเราว่าก็ค่อนข้างปกติ บินเข้าออกอเมริกากลับไทยดีเลย์ตลอดแทบทุกไฟลท์ในช่วงห้าหกปีที่บินกลับไทยนี้ พอถึงสนามบินได้รับอีเมล์แจ้งไฟลท์ดีเลย์จากหนึ่งทุ่มเป็นสามทุ่ม เราก็ค่อนข้างชิล ตอนนั้นประมาณสี่ห้าโมงเย็น ผ่านตม.ถามว่ามีอาหารไหม เราก็บอกว่ามี ยื่นใบดีแคลร์ให้ เขาก็เก็บใบไว้ แล้วก็ให้เราผ่าน เราก็ไปรอเอากระเป๋า ซึ่งปรากฎว่ากระเป๋าใบนึงของเราชำรุดคือซิปหลุดเปิดหมด เราต้องย้ายของจากใบนั้นมาใส่อีกใบนึง เราเดินออกจากตรงสายพานกระเป๋ามาแบบงงๆเพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ณ จุดนั้นก่อนออกจากตรงรับกระเป๋า ที่ปกติจะแยกให้ไปแสกนกระเป๋า คือมันแตกต่างจากสนามบินอื่นที่เราเคยบินเข้า ที่พอรับกระเป๋าจะต้องยื่นใบดีแคลร์และอาจถูกคัดไปตรวจกระเป๋า ณ ตอนนั้นไม่มีใครเลย


Damage luggage
เดินออกจากจุดนั้นเราก็ไปดรอปกระเป๋า มีเจ้าหน้าที่สายการบินกาตาร์อยู่ เราแจ้งไปว่ากระเป๋าชำรุด เราว่าเจ้าหน้าที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษมากหรือไม่ก็เพิ่งทำงาน เพราะเขามีแต่พูดว่าให้เรารับกระเป๋ากับสายการบินjet blue ที่ปลายทาง ในขณะที่เราพูดถึงเรื่องกระเป๋าชำรุดและต้องการใบรับรองจากกาตาร์ประมาณนั้น หลังจากพยายามถามประมาณสามสี่รอบเราก็ทำใจว่าช่างมันเหอะ เดี๋ยวลองดูในเว็บทีหลัง (เรามั่นใจว่าภาษาอังกฤษเราไม่มีปัญหา อาจไม่ถึงnativeแต่สื่อสารรู้เรื่อง ส่วนพนักงานดูเหมือนจีนหรือญี่ปุ่น เป็นอะไรที่ต้องใช้ความพยายามมากเราทั้งพูดช้าและพยายามอธิบายหลายวิธีแล้ว เราเลยยอมแพ้) เราเลยให้พนักงานสนามบินผู้ชายที่อยู่ตรงนั้นว่ากระเป๋าเราพังแต่เราต้องการนำติดตัวไปปายทางด้วย เขาก็พันเทปรอบกระเป๋าแล้วดรอปให้เรา


Waiting for the flight
หลังจากนั้นเราต้องเปลี่ยนเทอร์มินอลค่ะ เราใส่เสื้อกันหนาว+เสื้อแขนยาว แต่ไม่พอ เนื่องจากหนาวมากและบางช่วงมันoutdoor คือคิดผิดและประมาทมาก ขาออกจากอเมริกาก่อนหน้านี้เดินทางเปลี่ยนเทอร์มินอลมันไม่ได้สัมผัสอากาศภายนอกเลย เราเลยไม่ได้คิดว่าต้องเตรียมชุดหนาๆโค้ทหรืออะไรมากมาย เราก็รอต่อเครื่องไปเรื่อยๆ เจอคนฟิลิปปินส์ถ้าจำไม่ผิดเขาก็รอต่อไปโคโลราโด เราก็คุยกันว่าถ้าจะโดนยกเลิกก็ยกเลิกเสียตอนนี้ดีกว่ามายกเลิกหลังจากรอไปนานๆหลายชั่วโมง ไฟลท์ของเขาโดนยกเลิกตอนสองทุ่มกว่า ของเราถูกเลื่อนเป็นสี่ทุ่ม เที่ยงคืน ประกาศว่ารอflight attendant อยู่ รอcaptain บ้าง และถูกเลื่อนเป็นตีหนึ่ง ก่อนจะถูกยกเลิกในที่สุดตอนเกือบตีสองด้วยเหตุผลว่าไม่มีcrew available คนที่รอก็โห่กันละค่ะ รอมาหกชั่วโมงจากเวลาเดิม พนักงานก็บอกแค่ว่าให้รอรับอีเมลล์เกี่ยวกับทางเลือกอื่นๆไฟลท์ใหม่ และให้ทุกคนไปรอรับกระเป๋าเดินทางคืน


