[CR] เรื่องราวสำหรับการเดินทางที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (รีวิวเพื่อเป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่)

**** จะยาวหน่อย แต่คิดว่าถ้าเป็นมือใหม่จะกังวลในหลายเรื่อง เลยยากบอกสิ่งที่ตัวเองพอจะบอกได้ ให้ได้มากที่สุด หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะคะ ****



การเดินทางครั้งนี้เป็นครั้งแรกในการไปประเทศญี่ปุ่น ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่น ไม่เคยอยู่ในหัวเลย เป็นสายเกาหลีมากกว่า แต่พอคนรอบข้างไปเยอะ อ่านรีวิวที่คนไปมา ความอยากไปเลยมากขึ้น ..

นี้คือจุดเริ่มต้นในการจองตั๋ว เราเลือกเดินทางโดยสายการบิน AirAsia x ซึ่งถ้าเป็นมือใหม่ ก็จะมีคำถามมากมายว่า สายการบินไหนดี Full sevice หรือ low cost ต่อเครื่อง หรือบินตรงดี คำถามเต็มไปหมด เลยอยากจะแนะนำ วิธีสำหรับฝ้ายเอง ซึ่งฝ้ายมองว่าของแบบนี้เราต้องถามตัวเราก่อน ว่า lifestyle เป็นแบบไหน ฝ้ายเป็นคนขี้เกรียจนิดๆ การไปรอต่อเครื่อง ถึงแม้บางทีไม่กี่ชั่วโมง ก็ไม่ไหว ใจอยากเที่ยว อยากนอนต่อเดียวละถึง การบริการไม่ต้องอะไรมากมายไม่ต้องมีจอก็ได้เพราะชอบบินกลางคืนเดียวก็นอน

AirAsia จึงตอบโจทย์เพราะมีโปรเรื่อยๆ บางคนก็จะบอกว่าเพิ่มไม่กี่พันได้ Full service นะ แต่ไม่กี่พันฝ้ายก็เสียดาย และจากที่ได้นั่งมา รู้สึกว่าก็ไม่ได้ต่างมากมาย ทั้งนี้ยํ้าอีกทีว่า อยู่ที่ตัวเรา ถ้าชอบทุกอย่างสะดวกสบาย ไปทั้งที ขอจัดเต็ม ก็จัดได้เลย ถ้างบถึง ไม่มีแบบไหนผิดหรือถูก !!!! อยู่ที่ความพอใจของเรา  สุดท้ายเราต้องตั้งงบมาก่อนว่าราคาตั๋วจะไม่เกินนี้ และช่วงเวลาที่จะไป สายการบินไหนตอบโจทย์ที่สุด ก็ให้เลือกสายการบินนั้น รวมไปถึงเที่ยวการเดินทาง ว่าวันและเวลาดีมั้ยด้วย อันนี้ก็สำคัญ


การเดินทางจากกรุงเทพ-นาริตะ(โตเกียว) ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง เวลาญี่ปุ่นเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง เมื่อถึงแล้วสิ่งที่เรากังวลกันมากที่สุด จนบางคนอาจไม่กล้ามาเที่ยวเลย ก็คือ ตม. (ตรวจคนเข้าเมือง) ฝ้ายเคยคุยกับคนหลายคนที่เค้าอยากไปเที่ยวแต่สุดท้ายไม่ไป เพราะข่าว ตม. จากประสบการณ์ฝ้ายขอยืนยันว่า ถ้าเราตั้งใจที่จะมาเที่ยว ทำสิ่งที่ถูกไม่มีอะไรผิดกฏหมาย ยังไงก็ผ่านค่ะ แม้แต่เกาหลีฝ้ายก็ไม่โดนถามเลย ตม. เค้ามีหน้าที่ของเค้า เค้าจะโหดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา ถ้าเรามาเที่ยวจริง ๆ เค้าก็พร้อมจะต้อนรับเราอยู่แล้ว ไม่ว่าจะญี่ปุ่น เกาหลี หรือประเทศไหนก็ตาม อย่าได้ไปกลัว สิ่งที่ฝ้ายทำเวลาเจอ ตม. คือ

1. เอกสาร ฝ้ายเตรียมทุกอย่าง ทั้งใบรับรองเงินเดือน แพลนเที่ยว ใบจองโรงแรม หลายคนที่เค้าไปบ่อย ๆ จะบอกว่าไม่ต้องเตรียมหรอกไม่โดนหรอก สำหรับมือใหม่อย่าเชื่อนะคะ เราต้องพร้อมเสมอ หรือแม้แต่คนที่ไปบ่อย ๆ ก็ไม่ได้รับประกันเสมอ กันไว้ดีกว่าแก้ สบายใจด้วย ไม่ถามก็ดีไป เพราะเอกสารจะเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันได้อย่างดีถ้าโดนถาม

