สวัสดีเพื่อนสมาชิกทุกท่าน ผม ต่าย ครับ อายุ 37 ปี ปกติก็เข้ามาหาความรู้ และความบันเทิงใน Pantip บ่อยๆ
โดยมิค่อยได้แสดงความคิดเห็นใดๆ แต่ในครั้งนี้อยากแบ่งปันประสบการณ์ในการปลูกผม ทั้ง 2 ครั้ง (2 ภาค) ของผม
เพราะคิดว่า เพื่อนๆสมาชิกหลายๆท่าน คงมีปัญหาที่หนักใจ แต่ไม่หนักหัว เหมือนผม นั่นคือการที่ได้เห็นผมร่วงหล่น
ก่อนกาลเวลาอันควร ยิ่งเห็น ยิ่งเครียด ยิ่งร่วง ยิ่งหล่น แชมพูใดๆในโลกหล้า หรือจะเป็นการทำเมโส (เอายาใส่ในเข็ม
แล้วไปสะกิดบนหนังศรีษะ เพื่อให้ตัวยาซึมเข้าไป) หรือโดนเป่าหูจาก Sales เพื่อจะขายโปรแกรม "คลีเลชั่น" โดยแจ้งว่า
สามารถช่วยให้ผมงอกขึ้นมาและไม่หลุดร่วง ทั้งหมดทั้งสิ้น ก็มิอาจช่วยได้ นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจหาข้อมูลเกี่ยวกับการ
ปลูกผมแบบถาวร เพราะโดยปกติแล้วผมเป็นคนที่ชอบลงทุนอะไรๆ แล้วให้อยู่กับตัวเองอยู่แล้ว จึงตัดสินใจไม่ยาก
เกี่ยวกับการปลูกผม ก็นั่นแหละครับ คือจุดเริ่มต้น ในการตัดสินใจปลูกผม ในครั้งที่ 1 ของผมเอง ถึงตรงนี้หลายๆท่านคงสงสัย
ว่าปลูกผมทำไมตั้ง 2 ครั้ง มันมีที่มาและที่ไป เหมือนอย่างรถไฟทำไมมีถึง 2 หัว ก็นั่นแหละครับ
เริ่มจากช่วงปี 2012-2013 เริ่มส่ออาการร่วง ท่านก็ดูเอาเองครับ ตามรูปเลย ว่าความมั่นใจมันจะหดหายไปไหน
และแล้วผมก็ไม่สามารถรอคอยฟ้าฝน ให้ผมงอกเหมือนดั่งผักหญ้า รอฝนฟ้าได้อีกต่อไป
ผมเลยตัดสินใจ เข้าผ่าตัดปลูกผม แบบ FUT (คือการผ่าตัดเล็กเพื่อย้ายรากผมบริเวณด้านหลังของศรีษะ ที่แข็งแรง
เพื่อมาปลูกบริเวณผมด้านหน้าที่ร่วง) โดยในครั้งที่ 1 นั้น ผมได้รับการประเมินจากคุณหมอ ทั้งความเป็นไปได้
และเรื่องของค่าใช้จ่าย แต่มันไม่จบแค่นั้นซิครับ ในเมื่อเงินในมือ มันน้อยกว่าราคาที่ประเมินออกมา ทำไงล่ะ!!!!!!