Waiting for luggage at baggage claim area
เราก็ไปรอกระเป๋า กว่าจะได้คืนคือเดินไปเดินมาเช็กสายพานนั้นนี้ กว่ากระเป๋าเราจะมาคือตีสี่ค่ะ รออยู่แถวสายพานสองชั่วโมง แบตมือถือก็เริ่มหมด เราเดินจากแถบนั้นไปดูแถวเคาน์เตอร์ว่ามีพนักงานไหม ไม่มีพนักงานjet blue แม้แต่คนเดียวค่ะ คือในสนามบินแถวเช็กอินและสายพานไม่มีพนัดงานเจ็ทบลูแม้แต่คนเดียว เราเริ่มกังวลละว่าจะทำยังไง โทรติดต่อเอเจนท์ที่เราซื้อตั๋วสองครั้งเขาบอกว่าตั๋วเราออกโดยกาตาร์ให้ไปติดต่อกาตาร์ว่าจะทำอะไรได้บ้าง ณ ตอนนั้นกาตาร์ที่อเมริกายังไม่เปิด เราเลยโทรไปกาตาร์ที่กาตาร์เลย เสียตังหน่อยแต่ได้คุยกับคนน่ะนะ เขาก็บอกว่าต้องติดต่อqatar@usaให้ออกตั๋วใหม่ให้ เราถามว่าเราซื้อตั๋วไปลงที่อื่นแล้วมาเบิกได้ไหมเขาก็ว่าไม่ได้ ต้องเป็นที่เดิมเท่านั้น (เราเช็กตั๋วแล้วบินไปเมืองปลายทางในวันนั้นไม่มีตั๋วเหลือ มีอยู่สามไฟลท์นี่แหละค่ะ ราคาพันสองพันเลยด้วย) อากาศก็เย็นมากเราเลยใส่เสื้อไหมพรม ณ ตอนนั้น เสื้อแขนยาว+เสื้อไหมพรม+ฮูดดี้ แต่ก็ยังไม่อุ่นเท่าไหร่ เราตัดสินใจทิ้งกระเป๋าใบที่ชำรุด เพราะณ ตอนนี้มันยุ่งยากเกินและจะลำบากเราเกินไป เราถ่ายรูปทั้งใบไว้เผื่อมาเคลมทีหลัง เสร็จแล้วเจอคนทำความสะอาดสนามบินแถวนั้นถามเขาว่าเราจะทิ้งกระเป๋าได้ที่ไหน เราบอกเขาไปว่ามันพัง เราเอาของออกหมดแล้ว เขาก็หยิบกระเป๋าเราไป ตอนนี้เรามี28นิ้วหนึ่งใบ, 20นิ้วcarry onหนึ่งใบ, และกระเป๋าเป้ ก็เดินสะดวกขึ้น


