แชร์ประสบการณ์คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ต้องตรวจคัดกรองน้ำตาลในกระแสเลือดช่วงตั้งครรภ์ และเมนูควบคุมน้ำตาล

สวัสดีค่ะ แม่ๆตั้งครรภ์ทุกท่านๆ วันนี้ด้วยความมีอารมณ์อยากมาถ่ายทอดประสบการณ์ล่าสุดของการถูกตรวจน้ำตาลในเลือดระหว่างตั้งครรภ์ หวังว่าคงจะมีประโยชน์กับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์อยู่ ณ ตอนนี้ไม่มากก็น้อยค่ะ

ก่อนอื่นบอกก่อนเลยว่าตอนนี้ตั้งครรภ์ได้ 26 สัปดาห์แล้ว หรือโดยประมาณก็ 6 เดือน 2 สัปดาห์ และเพิ่งถูกนัดตรวจน้ำตาลเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2561
เหตุการณ์วันที่ 8 พฤษภาคม 2561

การถูกตรวจครั้งแรกนี้ไม่ต้องงดน้ำงดข้าวค่ะ เดินไปสวยๆที่ รพ. แล้วสักพัก พยาบาลก็จะเสิร์ฟน้ำตาลกลูโคส 50 Mg. อุ่นๆ พร้อมน้ำเปล่ามาให้ 1 แก้วค่ะ เราก็ต้องค่อยๆจิบๆค่อยๆดูด ตามเทคนิคของแต่ละคนค่ะ ( บางคนรีบมากสามารถอาเจียนได้ค่ะ ) หลังจากดูดน้ำหวานชวนเลี่ยนหมดแล้วก็แจ้งพยาบาล และนั่งรอ 1 ชม. เพื่อรอการเจาะเลือดค่ะ ระหว่างนี้ห้ามรับประทานอะไรนะคะ ก็นั่งมองนั่นมองนี่ไปเพลินๆ จนได้เวลาเจาะเลือดไป 1 หลอด พยาบาลจะแจ้งให้รอฟังผลอีก 1 ชม. โดยระหว่างนี้สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติค่ะ

เวลาระทึกขวัญมาถึง เปิดประตูเข้าไปคุณหมอยิ้มมุมปากเบาๆ และบอกหนักแน่นๆเลยค่ะว่า "คุณแม่ดูปฏิทินสิครับ ว่างมาตรวจคัดกรองน้ำตาลในเลือดอย่างละเอียดอีกครั้งเมื่อไหร่" บอกเลยว่า คุณหมอน่ารักมาก เชือดกันเบาๆเลยทีเดียว ( ระหว่างนั้นคุณสามีนั่งหัวเราะเย็นๆอยู่อีกมุม )

ด้วยนิสัยการกินก่อนหน้านี้ เราก็กินเรื่อยๆไม่ได้คุมอะไรเพราะในตระกูลไม่มีใครเป็นเบาหวาน และไม่มีความเสี่ยงอะไรด้วย เลยกินไปเรื่อยๆ แต่สัปดาห์ก่อนตรวจน้ำตาล เรากินทุเรียนไป 5 เม็ด ใน 1 สัปดาห์ แล้วก็กล้วยทับ เรียกได้ว่ากินของที่มีน้ำตาลหนักมากพอตัว ทำให้ผลตรวจน้ำตาลของเรา จากมาตรฐานต้องไปไม่เกิน 140 ของเราพุ่งไปถึง 180 กันเลยทีเดียว ( หัวใจเหี่ยวกันเลยทีเดียวค่ะ ) แล้วก็โดนหมอสวดเบาๆท่ามกลางบรรยากาศมาคุที่สามีมองมาตลอด พร้อมกับทำการนัดคุณหมอมาตรวจคัดกรองน้ำตาลในเลือดอย่างละเอียดอีกครั้งในสัปดาห์ต่อมา ( แอบใจร้อน )

มาถึงจุดพลิกผันของชีวิตการตั้งครรภ์ค่ะ จากที่ไม่เคยคิดเรื่องคุมอาหาร คุมน้ำตาล เพราะก่อนหน้าก็คิดว่าถ้ากินน้อยไปมากไปเด๋วลูกตัวไม่โต ก็เลยไม่ได้ซีเรียสมาก แค่ไม่กินของดิบ ของหวานมากเกินไป แต่พอก้าวเท้าออกจากห้องตรวจและมีเสียงแอคโคร่จากสามีตอกย้ำมาเป็นระยะๆ ทำให้จิตใจคนเป็นแม่ยิ่งห่อเหี่ยว และบอกกับตัวเองเลยว่า "ได้....ฉันจะเริ่มคุมอาหารตั้งแต่มื้อต่อไปเลย"

