การโคจรมาพบกันอีกครั้ง ศึกแห่งศักดิ์ศรี มีดีที่คะแนนฟีฟ่า
การมาเจอกันของทีมชาติชุดใหญ่ระหว่าง ช้างศึกทีมชาติไทย ปะทะ มังกรแดงแห่งแผ่นดินใหญ่ทีมชาติจีน ในศึกกระชับมิตร ที่ทีมชาติไทยเราจะได้ต้อนรับทีมชาติจีนในรั้งเหย้า ณ ราชมังคลา ในรอบ 11 ปี เลยทีเดียว ซึ่งการเจอกันในบ้านช้างศึกนั้นต้องย้อนไปถึงปี 2007 ที่ไทยชนะจีนไป 1-0 ในเกมอุ่นเครื่องนั่นเอง
และ 3 นัดล่าสุดที่เจอกัน ในปี 2008 2013 และ 2014 ทีมชาติไทยนั้น ก็เป็นการไปเยือนรั้งเหย้าทีมชาติจีนเสียส่วนใหญ่นั่นเอง นี่เป็นการมาเยือนไทยในรอบ 11 ปีของทีมชาติจีนชุดใหญ่กันเลยทีเดียว
ซึ่งทีมชาติชุดใหญ่ไทยเรานั้น รั้งอันดับฟีฟ่าแรงค์อันดับล่าสุด อันดับที่ 122 นั่นเอง ส่วนทีมชาติจีนชุดใหญ่นั้นรั้งอันดับฟีฟ่าแรงค์สูงถึงอันดับ 73 ซึ่งโปรไฟล์อันดับค่อนข้างห่างชั้นพอสมควรนั่นเอง
และด้วยสถิติการเจอกันในอดีตทีมชาติจีนค่อนข้างสุดข่มทีมชาติไทยในการเจอกันแบบ H2H
ไทย ชนะ จีน ไป 5 ครั้ง
ไทย เสมอ จีน ไป 3 ครั้ง
และ ไทย แพ้ จีน ไปถึง 16 ครั้ง
และ 5 นัดล่าสุดเป็นการมาพบเจอกันในแมทต์อุ่นเครื่องซะส่วนใหญ่ และสถิติ 5 นัดล่าสุดที่เจอกันค่อนข้างสูสี ผลัดกันแพ้ชนะเสมอ
ซึ่งบ่งบอกว่าฟุตบอลไทยระดับมาตรฐาน ณ ปัจจุบัน ยังถือว่าพอสู้กับทีมชาติจีนชุดใหญ่ได้ เมื่อเทียบกับ 2 ชาติมหาอำนาจเอเชีย แล้ว ทีมชาติไทยเรายังไม่ถึงกับเป็นโรคกลัวขึ้นสมอง เหมือนกับเราเจอทีมชาติ เกาหลีใต้ และโดยเฉพาะทีมชาติญี่ปุ่น ซึ่งทั้งแฟนบอลไทย และนักเตะไทย ยังคงมีความฝังใจกับโรคกลัวทีมชาติญี่ปุ่นอยู่นั่นเอง และทีมชาติจีนนั้น ก็ยังเป็นโรคเดียวกับทีมชาติไทยเรา นั่นคือ โรคกลัวเกาหลี หรือเรียกเป็นภาษาจีนว่า 恐韓症 หรือ
Fear of Korean disease นั่นเอง เพราะการเจอกันระหว่างทีมชาติจีน กับทีมชาติเกาหลีใต้นั้น สถิติการเจอกันของทีมนักรบแตกุกพลังโสม ค่อนข้างข่มทีมชาติจีน ซึ่งพวกเข้า ชนะเกาหลีใต้เพียง 6 นัด เสมอ 12 นัด และแพ้ไปถึง 25 นัด ในการเจอกันทั้งหมด ซึ่งการชนะเกาหลีใต้ในบ้าน ในฟุตบอลโลกคัดเลือกในปี 2017 ปีที่แล้ว 1 ประตู ต่อ 0 ล่าสุด ชนะเกาหลีใต้ในรอบ 7 ปี ต้องย้อนไปถึงปี 2010 ในถึงถ้วย EAFF East Asian Cup เป็นถ้วยฟุตบอลย่านเอเชียตะวันออก หรือ เทียบกันประมาณฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ เอเอฟเอฟซูซซูกิคัพ ย่านอาเซียนบ้านเรานั่นเอง ซึ่งทีมชาติจีนแทบจะปิดประเทศฉลองกันเลยทีเดียว