2. การกรอกเอกสาร ระวังเรื่องลายมือนะคะ เพราะถ้าเค้าอ่านไม่ออกก็จะโดนถามแน่ ๆ  ให้เขียนตัวบรรจงให้ชัดเจน ควรเขียนตั้งแต่บนเครื่อง แอร์จะเอาใบมาแจกค่ะ มี 2 ใบไว้ยื่น ตม. กับ ศุลกากร ตัวอย่างการเขียนสามารถดูได้จากในเน็ตเลย คนแชร์เยอะ หรือบนเครื่องก็มีตัวอย่างให้ดู เพราะฉะนั้นพกปากกาติดกระเป๋าด้วย

3. ภาษาอังกฤษกับคำถามยอดนิยม ใครที่ไม่ได้คล่องภาษาก็ให้อ่านมาบ้าง เผื่อจะได้ตอบถูก ส่วนมากก็จะเป็นคำถามง่าย ๆ มาทำอะไร มากับใคร และหากใครมาเป็นกลุ่ม แนะนำว่าให้ทุกคนรู้แพลนเที่ยว รู้เรื่องที่พักทุกคนนะคะ อย่าฝากความหวังไว้ที่คนคนเดียว


พอไปถึงลงเครื่องแล้วรีบเดินก่อนกรุ๊ปทัวร์นะคะไม่งั้นคิวยาวแน่ ไปก่อนสบาย ๆ ผ่านง่าย ๆ ก็ยื่น passport มองหน้า ตม. ยิ้มเล็กน้อยทักทาย เท่านี้ก็ผ่านแล้วค่ะ ฝ้ายว่า ตม. เค้าดูออกนะว่าคนตั้งใจมาเที่ยวหรือทำงาน ส่วน passport ขาว ฝ้ายว่าก็ไม่ต้องกังวล มันไม่ได้มีผลขณะนั้น passport ขาวฝ้ายไปเกาหลียังไม่โดนถามเลย เอาเป็นว่ามั่นใจว่าเราเที่ยวจริงๆ อย่าไปอ่านอะไรที่ทำให้เรานอยซ์ คนที่โดนก็คงมีเหตุผล ถึงโดนถามแต่ถ้าเราแสดงให้เค้าเห็นว่าเรามาเที่ยวยังไงก็ผ่าน ถ้าไม่กล้าสักทีเราคงไม่ได้ไปไหน เตรียมตัวให้พร้อมดีกว่าที่จะกลัว และสิ่งที่อยากฝากไว้คือ การแต่งตัวโดยเฉพาะผู้หญิง การที่เราผ่านเข้าประเทศ มันก็เหมือนติดต่อราชการ บางทีการแต่งตัวเราก็ต้องเคารพสถานที่ด้วย สั้นๆค่อยใส่ตอนไปเที่ยวแล้วดีกว่า แถมยังป้องกันการโดนถาม ถ้าเราแต่งตัวสุภาพ ดูดี ก็จะมีโอกาสที่ผ่านง่ายๆ

มาถึงการเดินทางในประเทศญี่ปุ่น พอเริ่มแรกที่เห็นสายรถไฟของญี่ปุ่นหลาย ๆ คน อาจจะถอดใจ เพราะเยอะ งง ไปหมด ฝ้ายก็เป็นหนึ่งในนั้นที่กังวล แต่เมื่อมาแล้วจะพบว่า มันไม่ได้อยากเพราะว่า ป้ายบอกทางมีตลอดทั้งภาษาอังกฤษและญี่ปุ่น ไม่ต้องกลัวหลง ป้ายไม่เหมือนไทยแน่นอนที่เดินๆ อยู่ละหายไม่รู้ทางไหน หลังจากผ่านศุลกากรมาแล้ว ให้มองป้าย Train เลยค่ะ ลงบันไดเลื่อนไป ป้ายมีบอก ใตลอดทาง ก่อนหน้าจะมาฝ้ายแคปหน้าจอทุกทางเดิน ของคนรีวิวอื่นๆ พอถึงเวลาไม่ได้หยิบออกมาดูเลย เพราะป้ายเค้าชัดเจนมาก

วิธีเข้าเมือง ฝ้ายพักที่ Ueno เพราะฉะนั้นจาก สนามบินนาริตะ ไป ueno วิธีที่สะดวกของฝ้ายคือไป keisei skyline เมื่อเดินตามป้ายมาจะเจอ เข้าไปซื้อเลยค่ะ ด้านหน้าจะมีรายละเอียดราคา ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และภาษาจีน หยิบแผ่นราคาออกมาแล้วบอกพนักงานได้เลย พนักงานจะให้เราดูเวลาว่าไปรอบปัจจุบันมั้ย ตอนฝ้ายไปอีก 7 นาทีจะมา ตัดสินใจว่าไม่ไปกลัวเดินไปไม่ทัน และก็ไม่ทันจริงๆ รถไฟที่นี้เค้าตรงเวลามากนะคะ พยายามรักษาเวลาด้วย เดียวจะตกรถไฟซะก่อน