เมนูชนะน้ำตาลในเลือด
- คะน้า / กระเจี๊ยบ / แครอท / บล็อคเคอรี่ ลวกสุก กินกับน้ำพริกนรกใน 7-11 ( กล่องละ 10 -12 บาท ) ไข่ต้ม 1 ฟอง , ข้าวกล้อง 1 ทัพพี
- แกงจืดเต้าหู้ไข่หมูสับใส่แครอท หัวหอมใหญ่ ผักคะน้า ( สลับๆกันไป ) ปรุงรสด้วยแม๊กกี้ โนวววว...น้ำตาล , ข้าวกล้อง 1 ทัพพี
- ปลาทูนึ่ง ตัวกลางๆ มื้อละ 1 ตัว ( บางวัน ทาน 2 มื้อ เช้า - เย็น มื้อละตัว )
- ผัดพริกหยวกหอมใหญ่ใส่หมูสับ ปรุงรสด้วยแม๊กกี้ โนวววว น้ำตาล , ขนมปังโฮลวีท ( Farm House ) 2 - 3 แผ่น
- แกงจืดตำลึงเต้าหู้ไข่ , ข้าวไร้ซ์เบอร์รี่ 1 ทัพพี
- ผัดบล๊อคเคอรี่กุ้ง
- ฝรั่ง / แอปเปิ้ล
- นมเปรี้ยวแอนมัม ( ช่วงบ่าย 3 เท่านั้น )

ใน 1 สัปดาห์ เรากินเมนูที่กล่าวมาวนไปวนมา 3 มื้อต่อวัน จะวนเวียนหมุนไปหมุนมาค่ะจนลิ้นนี่ไร้รสชาติความหวานไปหมดเลย แต่มันได้ผลนะคะ ทำให้เราไม่อึดอัดท้อง และน้ำหนักที่เคยขึ้นเร็วแบบตกใจ กลายเป็นทรงๆแบบโอเคมาก

วันที่ 15 พฤษภาคม 2561 เป็นวันที่คุณหมอนัดให้เราไปตรวจคัดกรองน้ำตาลในเลือดแบบละเอียดอีกครั้ง โดยครั้งนี้ต้องงดน้ำงดข้าวมาตั้งแต่เที่ยงคืนและเตรียมใจมาเจาะเลือด 4 เข็ม ใน 1 วันค่ะ

เหตุการณ์ 4 เข็ม ระทึกใจ

พอไปถึง รพ. ก็ต้องตรวจความดัน ชั่งน้ำหนัก เก็บปัสสาวะ ตามปกติ พยาบาลก็จะถามให้แน่ใจว่างดข้าวงดน้ำมาตั้งแต่เที่ยงคืนแล้วใช่มั้ย หลังจากนั้นพยาบาลก็ขอเจาะเลือดเข็มที่ 1 ก่อนกินน้ำตาลกลูโคส 100 Mg. ( แอบถามพยาบาลว่าอดข้าวอดน้ำแบบนี้ลูกจะมีผลกระทบมั้ย พยาบาลกล่าวว่าในน้ำตาลกลูโคสที่คุณแม่กำลังจะได้กินนั้น ทารกก็กินได้โดยไม่มีอันตรายเช่นกัน เอาง่ายๆ ลูกก็ต้องร่วมกินกลูโคสร่วมสาบานกับแม่ไปด้วยนั่นเอง ทำให้ลูกอิ่มโดยไม่มีอันตรายใดๆ )

หลังจากเจาะเข็มที่ 1 ไป พยาบาลก็จะนำน้ำตาลกลูโคส อุ่นๆ 100 mg. พร้อมน้ำเปล่ามาให้ 1 แก้วค่ะ แล้วก็เข้าสู่วงเวียนเดิมคือ ดูดยังไงให้หมดแก้วแล้วก็ไม่อ้วกพุ่งมาทำให้ตัวเราโดดเด่น แต่บอกเลยรอบนี้หวานมากกกกก หวานจับใจแบบสุดๆ ( แต่ก็ผ่านไปด้วยดี ) แล้วเราก็นั่งรออีก 1 ชม. เพื่อเจาะเลือดเข็มที่ 2 3 และ 4 ตามลำดับ โดยมีระยะห่างกันเข็มละ 1 ชม. ค่ะ ระหว่างนี้ห้ามทานอะไรนะคะ ให้นั่งทำมิวสิค ดูเด็กวิ่งไปวิ่งมาไปเงียบๆค่ะ ครบทุก 1 ชม. พยาบาลก็จะส่งเสียงสวยๆมาตามเราเข้าไปเจาะเลือดจนแขนพรุน แล้วก็ออกมานั่งสวยๆแบบเดิม