Alternative solution
หลังจากนั้นมันเป็นช่วงตีสี่ตีห้าเรายังไม่แน่ใจว่าจะทำยังไงกับอนาคตตัวเองดี เลยนั่งรออยู่แถวสายพานนั้นแหละ เราคุยกับแฟนว่าจะทำยังไงดี เขาอยู่เมืองอื่นที่ไม่ใช่เมืองปลายทางของเรา เราเช็กราคาตั๋วบินไปหาเขาราคาตั๋ว$500นิดๆ แต่บินตอนห้าโมงเย็นวันอาทิตย์วันนี้ แล้วเราก็บินต่อไปเมืองเราได้ไม่แพงมากจากที่นั้น หลังจากตัดสินใจอยู่นานก็เลยซื้อตั๋วใบนี้ค่ะ ส่วนบินไปเมืองปลายทางของเราจากjfkนี่แพงมากค่ะแม้แต่บินวันอังคารก็ยังแพงเนื่องจากเต็มหมด และเราคาดว่าตั๋วที่ยังขายราคาเป็นพันนั้นน่าจะoverbookingด้วยเลยไม่อยากเสี่ยง เราคิดหาหลายวิธีมากว่าจะทำยังไงดี เข้าเมือง หรือบินไปไหนดี บินออกจากlga. หรือ dc อย่างนี้ล่ะจะได้ไหม แต่สุดท้ายก็เลยบินไปหาแฟนที่เมืองหนึ่งแล้วค่อยบินต่อไปปลายทางเราดีกว่า


New flight
พอหกโมงเช้าเราก็เดินทางจากตรงรอกระเป๋าของเทอร์มินัลหนึ่ง ไปยังเทอน์มินัลที่มีเคาน์เตอร์ของกาตาร์ นึกว่าจะหนาวตายแล้วค่ะ หนาวมากๆ เสื้อเราก็ไม่อุ่น แล้วมันมีช่วงที่ต้องเดินออกมาข้างนอกด้วย เรารอต่อคิวสักชั่วโมงกว่าเจ้าหน้าที่ถึงมาและจัดการตั๋วได้ เขามีไฟลท์ให้เราของอเมริกันแอร์ไลน์หกโมงเช้าของวันจันทร์วันถัดไป(คืออีก24ชั่วโมงถัดจากนั้น) ไม่มีไวกว่านี้ เราถามว่ามีที่พักให้ไหม เขาก็ว่าไม่ แค่ตั๋วเท่านั้น เราเลยตัดสินใจบินไปหาแฟนดีกว่าเพราะรอบินอีกแค่สิบชั่วโมง เรารอวันนึงเต็มๆไม่ไหวแล้ว จะเข้าเมืองหาที่พักก็แพงพอๆกันแล้วยังเป็นช่วงพายุด้วย เราไม่อยากเสี่ยงแล้ว อยากออกจากjfkไปเสียที


Finally out of JFK
หลังจากนั้นเราก็ไปเทอร์มินอลของAmerican airlineค่ะ เช็กอินกับเจ้าหน้าที่ ถามให้มั่นใจด้วยว่าไม่ดีเลย์ใช่ไหม เขาก็ว่าไม่แน่นอน สิบโมงเช้า เราก็ไปนั่งเล่นและงีบในเทอร์มินอลนี้ มันใหม่ด้วย คนไม่เยอะมาก เราเลยมีโอกาสได้นอนในที่สุด ก่อนบินออกตอนห้าโมงเย็น ตอนอยู่บนเครื่องเนี่ยก็มีalertว่าเทอร์มินอลหนึ่งเจอน้ำท่วมค่ะ ได้แต่คิดในใจโชคดีแล้วเรายอมเสียเงินเพิ่มเองเพื่ออกจากสนามบินให้ไวที่สุด



สิ่งที่ได้เรียนรู้
-ที่อเมริกาไม่มีกฎว่าต้องหาของว่างอะไรให้ผู้โดยสารถ้าไฟลท์ดีเลย์ คือควรมีแต่ไม่บังคับ เราดีเลย์ไปหกชั่วโมงไม่ได้กินอะไรเลย ต้องไปหาทานเอง ตอนแรกเรานึกว่าเรื่องนี้ที่อเมริกาจะคุ้มครองดี แต่ไม่เลย และไม่มีcompensation ค่ะ US airline are not obligated to provide you with anything.

