คือ สองปีก่อนผมได้เข้าทำงานที่ใหม่ เป็น บ ใหญ่ ที่นึงใน กทม ครับ พื้นเพคือ ไม่มี ปสก ทางงานที่สมัครไปมาก จริงๆตั้งใจว่า สมัครเพื่อลองสนามสัมภาษณ์เป็น ปสก ชีวิต คือ ไม่คิดว่าเขาจะรับเราหรอก แต่ทุกอย่างมันดันฟลุ๊ค คือ ผมอาจตอบคำถามถูกใจ ผจก และ ประธานบริษัท ในตอนนั้นจึงได้ผ่านเข้ามาทำงานที่ บ ใหญ่แห่งนี้ได้ โดยผมมาทราบทีหลังว่า(1.ผจก ไม่ชอบ ประธาน 2.ตอนสัมภาษณ์ผมได้คะแนนจากประธานบริษัทเยอะมาก(ประธานเป็นคนยุโรป) แถมได้คำชมว่า ผมนี่แหละจะเป็นของล้ำค่าบริษัทในต่อไป)
ปกติ บ นี้จะรับคนมี ปสก มาก่อนแล้วเท่านั้น ผมนี่ไม่มีเลยดันฟลุ๊คมากๆ(หรืออาจจะเพราะไม่มีคนสมัครแล้วจริงๆก็ไม่ทราบได้ครับ)
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือ ผมรวบรัดให้ดังนี้ ในระยะเวลาสามเดือนของการทำงาน
1.ผจก รุ้สึกว่าผมไม่เป็นงาน(แต่ก็แทบไม่สอนงานใดใดผมเลย) ซึ่งอันนี้ผมก็ยอมรับเพราะผมใหม่ต่อฟิลด์งานนี้จริงๆ แต่ก็พยายามจดทุกอย่าง แต่ก็ยอมรับว่ามีบ้างที่พลาด จดไม่ทัน แต่ตั้งใจมากๆครับ นอนดึกตื่นเช้า ซื้อหนังสือที่เกี่ยวข้องมาอ่าน พยายามถามทุกสิ่งที่เราพอจะจับใจความได้(แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมในสิ่งที่ต้องรู้เพราะเราไม่มี ปสก จริงๆ) แต่ผมรู้ตัวว่าผมพัฒนาขึ้นเยอะนะครับ แต่อาจจะยังไม่พอใจพี่ๆเขา เพราะจะมีสอบย่อยระหว่างช่วงโปร ผมไม่ผ่านตลอด ตอบยังไงก็ไม่ถูกใจ หาทางแก้ไขยังไงก็ไม่โดนใจพี่เขา
2.ผมเป็นคนดื่มบ้างแต่ไม่บ่อย(อารมณ์แบบว่า อยากดื่มเดวดื่มเอง) แต่ในทีมที่ต้องทำงานด้วย คือ ดื่มแทบทุกวัน เหล้าหมดวันเดียวสามสี่ขวด ตั้งแต่ตื่นนอน ยันดึก เวลาออกภาคสนามคือหลังจากเมาเต็มที่ก็จะพากันไปเที่ยวผู้หญิงด้วย ทุกเหตุการณ์ผู้จัดการร่วมด้วยหมดครับ
แต่สิ่งที่ผมรับไม่ได้จริงๆคือ การยกย่องคนในทีมที่ได้มีอะไรกับ เด็กม ปลาย เป็นสิ่งที่เจ๋ง, การที่ดื่มเหล้าขณะขับรถ(ให้ผมชงให้)เป็นเรื่องปกติ , การที่ดื่มไปทั่วดื่มตลอดเวลา แม้กระทั่งก่อนจะไปเจอลูกค้าเป็นลุคส์ที่ดูเจ๋งสำหรับเค้า กินเหล้าแล้วรอดด่านตรวจก็ถือเป็นตำนาน
*****ที่สำคัญคือ ทุกคนมีครอบครัวแล้ว*****
3.ตลอดระยะเวลาการทำงาน ผมเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนนะครับ เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ไม่มีปัญหา กับพี่ๆทุกคนใน บริษัท ผมนี่ทักทาย แทบจะรุ้จักทุกแผนกครับ ผู้ใหญ่มาเราไหว้ เราโค้ง เราต้องอ่อนกว่าเสมอ แต่หลังมา มันเริ่มตอนที่ผมต้องทนดื่ม สี่วันติดกัน คือมันเริ่มไม่ใช่ละดื่มขนาดนี้, พักหลังเริ่มชวนไปเที่ยวหญิงด้วย สุดท้ายผมเลยเลือกปฏิเสธทุกอย่างเลย เหล้าก็ไม่แดรกมันละ เหตุผลที่ผมต้องปฏิเสธไปเลยคือเพราะว่า รุ่นพี่เขาจะให้ Case study มา แล้วให้ผมทำการบ้าน คือไปคิดมาแล้ว ก็พรีเซนทกลยุทธ์ ผมก็ตั้งใจมากคือ หาข้อมูลทุกอย่างทีมีในหัว จับมาประสานเชื่อมกันทั้งหมด (สองคืนติดที่ผมปฏิเสธไม่ไปกินเหล้ากับรุ่นพี่ ผมบอกไปว่าผมอยากตั้งใจ อยากเต็มที่จริงๆ เพราะผมจริงจังนะพี่