ถึงแม้ว่ากระแสแฟนบอลจีนในโลกออนไลน์ ไม่ค่อยพอใจมากนักที่ทีมชาติชุดใหญ่ของพวกเขามาอุ่นแข้งกับทีมชาติไทยที่มีระดับที่ดูเหมือนด้อยกว่าในสายตาแฟนบอลจีน แทนที่จะไปอุ่นกับทีมชาติที่อันดับสูงกว่าก็ตาม
แต่แฟนบอลชาวไทยไม่ต้องสนใจคำสบประมาท แต่เปลี่ยนเป็นการสบโอกาสเหมาะในการลุ้นเก็บเวลจากทีมชาติจีน ที่มาตรฐานการเล่นทีมชาติจีนถึงแม้ว่าจะมีภาษีเหนือกว่าทีมชาติไทย แต่ความน่ากลัวยำเกรงรัศมีอำมหิตยังไม่เท่า 2 ชาติมหาอำนาจเอเชียอย่างเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ซึ่งจะพอมีลุ้นเอาชนะเก็บเวลอันดับฟีฟ่าแรงค์ได้นั่นเอง
ซึ่งทีมชาติจีนชุดใหญ่ภายใต้กันคุมทีมโค้ชระดับบิ๊กเนม มาร์เชลโล ลิปปี โค้ชตำนานสัญชาติอัซซูรี่ ที่ทีมชาติจีนสามารถควักกระเป๋าจ่ายค้าจ้างแบบขนหน้าแข้งไม่ร่วง(ประเทศฉันรวย) จะเดินทางมาปะทะกึ๋นการวางเกมรบปะทะ โค้ชมิโลวาน ราเยวัช ของทีมชาติไทยเราในต้นเดือนหน้าที่จะถึงไม่กี่อาทิตย์นี้ รับรองว่ามันส์สะแด่วแน่นอน
ยิงสดผ่าน ไทยรัฐทีวี วันที่ 2 มิ.ย. 2561 เวลา 18.30 น.
ปรีวิว ก่อนเกมอุ่นเครื่องเก็บเวลคะแนนฟีฟ่าเดย์ ช้างศึก ปะทะ กำแพงมังกรจีนแดง - THAILAND VS CHINA PR #FIFA Day Friendly
การมาเจอกันของทีมชาติชุดใหญ่ระหว่าง ช้างศึกทีมชาติไทย ปะทะ มังกรแดงแห่งแผ่นดินใหญ่ทีมชาติจีน ในศึกกระชับมิตร ที่ทีมชาติไทยเราจะได้ต้อนรับทีมชาติจีนในรั้งเหย้า ณ ราชมังคลา ในรอบ 11 ปี เลยทีเดียว ซึ่งการเจอกันในบ้านช้างศึกนั้นต้องย้อนไปถึงปี 2007 ที่ไทยชนะจีนไป 1-0 ในเกมอุ่นเครื่องนั่นเอง
และ 3 นัดล่าสุดที่เจอกัน ในปี 2008 2013 และ 2014 ทีมชาติไทยนั้น ก็เป็นการไปเยือนรั้งเหย้าทีมชาติจีนเสียส่วนใหญ่นั่นเอง นี่เป็นการมาเยือนไทยในรอบ 11 ปีของทีมชาติจีนชุดใหญ่กันเลยทีเดียว
ซึ่งทีมชาติชุดใหญ่ไทยเรานั้น รั้งอันดับฟีฟ่าแรงค์อันดับล่าสุด อันดับที่ 122 นั่นเอง ส่วนทีมชาติจีนชุดใหญ่นั้นรั้งอันดับฟีฟ่าแรงค์สูงถึงอันดับ 73 ซึ่งโปรไฟล์อันดับค่อนข้างห่างชั้นพอสมควรนั่นเอง
และด้วยสถิติการเจอกันในอดีตทีมชาติจีนค่อนข้างสุดข่มทีมชาติไทยในการเจอกันแบบ H2H
ไทย ชนะ จีน ไป 5 ครั้ง
ไทย เสมอ จีน ไป 3 ครั้ง
และ ไทย แพ้ จีน ไปถึง 16 ครั้ง
และ 5 นัดล่าสุดเป็นการมาพบเจอกันในแมทต์อุ่นเครื่องซะส่วนใหญ่ และสถิติ 5 นัดล่าสุดที่เจอกันค่อนข้างสูสี ผลัดกันแพ้ชนะเสมอ