- ดีเลย์ข้ามคืนก็ไม่มีการหาที่พักให้หรือได้ชดเชยอะไร

- จากเว็บ airhelp เขียนไว้ว่าไฟลท์ถูกยกเลิกในอเมริกา ผู้โดยสารไม่มีสิทธิ์อะไรมากมาย สิ่งที่ควรทำคือเก็บบอร์ดดิ้งพาสให้ดี รีเควสไฟลท์ใหม่ และเจรจาขอเงินชดเชย อย่างไรก็ตามไม่มีกฎและไม่จำเป็นที่สายการบินจะต้องจ่ายเงินชดเชยให้เรา เพียงแต่ว่าเราลองสอบถามดูได้ ถ้าโชคดีก็อาจได้ชดเชย

- สำหรับเราที่ไฟล์โดนดีเลย์และยกเลิกในที่สุด เราจองผ่านกาตาร์ และกาตาร์จัดหาไฟลท์ใหม่ให้เรา

- jetblue เราเอาเลขบุ๊คกิ้งไปจัดการการจองก่อนบิน ใส่อีเมล์เรา เลือกที่นั่งอะไรแบบนี้ที่เว็บเจ็ทบลู เราไม่แน่ใจว่าเพราะแบบนี้หรือเปล่าเราเลยได้รับอีเมล์มาภายหลังว่าสายการบินให้เครดิตเรามา$300ไว้ใช้ซื้อตั๋วของjetblue ภายใต้ชื่อเราเท่านั้น แต่เราคงไม่ได้ใช้อ่ะ เส้นทางที่เราบินประจำไม่มีjetblue

- เราเข้าไปจัดการเคลมกระเป๋าเดินทางเสียหายกับกาตาร์ พอเข้าไปอีกทีไม่กี่วันจากนั่นก็ทำเรื่องไม่ได้แล้ว เราแนะนำถ้ามีปัญหาให้ทำเรื่องใหไวที่สุด เรากรอกเอกสารเรียบร้อยก็ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ซึ่งมันไม่ให้เราเข้าระบบไปsubmit เราก็เลยปล่อยไป เพราะเราไม่สะดวกจะทำอะไรแล้ว ช่วงนั้นเราก็ยุ่งมาก

- เราไม่ได้ทำประกันการเดินทางเนื่องจากเราเดินทางจากอเมริกาไปไทยและมาอเมริกา กินเวลาประมาณหนึ่งเดือน ค่าประกันค่อนข้างแพงราคาคิดเป็นไทยหลายพันบาทเราเลยไม่ได้ซื้อ

- ก่อนบินออกจากอเมริกาเราเข้าเว็บกาตาร์ปริ้นท์ระเบียบและกฎออกมา ที่พูดเรื่อง แคนเซิล ดีเลย์ กระเป๋า Montreal convention อะไรแบบนี้ ซึ่งถือว่าดีได้ข้อมูลอะไรเยอะแยะเลยค่ะ

- บินจากไทยมาอเมริกามาอีกเมืองหนึ่ง ควรเผื่อเวลาที่สนามบินแรกในอเมริกาสักห้าชั่วโมงค่ะ เผื่อดีเลย์(เราเจอดีเลย์ตลอดใน3สายการบินที่เราเคยบินเข้าอเมริกา ดีเลย์ประมาณ1-2ชั่วโมง), เผื่อต่อคิวผ่านตม. ปรกติคนเยอะเจ้าหน้าที่น้อย, กว่าจะออกจากเครื่องก็นาน, เผื่อถูกเรียกเข้าห้องเย็นด้วย(เราเจอสามครั้ง เสียเวลาตรงนี้ประมาณหนึ่งชั่วโมง)

- ถ้าสถานการณ์ไม่ดี ควรเริ่มคิดหาทางเลือกไว้ ไฟลท์เราดีเลย์ตอนห้าทุ่ม เราก็คิดไว้แล้วว่าเสี่ยงมากๆ ควรหาแผนสำรองซื้อไฟลท์ใหม่ แต่เราก็ไม่ได้ทำอะไรเพราะเสียดายตังค์ถ้าไฟลท์ไม่ถูกยกเลิก พอมาถูกยกเลิกปุ๊บคนก็แย่งกันซื้อตั๋วใหม่ราคาแพงขึ้นไปอีก ถ้าเราวางแผนไว้ก่อนคนอื่นก็จะไปถึงปลายทางได้ไวขึ้นในราคาที่ไม่แพงมาก