รุ่นพี่ตอบผมว่า รู้มั้ยว่า ที่ให้มากินด้วยเพราะว่าอะไร เพราะตอนแกเมา จะอารมณ์ดีไง แล้วถามอะไรมาแกก็ตอบหมดแหละเพราะเมา แต่ถ้ามาถามตอนปกติ มันก็ไม่ค่อยอยากตอบ มันไม่มีอารมณ์
ผมเลยเสนอว่างั้นผมไปชงให้นะพี่ แต่ขอไม่กินนะครับ(ก่อนหน้านี้เคยกินแล้ว ถามไปด้วย สรุปตอนเช้าตื่นมาลืมแทบหมดเลย ไม่ได้อะไรเลยที่กินๆไป การบ้านไม่เสร็จ ผมก็โดนด่าแถมด้วย)
รุ่นพี่บอกว่าไม่ได้เด้ มาแล้วก็ต้องกิน สรุปผมเลยไม่ไป เพราะต้องหาข้อมูลเยอะอยู่
4.ผมโดนรุ่นพี่อบรมตอนเช้าว่า เราต้องรู้จักเข้าสังคมนะน้อง สมัยก่อนพี่ก็ไม่ดื่มแต่หัวหน้าพี่สอน พี่เลยกินเหล้าเก่งจนทุกวันนี้
5.รุ่นพี่ถามผมเรื่องประเด็นความรัก ถามเรื่องความรักว่า ผมมีแนวคิดยังไง ผมก็อธิบายไปแนวรักเดียวใจเดียว(เหมือนด่าพี่เขาป่าวไม่รู้5555) พี่เขาบอกผมว่า พี่ว่าน้องเป็นคนมีกรอบในชีวิตมากเกินไป
6.ตอนเช้าผมเลยยิงคำถามแบบลองเชิงว่า เมื่อคืนเมาทุกคนปะพี่
พี่เขาก็บอกว่า เละทุกคน ใครไม่กินเหล้าก็อยุ่กับพวกกุไม่ได้หรอก(ตอบแบบยังแฮงค)
7.ถ้าถามถึงเรื่องความกดดัน ผมบอกเลยว่า ก็กดดันครับ แต่ผมยังไหว คือถ้าให้อยู่ต่อ ก็ทำได้ครับ ผมมองในแง่ดีมาตลอดนะครับ คือมองว่า พี่เขาคงกดดันเราให้เราดิ้น ถีบตัวให้ได้ ต้องถีบตัวเองให้ผ่าน คือเป็นพวกพยายามสูง ถึงจะถูกกดดันตลอดว่า นี่พยายามแล้วใช่มั้ย?? บลาๆ ว่าไป แต่ว่าผมไม่เคยคิดยอมแพ้เรื่องงานเพราะคำพูดแนวนี้หรอกครับ
แต่ว่าสิ่งที่ผมไม่ไหวจริงๆคือพวกด้านบนมากกว่า ที่ไม่เกี่ยวกับงานทั้งหลาย คือผมรู้สึกเหมือนว่า เรามีพื้นฐานจิตใจ ความคิดคนละแบบกันเลย
8.ผมมองระยะทางที่ไกลขึ้นในการต้องทำงานร่วมกัน ผมเห็นว่าผมต้องทรมานตัวเองแน่นอน วิธีเดียวที่ผมจะอยู่ได้แบบไม่ทรมานคือต้องเข้ากับพี่เขาให้ได้ ละลายพฤติกรรมและความคิดตัวเอง แล้วจูนเข้าหาพี่เขารวมถึง ผจก หรือไม่ก็ลาออก
9.ผมเลยเลือกลาออกครับ
ผมอยู่ในสังคมมาหลากหลายรูปแบบ มีเพื่อนหลากหลายสไตล์ชีวิตมาก ทั้งไทย และต่างชาติ แต่บอกตามตรงว่าผม อึ้ง มากกับสังคมแบบนี้
หลังจากนั้นผมยื่นใบลาออกก่อนจะหมดโปรครับ คือ ชิงออกก่อน
ผมมาทราบภายหลังว่าคนก่อนหน้าผมก็อยู่ได้ระยะเวลาราวๆเดียวกับผม ก็ชิงลาออกก่อนเหมือนกันครับ
แล้วทุกท่านคิดเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ ผมเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่อดทนต่องานที่ทำรึเปล่าครับ??
ผมเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่อดทนต่องานที่ทำรึเปล่าครับ??
ปกติ บ นี้จะรับคนมี ปสก มาก่อนแล้วเท่านั้น ผมนี่ไม่มีเลยดันฟลุ๊คมากๆ(หรืออาจจะเพราะไม่มีคนสมัครแล้วจริงๆก็ไม่ทราบได้ครับ)
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือ ผมรวบรัดให้ดังนี้ ในระยะเวลาสามเดือนของการทำงาน
1.ผจก รุ้สึกว่าผมไม่เป็นงาน(แต่ก็แทบไม่สอนงานใดใดผมเลย) ซึ่งอันนี้ผมก็ยอมรับเพราะผมใหม่ต่อฟิลด์งานนี้จริงๆ แต่ก็พยายามจดทุกอย่าง แต่ก็ยอมรับว่ามีบ้างที่พลาด จดไม่ทัน แต่ตั้งใจมากๆครับ นอนดึกตื่นเช้า ซื้อหนังสือที่เกี่ยวข้องมาอ่าน พยายามถามทุกสิ่งที่เราพอจะจับใจความได้(แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมในสิ่งที่ต้องรู้เพราะเราไม่มี ปสก จริงๆ) แต่ผมรู้ตัวว่าผมพัฒนาขึ้นเยอะนะครับ แต่อาจจะยังไม่พอใจพี่ๆเขา เพราะจะมีสอบย่อยระหว่างช่วงโปร ผมไม่ผ่านตลอด ตอบยังไงก็ไม่ถูกใจ หาทางแก้ไขยังไงก็ไม่โดนใจพี่เขา
2.ผมเป็นคนดื่มบ้างแต่ไม่บ่อย(อารมณ์แบบว่า อยากดื่มเดวดื่มเอง) แต่ในทีมที่ต้องทำงานด้วย คือ ดื่มแทบทุกวัน เหล้าหมดวันเดียวสามสี่ขวด ตั้งแต่ตื่นนอน ยันดึก เวลาออกภาคสนามคือหลังจากเมาเต็มที่ก็จะพากันไปเที่ยวผู้หญิงด้วย ทุกเหตุการณ์ผู้จัดการร่วมด้วยหมดครับ
แต่สิ่งที่ผมรับไม่ได้จริงๆคือ การยกย่องคนในทีมที่ได้มีอะไรกับ เด็กม ปลาย เป็นสิ่งที่เจ๋ง, การที่ดื่มเหล้าขณะขับรถ(ให้ผมชงให้)เป็นเรื่องปกติ , การที่ดื่มไปทั่วดื่มตลอดเวลา แม้กระทั่งก่อนจะไปเจอลูกค้าเป็นลุคส์ที่ดูเจ๋งสำหรับเค้า กินเหล้าแล้วรอดด่านตรวจก็ถือเป็นตำนาน
*****ที่สำคัญคือ ทุกคนมีครอบครัวแล้ว*****
3.ตลอดระยะเวลาการทำงาน ผมเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนนะครับ เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ไม่มีปัญหา กับพี่ๆทุกคนใน บริษัท ผมนี่ทักทาย แทบจะรุ้จักทุกแผนกครับ ผู้ใหญ่มาเราไหว้ เราโค้ง เราต้องอ่อนกว่าเสมอ แต่หลังมา มันเริ่มตอนที่ผมต้องทนดื่ม สี่วันติดกัน คือมันเริ่มไม่ใช่ละดื่มขนาดนี้, พักหลังเริ่มชวนไปเที่ยวหญิงด้วย สุดท้ายผมเลยเลือกปฏิเสธทุกอย่างเลย เหล้าก็ไม่แดรกมันละ เหตุผลที่ผมต้องปฏิเสธไปเลยคือเพราะว่า รุ่นพี่เขาจะให้ Case study มา แล้วให้ผมทำการบ้าน คือไปคิดมาแล้ว ก็พรีเซนทกลยุทธ์ ผมก็ตั้งใจมากคือ หาข้อมูลทุกอย่างทีมีในหัว จับมาประสานเชื่อมกันทั้งหมด (สองคืนติดที่ผมปฏิเสธไม่ไปกินเหล้ากับรุ่นพี่ ผมบอกไปว่าผมอยากตั้งใจ อยากเต็มที่จริงๆ เพราะผมจริงจังนะพี่
