65120
นครชุม
สวัสดีครับ ห่างหายไปจากพันทิปนานมาก เสพแต่กระทู้คนอื่นมานาน วันนี้ก็เลยมีโอกาสมาเขียนเรื่องราวการเดินทางของผมขึ้นอีกครั้งนึง การเดินทางครั้งนี้จะเป็นการเล่าเรื่องที่ผมได้ไปพบเจอมา ความรู้ที่มีอาจจะไม่ได้มีสาระข้อมูลเยอะนะครับ ต้องขออภัยไว้ก่อนเลยครับ
เกริ่นมานานแล้ว เรามาเริ่มออกเดินทางกันเลยดีกว่าครับ วันเวลาที่เดินทางในทริปนี้คือวันที่ 11-14 พ.ค. 2561 เลิกงานเสร็จเก็บของออกจากบ้านเย็นวันที่ 11 พ.ค. 2561 ครับ ซึ่งเป็นวันที่พายุเข้าพอดิบพอดีเลย แต่ความตั้งใจที่จะไปแล้วก็ไม่เป็นอุปสรรคครับ
พาหนะในการเดินทางครั้งนี้ก็เป็น เจ้ากระทิง (ชื่อตั้งเอง) CRF 250cc. ครับ ม้าศึกคู่ใจของผม
ออกจาก อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร บ้านของผมเอง มุ่งหน้าบนถนน 2043 ยิงยาวไปจนถึงแยกอาจสามารถ ร้อยเอ็ดครับ แล้วเลี้ยวซ้าย เข้าสู่ถนน 232 ไปเลี้ยวซ้าย เข้า 23 อีกที ขี่มาเรื่อยๆ ขี่มาชิวๆ ฝนเจ้ากรรมดันตกหนักมาเลยครับ ฝนตกก็กลัวกล้องเปียก ขี่มาถึงเลี่ยงเมืองสารคามพอดี คิดว่าไปต่อไม่ไหวแล้ว เลยจอดพักเลยครับเดี๋ยวจะเกิดอันตราย ก็เลยเจอรีสอร์ทนึงครับเป็นตู้คอนเทนเนอร์ ชื่อว่า โรงแรม Boxotel Resort ครับ เป็น ตู้คอนเทนเนอร์เท่ดี ราคา 550 บาทต่อคืน ก็เลยตัดสินใจนอนที่นี่ก่อนดีกว่าครับ
ที่พักโอเคดีมาก หลับสบาย อากาศดี แนะนำๆครับ
รุ่งอรุณรับวันใหม่ พร้อมเดินทางต่ออีกครั้ง ก็กินขนมปังกับน้ำผลไม้ ถ่ายรูปเล่น แล้วบอกลาที่พักในคืนแรกของผม
ออกจากที่พักก็ตัดภาพมาที่เส้นทางที่ใช้คือ เส้น 12 ขอนแก่น - ชุมแพ - คอนสาร สู่ เส้นอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวครับ
ถึงสะพานห้วยตอง แลนด์มาร์คที่ใครผ่านไปผ่านมากก็ต้องแวะถ่ายรูป แต่ผมแวะบ่อยละ เลยถ่ายกับป้ายนี้แทน ฮ่าๆ
ออกจากน้ำหนาว ใช้เส้น 12 วิ่งยาวๆตรงอย่างเดียว ผ่านแยกพ่อขุนผาเมือง ผ่านแยกเลี้ยวไปภูทับเบิก ผ่านทุ่งแสลงหลวง
ยาวไปจนถึงแยกที่จะเลี้ยวขวาไปนครไทยครับ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย
วิ่งมาได้ซักระยะนึง ผมก็มาแวะไหว้ อนุสาวรีย์พ่อขุนบางกลางท่าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ครับ
แวะกราบไหว้สักการะพ่อขุนบางกลางท่าวแล้ว ออกจากจุดนั้นวิ่งมาได้ประมาณ ไม่ถึง 10 กม. ให้สังเกตุป้ายเล็กๆนี้ครับ อยู่ทางซ้ายมือ
เจอแล้วก็เลี้ยวเข้าไปโลดด
2 ข้างทางก็จะเป็นภูเขา ทุ่งนาครับ วิวสวยมาก จากปากทางนี้เข้าไป ขึ้นเขาลงเขาประมาณ 30 กม. โดยประมาณครับ
ความรู้สึกผมคิดว่าทางขึ้นลงเขาของที่นี่คล้ายๆกับปิล็อกเลยครับ
ขี่ขึ้นเขาลงเขามาได้ซักพักก็มาถึงจุดชมวิวที่ชื่อว่า "ร่องเขานครชุม" ครับ ใกล้แล้วดีใจมากๆ เลยแวะถ่ายรูปเล่นอยู่พักนึง
หลังจากถ่ายรูปนั่งพักเหนื่อยเสร็จ ผมก็ขี่รถต่อ เพื่อเข้าไปยังจุดหมายของเราครับ
เข้ามาถึงในตัวหมู่บ้าน ผมก็มาแวะไว้ "ศาลปู่หลวงนครชุม" ก่อนเลยครับ เพื่อเป็นสิริมงคล
หลังจากไหว้ศาลปู่หลวงแล้ว ผมก็ได้โทรติดต่อกับโฮมสเตย์ที่พักครับ แล้วก็เดินทางเข้าที่พักของผมในค่ำคืนนี้
นั่นก็คือ โฮมสเตย์บ้านน้องสายไหม หรือ บ้านครูเรศ นั่นเองครับ มาถึงแล้วววว
มาถึงเด็กๆกับครูเรศก็ออกมาต้อนรับ นาทีแรกก็อบอุ่นแล้วครับ ขี่รถมาเหนื่อยๆหายเหนื่อยเลย มาชมที่พักกันครับ
หลังจากเก็บของ สำรวจบ้าน โฮมสเตย์ที่พักเสร็จแล้ว ก็นั่งเล่นอยู่ข้างบนชมวิวจากตัวบ้านครับ ถ่ายรูปเล่นเพลินๆ