-เคยอ่านประสบการณ์คนอื่นถูกดีเลย์ยกเลิกมาแล้ว เราคิดว่าเราพอรู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง แต่สุดท้ายเอามาปรับใช้ไม่ได้เลยกับสถานการณ์เรา เช่น ขอvoucherไว้ทานอาหาร สถานการณ์จริงของเราไม่มีเจ้าหน้าที่สายการบินเลยที่เราจะติดต่อถามได้ คือถ้ามีโผล่มาสักคนคงโดนรุมจากผู้โดยสารจำนวนมาก, ขอที่พัก เราถามเจ้าหน้าที่กาตาร์แล้ว เขาว่าไม่มีการจัดหาให้ เราคาดว่าอาจเป็นเพราะไฟลท์ต่อในประเทศไม่ได้บินโดยกาตาร์โดยตรง

พอผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ มาอ่านข่าวดูคือมันแย่จริงๆนะ พายุหนัก ไฟลท์โดนยกเลิกดีเลย์จำนวนมาก คนติดค้างเยอะมาก เป็นข่าวดังพอสมควร ครอบครัวเราก็เป็นห่วงเพราะดูข่าวแล้วมันดูแย่มาก มีคนถูกสัมภาษณ์ในข่าวเขาว่าไฟลท์เขาถูกแคนเซิลแล้วเขาก็ไม่รู้จะทำยังไงคือจะกินนอนได้ไฟลท์ใหม่เมื่อไหร่ คือไม่รู้ว่าจะทำอะไรเลย

สรุปไทม์ไลน์
- วันเสาร์
- 16.00 บินQatar ถึง JFK
- 19.00 ไฟลท์ jet blue delay เป็นสามทุ่ม
- ----- วันอาทิตย์
- 01.30 ไฟลท์ถูกแคนเซิล
- 04.00 ได้กระเป๋าเดินทางคืน
- 06.30 ได้ตั๋วใบใหม่ จากกาตาร์
- 10.00 เข้าเทอร์มินอล กิน นอน รอเวลา
- 17.00 ไฟลท์ที่เราจ่ายตังค์เอง(~$550 = 17000 บาท) ไปยังเมืองอื่นออกเดินทาง
- ----- วันจันทร์
-06.00 ไฟลท์ที่กาตาร์จัดให้ใหม่ออกเดินทาง (แต่เราไม่ได้บิน)


เราติดอยู่ jfk หนึ่งวันเต็มๆค่ะ ไม่ได้อาบน้ำ ไม่ได้นอน แต่ได้งีบนิดหน่อย(แต่แอร์เย็นมากเลยงีบไม่สบาย) เรามาดูรูปในมือถือเรามีแค่ภาพกระเป๋าใบที่พังค่ะ เรานึกว่าเราจะถ่ายอะไรเก็บไว้บ้าง ไม่มีเลย อย่างนึงคือแบตมือถือไม่ค่อยจะมี เพาเวอร์แบงค์ก็แบตหมด(ใช้ชาร์จมือถือตอนอยู่กาตาร์ เพราะปลั๊กคนละแบบกัน เราเลยชาร์จโดยตรงจากเต้าเสียบไม่ได้) แล้วเรายังต้องใช้มือถือโทรคุยติดต่อ ใช้เสิร์ชหาตั๋วเครื่องบิน

อยากเล่าเป็นประสบการณ์ค่ะ เพราะเหตุการ์นี้เราโชคร้ายหลายชั้นมาก ตรงนี้จะเป็นบทเรียนให้เราวางแผนการเดินทางในอนาคตได้ดีขึ้น


เผื่อใครสงสัยว่าเหตุการ์ที่นิวยอร์คช่วงต้นปีที่เราเจอคืออะไร
http://www.nj.com/news/index.ssf/2018/01/jfk_airport_delay.html
https://www.thairath.co.th/content/1171608
https://www.cnbc.com/2018/01/08/weather-and-airport-structure-hampered-recovery-at-new-yorks-jfk.html
เราหาข่าวอ้างอิงนี้เลยได้เห็นว่าตอนเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้ก็เกิดสถานการณ์คล้ายๆกันค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่