เมื่อวานดูเล็บครุฑไปด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก ปะปนกันไปด้วยความสนุกและความไม่พอใจผลงาน
โดยปรกติแล้ว ไม่ใช่แฟนละครบู๊จึงดูมาน้อยมาก แต่ด้วยความที่บทประพันธ์ของพนมเทียนนั้นประทับใจมาก
จึงทำให้นับได้ว่าตั้งใจรอดูละครเรื่องนี้ทีเดียว ช่วงแรกของละครประทับใจใช้ได้
โปรดักชั่นดี ฉากต่างๆดูเป็นละครบู๊อินเตอร์ สถานที่ต่างๆดูดี ที่โดดเด่นที่สุดคือฉากบู๊
ฉากการต่อสู้แบบปะทะตัวต่อตัวฉับไว มีลีลา คม สวยงาม การแสดงของซีเด่นมาก ทำให้ชีพดูมีลีลาสุดๆ
แต่แล้วช่วงสองสามตอนหลังมานี้เอง ละครแปลกไปมาก จากการอ่านเรื่องย่อทำให้ทราบว่า
มีการดัดแปลงจากบทประพันธ์เกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ที่เด่นสุดคือการเปลี่ยนโครงเรื่องหลัก
ซึ่งเป็นที่เข้าใจได้ว่า ไม่เหมาะแล้วกับยุคปัจจุบัน แต่ก็เปลี่ยนเยอะมาก รวมทั้งเพิ่มบทนางรองเข้ามา
จนทำให้เกิดความสงสัยว่า ในเมื่อแทบจะแต่งใหม่หมดแบบนี้ ใช้ชื่อเล็บครุฑทำไม ทำไมไม่สร้างเรื่องใหม่เสียเลย
อันต่อมาที่ไม่ประทับใจอย่างมากในสองสามตอนหลังคือโปรดักชั่นราคาถูก
จู่ๆ ภาพรวมโปรดักชั่นก็ลดฮวบฮาบลง ฉากหรูๆ สถานที่ดีๆ ไม่มีให้ดูอีกแล้ว
ตอนแรกภาพสำนักงานของกริชดูดี แต่ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่าที่ทีมงานฉากต้องเปลี่ยนมาเป็นตึกร้าง
ภาพบาร์เอคซตาซีดีทีเดียว ผู้คนพลุกพล่าน ดูสมเป็นบาร์ระดับดี
แต่แล้วมาในตอนสองสามตอนหลังนี่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับงบประมาณเรื่องฉาก
ภาพคัสตาฟาแลนด์เป็นดินแดนที่กระจอกงอกง่อยที่สุดแล้ว ถ้าอยากจะให้เป็นชนเผ่าก็น่าจะลงทุนกว่านี้
นอกจากผ้าเขียวแปะตราที่เอาไปแปะผนังแล้ว ก็ไม่มีอะไรน่าประทับใจ
ด่านข้ามประเทศมีป้อมง่อยๆพร้อมคานไม้กั้นรถก็พอแล้ว
คุกไม่ยูคาที่น่าจะใช้มือแงะๆก็พังได้แล้ว หรือช่วยกันยกก็ลอดออกมาได้แล้ว
ห้องเทคนิคการแพทย์ ที่โปรแกรมมรกต สภาพห่วยมาก ไม่มีแม้แต่เตียงพยาบาล
หมอเดินคีบอีแตะมาฉีดยาที่บรรยายด้วยปากตัวแสดงว่าสรรพคุณทำให้เคลิ้ม
เราถึงกับอึ้งเมื่อตัวโปรแกรมสะกดจิตสุดไฮเทค มาในรูปแว่นกันแดดประกบอินเอียร์
เนี่ยนะที่เชี่ยวชาญต้องแบกมรกตมาข้ามประเทศ
บทยังง่อยให้สิงห์เดินเข้าไปเอาตัวมรกตง่ายๆจนต้องร้องเฮ้อ
มาถึงงานเลี้ยงนักธุรกิจ ให้นักธุรกิจยืนใส่สูทดำแออัดกันในห้องขนาด6คูณ8 ถือแก้วไวน์