ชื่นชมกับธรรมชาติรอบๆแล้ว ต่อไปก็จะออกไปปั่นจักรยานเล่นชมวิถีชีวิตในหมู่บ้านกันครับ โดยไปกับไกด์พี่ตั้ม ไกด์ท้องถิ่น
ปั่นรถจักรยานมาได้สักพี่ตั้มก็พามาดูบ่อเกลือโบราณของที่นี่ครับ เป็น signature ของหมู่บ้านเลยก็ว่าได้
จากการบอกเล่าของพี่ตั้ม เรื่องบ่เกลือ ได้ใจความคร่าวๆว่า ที่บ่อเกลือนี่ จะเรียกอีกอย่างว่าบ่อเกลือสองสาวพี่น้องครับ ก็จะมีเตาต้มเกลือแบบโบราณเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมา แต่วันที่ผมไปพายุเข้าพอดี ก็เลยมีร่องรอยเสียหายบางส่วนไปแล้วครับ เดี๋ยวถึงช่วงที่เค้าจะทำการต้มเกลือ เค้าก็จะเริ่มทำใหม่
เสร็จจากบ่อเกลือพันปี ก็มาต่อกันที่ บ้านคุณตาช่วง มีเฟียครับ แต่วันที่ผมไปน่าจะไม่อยู่ ที่นี่จะเป็นศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับพวกประวัติศาสตร์ แหล่งโบราณคดีเครื่องถ้วยต่างๆของที่นี่ ซึ่งผมก็เล่าท้าวความเดิมยาวๆไม่ถูก
ก็ตั้งแต่สมัยพ่อขุนบางกลางท่าวนั่นแหละครับ เอาเป็นว่า ศึกษาเอาจาก Google นะครับ ฮ่าๆ
หลังจากศึกษาประวัติศาสตร์ ที่จำได้บ้างไม่ได้บ้าง ผมก็กลับมาบ้านเปลี่ยนเอามอเตอร์ไซค์ ขึ้นเขาไปที่จุดชมวิวร่องเขานครชุม เพื่อถ่ายภาพแสงเย็นของวันนี้ครับ
ถ่ายรูปเก็บแสงเย็นแห่งร่องเขานครชุมเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลากลับบ้านอาบน้ำพักผ่อน มาถึงโฮมสเตย์ก็เห็นเด็กๆ ครูเรศ และคุณป้า กำลังช่วยกันทำอาหารกันเลย เป็นภาพที่น่ารักมากๆครับ
ผ่าม ผ้าม และอาหารของผมในคืนแรกก็มาเสิร์ฟแล้วครับ เยอะมาก อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ก็จะเป็น หลามไก่ คือว่าเค้าจะเข้าป่าไปตัดไม้ไผ่ แล้วเอาเนื้อไก่มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วมาคลุกเคล้าใส่พวกวัตถุดิบธรรมชาติที่มีอยู่แถวนั้นแหละครับ เช่น ตะไคร้ ใบมะกรูด ข่า หอมกระเทียม ใบผักชีไทย พริก เกลือ เครื่องปรุงรสตามที่ชอบ และก็มี ไข่ป่าม คล้ายๆไข่เจียวแต่ไม่ใส่น้ำมันแล้วก็เอาไปตองมาปิดไว้แล้วกลับไปกลับมาจนสุกครับ แล้วก็มีแกงเห็ดระโงกซึ่งหัวใหญ่มากๆๆๆๆ
หมดวันแรกที่นครชุมด้วยวิวที่สวย อาหารอร่อย นอนพักผ่อนเอาแรงพรุ่งนี้เดินขึ้นเขาโปกโล้น
[CR] บิดมอเตอร์ไซค์เที่ยว "นครชุม" หมู่บ้านเล็กๆในอ้อมกอดกลางหุบเขา
นครชุม
แต่เป็นปีที่แล้วแหละ สุดท้ายก็ไม่ได้มาเพราะฝนลงหนัก เลยไปถึงแค่ภูทับเบิกในเรื่องราวนี้ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พาหนะในการเดินทางครั้งนี้ก็เป็น เจ้ากระทิง (ชื่อตั้งเอง) CRF 250cc. ครับ ม้าศึกคู่ใจของผม
รุ่งอรุณรับวันใหม่ พร้อมเดินทางต่ออีกครั้ง ก็กินขนมปังกับน้ำผลไม้ ถ่ายรูปเล่น แล้วบอกลาที่พักในคืนแรกของผม
ถึงสะพานห้วยตอง แลนด์มาร์คที่ใครผ่านไปผ่านมากก็ต้องแวะถ่ายรูป แต่ผมแวะบ่อยละ เลยถ่ายกับป้ายนี้แทน ฮ่าๆ
ยาวไปจนถึงแยกที่จะเลี้ยวขวาไปนครไทยครับ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย
วิ่งมาได้ซักระยะนึง ผมก็มาแวะไหว้ อนุสาวรีย์พ่อขุนบางกลางท่าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ครับ
ความรู้สึกผมคิดว่าทางขึ้นลงเขาของที่นี่คล้ายๆกับปิล็อกเลยครับ
นั่นก็คือ โฮมสเตย์บ้านน้องสายไหม หรือ บ้านครูเรศ นั่นเองครับ มาถึงแล้วววว
ก็ตั้งแต่สมัยพ่อขุนบางกลางท่าวนั่นแหละครับ เอาเป็นว่า ศึกษาเอาจาก Google นะครับ ฮ่าๆ