คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ยินดีให้ความรู้ครับ แนะนำให้ทำแยกกันครับ ระหว่างออมเงินกับประกันสุขภาพ เพราะถ้าเราทำแบบออมเงินเยอะๆแล้วควบกับประกันสุขภาพ
เมื่อถึงเวลา 10-15-20ปี ครบสัญญารับเงินคืน สัญญาทั้งหมดจะถูกปิดไปทั้งหมดและจะต้องทำประกันสุขภาพใหม่ ซึ่งตอนนั้นถ้าสุขภาพไม่ดีหรือมีโรคประจำตัวก็ไม่อาจสามารถทำประกันสุขภาพได้แล้วครับ เราควรจะเลือกทำแยกออมเงิน เท่าไหร่ก็ว่าไป ส่ง5ปีหรือ10ปี กำลังดีครับ อันนี้ครบกำหนดเราก็รับเงินคืนได้สบายใจครับ ส่วนประกันสุขภาพควรจะทำแบบที่มีสัญญาหลักยาวๆ คุ้มครองถึงอายุ85ปี ทุนประกันอาจจะน้อยก็ได้ครับ เพื่อให้เราสามารถส่งประกันสุขภาพได้ตามที่เราพอใจว่าจะส่งให้คุ้มครองถึงเมื่อไหร่กี่ปีก็ได้ตามที่เราส่งไหวครับ ประกันออมเงินหรือสุขภาพลดหย่อนภาษีได้อยู่แล้วครับ (ประกันสุขภาพลดหย่อนได้15,000)
ประกันสุขภาพมี2แบบ
1.ธรรมดาทั่วไปคือจะแยกค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามตารางความคุ้มครองที่กำหนด ถ้ามีส่วนเกิน เช่น ค่าห้อง ค่าแพทย์เยี่ยม ค่าผ่าตัด ค่ารักษาพยาบาลอื่นๆเกินตามวงเงินที่คุ้มครอง ก็ต้องจ่ายส่วนต่างเองครับ ส่วนต่างหลักร้อย หลักพัน หลักหมื่น หลักแสน อันนี้เราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้
2.ประกันสุขภาพเหมาจ่ายค่ารักษา อันนี้จะดีกว่าแบบแรกเยอะครับ เพราะจะรวมค่ารักษาต่างๆ มาอยู่ในวงเงินเหมาจ่ายค่ารักษาตามแผนที่ทำว่าปีนึงค่ารักษาไม่เกินกี่ล้าน ตามแบบประกันที่เราเลือก
*****ข้อสังเกตุ การทำประกันสุขภาพเหมาจ่ายค่ารักษาแต่ละที่อาจจะไม่เหมือนกัน*****
1.วงเงินค่ารักษาเจ็บป่วยต่อครั้งหรือทั้งปี วงเงินเท่าไหร่ บางที่จะแยกค่ารักษาว่า ไม่เกินครั้งละเท่าไหร่ ทั้งปีรวมได้เท่าไหร่ เช่น วงเงินสูงสุด 1ล้าน
แต่ใช้ได้วงเงินแต่ละครั้งได้ไม่เกิน 5แสน ถ้าเกินจาก 5 แสนตรงนี้ก็ต้องออกเองทั้งหมด ไม่รู้ว่าจะเกินอีกกี่แสน หรือเกินเป็นล้านก็ได้
แต่บางที่จะใช้วงเงินสูงสุดทั้งปีไปเลย เช่น เหมาจ่าย 3ล้านต่อปี ไม่แยกเป็นครั้ง จะรักษากี่ครั้งก็ได้ ทั้งปีมีวงเงินรักษาแบบเหมาจ่าย3ต่อปี ปีต่อไปๆก็มีค่ารักษา 3 ล้าน ควรเลือกแบบหลังจะดีกว่าครับ
2.ค่าห้อง ควรจะต้องทำสูงกว่า รพ.ที่เราจะไปใช้บริการเพื่อจะได้ไม่เสียส่วนต่าง ส่วนนี้ และค่าห้องประกันแบบเหมาจ่ายบางที่จะระบุว่าการเข้ารักษาตัวครั้งนึงได้ไม่เกินกี่วัน ถ้าเกินจากที่ระบุต้องจ่ายเองทั้งหมด แต่บางที่ก็เป็นแบบเหมาจ่ายค่ารักษาจริงๆ นอนพักรักษาได้ 365วัน ต่อปี
3.ค่าแพทย์ตรวจหรือเยี่ยมต่อวัน ประกันเหมาจ่ายบางที่จะแยกส่วนนี้ออกมา แล้วก็ยังมีจำกัดจำนวนวันอีก ถ้าค่าแพทย์มาเยี่ยมเกินวงเงินที่คุ้มครอง ก็ต้องจ่ายส่วนเกินตรงนี้ด้วย แต่บางที่แผนเหมาจ่ายจะรวมตรงนี้ไปด้วย จำนวนวันแพทย์เยี่ยมก็คุ้มครอง 365วัน ไม่ต้องกังวลส่วนเกินตรงนี้