รุ่นพี่ตอบผมว่า รู้มั้ยว่า ที่ให้มากินด้วยเพราะว่าอะไร เพราะตอนแกเมา จะอารมณ์ดีไง แล้วถามอะไรมาแกก็ตอบหมดแหละเพราะเมา แต่ถ้ามาถามตอนปกติ มันก็ไม่ค่อยอยากตอบ มันไม่มีอารมณ์
ผมเลยเสนอว่างั้นผมไปชงให้นะพี่ แต่ขอไม่กินนะครับ(ก่อนหน้านี้เคยกินแล้ว ถามไปด้วย สรุปตอนเช้าตื่นมาลืมแทบหมดเลย ไม่ได้อะไรเลยที่กินๆไป การบ้านไม่เสร็จ ผมก็โดนด่าแถมด้วย)
รุ่นพี่บอกว่าไม่ได้เด้ มาแล้วก็ต้องกิน สรุปผมเลยไม่ไป เพราะต้องหาข้อมูลเยอะอยู่
4.ผมโดนรุ่นพี่อบรมตอนเช้าว่า เราต้องรู้จักเข้าสังคมนะน้อง สมัยก่อนพี่ก็ไม่ดื่มแต่หัวหน้าพี่สอน พี่เลยกินเหล้าเก่งจนทุกวันนี้
5.รุ่นพี่ถามผมเรื่องประเด็นความรัก ถามเรื่องความรักว่า ผมมีแนวคิดยังไง ผมก็อธิบายไปแนวรักเดียวใจเดียว(เหมือนด่าพี่เขาป่าวไม่รู้5555) พี่เขาบอกผมว่า พี่ว่าน้องเป็นคนมีกรอบในชีวิตมากเกินไป
6.ตอนเช้าผมเลยยิงคำถามแบบลองเชิงว่า เมื่อคืนเมาทุกคนปะพี่
พี่เขาก็บอกว่า เละทุกคน ใครไม่กินเหล้าก็อยุ่กับพวกกุไม่ได้หรอก(ตอบแบบยังแฮงค)
7.ถ้าถามถึงเรื่องความกดดัน ผมบอกเลยว่า ก็กดดันครับ แต่ผมยังไหว คือถ้าให้อยู่ต่อ ก็ทำได้ครับ ผมมองในแง่ดีมาตลอดนะครับ คือมองว่า พี่เขาคงกดดันเราให้เราดิ้น ถีบตัวให้ได้ ต้องถีบตัวเองให้ผ่าน คือเป็นพวกพยายามสูง ถึงจะถูกกดดันตลอดว่า นี่พยายามแล้วใช่มั้ย?? บลาๆ ว่าไป แต่ว่าผมไม่เคยคิดยอมแพ้เรื่องงานเพราะคำพูดแนวนี้หรอกครับ
แต่ว่าสิ่งที่ผมไม่ไหวจริงๆคือพวกด้านบนมากกว่า ที่ไม่เกี่ยวกับงานทั้งหลาย คือผมรู้สึกเหมือนว่า เรามีพื้นฐานจิตใจ ความคิดคนละแบบกันเลย
8.ผมมองระยะทางที่ไกลขึ้นในการต้องทำงานร่วมกัน ผมเห็นว่าผมต้องทรมานตัวเองแน่นอน วิธีเดียวที่ผมจะอยู่ได้แบบไม่ทรมานคือต้องเข้ากับพี่เขาให้ได้ ละลายพฤติกรรมและความคิดตัวเอง แล้วจูนเข้าหาพี่เขารวมถึง ผจก หรือไม่ก็ลาออก
9.ผมเลยเลือกลาออกครับ
ผมอยู่ในสังคมมาหลากหลายรูปแบบ มีเพื่อนหลากหลายสไตล์ชีวิตมาก ทั้งไทย และต่างชาติ แต่บอกตามตรงว่าผม อึ้ง มากกับสังคมแบบนี้
หลังจากนั้นผมยื่นใบลาออกก่อนจะหมดโปรครับ คือ ชิงออกก่อน
ผมมาทราบภายหลังว่าคนก่อนหน้าผมก็อยู่ได้ระยะเวลาราวๆเดียวกับผม ก็ชิงลาออกก่อนเหมือนกันครับ
แล้วทุกท่านคิดเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ ผมเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่อดทนต่องานที่ทำรึเปล่าครับ??