สิ่งที่ฝ้ายซื้อคือ ตั๋วจากนาริตะไป ueno เที่ยวเดียว เพราะขากลับจะนั่งธรรมดา เพราะต้องแวะเที่ยวนาริตะก่อนเลยไม่รีบ ถ้าใครจะซื้อไปกลับก็ได้ รวมถึงถ้าเป็นนักท่องเที่ยวสามารถซื้อบัตร Tokyo subway ได้อีก ใช้ขึ้นลงใต้ดินได้สะดวกสบาย



จากนั้นให้ดู เวลา ตรงเวลา 10.02 คือรถไฟมา ตรงเวลามากนะคะ อย่างที่บอกอย่ามัวแต่กดมือถือ และรถไฟมันจะมีขบวนอื่น ๆ มาจอดด้วย อย่าขึ้นผิดนะขึ้นเวลานี้เท่านั้น ฟังเสียงเค้าประกาศด้วย ส่วน 10.43 คือเวลาที่จะถึง เลข 03 คือตู้ขบวน ต้องไปยืนให้ถูกนะคะ ตรงพื้นจะมีหมายเลขบอก และ 09A คือที่นั่ง เวลาลงก็ฟังเสียงประกาศว่าถึงรึยัง หรือคอยมองป้ายไว้ว่าถึงไหน ป้ายภาษาญี่ปุ่นก็จะสลับกับอังกฤษ ดูง่ายไม่ต้องห่วงว่าลงผิด

เรื่องการจองโรงแรม เวลาเราจอง ให้เลือกที่เดินทางจากสนามบินไปง่ายๆ เดินไม่ไกล เพราะอย่าลืมว่าไปต่างประเทศกระเป๋าเราจะใหญ่และหนัก ที่ฝ้ายเลือกย่าน Ueno ก็เพราะว่ามาจากสนามบินก็ง่าย ต่อเดียวถึงเลย โรงแรมที่เราพักคือ Apa Hotel Keisei Ueno มาถึง Ueno แล้วออก exit Ikenohata Side เดินออกมาข้ามถนนถึงโรงแรมเลย  แถมใกล้รถไฟฟ้าสาย Tokyo subway กับ JR ไปเที่ยวที่อื่นต่อก็ง่าย โรงแรมของญี่ปุ่นเค้าจะเปิดให้ check-in บ่าย3 และ check-out 11โมง ถ้าเรามาถึงก่อนมาฝากกระเป๋าแล้วค่อยกลับมา Check-in ค่ะ ไปเที่ยวก่อนได้เลย


โรงแรมของญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเล็กอยู่แล้ว ซึ่งสำหรับฝ้ายไม่มีปัญหาเพราะเราไว้แค่นอนพักผ่อนเพื่อให้มีแรงเที่ยว สำหรับใครที่ชอบกว้าง ๆ อาจจะต้องมองหาที่อื่น ซึ่งราคาก็จะสูงตามไปอีก ปกติราคาก็จะแพงอยู่แล้ว ถ้าเป็นโรงแรม แต่ถ้าใครมีงบน้อยกว่านี้ จะเลือกมองหาเป็นพวก โรงแรมแคปซูล หรือ เกสต์เฮ้าส์ ก็ได้ ดูงบเราเป็นหลัก ถ้าคิดว่าเอาเงินค่าโรงแรมไปเที่ยวดีกว่า นอนไหนก็ได้ ก็เอาพวกนี้เป็นตัวเลือก แต่ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัว สะดวกนิดนึงจ่ายแพงขึ้นมานิด โรงแรมแบบ APA ก็เป็นตัวเลือกที่ดี

เพิ่มเติมถึงที่นี้จะเล็กแต่สะดวกสบายมาก ที่นอน นอนสบาย เตียงหมอนนุ่ม และทุกอย่างครบนะคะ ผ้าเช็ดตัว ไดร์เป่าผม ยาสีฟัน แปรงสีฟัน สบู่ แชมพู แถมเป็นยี่ห้อ shiseido ซะด้วย รวมไปถึงที่โกนหนวด ยางมัดผมก็มีให้ คือไม่ต้องแบกจากไทยมาให้เปลืองนํ้าหนักกระเป๋าเลยค่ะ และแม่บ้านที่นี้ทำความสะอาดห้องให้ทุกวัน