จึงตัดสินใจบอกหมอเลยครับ ว่าผมมีเงินอยู่แค่นี้ครับ จะทำอย่างไรดี ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง คุณหมอกรุณามาก
บอกผมว่า ให้ไปทำบุญโดยการ.....บริจาคเลือด แล้วเอาใบบริจาคเลือดมาเป็นหลักฐาน หมอจะลดราคาให้ (ปรบมือดังๆเลย ทำบุญร่วมกัน)
(นึกในใจ) งานนี้หล่อด้วย ได้บุญด้วย
ตัดภาพมาถึงวันปลูกผม ก็ชิลๆ มากครับ เตรียมตัวให้พร้อม พักผ่อนให้พอ ทำตามขั้นตอนการแนะนำของหมอ
เชื่อเลยครับ ว่าไม่เจ็บจริงๆ จะเจ็บก็ตอนฉีดยาชาเท่านั้น ที่รู้สึกจี๊ดๆ หลังจากก็แพ้ฤทธิ์ยาครับ หลับยาวๆเลยครับ
ระหว่างนั้นก็มีพยาบาลคอยปลุกมาทานข้าวเที่ยง แต่ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทานกับข้าวอะไร 55555 แต่ขอชมเชยครับ
เรื่องเครื่องมือแพทย์ เรื่องการเอาใจใส่ของพยาบาลดีมาก ทั้งช่วงก่อน และหลังการผ่าตัด มีนัดตรวจเป็นระยะๆ
และเมื่อผ่าตัดเสร็จ ก็ทำตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัด ทั้งเรื่องการทานยา การทำแผล การสระผม โดยครั้งแรก
พยาบาลจะเป็นผู้สาธิตให้เราดู และวันถัดไปก็เอาผ้าปิดแผลออกและเราสามารถทำแผล สระผมได้เองเลยครับ มันง่ายมาก
ระยะเวลพักฟื้นก็ 3-4 วัน โดยใส่ผ้ายืดรัดศรีษะกันบวมเท่านั้น ส่วนตัวผมเอง วันที่สามหลังการปลูกผมก็ไปเดินซื้อของที่ห้างแล้วครับ
หลังจากนั้นในช่วง 1-3 เดือน หลังจากปลูกผม ไม่ต้องตกใจนะครับ ถ้าผมมันจะร่วง เพราะนั่นแหละครับ สัญญาณแห่ง
ความมั่นใจเริ่มจุติขึ้นแล้ว มันคือการที่รากผมฝังตัวในหนังศรีษะ มันก็เริ่มสลัดผมเก่าที่ปลูกให้หลุดมาตามธรรมชาติ
เพราะจากนั้นมันก็จะงอกมาใหม่ โดยเริ่มชัดเจนเมื่อ 6-12 เดือน ทีนี้ล่ะครับ พอมั่นใจ อะไรก็ตามมา นี่แหละครับช่วงพีคเลย
เตะบอลก็ได้ มาราธอนก็ต้องไป (วิ่งตามสาวๆอย่างเดียวเลยผม 5555)
งานทางการก็ได้ กลัวที่ไหน มั่นใจซะอย่าง (มีสาวๆด้วย อิอิ)
ปฐมบทของภาค 1 จบลงไป......เมื่อพระเอกไม่ตาย แต่วายร้ายก็ยังอยู่ (ก็ต้องดูต่อภาค 2 ครับ 2018)
ภาค 2 (ต่อครับ)
เมื่อพระเอกไม่ตาย แต่วายร้ายก็ยังอยู่.....ใช่ครับ วายร้ายที่ว่านี้ก็คือ"กรรมพันธุ์"ครับ มันจะรุกรานและกระชากเส้นผม
ของเราไปทีละหลายๆเส้น จนเบาบาง เหมือนสั่งไข่ดาวโป๊ะกระเพราะหมูทุกวัน..............
................ซึ่งหลังจากปลูกผมไปในครั้งแรก ก็รู้สึก Happy ครับ แต่ก็นั่นแหละครับ..........