4.ค่ารักษาเคมีบำบัด รังสีบำบัด ค่าล้างไต ประกันเหมาจ่ายบางที่จะระบุมาเลยว่าไม่เกิน เท่าไหร่ต่อปี กี่หมื่นหรือกี่แสนก็ว่าไปตามแผนที่เราทำ แต่ของบางที่ก็จะเป็นแบบเหมาจ่ายไปเลยว่าได้ค่ารักษาส่วนนี้กี่ล้านตามแผนที่เราได้เลือกไว้ตอนแรก ทำให้ไม่ต้องกังวลค่ารักษาโรคร้ายแรงที่จะมีส่วนเกินตรงนี้ด้วย ซึ่งถ้าเกินอันนี้เราต้องออกค่าใช้จ่ายเองอีกไม่สามารถระบุได้ว่าจำนวนเท่าไหร่
5.ความคุ้มครองผู้ป่วยนอก (opd) เจ็บป่วยไปหาหมอแล้ว ไม่ต้องนอน รพ. เช่น เป็นหวัด ไอ เจ็บคอ ท้องเสีย ปวดหัว มีไข้ ปวดท้อง ตาอักเสบ เป็นต้น ประกันเหมาจ่ายบางที่จะไม่คุ้มครอง ไม่มีส่วนนี้ หรืออาจจะมีแบบจำกัดวงเงินค่ารักษาแต่ละครั้งไม่เกินเท่าไหร่ เช่น ครั้งละ1,000 ถ้าไปหาหมอ แล้วค่ารักษาเกินจากนี้ บิลมา 3-4 พันก็ต้องจ่ายส่วนต่างอีก แต่ของบางที่ประกันเหมาจ่ายจะเป็นวงเงินเหมาจ่ายไปเลยต่อปี มีวงเงินรักษา opd ให้ใช้กี่หมื่น กี่แสน ก็แล้วแต่จะเลือก ไม่ต้องมากังวลส่วนต่างตรงนี้ อันนี้ต้องถามให้รอบคอบนะครับว่ามีหรือไม่ กับประกันสุขภาพที่เราจะทำ
ตัวอย่างแบบประกันเหมาจ่ายค่ารักษากับประกันแบบธรรมดา
https://www.facebook.com/photo?fbid=1385118505027230&set=pcb.1044042545801496
ถ้าสงสัยไม่เข้าใจ สอบถามหลังไมค์ได้ครับ ยินดีให้ความรู้เรื่องประกันสุขภาพ
เมื่อถึงเวลา 10-15-20ปี ครบสัญญารับเงินคืน สัญญาทั้งหมดจะถูกปิดไปทั้งหมดและจะต้องทำประกันสุขภาพใหม่ ซึ่งตอนนั้นถ้าสุขภาพไม่ดีหรือมีโรคประจำตัวก็ไม่อาจสามารถทำประกันสุขภาพได้แล้วครับ เราควรจะเลือกทำแยกออมเงิน เท่าไหร่ก็ว่าไป ส่ง5ปีหรือ10ปี กำลังดีครับ อันนี้ครบกำหนดเราก็รับเงินคืนได้สบายใจครับ ส่วนประกันสุขภาพควรจะทำแบบที่มีสัญญาหลักยาวๆ คุ้มครองถึงอายุ85ปี ทุนประกันอาจจะน้อยก็ได้ครับ เพื่อให้เราสามารถส่งประกันสุขภาพได้ตามที่เราพอใจว่าจะส่งให้คุ้มครองถึงเมื่อไหร่กี่ปีก็ได้ตามที่เราส่งไหวครับ ประกันออมเงินหรือสุขภาพลดหย่อนภาษีได้อยู่แล้วครับ (ประกันสุขภาพลดหย่อนได้15,000)
ประกันสุขภาพมี2แบบ
1.ธรรมดาทั่วไปคือจะแยกค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามตารางความคุ้มครองที่กำหนด ถ้ามีส่วนเกิน เช่น ค่าห้อง ค่าแพทย์เยี่ยม ค่าผ่าตัด ค่ารักษาพยาบาลอื่นๆเกินตามวงเงินที่คุ้มครอง ก็ต้องจ่ายส่วนต่างเองครับ ส่วนต่างหลักร้อย หลักพัน หลักหมื่น หลักแสน อันนี้เราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้
2.ประกันสุขภาพเหมาจ่ายค่ารักษา อันนี้จะดีกว่าแบบแรกเยอะครับ เพราะจะรวมค่ารักษาต่างๆ มาอยู่ในวงเงินเหมาจ่ายค่ารักษาตามแผนที่ทำว่าปีนึงค่ารักษาไม่เกินกี่ล้าน ตามแบบประกันที่เราเลือก