พอเจาะครบทั้งหมด 4 เข็ม เราก็สามารถกลับไปสู่โหมดเดิมๆ คือสามารถกินข้าวได้ตามปกติ แล้วก็รอฟังผล 45 - 60 นาที ตอนนี้ก็นั่งรอแบบระทึกเช่นเดิม แต่ก็แอบคิดในใจ ถ้าเราคุมอาหารขนาดนี้แล้วน้ำตาลยังขึ้นหรือเป็นเบาหวานอีก ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงแล้วละค่ะ เพราะแทบจะไม่กินของที่มีน้ำตาลเลย เรียกได้ว่ากินแต่ผักกับปลาและหมูและข้าวขนมปังเท่านั้น ถ้ามีน้ำตาลก็คงต้องน้อยมากจริงๆ

เกณฑ์ของน้ำตาลในวันนี้ที่ต้องได้ต่ำกว่าตัวเลขด้านล่างนี้เลยจ้ะ ถ้าเกินคือ เบาหวานถามหาเราแล้ว - -*
เข็มที่ 1 : ค่าน้ำตาลจะน้อยกว่า 95 mg/dL (5.3 mmol/L).
เข็มที่ 2 : ค่าน้ำตาลในเลือดหลังจากดื่มน้ำตาล 1 ชั่วโมงจะน้อยกว่า 180 mg/dL (10 mmol/L).
เข็มที่ 3 : ค่าน้ำตาล 2 ชั่วโมงหลังจากดื่มน้ำตาลจะน้อยกว่า 155 mg/dL (8.6 mmol/L).
เข็มที่ 4 : ค่าน้ำตาลหลังจากดื่มน้ำตาล 3 ชั่วโมงจะน้อยกว่า 140 mg/dL (7.8 mmol/L).

เวลาแห่งความจริงมาถึง

คุณหมอเรียกเราเข้าไปพบหลังจากผลเลือดออกมาเรียบร้อย หมออมยิ้มเบาๆแล้วบอกว่า "หมอมีข่าวดีจะบอก ผลน้ำตาลของคุณแม่ต่ำกว่าเกณฑ์ทุกเข็ม"
กรีดร้องมากค่ะ ^^ บอกเลย อย่างน้อยลูกในท้องก็ไม่มีความเสี่ยงอะไรที่น่ากลัวแล้ว หมอก็เน้นย้ำว่าให้คุมอาหารให้ได้แบบนี้ต่อไปจนกว่าจะคลอด แต่คนเราก็ต้องมีออกนอกลู่นอกทางกันบ้าง แต่จะคุมอาหารและน้ำตาลให้ดีที่สุดเพื่อลูกตัวน้อยในท้อง


ทั้งหมดนี่คือประสบการณ์ที่พบเจอมากับตัวเองและอยากแชร์ให้แม่ๆทุกท่านได้ทราบ หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับแม่ๆที่กำลังประสพพบเจอปัญหาคล้ายๆกัน ต้องบอกก่อนว่าถ้าโดนให้ตรวจเจาะเลือด 4 เข็ม คงจะบอกไม่ได้ว่า คุณแม่อย่าจิตตกนะ คุณแม่ทุกคนคงจิตตกทุกคนเพราะห่วงลูกน้อยในท้อง จิตตกได้ค่ะแต่ก็ต้องพยายามสู้เพื่อลูกด้วยนะคะ คุมอาหารอาจจะทรมานหน่อยเพราะว่าทานนั่นกินนี่มากก็ไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็เพื่อความปลอดภัยของตัวแม่และลูกเอง อาจจะมีออกนอกลู่นอกทางเรื่องการกินบ้างแต่ก็เอาพอประมาณกันนะคะ

วันนี้ขอมาแชร์ประสบการณ์การตรวจคัดกรองน้ำตาลในเลือดสำหรับหญิงตั้งครรภ์เพียงเท่านี้ค่ะ

ขอบคุณที่อ่านกันมาซะยาวจ้าาาาา จุ้บๆๆ
( ถ้ามีพิมพ์ผิดบ้างอะไรบ้าง ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ )
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่