เราปลูกในงบประมาณที่พึงมี และเป็นการปลูกด้านหน้าของศรีษะ (ลืมบอกไปครับ ครั้งแรกปลูกไปประมาณ 1800 กราฟ)
แต่ด้านหลังก็ปล่อยให้ กรรมพันธุ์ พรากไปอย่างมิหยุดหย่อน หลังจากปลูกในครั้งแรกมา 4 ปี ก็เห็นผลของด้านหลังศรีษะ
ดังนี้ครับ
ปล่อยไว้เนิ่นนาน เห็นท่าจะไม่ดีแน่ๆ แต่ก็ไม่มีงบประมาณเพียงพอแล้วครับ ที่จะไปปลูกเพิ่ม ก็กังวลไปซิครับ
ซึ่งครั้งนี้ก็เช่นกัน เหมือนสวรรค์บันดาล ด้วยความบังเอิญที่ผมเองก็เป็นแฟนเพจ ของคลีนิคที่ผมเคยไปปลูกผมมาในครั้งแรก
ประจวบกับช่วงนั้นคลีนิคเองมีจัดโปรโมชั่น "ทำดีดูดี" โดยให้เขียนบรรยายเรื่องราวการทำความดีของเรา เพื่อส่งเข้าประกวด
และก็เป็นความโชคดีของผมเช่นกัน ที่ชนะการประกวดในครั้งนี้ จึงได้มีโอกาสได้ปลูกผมอีกครั้ง โดยครั้งนี้เป็นการปลูกทั้งสิ้น
2,000 กราฟ โดยทำการปลูกผมไปเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา
วิธีการเหมือนครั้งแรกที่ปลูกทุกประการ แต่ที่เพิ่มเติม คือ ผมรู้สึกมั่นใจมากขึ้นมาก จากผลลัพธ์ที่ได้ในครั้งแรก
ทั้งการงอกใหม่ของเส้นผม ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของแพทย์ ที่ผ่าน Certificate ต่างๆ มาทั่วโลก
และการเอาใจใส่ดูแลของพยาบาลผู้เชี่ยวชาญ
การพักพื้นครั้งนี้ก็ไม่แตกต่างจากการปลูกผมครั้งแรก ผมใช้เวลาพักฟื้น 4 วัน โดยการนอน และเดินช็อปปิ้งที่ห้างครับ
หลังจากนั้น 1 เดือน ก็ออกเที่ยวแบบชิลๆครับ ทำงานก็ชิลๆเช่นกัน ใส่เจลเซ็ทผมได้ปกติหลังจากปลูกผมได้ 2-3 สัปดาห์ครับ
(ภาพกล้องหน้าของ OPPO นี่มันหลอกตาดีจริงๆ 55555)
และนี่ก็คือรูปหลังจากปลูกผมมาประมาณ 2 เดือนครับ เห็นไหมล่ะครับว่ามันสบายๆ แค่ไหน
ไว้เดือนหน้าจะมารีวิวให้เห็นความเปลี่ยนแปลงเป็นระยะๆนะครับ
[CR] รีวิว การปลูกผม แบบมีภาคต่อ
โดยมิค่อยได้แสดงความคิดเห็นใดๆ แต่ในครั้งนี้อยากแบ่งปันประสบการณ์ในการปลูกผม ทั้ง 2 ครั้ง (2 ภาค) ของผม
เพราะคิดว่า เพื่อนๆสมาชิกหลายๆท่าน คงมีปัญหาที่หนักใจ แต่ไม่หนักหัว เหมือนผม นั่นคือการที่ได้เห็นผมร่วงหล่น
ก่อนกาลเวลาอันควร ยิ่งเห็น ยิ่งเครียด ยิ่งร่วง ยิ่งหล่น แชมพูใดๆในโลกหล้า หรือจะเป็นการทำเมโส (เอายาใส่ในเข็ม
แล้วไปสะกิดบนหนังศรีษะ เพื่อให้ตัวยาซึมเข้าไป) หรือโดนเป่าหูจาก Sales เพื่อจะขายโปรแกรม "คลีเลชั่น" โดยแจ้งว่า
สามารถช่วยให้ผมงอกขึ้นมาและไม่หลุดร่วง ทั้งหมดทั้งสิ้น ก็มิอาจช่วยได้ นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจหาข้อมูลเกี่ยวกับการ
ปลูกผมแบบถาวร เพราะโดยปกติแล้วผมเป็นคนที่ชอบลงทุนอะไรๆ แล้วให้อยู่กับตัวเองอยู่แล้ว จึงตัดสินใจไม่ยาก
เกี่ยวกับการปลูกผม ก็นั่นแหละครับ คือจุดเริ่มต้น ในการตัดสินใจปลูกผม ในครั้งที่ 1 ของผมเอง ถึงตรงนี้หลายๆท่านคงสงสัย
ว่าปลูกผมทำไมตั้ง 2 ครั้ง มันมีที่มาและที่ไป เหมือนอย่างรถไฟทำไมมีถึง 2 หัว ก็นั่นแหละครับ
เริ่มจากช่วงปี 2012-2013 เริ่มส่ออาการร่วง ท่านก็ดูเอาเองครับ ตามรูปเลย ว่าความมั่นใจมันจะหดหายไปไหน
และแล้วผมก็ไม่สามารถรอคอยฟ้าฝน ให้ผมงอกเหมือนดั่งผักหญ้า รอฝนฟ้าได้อีกต่อไป
ผมเลยตัดสินใจ เข้าผ่าตัดปลูกผม แบบ FUT (คือการผ่าตัดเล็กเพื่อย้ายรากผมบริเวณด้านหลังของศรีษะ ที่แข็งแรง
เพื่อมาปลูกบริเวณผมด้านหน้าที่ร่วง) โดยในครั้งที่ 1 นั้น ผมได้รับการประเมินจากคุณหมอ ทั้งความเป็นไปได้
และเรื่องของค่าใช้จ่าย แต่มันไม่จบแค่นั้นซิครับ ในเมื่อเงินในมือ มันน้อยกว่าราคาที่ประเมินออกมา ทำไงล่ะ!!!!!!