*****ข้อสังเกตุ การทำประกันสุขภาพเหมาจ่ายค่ารักษาแต่ละที่อาจจะไม่เหมือนกัน*****
1.วงเงินค่ารักษาเจ็บป่วยต่อครั้งหรือทั้งปี วงเงินเท่าไหร่ บางที่จะแยกค่ารักษาว่า ไม่เกินครั้งละเท่าไหร่ ทั้งปีรวมได้เท่าไหร่ เช่น วงเงินสูงสุด 1ล้าน
แต่ใช้ได้วงเงินแต่ละครั้งได้ไม่เกิน 5แสน ถ้าเกินจาก 5 แสนตรงนี้ก็ต้องออกเองทั้งหมด ไม่รู้ว่าจะเกินอีกกี่แสน หรือเกินเป็นล้านก็ได้
แต่บางที่จะใช้วงเงินสูงสุดทั้งปีไปเลย เช่น เหมาจ่าย 3ล้านต่อปี ไม่แยกเป็นครั้ง จะรักษากี่ครั้งก็ได้ ทั้งปีมีวงเงินรักษาแบบเหมาจ่าย3ต่อปี ปีต่อไปๆก็มีค่ารักษา 3 ล้าน ควรเลือกแบบหลังจะดีกว่าครับ
2.ค่าห้อง ควรจะต้องทำสูงกว่า รพ.ที่เราจะไปใช้บริการเพื่อจะได้ไม่เสียส่วนต่าง ส่วนนี้ และค่าห้องประกันแบบเหมาจ่ายบางที่จะระบุว่าการเข้ารักษาตัวครั้งนึงได้ไม่เกินกี่วัน ถ้าเกินจากที่ระบุต้องจ่ายเองทั้งหมด แต่บางที่ก็เป็นแบบเหมาจ่ายค่ารักษาจริงๆ นอนพักรักษาได้ 365วัน ต่อปี
3.ค่าแพทย์ตรวจหรือเยี่ยมต่อวัน ประกันเหมาจ่ายบางที่จะแยกส่วนนี้ออกมา แล้วก็ยังมีจำกัดจำนวนวันอีก ถ้าค่าแพทย์มาเยี่ยมเกินวงเงินที่คุ้มครอง ก็ต้องจ่ายส่วนเกินตรงนี้ด้วย แต่บางที่แผนเหมาจ่ายจะรวมตรงนี้ไปด้วย จำนวนวันแพทย์เยี่ยมก็คุ้มครอง 365วัน ไม่ต้องกังวลส่วนเกินตรงนี้
4.ค่ารักษาเคมีบำบัด รังสีบำบัด ค่าล้างไต ประกันเหมาจ่ายบางที่จะระบุมาเลยว่าไม่เกิน เท่าไหร่ต่อปี กี่หมื่นหรือกี่แสนก็ว่าไปตามแผนที่เราทำ แต่ของบางที่ก็จะเป็นแบบเหมาจ่ายไปเลยว่าได้ค่ารักษาส่วนนี้กี่ล้านตามแผนที่เราได้เลือกไว้ตอนแรก ทำให้ไม่ต้องกังวลค่ารักษาโรคร้ายแรงที่จะมีส่วนเกินตรงนี้ด้วย ซึ่งถ้าเกินอันนี้เราต้องออกค่าใช้จ่ายเองอีกไม่สามารถระบุได้ว่าจำนวนเท่าไหร่
5.ความคุ้มครองผู้ป่วยนอก (opd) เจ็บป่วยไปหาหมอแล้ว ไม่ต้องนอน รพ. เช่น เป็นหวัด ไอ เจ็บคอ ท้องเสีย ปวดหัว มีไข้ ปวดท้อง ตาอักเสบ เป็นต้น ประกันเหมาจ่ายบางที่จะไม่คุ้มครอง ไม่มีส่วนนี้ หรืออาจจะมีแบบจำกัดวงเงินค่ารักษาแต่ละครั้งไม่เกินเท่าไหร่ เช่น ครั้งละ1,000 ถ้าไปหาหมอ แล้วค่ารักษาเกินจากนี้ บิลมา 3-4 พันก็ต้องจ่ายส่วนต่างอีก แต่ของบางที่ประกันเหมาจ่ายจะเป็นวงเงินเหมาจ่ายไปเลยต่อปี มีวงเงินรักษา opd ให้ใช้กี่หมื่น กี่แสน ก็แล้วแต่จะเลือก ไม่ต้องมากังวลส่วนต่างตรงนี้ อันนี้ต้องถามให้รอบคอบนะครับว่ามีหรือไม่ กับประกันสุขภาพที่เราจะทำ
ตัวอย่างแบบประกันเหมาจ่ายค่ารักษากับประกันแบบธรรมดา
https://www.facebook.com/photo?fbid=1385118505027230&set=pcb.1044042545801496
ถ้าสงสัยไม่เข้าใจ สอบถามหลังไมค์ได้ครับ ยินดีให้ความรู้เรื่องประกันสุขภาพ
แสดงความคิดเห็น
อยากทำประกันชีวิตแบบประกันสุขภาพค่ะ