ซึ่งบ่งบอกว่าฟุตบอลไทยระดับมาตรฐาน ณ ปัจจุบัน ยังถือว่าพอสู้กับทีมชาติจีนชุดใหญ่ได้ เมื่อเทียบกับ 2 ชาติมหาอำนาจเอเชีย แล้ว ทีมชาติไทยเรายังไม่ถึงกับเป็นโรคกลัวขึ้นสมอง เหมือนกับเราเจอทีมชาติ เกาหลีใต้ และโดยเฉพาะทีมชาติญี่ปุ่น ซึ่งทั้งแฟนบอลไทย และนักเตะไทย ยังคงมีความฝังใจกับโรคกลัวทีมชาติญี่ปุ่นอยู่นั่นเอง และทีมชาติจีนนั้น ก็ยังเป็นโรคเดียวกับทีมชาติไทยเรา นั่นคือ โรคกลัวเกาหลี หรือเรียกเป็นภาษาจีนว่า 恐韓症 หรือ
Fear of Korean disease นั่นเอง เพราะการเจอกันระหว่างทีมชาติจีน กับทีมชาติเกาหลีใต้นั้น สถิติการเจอกันของทีมนักรบแตกุกพลังโสม ค่อนข้างข่มทีมชาติจีน ซึ่งพวกเข้า ชนะเกาหลีใต้เพียง 6 นัด เสมอ 12 นัด และแพ้ไปถึง 25 นัด ในการเจอกันทั้งหมด ซึ่งการชนะเกาหลีใต้ในบ้าน ในฟุตบอลโลกคัดเลือกในปี 2017 ปีที่แล้ว 1 ประตู ต่อ 0 ล่าสุด ชนะเกาหลีใต้ในรอบ 7 ปี ต้องย้อนไปถึงปี 2010 ในถึงถ้วย EAFF East Asian Cup เป็นถ้วยฟุตบอลย่านเอเชียตะวันออก หรือ เทียบกันประมาณฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ เอเอฟเอฟซูซซูกิคัพ ย่านอาเซียนบ้านเรานั่นเอง ซึ่งทีมชาติจีนแทบจะปิดประเทศฉลองกันเลยทีเดียว
ถึงแม้ว่ากระแสแฟนบอลจีนในโลกออนไลน์ ไม่ค่อยพอใจมากนักที่ทีมชาติชุดใหญ่ของพวกเขามาอุ่นแข้งกับทีมชาติไทยที่มีระดับที่ดูเหมือนด้อยกว่าในสายตาแฟนบอลจีน แทนที่จะไปอุ่นกับทีมชาติที่อันดับสูงกว่าก็ตาม
แต่แฟนบอลชาวไทยไม่ต้องสนใจคำสบประมาท แต่เปลี่ยนเป็นการสบโอกาสเหมาะในการลุ้นเก็บเวลจากทีมชาติจีน ที่มาตรฐานการเล่นทีมชาติจีนถึงแม้ว่าจะมีภาษีเหนือกว่าทีมชาติไทย แต่ความน่ากลัวยำเกรงรัศมีอำมหิตยังไม่เท่า 2 ชาติมหาอำนาจเอเชียอย่างเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ซึ่งจะพอมีลุ้นเอาชนะเก็บเวลอันดับฟีฟ่าแรงค์ได้นั่นเอง
ซึ่งทีมชาติจีนชุดใหญ่ภายใต้กันคุมทีมโค้ชระดับบิ๊กเนม มาร์เชลโล ลิปปี โค้ชตำนานสัญชาติอัซซูรี่ ที่ทีมชาติจีนสามารถควักกระเป๋าจ่ายค้าจ้างแบบขนหน้าแข้งไม่ร่วง(ประเทศฉันรวย) จะเดินทางมาปะทะกึ๋นการวางเกมรบปะทะ โค้ชมิโลวาน ราเยวัช ของทีมชาติไทยเราในต้นเดือนหน้าที่จะถึงไม่กี่อาทิตย์นี้ รับรองว่ามันส์สะแด่วแน่นอน
ยิงสดผ่าน ไทยรัฐทีวี วันที่ 2 มิ.ย. 2561 เวลา 18.30 น.