จึงตัดสินใจบอกหมอเลยครับ ว่าผมมีเงินอยู่แค่นี้ครับ จะทำอย่างไรดี ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง คุณหมอกรุณามาก
บอกผมว่า ให้ไปทำบุญโดยการ.....บริจาคเลือด แล้วเอาใบบริจาคเลือดมาเป็นหลักฐาน หมอจะลดราคาให้ (ปรบมือดังๆเลย ทำบุญร่วมกัน)
(นึกในใจ) งานนี้หล่อด้วย ได้บุญด้วย
ตัดภาพมาถึงวันปลูกผม ก็ชิลๆ มากครับ เตรียมตัวให้พร้อม พักผ่อนให้พอ ทำตามขั้นตอนการแนะนำของหมอ
เชื่อเลยครับ ว่าไม่เจ็บจริงๆ จะเจ็บก็ตอนฉีดยาชาเท่านั้น ที่รู้สึกจี๊ดๆ หลังจากก็แพ้ฤทธิ์ยาครับ หลับยาวๆเลยครับ
ระหว่างนั้นก็มีพยาบาลคอยปลุกมาทานข้าวเที่ยง แต่ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทานกับข้าวอะไร 55555 แต่ขอชมเชยครับ
เรื่องเครื่องมือแพทย์ เรื่องการเอาใจใส่ของพยาบาลดีมาก ทั้งช่วงก่อน และหลังการผ่าตัด มีนัดตรวจเป็นระยะๆ
และเมื่อผ่าตัดเสร็จ ก็ทำตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัด ทั้งเรื่องการทานยา การทำแผล การสระผม โดยครั้งแรก
พยาบาลจะเป็นผู้สาธิตให้เราดู และวันถัดไปก็เอาผ้าปิดแผลออกและเราสามารถทำแผล สระผมได้เองเลยครับ มันง่ายมาก
ระยะเวลพักฟื้นก็ 3-4 วัน โดยใส่ผ้ายืดรัดศรีษะกันบวมเท่านั้น ส่วนตัวผมเอง วันที่สามหลังการปลูกผมก็ไปเดินซื้อของที่ห้างแล้วครับ
หลังจากนั้นในช่วง 1-3 เดือน หลังจากปลูกผม ไม่ต้องตกใจนะครับ ถ้าผมมันจะร่วง เพราะนั่นแหละครับ สัญญาณแห่ง
ความมั่นใจเริ่มจุติขึ้นแล้ว มันคือการที่รากผมฝังตัวในหนังศรีษะ มันก็เริ่มสลัดผมเก่าที่ปลูกให้หลุดมาตามธรรมชาติ
เพราะจากนั้นมันก็จะงอกมาใหม่ โดยเริ่มชัดเจนเมื่อ 6-12 เดือน ทีนี้ล่ะครับ พอมั่นใจ อะไรก็ตามมา นี่แหละครับช่วงพีคเลย
เตะบอลก็ได้ มาราธอนก็ต้องไป (วิ่งตามสาวๆอย่างเดียวเลยผม 5555)
งานทางการก็ได้ กลัวที่ไหน มั่นใจซะอย่าง (มีสาวๆด้วย อิอิ)
ปฐมบทของภาค 1 จบลงไป......เมื่อพระเอกไม่ตาย แต่วายร้ายก็ยังอยู่ (ก็ต้องดูต่อภาค 2 ครับ 2018)
ภาค 2 (ต่อครับ)
เมื่อพระเอกไม่ตาย แต่วายร้ายก็ยังอยู่.....ใช่ครับ วายร้ายที่ว่านี้ก็คือ"กรรมพันธุ์"ครับ มันจะรุกรานและกระชากเส้นผม
ของเราไปทีละหลายๆเส้น จนเบาบาง เหมือนสั่งไข่ดาวโป๊ะกระเพราะหมูทุกวัน..............