เวลาเราจะเลือกจองโรงแรม ก็ลองเปรียบเทียบราคาดู ไม่ว่าจะเป็นจาก Booking.com หรือ Agoda ก็ได้ สำหรับมือใหม่ต้องระวังอ่านรายละเอียดให้ดี เช่นจองก่อนจ่ายทีหลัง สามารถยกเลิกได้ฟรี แต่ยกเลิกฟรีก็จะมีรายละเอียดว่าถึงวันไหน พวกนี้อ่านให้ดี ๆ นะคะ จองแล้วก็ปรินซ์ใบเก็บไว้ หรือส่งเข้ามือถือได้เลย ก่อนจองก็เปรียบเทียบเยอะ ๆ ที่สำคัญดูแพลนเที่ยวเราก่อนว่าไปไหนบ้าง นอนไหนใกล้สุด เดินทางง่ายสุด อันนี้สำคัญ อย่าจองโรงแรมแล้วทำแพลนนะคะ มันจะดูยากไป


มาถึงการเที่ยวในโตเกียว ญี่ปุ่นนี้อย่างที่บอกว่ารถไฟฟ้ามีหลายสายมาก จะไปไหนก็สะดวก แต่คนต่างชาติอย่างเราไปครั้งแรกก็คงอึ้ง เพราะบ้านเราตรงอย่างเดียว สั้นๆไม่มีเปลี่ยนสาย ทำให้หลายคนกังวล แต่จะบอกว่า ไม่เลย ซื้อตั๋วง่ายมาก เดินทางง่ายกว่าบ้านเราอีก เพราะหนึ่งเลยอย่างที่บอกไปตอนต้นว่า ป้ายมีบอกทางตลอด ภาษาอังกฤษก็มี และคนที่อาจจะไม่เก่งอังกฤษบอกเลยว่าคำไม่ได้ยากค่ะ ซื้อตั๋วเป็นคำง่ายๆ สัญลักษณ์ก็มี เพียงแค่เราต้องรู้ว่า ที่ที่เราจะไปเค้าเรียกอะไร


ยกตัวอย่างเช่น ฝ้ายเดินทางจาก สถานี Ueno จะไปเที่ยววัด Sensoji ซึ่งวัดนี้อยู่ที่สถานี Asakusa ฝ้ายใช้ใต้ดิน ก็เปิด app Tokyo Subway เลย search หาจากชื่อสถานี ซึ่งพวกชื่อสถานีคนก็รีวิวไว้กันเยอะมาก ว่าจะไปเที่ยวทีนี้ต้องลงไหน


จากรูปคือเราต้องไปสาย Ginza line ซึ่งสีของมันคือสีส้ม เราก็เดินตามป้ายไปเลย ตอนนี้เราอยู่ที่ Ueno G16 เราต้องไปลง Asakusa G19 พอเข้าไปแล้วรถไฟก็จะมีบอกทั้งเลขทั้งชื่อสถานี และก็ดูทางออก อย่างวัด Sensoji ออก 1,3 ก็ได้

ในกรณีที่ ที่ที่เราจะไปมีการเปลี่ยนสาย เช่นจาก สถานี Asakusa ไปสถานี Akihabara มีการเปลี่ยนสาย 1 ครั้ง จาก G19 มาลง G15 Ueno-hirokoji ออกมาแล้วมองป้ายสีเทา สาย Hibiya line เลยค่ะ ไปลง H15 Akihabara ป้ายการเปลี่ยนสายมีตลอดทางมันเชื่อมกันไม่ต้องเสียบบัตรออก

มาถึงตรงนี้ถ้าใครยังไม่เคยไปแน่นอนว่าแค่อ่านจะ งง ฝ้ายก็เป็น แต่ขอให้เชื่อว่าเมื่อไปแล้วมันไม่ยากเลย ฝ้ายไปได้ทุกคนก็ไปได้ ป้ายมันมีเยอะ อุ่นใจเลย ไทยยัง งง กว่าเยอะ เพียงแค่เราต้องทำการบ้านมาว่าแต่ละที่ ที่เราไปมันคือย่านไหน ต้องลงสถานีไหน สายไหน ซึ่งปัจจุบันคนก็รีวิวเยอะมาก อ่านและเตรียมตัวดีๆ รับรองไม่มีหลงค่ะ รวมไปถึงสาย JR วิธีการขึ้นก็เหมือนกัน แค่รู้ว่าเราต้องไปลงอะไร เดินตามป้ายก็พอ อาจจะมีที่ งงๆนิดหน่อย อย่างสถานี shinjuku เพราะสถานีใหญ่มาก คนเยอะมาก มีหลายสาย ถ้าเราเริ่ม งง เราควรหาที่แอบๆยืนหลบสักพัก ตั้งสติ ดูป้ายดีๆ แผนที่ดีๆ อย่าไปยืนกลางหรือขวางทางคนเดินไปเดินมานะคะ
ชื่อสินค้า:   โตเกียว Tokyo ญี่ปุ่น
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่