เท่านี้ก็เป็นงานเลี้ยงแล้ว ไม่ต้องมีอาหาร ของเลี้ยงเวที ป้าย
แค่มีพนักงานเสิรฟเดินวนๆโง่ๆ มีโต๊ะเปล่าๆไว้วางแก้วก็พอ
ทีทำการใหญ่สิ่งเอ็ง ยิ่งกระจอกกว่านั้น หาความโอฬาร ความข่มขวัญ ตระการตาไม่ได้เลย
ห้องเปล่า ใส่เก้าอี้มุก ก็กลายเป็นห้องประชุมใหญ่สิ่งเอ็งได้แล้ว ไม่รู้เลยว่าความเป็นสิ่งเอ็งคืออะไร
การแสดงของจางซูเหลียงกับจิงซูสมัยหนุ่มสาว นี่คือสุดยอดแห่งความทื่อมะลื่อ
คนระดับนี้ ตัวละครสำคัญระดับนี้ คุณเชิญดาราสักคนมารับเชิญไม่ได้เหรอ
สิ้นไร้ไม้ตอกจนเอาตัวประกอบอะไรก็ได้มาเล่น เหมือนเด็กเล่นละครเวทีโรงเรียน
ใส่เสื้อผ้าจีนเลี่ยนๆเงาๆโง่ๆยืนท่องบทอะไรให้คนดู อยู่ได้
เมื่อวานดูไปด้วยความปรี๊ด และอิดหนาระอาใจมากๆ
อยากจะใช้คำว่าดูถูกคนดู แต่ก็ยังสงสัยอยู่ว่า คนดูคนไหนจะรู้ไหมว่าโดนดูถูกอยู่
เพราะเรตติ้งก็ออกมาดีกว่าสมัยแรกๆที่โปรดักชั่นยังดีอยู่ด้วยซ้ำ
ถามว่าจะยังอยู่ดูต่อไหม คิดว่าคงดูต่อเพราะยังชอบตัวละครชีพชูชัยของซีอยู่มากๆ
ซีเป็นชีพที่ออกมาดีมาก กวนได้เจ๋ง บู๊ได้สวย แสดงอารมณ์ได้ถึง
รวมถึงคงคอยดูบทบู๊ซึ่งเป็นสิ่งดีที่สุดของงาน
และยังคงมีความหวังว่า งานโปรดักชั่นที่เหลือ จะกลับมาพัฒนาต่อให้ดีกว่าช่วงนี้
ขอให้ร่วมวิจารณ์ในเชิงสร้างสรรค์
ติติงเล็บครุฑ
โดยปรกติแล้ว ไม่ใช่แฟนละครบู๊จึงดูมาน้อยมาก แต่ด้วยความที่บทประพันธ์ของพนมเทียนนั้นประทับใจมาก
จึงทำให้นับได้ว่าตั้งใจรอดูละครเรื่องนี้ทีเดียว ช่วงแรกของละครประทับใจใช้ได้
โปรดักชั่นดี ฉากต่างๆดูเป็นละครบู๊อินเตอร์ สถานที่ต่างๆดูดี ที่โดดเด่นที่สุดคือฉากบู๊
ฉากการต่อสู้แบบปะทะตัวต่อตัวฉับไว มีลีลา คม สวยงาม การแสดงของซีเด่นมาก ทำให้ชีพดูมีลีลาสุดๆ
แต่แล้วช่วงสองสามตอนหลังมานี้เอง ละครแปลกไปมาก จากการอ่านเรื่องย่อทำให้ทราบว่า
มีการดัดแปลงจากบทประพันธ์เกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ที่เด่นสุดคือการเปลี่ยนโครงเรื่องหลัก
ซึ่งเป็นที่เข้าใจได้ว่า ไม่เหมาะแล้วกับยุคปัจจุบัน แต่ก็เปลี่ยนเยอะมาก รวมทั้งเพิ่มบทนางรองเข้ามา
จนทำให้เกิดความสงสัยว่า ในเมื่อแทบจะแต่งใหม่หมดแบบนี้ ใช้ชื่อเล็บครุฑทำไม ทำไมไม่สร้างเรื่องใหม่เสียเลย
อันต่อมาที่ไม่ประทับใจอย่างมากในสองสามตอนหลังคือโปรดักชั่นราคาถูก
จู่ๆ ภาพรวมโปรดักชั่นก็ลดฮวบฮาบลง ฉากหรูๆ สถานที่ดีๆ ไม่มีให้ดูอีกแล้ว