................ซึ่งหลังจากปลูกผมไปในครั้งแรก ก็รู้สึก Happy ครับ แต่ก็นั่นแหละครับ..........
เราปลูกในงบประมาณที่พึงมี และเป็นการปลูกด้านหน้าของศรีษะ (ลืมบอกไปครับ ครั้งแรกปลูกไปประมาณ 1800 กราฟ)
แต่ด้านหลังก็ปล่อยให้ กรรมพันธุ์ พรากไปอย่างมิหยุดหย่อน หลังจากปลูกในครั้งแรกมา 4 ปี ก็เห็นผลของด้านหลังศรีษะ
ดังนี้ครับ
ปล่อยไว้เนิ่นนาน เห็นท่าจะไม่ดีแน่ๆ แต่ก็ไม่มีงบประมาณเพียงพอแล้วครับ ที่จะไปปลูกเพิ่ม ก็กังวลไปซิครับ
ซึ่งครั้งนี้ก็เช่นกัน เหมือนสวรรค์บันดาล ด้วยความบังเอิญที่ผมเองก็เป็นแฟนเพจ ของคลีนิคที่ผมเคยไปปลูกผมมาในครั้งแรก
ประจวบกับช่วงนั้นคลีนิคเองมีจัดโปรโมชั่น "ทำดีดูดี" โดยให้เขียนบรรยายเรื่องราวการทำความดีของเรา เพื่อส่งเข้าประกวด
และก็เป็นความโชคดีของผมเช่นกัน ที่ชนะการประกวดในครั้งนี้ จึงได้มีโอกาสได้ปลูกผมอีกครั้ง โดยครั้งนี้เป็นการปลูกทั้งสิ้น
2,000 กราฟ โดยทำการปลูกผมไปเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา
วิธีการเหมือนครั้งแรกที่ปลูกทุกประการ แต่ที่เพิ่มเติม คือ ผมรู้สึกมั่นใจมากขึ้นมาก จากผลลัพธ์ที่ได้ในครั้งแรก
ทั้งการงอกใหม่ของเส้นผม ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของแพทย์ ที่ผ่าน Certificate ต่างๆ มาทั่วโลก
และการเอาใจใส่ดูแลของพยาบาลผู้เชี่ยวชาญ
การพักพื้นครั้งนี้ก็ไม่แตกต่างจากการปลูกผมครั้งแรก ผมใช้เวลาพักฟื้น 4 วัน โดยการนอน และเดินช็อปปิ้งที่ห้างครับ
หลังจากนั้น 1 เดือน ก็ออกเที่ยวแบบชิลๆครับ ทำงานก็ชิลๆเช่นกัน ใส่เจลเซ็ทผมได้ปกติหลังจากปลูกผมได้ 2-3 สัปดาห์ครับ
(ภาพกล้องหน้าของ OPPO นี่มันหลอกตาดีจริงๆ 55555)
และนี่ก็คือรูปหลังจากปลูกผมมาประมาณ 2 เดือนครับ เห็นไหมล่ะครับว่ามันสบายๆ แค่ไหน
ไว้เดือนหน้าจะมารีวิวให้เห็นความเปลี่ยนแปลงเป็นระยะๆนะครับ