ตอนแรกภาพสำนักงานของกริชดูดี แต่ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่าที่ทีมงานฉากต้องเปลี่ยนมาเป็นตึกร้าง
ภาพบาร์เอคซตาซีดีทีเดียว ผู้คนพลุกพล่าน ดูสมเป็นบาร์ระดับดี
แต่แล้วมาในตอนสองสามตอนหลังนี่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับงบประมาณเรื่องฉาก
ภาพคัสตาฟาแลนด์เป็นดินแดนที่กระจอกงอกง่อยที่สุดแล้ว ถ้าอยากจะให้เป็นชนเผ่าก็น่าจะลงทุนกว่านี้
นอกจากผ้าเขียวแปะตราที่เอาไปแปะผนังแล้ว ก็ไม่มีอะไรน่าประทับใจ
ด่านข้ามประเทศมีป้อมง่อยๆพร้อมคานไม้กั้นรถก็พอแล้ว
คุกไม่ยูคาที่น่าจะใช้มือแงะๆก็พังได้แล้ว หรือช่วยกันยกก็ลอดออกมาได้แล้ว
ห้องเทคนิคการแพทย์ ที่โปรแกรมมรกต สภาพห่วยมาก ไม่มีแม้แต่เตียงพยาบาล
หมอเดินคีบอีแตะมาฉีดยาที่บรรยายด้วยปากตัวแสดงว่าสรรพคุณทำให้เคลิ้ม
เราถึงกับอึ้งเมื่อตัวโปรแกรมสะกดจิตสุดไฮเทค มาในรูปแว่นกันแดดประกบอินเอียร์
เนี่ยนะที่เชี่ยวชาญต้องแบกมรกตมาข้ามประเทศ
บทยังง่อยให้สิงห์เดินเข้าไปเอาตัวมรกตง่ายๆจนต้องร้องเฮ้อ
มาถึงงานเลี้ยงนักธุรกิจ ให้นักธุรกิจยืนใส่สูทดำแออัดกันในห้องขนาด6คูณ8 ถือแก้วไวน์
เท่านี้ก็เป็นงานเลี้ยงแล้ว ไม่ต้องมีอาหาร ของเลี้ยงเวที ป้าย
แค่มีพนักงานเสิรฟเดินวนๆโง่ๆ มีโต๊ะเปล่าๆไว้วางแก้วก็พอ
ทีทำการใหญ่สิ่งเอ็ง ยิ่งกระจอกกว่านั้น หาความโอฬาร ความข่มขวัญ ตระการตาไม่ได้เลย
ห้องเปล่า ใส่เก้าอี้มุก ก็กลายเป็นห้องประชุมใหญ่สิ่งเอ็งได้แล้ว ไม่รู้เลยว่าความเป็นสิ่งเอ็งคืออะไร
การแสดงของจางซูเหลียงกับจิงซูสมัยหนุ่มสาว นี่คือสุดยอดแห่งความทื่อมะลื่อ
คนระดับนี้ ตัวละครสำคัญระดับนี้ คุณเชิญดาราสักคนมารับเชิญไม่ได้เหรอ
สิ้นไร้ไม้ตอกจนเอาตัวประกอบอะไรก็ได้มาเล่น เหมือนเด็กเล่นละครเวทีโรงเรียน
ใส่เสื้อผ้าจีนเลี่ยนๆเงาๆโง่ๆยืนท่องบทอะไรให้คนดู อยู่ได้
เมื่อวานดูไปด้วยความปรี๊ด และอิดหนาระอาใจมากๆ
อยากจะใช้คำว่าดูถูกคนดู แต่ก็ยังสงสัยอยู่ว่า คนดูคนไหนจะรู้ไหมว่าโดนดูถูกอยู่
เพราะเรตติ้งก็ออกมาดีกว่าสมัยแรกๆที่โปรดักชั่นยังดีอยู่ด้วยซ้ำ
ถามว่าจะยังอยู่ดูต่อไหม คิดว่าคงดูต่อเพราะยังชอบตัวละครชีพชูชัยของซีอยู่มากๆ
ซีเป็นชีพที่ออกมาดีมาก กวนได้เจ๋ง บู๊ได้สวย แสดงอารมณ์ได้ถึง
รวมถึงคงคอยดูบทบู๊ซึ่งเป็นสิ่งดีที่สุดของงาน
และยังคงมีความหวังว่า งานโปรดักชั่นที่เหลือ จะกลับมาพัฒนาต่อให้ดีกว่าช่วงนี้
ขอให้ร่วมวิจารณ์ในเชิงสร้างสรรค์